เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 55
นี่มันคืออะไรกันแน่?” เซี่ยหยางตกใจอย่างมาก เริ่มรู้สึกแปลกใจขึ้นเรื่อยๆ
“คนเขาก็บอกแล้วว่าไม่รู้ หากคุณเชื่อใจฉันล่ะก็ ให้ฉันค้นคว้าหน่อยแล้วกันค่ะ ฉันรู้สึกว่ามันต้องเป็นพืชหายากชนิดหนึ่งแน่นอน” เหอเสี่ยวหย่าทำท่าทางคาดหวังเป็นอย่างมาก
เซี่ยหยางนิ่งคิดแล้วก็พยักหน้าจากนั้นจึงกล่าวว่า “งั้นก็ได้ แต่คุณค้นคว้าได้ผลยังไง อย่าลืมมาบอกผมด้วยนะ”
“เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้วค่ะ จริงสิ คุณไปเอามันมาจากไหนคะ?” เหอเสี่ยวหย่าถามพลางชี้ไปที่พืชหน้าตาประหลาดต้นนั้น
“ตอนที่ผมเดินทางผ่านภูเขา รู้สึกว่ามันประหลาดดี เลยถือโอกาสขุดกลับมาเสียเลย ถ้าไม่ใช่เพราะคุณบอกว่ามีประโยชน์ ผมอาจจะถอนทิ้งไปแล้ว” เซี่ยหยางพูดอย่างขอไปที
“อ้อ แล้วยังมีอีกไหมคะ? ไปขุดจากตรงไหนมา พาฉันไปดูหน่อยได้ไหม?” เหอเสี่ยวหย่ากลับจริงจังอย่างมาก
น่าเสียดายเซี่ยหยางจะพาเธอไปยังโลกแผ่นหยกได้อย่างไรกัน จึงได้แต่ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ผมเองก็ลืมไปแล้วว่ามันอยู่ตรงไหน ตอนนั้นมองเห็นเจ้าต้นนี้ต้นเดียว”
“อ้อ น่าเสียดายจัง มันน่าจะเป็นพืชชนิดใหม่ที่ไม่เคยพบที่ไหนมาก่อน” มีแววตื่นเต้นจางๆ อยู่ในดวงตาของเหอเสี่ยวหย่า เธอหยิบกล่องเครื่องมือของเธอมา จากนั้นก็ย้ายเก้าอี้มาทำการค้นคว้าตรงนั้น
ไม่กี่วันต่อมา เหอเสี่ยวหย่าราวกับต้องมนตร์สะกด ทุกวันพอตื่นขึ้นมาก็จะทำการค้นคว้าวิจัยเจ้าสิ่งนั้น พอกลับมาจากแปลงปลูก ก็จะเจียดเวลานั่งทำการค้นคว้าอยู่ตรงนั้น แถมยังจดบันทึกอะไรมากมาย เกือบลืมแม้กระทั่งกินข้าวกินปลา
เซี่ยหยางเห็นเธอหมกมุ่นขนาดนั้น ก็ยิ่งเกิดความรู้สึกว่าเจ้าของสิ่งนี้ประหลาดมากขึ้น จึงเข้าไปยังโลกแผ่นหยก ตั้งใจมารดเจ้าพืชที่เหลืออยู่สองสามต้นนี้โดยเฉพาะ บางทีสภาพแวดล้อมข้างนอกกับข้างในอาจไม่เหมือนกัน ข้างในจะเจริญเติบโตได้เร็วกว่า แถมดอกยังบานแล้วด้วย
ในเมื่อดอกบานแล้ว แน่นอนว่าต้องมีผล เซี่ยหยางมีประสบการณ์ที่แน่นอนแล้ว แต่พืชไม้ผลทุกชนิด โดยปกติผลที่ได้จากต้นของมันก็เห็นถึงมูลค่าแล้ว แม้เหอเสี่ยวหย่าจะยังค้นคว้าออกมาได้ไม่สำเร็จ แต่หลังจากรอพืชออกผลแล้ว ค่อยเก็บลงมา มอบให้เหอเสี่ยวหย่าค้นคว้าวิจัย บางทีถึงเวลานั้นอาจจะได้คำตอบแล้ว
