เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 52
“รู้อยู่แล้วยังถามอยู่ได้ แน่นอนว่าทำจนร้านกินทั่วเมืองแพ้ราบคาบ ฉันมาเพื่อขอบคุณโดยเฉพาะ ถือได้ว่าเป็นการดับความเย่อหยิ่งจองหองของพวกมันได้ ช่างเป็นอะไรที่ชอบอกชอบใจเลยจริงๆเชียว”เฉินเจียมีความสุข อย่างครึ้มอกครึ้มใจเลยล่ะ
“อ๋อ นี่เป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็วเท่านั้นแหละครับ ผมคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว”เซี่ยหยางท่าทางไม่ใส่ใจอะไร
เฉินเจียกลอกตาใส่เขา แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์“ดูคุณสิ บอกว่าคุณอ้วนยังหอบเลย ทำเป็นได้ใจไปเถอะ”
“ช่วยไม่ได้ มันคือเวรกรรม จะโทษก็โทษที่พวกเขาโลภมากเถอะ โลภมากลาภหาย ใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำมีแต่จะตักได้แต่ความว่างเปล่า ผมมีความสามารถมากเลยใช่ไหมล่ะ?”เซี่ยหยางพูดอย่างได้ใจ
“ชิ ปากดี ฉันรู้แล้วว่าคุณเก่งน่ะพอใจรึยัง รีบไปกันเถอะ ฉันจองที่ไว้แล้ว”เฉินเจียเข้ามาควงแขนของเซี่ยหยาง
“ไปกินข้าวที่ไหนหรอครับ ที่นี่มีฟาร์มสเตย์นะ ต้องไปไหนก็ได้มั้งครับ?อีกอย่าง คุณดูในหมู่บ้านผมสิ ภูเขาแม่น้ำก็สวย วิวทิวทัศน์ก็สวยแบบไม่มีที่สิ้นสุด เหมาะกับการเดตมาก”เซี่ยหยางใช้สายตามองไปรอบๆ ทัศนียภาพอันงดงามของแม่น้ำและภูเขา
เฉินเจียชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วผลักเขาออกไปเบาๆ พลางพูดว่า“เราอาจจะไปเดินเล่นและดูหนังด้วยก็ได้นิ่ ฉันเอาไวน์ที่ฉันเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีออกมาแบ่งปันด้วยนะ เราจะได้คุยวางแผนจัดการต่อไปด้วย”
“ขนบธรรมเนียม กับความพลุกพล่านในเมืองกรุง จะไปเทียบกับความสงบสุขอย่างในหมู่บ้านผมได้อย่างไร ผมไม่ไป ไม่ไป”เซี่ยหยางโบกมือไปมา แล้วจุดบุหรี่หนึ่งม้วนขึ้นมาสูบ เอนหลังไปกับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่หน้าบ้านต้นหนึ่ง
“ไม่ไปจริงๆหรอ?งั้นคุณอยากทำอะไรล่ะ?”เฉินเจียพูดอย่างผิดหวัง
“ออกไปเดินเล่นดู ดีกว่าในเมืองอีก ไม่อย่างนั้น จะมีคนเยอะแยะมากมายมาเที่ยวเล่นทัศนาที่ฟาร์มสเตย์งั้นเหรอ?”เซี่ยหยางรู้สึกว่าในเมืองอาจจะไม่ดี ที่นี่อากาศปลอดโปร่ง เสียงนกร้องรำไรเคล้าไปกับธรรมชาติอันสดชื่น แน่นอนว่า ถ้าหากมีเฉินเจียสาวสวยอย่างเธออยู่เป็นเพื่อน ก็จะเป็นเหมือนดอกไม้ขึ้นอยู่บนปุยนุ่น
“แล้วแต่คุณเถอะ คุณอยากไปไหนฉันก็ขอไปด้วย”เฉินเจียตอบตกลง ตอนนี้เธอยังคงรู้สึกมีความสุขอยู่ ไม่เพียงแต่ศัตรูอย่างเฮ่อเซ่าฉุนได้ ยังหาเงินได้กำไรงามอีก ตอนนี้กิจการของเธอเป็นที่นิยมจนเธอไม่กล้าคิดไม่กล้าฝัน ทุกอย่างจึงต้องยกให้เป็นความดีความชอบของเซี่ยหยางทั้งหมด