เพราะมีเหอเสี่ยวหย่าคอยช่วย ประกอบกับได้เกษตรกรของหมู่บ้านสองสามแห่งในละแวกใกล้เคียงมาช่วย ผักผลไม้ในแปลงปลูกเหล่านั้นจึงเจริญเติบโตได้อย่างดีเยี่ยม แถมปริมาณยังมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนอีกด้วย
การค้นพบเรื่องนี้ทำให้เซี่ยหยางเบิกบานใจอย่างมาก ยังคงเป็นเพราะความเก่งกาจของนักวิชาการ ผลไม้ล็อตนี้จึงสามารถขายออกมาได้ราคาดี
ไม่เพียงแค่นั้น สตรอเบอร์รี่ล็อตนั้นที่เพาะปลูกในแปลงปลูก ก็ทำให้คนร้องอุทานอย่างตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน แต่ละลูกเหมือนกับแอปเปิ้ลแดง ดูน่ากิน ทำเอาเกษตรกรเหล่านั้นมองอย่างใจลอย
พวกเขาคิดยังไงก็คิดไม่ตกเช่นกัน ทำไมพวกเขาวิ่งมาในที่ดินของเซี่ยหยางทุกวัน ถึงยังไม่พบเคล็ดลับในการเพาะปลูกเลยล่ะ ขั้นตอนการปลูกทุกอย่างก็เหมือนกันทุกประการ แม้กระทั่งดินพวกเขาก็เคยแอบศึกษาดูแล้ว แต่ก็ไม่พบอะไรที่พิเศษนอกเหนือจากนี้เลย
ถึงเวลาเก็บเกี่ยวอีกครั้งหนึ่งแล้ว เซี่ยหยางนอกจากแจ้งให้เฉินเจียของร้านฝูหมั่นโหลวรู้แล้ว ยังแจ้งให้เหมยหรูยานนักลงทุนสาวสวยรู้ด้วย เพราะอย่างไรสินค้าเกษตรล็อตนี้ เหมยหรูยานก็เป็นหุ้นส่วนใหญ่ ลงทุนไปมากขนาดนั้น คงจะอยากเห็นผลกำไร
เฉินเจียดีใจอย่างปิดไม่มิด เพราะมีสินค้าของเซี่ยหยาง ชื่อเสียงของร้านเธอถึงโด่งดังขึ้น ที่นั่งเต็มทุกวัน ยุ่งตั้งแต่เช้าจรดเย็นไม่ได้พัก ย่อมจะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ
“ครั้งนี้คุณต้องการเท่าไหร่?” เซี่ยหยางเห็นเฉินเจียเดินเข้ามา จึงเข้าไปทักทาย
เฉินเจียชี้ไปยังรถบรรทุกสองคันที่นำมาด้วยด้านหลัง ก่อนจะยิ้มร่าแล้วพูดว่า “ใส่ให้เต็มนั่นเลย ไม่ใช่แค่ผักผลไม้เหล่านี้ ยังรวมถึงกุ้งกับปลาในสระคุณด้วย ยังมีตะพาบน้ำอะไรนั่นอีก”
“โลภขนาดนี้ คุณจะใช้หมดเหรอ?” เซี่ยหยางตกตะลึงอยู่บ้าง
“เชอะ ฉันต้องการขยายกิจการ เลยเตรียมจะเปิดร้านสาขาน่ะ” เฉินเจียทำท่าทางราวกับคาดหวังเป็นอย่างมาก
“ใช้ได้เลยนี่ การค้าขายชักจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ไม่ธรรมดาเลย” เซี่ยหยางกล่าวชม
“ยังไม่ใช่เพราะได้คุณช่วยหรอกเหรอ ฉันคิดไว้ว่า หนนี้ต้องการพัฒนาในตัวเมืองอำเภอ สักวันหนึ่งฉันจะเปิดร้านไปทั่วเมือง จนไปถึงนอกตำบลเลย” เฉินเจียเปี่ยมไปด้วยปณิธานอันแก่กล้า
“มีความตั้งใจดี แต่ผมคงไม่มีสินค้าเสนอให้คุณมากขนาดนั้น” เซี่ยหยางสาดน้ำเย็นใส่ขันหนึ่ง
เฉินเจียไม่ดีใจแล้ว จึงเบ้ปากกล่าวว่า “คุณจะต้องเสนอขายให้ได้ ไม่อย่างนั้นฉันไม่จบกับคุณแน่ ปริมาณผลผลิตของคุณตอนนี้ก็สูงขึ้นแล้ว ยังจะกังวลว่าไม่ได้กำไรอีกเหรอ คุณเองก็ขยายพื้นที่เพาะปลูกกับเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นได้นี่”
“ถึงเวลาค่อยว่ากันเถอะ ไปขนใส่รถได้แล้ว” เซี่ยหยางย่อมวางแผนนี้ไว้แล้ว แต่พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้
“จริงสิคะ เซี่ยหยาง ฉันรู้สึกว่าคุณสามารถทำโครงการเพาะเลี้ยงอย่างอื่นได้อีกนะ อย่างเช่นเลี้ยงไก่ เลี้ยงหมูเป็นต้น ถึงเวลาวัตถุดิบในร้านฉันทั้งหมดก็จะมารับซื้อจากคุณ พวกเราต้องร่วมงานกันระยะยาว พัฒนาจนเป็นเพื่อนคู่คิดที่แข็งแกร่งขึ้น คุณรู้สึกว่าเป็นยังไงบ้าง?” เฉินเจียเสนอความเห็น
เซี่ยหยางใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่ ก็กล่าวว่า “ผมกลับคิดเช่นนี้ แต่ตอนนี้เงินทุนยังไม่มากพอ ลูกน้องก็ด้วย แถมยังไม่มีประสบการณ์มากขนาดนั้น”
“อย่างนั้นคุณก็พยายามเข้านะคะ เพราะถึงอย่างไรฉันก็เชียร์คุณ สินค้าของคุณต้องขึ้นตรงกับฉัน ไม่อย่างนั้นฉันไม่จบกับคุณแน่” เฉินเจียกระเง้ากระงอดขึ้นมา แถมยังหยิกเซี่ยหยางอีกด้วย
ขู่คนอีกแล้ว ไม่นำพาเช่นนี้ เซี่ยหยางจึงได้แต่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ฝืนพยักหน้า สั่งให้คนขนของขึ้นรถ
เงินของเฉินเจียจ่ายตรงเวลาเสมอ คำนวณเสร็จก็รีบจ่ายทันที ตอนจะจากไปจู่ๆ ถึงกับจูบเซี่ยหยางทีหนึ่ง พูดพลางหัวเราะร่าว่า “สู้ๆ นะคะ ฉันรู้ว่าคุณจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”
เซี่ยหยางรู้สึกราวกับได้รับความโปรดปรานจนตกตะลึงอยู่บ้าง มองเฉินเจียขับรถจากไปอย่างดีอกดีใจ ก็อดฉีกยิ้มออกมาไม่ได้ จากนั้นก็มองเงินในมือ ขบคิดถึงจุมพิตนั้น คิดว่านี่นับเป็นโชคสองชั้นใช่หรือไม่