เซี่ยหยางเห็นว่าวันนี้เฉินเจียทำตัวไม่เรื่องมาก ไม่ทำตัวสูงส่ง จึงพาเธอไปเดินที่หลังภูเขา ประการแรกคือมาเพื่อปรับเปลี่ยนความรู้สึกของตัวเอง สองคือเขาอยากจะดูแผ่นผังที่ดิน อนาคตข้างหน้าเขาจะทำการพัฒนาหมู่บ้านให้เจริญ เมื่ออุตสาหกรรมขยายตัว ไม่เพียงแค่การเพาะปลูกและขยายพันธุ์เท่านั้น แผนการของรีสอร์ตก็จะเป็นจริง ซึ่งต้องมีการสะสมของเงินทุนอย่างช้าๆ ก่อนการพัฒนา
แน่นอน หลายสิ่งหลายอย่างไม่อาจสำเร็จในชั่วข้ามคืน จำเป็นต้องค่อยๆทำตามขั้นตอน เมื่อมองดูภูเขาลูกคลื่นที่อยู่ตรงของหน้าเขา เซี่ยหยางรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นขุมทรัพย์ที่ยังไม่ได้ใช้ ต้องมีสักหนึ่ง สถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับทุกคน
สรวงสวรรค์?ธารดอกท้อ?สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเป็นความฝันในนวนิยาย แต่จะกลายเป็นความจริงในวันหนึ่ง
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่หรอ ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ?”เมื่อมาถึงด้านหลังของภูเขา เฉินเจียก็พบว่าสายตาของเซี่ยหยางแปลกมาก โดยเฉพาะนัยน์ตาคู่นั้นของเขา เหมือนมีความหวังบางอย่างที่เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน เหมือนจะมีความมุ่งมั่นตั้งใจบางอย่าง เหมือนกับความโอหัง ณ ขณะนี้เธอรู้ว่าเซี่ยหยางเหมือนจะเป็นคนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนยังไงอย่างนั้นเลย
“คนสวยวิวทิวทัศน์สวย สวยจนยากที่จะบรรยาย”เซี่ยหยางกลับคืนสู่ท่าทางของพ่อพวงมาลัย หัวเราะอิๆ สายตาของเขามองไปที่รูปร่างของเฉินเจีย ไม่พูดคงจะไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน
“ชิ ยังจะมาพูดโคลงพูดกลอนอีก อย่าดูมั่วซั่วนะ”เฉินเจียยื่นมือไปปิดตาของเซี่ยหยาง
เซี่ยหยางจับมือของเธอไว้ มันอบอุ่นแล้วนุ่มลื่นมาก เขามองสบตากับเธอ ตอนนี้ลมพัดผ่านเส้นผมของเธอ กระโปรงพลิ้วไหว พัดพากลิ่นหอมบางอย่าง โดยเฉพาะริมฝีปากแดงอิ่มเอิบนั่น ช่างล่อตาล่อใจเหลือเกิน
พอไม่ระวัง เซี่ยหยางก็ประชิดตัวเข้าไป ที่แท้ก็เพื่อทดสอบนี่เอง เขากลับพบว่าเฉินเจียไม่ขยับเลย ดวงตาคู่สวยเหมือนจะมีความหวังที่ซ่อนเอาไว้
พอจูบเข้าไป เซี่ยหยางรู้สึกเหมือนจะอาบไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ การสัมผัสระหว่างชายหญิงมันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก การสัมผัสแบบไม่ตั้งใจนี้ ก็มักจะมีความหมายของดอกไม้ไฟที่ปะทุขึ้นมา