เฉินเจียเพิ่งจะจากไป ด้านหลังก็มีรถบรรทุกหลายคันขับเข้ามา ที่นำหน้าคือรถสปอร์ตคันหนึ่ง หญิงสาวหน้าตาสวยงามยั่วยวนเดินลงมาจากในรถ ไม่ใช่ใครอื่นเป็นนักลงทุนเหมยหรูยานนั่นเอง
เหมยหรูยานบิดเอวคอดกิ่ว ขับเน้นสะโพกงอนให้เด่นชัด ขาสวยคู่นั้นดึงดูดสายตาเป็นพิเศษ ยามเดินเหิน ตรงส่วนหน้าก็กระเพื่อมไปมา พานทำให้คนจิตใจเตลิดเปิดเปิง เป็นผู้ชายเห็นแล้วก็เลี่ยงไม่ให้คิดไปไกลไม่ได้ นี่เป็นปีศาจน้อยตนหนึ่งอย่างแน่นอน แค่ชายตามองก็ทำให้คนควบคุมไม่อยู่ รู้สึกได้ว่าสติหลุดลอย
“เถ้าแก่เหมย คุณมาแล้ว มานั่งข้างในสิ” เซี่ยหยางยกเก้าอี้รินน้ำชาให้เหมยหรูยานด้วยความเกรงอกเกรงใจ
เพียงชั่วอึดใจเดียวเหมยหรูยานก็ดื่มน้ำชาจนหมดเกลี้ยง ปากเล็กอันแสนเซ็กซี่ทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างติดใจในรสชาติไม่หาย จากนั้นเธอก็ถอดรองเท้าส้นสูงออก เอาเท้าเขี่ยเท้าของเซี่ยหยางไปมาเบาๆ ก่อนจะยิ้มน่ารักแล้วกล่าวขึ้นว่า “นี่ เอามาดื่มอีกแก้วสิ ใบชาที่ร้านนายอร่อยดีจัง ถ้าไม่อย่างนั้นก็แบ่งให้ฉันหน่อย ฉันรับซื้อในราคาสูงเชียวนะ”
“ไม่ได้หรอก น้ำชาที่ร้านผมเป็นแบบพิเศษ ต่อให้คุณเอากลับไปก็ไม่ได้รสชาติแบบนี้ ไม่ใช่ว่าผมตัดใจไม่ลง เหมยหรูยานหากคุณอยากดื่ม วันนี้ก็ดื่มให้มากหน่อย” เซี่ยหยางรินชาให้เหมยหรูยานจนเต็มแก้วต่อ
เหมยหรูยานดื่มจนสะอึก ดวงตาหยาดเยิ้มราวกับผ้าไหม พลางยื่นมือมาแตะไหล่เซี่ยหยาง กล่าวอย่างกระเง้ากระงอดว่า “บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเรียกฉันว่าเถ้าแก่เหมย แบบนี้มันห่างเหินไป นายเรียกฉันว่าหรูยานหรือพี่สาวก็ได้ แบบนี้ค่อยดูสนิทกันหน่อย”
เซี่ยหยางในใจร้อนผ่าว เหลือบตามองไปยังส่วนที่นูนออกมานั้นของเหมยหรูยาน ขาวผ่องอวบอิ่ม เขามองจนใจสั่นเนื้อเต้น “ถ้าอย่างนั้นผมเรียกคุณว่าพี่หรูยานแล้วกัน คุณคิดว่าไง?”
“ตกลง ฉันชอบฟัง แถมนายก็อายุอ่อนกว่าฉันสองปีสินะ?” เหมยหรูยานเอาเท้าเปลือยเขี่ยเซี่ยหยางด้วยท่าทางน่ารัก ก่อนจะกล่าวว่า “ในที่ดินยังมีผักผลไม้เหลืออยู่เท่าไหร่?”