ลมหายใจของเฉินเจียดูสับสนวุ่นวายไปหมด เธอเบอกตากว้าง อย่างทำตัวไม่ถูก ใบหน้าของเธอแดงก่ำขึ้นมาในทันที หัวใจเต้นรัวเร็ว อวัยวะบางจุดเริ่มมีปฏิกิริยา มันเริ่มมีเสน่ห์มากขึ้นมาเรื่อยๆ
อืม รู้สึกหยุดไม่ได้แล้ว เซี่ยหยางอยากทำเรื่องบางอย่าง แต่พอหมายจะการสิ่งนี้ เฉินเจียกลับถอนตัวออกห่าง ท่าทางเขินอาย เธอพูดว่า“ตาบ้า กล้าขโมยจูบคนอื่นหรอ”
“อะไรคือขโมย?เมื่อกี้คุณไม่ขยับเลยต่างหาก หรือผมเข้าใจผิดไปเอง?”เซี่ยหยางแก้ตัวพัลวัน จึงทำได้เพียงหัวเราะแก้เขิน เพื่อเป็นการกลบเกลื่อน แล้วกระแอมไอเบาๆหนึ่งครั้ง ล้วงบุหรี่ออกมาจุดสูบ จากนั้นก็เดินต่อไปข้างหน้า
เมื่อเห็นทุ่งผลไม้ป่าสีแดงและสีดำข้างหน้า ลมภูเขาก็ส่งกลิ่นหอมหวานตลบอบอวลไปทั่ว
“นั่นคืออะไรหรอคะ?”เฉินเจียถูกภาพตรงน่าดึงดูด แล้วสาวเท้าก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วเริ่มสังเกตอย่างสงสัย
“ผลหม่อนครับ รสชาติไม่เลวเลยนะ”เซี่ยหยางยื่นมือไปเด็ดมาสองสามผล แล้วโยนเข้าไปในปากเพื่อลองชิมดู รสเปรี้ยวอมหวานเล็กน้อย เต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวาน ถ้าหากนำไปปลูกไว้ในโลกแผ่นหยก ต้องมีผลลัพธ์ที่ดีอย่างแน่นอน
“อร่อยไหม?”เฉินเจียเอื้อมมือไปเด็ด มากินหลายผม แล้วพยักหน้าพูดว่า“เหมือนจะไม่เลวเลยนะ ทำไมฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลยล่ะ?”
“ในเมืองไม่มีต้นแบบนี้หรอ นี่เป็นผลิตภัณฑ์ของหมู่บ้านป่าเลยนะ แต่ส่วนมากเป็นของป่า ผลของมันค่อนข้างเล็ก ไม่ค่อยเด่นสะดุดตาเท่าไหร่ ถ้าชอบกินเยอะๆนะคะ”เซี่ยหยางคิดในใจ ถ้าหากว่าของสิ่งที่ถูกน้ำในโลกแผ่นหยกรดจนเติบโต ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนเป็นน่ากินมากขึ้นมาไหม?
“ถ้าเอาไปขายที่โรงแรม คาดว่าน่าจะไม่เลวเลยล่ะ ต้องขายดีแน่ๆ แต่มันน้อยไปหน่อย อีกทั้งรูปร่างไม่ค่อยสวยเท่าไหร่”ไม่เสียทีที่เฉินเจียเป็นนักธุรกิจ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะคิดถึงเรื่องของธุรกิจเสมอ เธอพูดไปด้วยชิมรสชาติของมันไปด้วย
พอดูผลหม่อนเสร็จ เขาก็เดินขึ้นไปบนภูเขา ทันใดนั้นเซี่ยหยางก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาพูดว่า“คุณรอผมอยู่ตรงหน้านี้นะครับ ผมจะไปปลดทุกข์ซะหน่อย”
“ห้ะ?คุณ……”เฉินเจียเขินจนหน้าแดง ทำไมเซี่ยหยางเป็นคนหยาบคายแบบนี้เนี่ย ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
เซี่ยหยางไม่สนใจว่าจะหยาบคายหรือไม่ เป้าหมายของเขาไม่ได้ไปปลดทุกข์ ความจริงแล้วเขาจะอาศัยจังหวะนี้เข้าไปขุดต้นหม่อนออกมาต่างหาก ถ้าทำต่อหน้าต่อตาของเฉินเจีย เขาเกรงว่าจะถูกเปิดโปง