“ประมาณหลายพันชั่งได้ คนพวกนั้นคุณเป็นคนพามาเหรอ” เซี่ยหยางมองขบวนรถ มีอยู่หลายคันเห็นจะได้
“ใช่แล้ว หลังจากที่นายบอกให้ฉันรู้ ฉันก็พาพวกเขามาเลย ล้วนเป็นคนรู้จักกับพ่อค้าที่เคยร่วมงานกันสมัยก่อน พวกเขาสนใจมาก ทำไมนายไม่พาพวกเขาไปเยี่ยมดูก่อนล่ะ?” เหมยหรูยานหัวเราะน้อยๆ ดูสวยน่ารักเป็นที่สุด
“ตกลง เชิญพวกคุณทางนี้ครับ” หลังจากทำการแนะนำตัวเองอย่างง่ายๆ แล้ว พ่อค้าเหล่านั้นก็เดินไปยังแปลงปลูกกับเซี่ยหยาง
พวกเขาเหมือนจะเพิ่งเคยเห็นผลผลิตทางการเกษตรแบบนี้เป็นครั้งแรก จึงตกตะลึงกันไปหมด หลังจากได้ลองชิมแล้ว ล้วนเอ่ยคำชมไม่ขาดปาก
“ไอ้หยา สิ่งที่เถ้าแก่เหมยแนะนำมาไม่เหมือนใครอย่างที่คิดไว้จริงๆ ของนี้คุ้มค่ากับราคานี้จริงๆ หนนี้พวกเราเก็บได้สมบัติแล้ว”
“ไม่ใข่หรือไง หากรู้อย่างนี้แต่แรก พวกเราคงส่งรถมารับซื้อมากหน่อย หนนี้พวกคุณห้ามแย่งผมนะ ผมจองแล้วสองพันชั่ง”
“สองพันชั่ง ฉันต้องการห้าพันชั่ง พวกคุณห้ามแย่งฉันล่ะ” พ่อค้ากลุ่มนี้ถึงกับเริ่มแข่งกันซื้อขึ้นมา จึงเกิดศึกแย่งชิงกันโดยไม่มีใครน้อยหน้ากว่าใคร
เซี่ยหยางหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเลยทีเดียว คนนี้สองพันห้าพัน จะไปมีสินค้ามาเสนอขายให้พวกเขามากขนาดนั้นจากที่ไหนกัน จึงได้แต่มองไปที่เหมยหรูยาน ขอความเห็นจากเธอ
เหมยหรูยานแย้มยิ้มราวกับดอกไม้ โบกนิ้วเรียวยาวไปมา “ไอ้หยา พวกคุณนี่นะ เป็นเพื่อนเก่ากันทั้งนั้น ยังมีอะไรให้น่าแย่งชิงกันอีก ที่ฉันพาพวกคุณมา เพราะเชื่อใจพวกคุณ ต่างเคยร่วมงานกันมานานขนาดนั้น ที่นี่ฉันเป็นคนลงทุน แต่ของเซี่ยหยางเป็นคนเพาะปลูกออกมา เรื่องนี้พวกคุณต้องหารือกับเขา”
“เถ้าแก่เซี่ย คุณเป็นยอดคนตั้งแต่อายุยังน้อยจริงๆ ยังหนุ่มก็ทำได้ขนาดนี้ ผมตัดสินใจแล้ว จะร่วมงานกับคุณระยะยาว ทุกครั้งที่ถึงรอบของฤดูกาลใหม่ผมจะมาซื้อสินค้าจากคุณอย่างน้อยเป็นจำนวนหมื่นชั่ง”
“หมื่นชั่งนับเป็นอะไร ฉันต้องการสองหมื่นชั่ง”
“อย่างนั้นฉันต้องการห้าหมื่นชั่ง ของดีขนาดนี้ คงไม่อาจน้อยหน้าพวกคุณได้” พ่อค้ากลุ่มนี้เริ่มแย่งชิงกันอีกแล้ว
เซี่ยหยางนิ่งคิดก่อนจะพูดว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน พวกคุณต้องการมากขนาดนั้น ทางผมก็ไม่มีเช่นกัน รอปริมาณผลผลิตของผมมากขึ้นแล้ว ขยายพื้นที่เพาะปลูกกับเลี้ยงสัตว์แล้ว ก็จะขายให้พวกคุณมากกว่านี้ วันนี้ในแปลงผมมีเท่านี้แหละ ทำไมพวกคุณไม่แบ่งกันล่ะ?”
“แบ่งกัน? ได้น่ะได้ แต่มันน้อยน่ะสิ คุณก็บอกแล้วกันว่าที่อยู่ตรงนี้ของคุณราคาเท่าไหร่?” พ่อค้าคนหนึ่งถาม
“แตงโมชั่งละสองร้อยหยวน พวกมะเขือ พริกไทย คิดราคาเดียวกัน ชั่งละสามสิบหยวน หากพวกคุณต้องการล่ะก็ ยังสามารถลดให้ได้……”
“ลดอะไรกัน แตงโมนี่ผมให้ชั่งละสองร้อยสามสิบหยวนเลย เอาหมดด้วย ดูสิใครจะมาแย่งกับผม” พ่อค้าคนหนึ่งขัดจังหวะเซี่ยหยาง ทำท่าทางราวกับกำลังอวดความร่ำรวย
เหมยหรูยานที่อยู่ด้านข้างเม้มปากหัวเราะ พลางส่งซิกให้กับเซี่ยหยาง ก่อนจะพูดอย่างกระเง้ากระงอดว่า “ไอ้หยา คุณนี่มือเติบจริงๆ เลย คนอื่นๆ ใครจะไปกล้าแย่งกับคุณล่ะ”
พ่อค้าคนอื่นๆ ต่างไม่เต็มใจ ต่างรู้กันว่าเหมยหรูยานคือลูกค้าคนสำคัญ ไม่เพียงอยากจะประจบเอาใจ ยังอยากจะโชว์ออฟต่อหน้าสาวสวยอีกด้วย มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งตบไปที่กระเป๋ากางเกงแล้วพูดว่า “สองร้อยสามสิบนับเป็นอะไร ฉันให้สองร้อยหกสิบเลย ยังมีเมลอนนั่นอีกราคาเดิมมันร้อยหยวนไม่ใช่เหรอ ฉันให้ร้อยห้าสิบเลย ดูสิใครจะแข่งกับฉัน”
“นั่นจะนับเป็นอะไรได้ ผมให้ราคาสูงกว่าคุณ” คนอื่นๆ ต่างพากันอิจฉาตาร้อน จากนั้นก็ถกแขนเสื้อ ตะโกนกันให้วุ่นวาย ไม่มีใครยอมใคร เริ่มทยอยกันเสนอราคา ผ่านไปสักพัก แตงโมก็ได้ราคาถึงชั่งละสามร้อยห้าสิบหยวน ส่วนเมลอนก็ได้ไปถึงชั่งละร้อยห้าสิบหยวน สำหรับผักสดธรรมดาเหล่านั้น ได้ราคาประมาณชั่งละหกถึงเจ็ดสิบหยวน
เห็นพวกเขาแข่งกันหน้าดำหน้าแดง เหมยหรูยานก็หัวเราะชอบใจ ป้องปากกล่าวว่า “พวกคุณตัดใจได้จริงๆ ด้วย ร่วมงานกับพวกคุณฉันมีความสุขมาก”
“นี่ไม่เรียกแล้วนะ งั้นก็ตกลงตามนี้ ไม่มีใครแข่งกับฉันแล้วใช่ไหม?” พ่อค้าเหล่านั้นต่างเปิดราคากันถึงที่สุดแล้ว มีบางคนยังคงจำใจต้องหลีกทางให้ เพราะหากเพิ่มราคาอีก เกรงว่าจะไม่ได้กำไรเท่าที่ควร
ดังนั้นต่างคนจึงต่างขายผลผลิตทางการเกษตรที่ตนเองต้องการ จากนั้นก็พากันทยอยขนขึ้นรถ เหมือนกับกลัวว่าเซี่ยหยางจะเสียใจภายหลัง จึงจ่ายเงินกันเดี๋ยวนั้นเลย แถมยังเป็นเงินสดเสียด้วย
เซี่ยหยางตกตะลึงไม่น้อยทีเดียว นี่ขายได้ราคาสูงกว่าก่อนหน้านี้ถึงแปดเท่า เขามองเหมยหรูยานที่ยิ้มไม่พูดไม่จาอยู่ด้านข้าง จู่ๆ ก็พลันเข้าใจขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้ก็คือตัวเร่งปฏิกิริยานั่นเอง สามารถขายได้ราคาเช่นนี้ ล้วนได้การผลักดันจากเธอ ดูเหมือนเหมยหรูยานจะมีฝีมือจริงๆ