ผ่านไปไม่นาน เขาก็เข้าไปในโลกแผ่นหยกแล้วหยิบเอาจอบออกมา อาศัยใช้พละกำลังอันแข็งแกร่ง ใช้เวลาชั่วครู่ก็สามารถขุดต้นหม่อนออกมาได้หลายต้น ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็มีหมด เข้ารีบทำการเข้าไปปลูกในโลกแผ่นหยกอย่างรวดเร็ว พอจัดการเสร็จ เขาก็เหนื่อยจนเหงื่อผุดออกมาเต็มไปหมด แล้วจึงรีบไปรวมตัวกับเฉินเจียทันที
เขาพึ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้น เซี่ยหยางรู้สึกเป็นกังวล ผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม เขาไม่มีเวลาคิดอะไรอีกแล้ว รีบพุ่งตัวเข้าไปทันที
เขามองเห็นใบหน้าซีดเซียวของเฉินเจียไกลๆ ในมือถือกิ่งไม้กิ่งหนึ่งแล้วโบกสะบัดไปมา กระทืบเท้าไปมาด้วยความโกรธและอาย“แกอย่าเข้ามานะ อย่าไล่ตามฉันมานะ”
เซี่ยหยางที่จ้องมองอยู่ เดิมทีงูตัวที่อยู่ตรงหน้าของเฉินเจีย กำลังแลบลิ้นยื่นหัวขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ บิดย้ายลำตัวไปมา แล้วค่อยๆเลื้อยไปทางเฉินเจีย
พอมองดูชัดๆ ก็เห็นว่าเป็นงูดำ หลังดำท้องขาว ไม่มีพิษอะไรเลย อีกทั้งยังมีรสชาติเป็นเลิศแถมยังเป็นยาชั้นดีอีกด้วย เพียงแต่งูดำตัวนี้ อย่างน้อยๆน่าจะมีขนาดใหญ่เท่าแขน เป็นพันธุ์ที่พบได้น้อยมากในหมู่บ้านป่าเขาลำเนาไพรแบบนี้ น่าจะหลายกิโลอยู่มั้ง?
พอรู้ว่าไม่มีอันตรายใดๆ เซี่ยหยางจึงไม่ได้คิดเรื่องฮีโร่ช่วยสาวงามอะไรอีก เขาตัดสินใจยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ รู้สึกว่าเฉินเจียที่ท่าทางกลัวอะไรแบบนี้น่ารักน่าชังมาก
“โธ่เอ้ย ไปซะสิ น่าเกลียดจริงๆเลย”เฉินเจียทั้งเกรงและกลัว กลับยังพูดคุยสนทนากับงูอีก เพื่อลองพูดคุยเจรจา ผุ้หญิงคนนี้คงไม่ได้ตกใจกลัวจนเสียสติไปแล้วใช่ไหม งูมันฟังรู้เรื่องหรอเนี่ย?
เซี่ยหยางแอบหัวเราะ แล้วหรี่ตาลง เหมือนกำลังดูอะไรสนุกๆอยู่
ตอนนี้เท้าของเฉินเจียไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง เธอจึงล้มก้นจ้ำเบ้าไปกับพื้นในทันที เสียงกรีดร้องดังขึ้น ใบหน้าและหูแดงไปหมด เธอกลัวจนทำอะไรไม่ถูก“เซี่ยหยาง คุณอยู่ไหนเนี่ย รีบออกมาสิ ฉันจะตายอยู่แล้วนะ”
งูดำตัวนั้นถูกพฤติกรรมของเฉินเจียทำให้ตกใจจนหดตัว แต่อาจจะเป็นเพราะมันชอบผู้หญิงตรงหน้า เลยยังชูคอขยับไปมา เหมือนกำลังชื่นชมกับความงามของเฉินเจียอยู่ก็ไม่ปาน
“ทำยังไงดี เซี่ยหยาง……”เฉินเจียที่ร้อนใจไม่ไหวแล้ว ปีนขึ้นมาแล้วนวดคลึงไปที่สะโพก มองไปรอบๆ ใช้กิ่งไม้สะบัดไปมาต่อ
แต่เซี่ยหยางก็ไม่ออกมาสักที เขายิ่งดูยิ่งสนใจ อาจจะเป็นเพราะกำลังคิดนึกสนุก พอนึกถึงเวลาปกติเฉินเจียเป็นคนที่นิสัยแสบร้อนเปรี้ยวซ่า ทำไมถึงได้กลัวงูแบบนี้นะ
“เซี่ยหยาง ฮือๆ ตาบ้า คุณไปไหนมาน่ะ คุณมาช่วยฉันเร็วเข้า เสียงแรงที่ฉันคิดว่าคุณเป็นผู้ชายที่พึ่งพาได้ คิดไม่ถึงว่าคุณจะไม่อยู่ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฉันผิดหวังกับคุณมาก”เฉินเจียพูดอย่างสะอึกสะอื้น เหมือนจะพูดทำนองนี้ แล้วจะทำให้เธอไม่ค่อยกลัว
มองดูเฉินเจียแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว เซี่ยหยางคิดว่าเวลาผ่านไปได้แล้ว ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป กลัวว่าเธอจะตกใจกลัวจนอาการแย่ จึงรุดพุ่งตัวออกไปทันที
“ผมอยู่นี่ครับ เกิดอะไรขึ้นครับ?”เซี่ยหยางแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
เฉินเจียที่มองเห็นเซี่ยหยาง จึงรู้สึกดีใจมาก เหมือนเจอกับคนช่วยชีวิตแล้วก็ไม่ปาน เธอรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว แล้วตรงเข้าไปซบตรงอกของเขา แล้วพูดว่า“งู ตัวใหญ่มาเลยนะ ทำยังไงดี มันจะกัดฉันแล้ว”
“แค่งูเอง อย่ากลัวไปเลย มีผมอยู่ด้วยทั้งคน”เซี่ยหยางจึงกอดเธอไว้ แล้วตบหลังปลอบเธอเบาๆ
“คุณไม่กลัวหรอ ตกใจหมดเลย รีบไล่มันไปให้พ้นๆนะ”เฉินเจียปิดตาไม่กล้ามอง กอดเซี่ยหยางจนแน่น เหมือนจะโหนอยู่บนคอของเขาอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะไล่มันไปเดี๋ยวนี้แหละ”เซี่ยหยางรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นตรงหน้าอก หัวใจของเขาเต้นแรง เขารับรู้ได้ว่างูตัวนี้อายุน่าจะไม่น้อยแล้ว ถ้าหากตีมันให้ตาย ก็น่าเสียดาย เขายังไม่เคยลองเลี้ยงงูเลย สู้เอามันกลับเข้าไปเลี้ยงในโลกแผ่นหยกดีกว่า
ดังนั้นเขาจึงกอดเฉินเจียด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วเดินข้ามไปอย่างรวดเร็ว งูตัวนั้นเหมือนจะสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตบนตัวของเซี่ยหยาง มันอ้าปากแลบลิ้นของมันออกมาด้วยสัญชาตญาณ เข้ามางับด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
จริงอยู่ที่งูดำมันกัดคนได้ แต่เป็นสัตว์ที่ไม่พิษ สู้ตะขาบไม่ได้หรอก เซี่ยหยางไม่ได้ใส่อะไร งูคลานไปอย่างรวดเร็ว เขาจึงเพิ่มความเร็ว แล้วตรงเข้าจับตัวมันไว้
“จริงหรอ?”เฉินเจียค่อยๆเปิดตาขึ้นมา แอบมองดู พลางรีบหันหน้ากลับมา แล้วถึงค่อยๆปล่อยเซี่ยหยาง
“โธ่เอ้ย มันกลับมาอีกแล้ว”เซี่ยหยางแกล้งหยอกล้อ
“อยู่ไหนน่ะ?”เฉินเจียมองอะไรรอบกายไม่เห็น จึงไม่สนใจอีกต่อไปว่าจะมองเห็นหรือไม่ ทันใดนั้นก็กระโดดไปกอดคอของเซี่ยหยาง เกือบจะล้มทับเซี่ยหยางไปแล้ว