เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 7
กำนัน?!
เซี่ยหยางถึงกับงุนงงไปเลย
ทำไมถึงเป็นกำนันได้ล่ะ?อายุน้อยขนาดนี้เป็นกำนันได้อย่างไร?ช่ายเลี่ยงไอ้หน้าไม่อายอย่างเขาเป็นไปไงที่มีลูกสาวหน้าที่การงานดีขนาดนี้?
“ทำไม ไม่เหมือนหรอ?”ช่ายยั่นเอาผมปอยหนึ่งที่ถูกลมปลิวพัดไปมาทัดหู แล้วพูดพลางอมยิ้ม“ในความคิดของนาย กำนันมีหน้าตายังไงหรอ?”
เซี่ยหยางลูบหัวไปมา แล้วหัวเราะแห้งๆไปสองที พูดขึ้นอย่างเขินๆ“เมื่อกี้ไม่รู้ว่าคุณคือกำนัน ให้อภัย กับความผิดของผมได้ไหมครับ?เอ่อจริงสิ วันนี้ที่กำนันช่ายมาที่หมู่บ้านมีเรื่องอะไรหรอครับ?”
“มาดูหน่อยน่ะ”ในตอนนี้เรือได้พายมาจนถึงฝั่งแล้ว ช่ายยั่นกับเลขาสาวขึ้นฝั่งไป แล้วพูดขึ้นมาว่า“เด็กหนุ่มอย่างนายอายุน้อยขนาดนี้ไม่ตั้งใจเรียนหรือออกไปหางานทำ แต่กลับอยู่เริ่มต้นทำธุรกิจในหมู่บ้านมีไม่มากนัก นายชื่ออะไรหรอ?”
“เซี่ยหยางครับ”เซี่ยหยางตอบกลับอย่างใสซื่อ
“แปลงผักนั้นนายเป็นคนปลูกเองหรอ?”ช่ายยั่นเดินมาที่แปลงผักของเซี่ยหยาง นั่งยองๆสำรวจผักใบเขียว แววตาเต็มไปด้วยความพอใจ“ปลูกได้ดีมากเลยนะ ปลูกดีกว่าพ่อฉันอีก แต่ไม่รู้ว่ารสชาติเป็นยังไง”
“เป็นพันธุ์ใหม่ครับ ผักออร์แกนิกสีเขียว”เซี่ยหยางกลอกตาไปมา แล้วพูดขึ้นมาว่า“กำนันอยากกินผักไหมครับ เดี๋ยวผมถอนออกมาให้”
พูดจบ ก็ไม่รอให้ช่ายยั่นได้ตัดสินใจอะไร เซี่ยหยางลงมือถอนผักหลายต้นและเห็ดออกมา กลับเข้าไปในกระท่อมหาถุงหิ้วพลาสติกโยนใส่เข้าไปในนั้น แล้วยื่นถุงหิ้วพลาสติกให้กับมือของเลขา แล้วพูดอย่างยิ้มๆไปว่า“แค่ผักเอง ไม่มีราคาอะไร ไม่ถือว่าเป็นการติดสินบนหรอกครับ!”
“งั้นก็ขอบใจนะ”ช่ายยั่นพยักหน้าให้กับเลขา เป็นสัญลักษณ์ให้เธอรับไว้
หางตาของช่ายยั่น ไปสะดุดเข้ากับบ่อปลาของเซี่ยหยาง เธอเดินไปที่บ่อปลา แล้วมองดูปลาที่แหวกว่ายไปมาเป็นฝูง จึงพูดอย่างสุภาพ“ใช้ได้เลยนิ่ คิดไม่ถึงว่าอายุน้อยขนาดนี้ ทำอะไรเป็นอย่างๆ นี่คือลาคาร์พใช่ไหม?ฉันขอซื้อสองตัวนะ?”
“ขายอะไรกันล่ะครับ ผมให้ฟรีสองตัวครับ”วันนี้เซี่ยหยางคิดอยากจะเอาใจกำนันคนนี้ให้ดี ไม่ใช่เพราะว่าเธอหน้าตาสะสวยโดดเด่น แต่สิ่งที่สำคัญคือเธอคือลูกสาวของช่ายเลี่ยง หากไอ้เหี้ยช่ายเลี่ยงนั่นฟ้องอะไรต่อหน้าเธอไป ตนเองคงจะใช้ชีวิตอยู่ยากแล้วล่ะ
เซี่ยหยางคิดไปด้วย เอาแหหว่านลงไปจับปลาในบ่อด้วย ปลาคาร์พอ้วนใหญ่สองตัวถูกจับขึ้นมา เขาพึ่งจะยัดใส่ถุงหิ้วพลาสติก ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านเกาตี้หูตาไว รีบเข้าไปช่วยรับมาถือไว้
“หึ”ช่ายเลี่ยงเห็นเซี่ยหยางไอ้เด็กเวรนั่นเอาใจลูกสาวของตนเอง ในที่สุดเขาก็หาความเหนือกว่าเจอเข้าจนได้ เขาเอามือไพล่หลัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
ในตอนนี้เอง ผู้ใหญ่บ้านหวังหยุนจู้ของหมู่บ้านตงเจียวในที่สุดก็พาจางฝู้กุ้ยคนรวยประจำหมู่บ้านมาอย่างรีบร้อน
กำนันมาตรวจสอบดูหมู่บ้าน สำหรับหมู่บ้านแบบนี้ของพวกเขามันไม่ใช่เรื่องไม่เล็กเลย เขาพึ่งได้ข่าวตอนเช้านี่เอง จึงรีบบอกให้เมียของตนเตรียมฆ่าไก่ฆ่าปลาไว้ต้อนรับ หลังจากนั้นก็วิ่งตรงมายังแปลงผักของเซี่ยหยาง
“อั้ยหยา กำนันมาที่หมู่บ้านตงเจียวด้วยตัวเอง พวกเราพึ่งได้รับข่าวมา มาสายไปหน่อยท่านอย่าแปลกใจไปเลยนะครับ”หวังหยุนจู้พอมาถึงก็รีบรุดหน้าไปพูดคุยหัวเราะกับช่ายยั่น“คนผู้นี้คือผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้านตงเจียวของเรา ปกติเขาช่วยเหลือชาวบ้านในหมู่บ้านประจำ โอ้ เหล่ากัวกับเหล่าช่ายก็อยู่หรอเนี่ย!ทุกคงเหนื่อยกันแล้ว ไปนั่งจิบชาที่บ้านผมกันก่อนเถอะนะครับ รับประทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้วค่อยไปเดินชมหมู่บ้านตงเจียว?”
พอได้ยินผู้ใหญ่บ้านหวังหยุนจู้แนะนำตนเอง ใบหน้าของจางฝู้กุ้ยก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเตรียมทักทายกับกำนัน ทันใดนั้นเซี่ยหยางก็รีบขวางไว้ข้างหน้า แล้วพูดอย่างเย็นชา“ช่วยชาวบ้านในหมู่บ้านอะไรกัน ครั้งก่อนไปยืมรถสามล้อยังไม่ให้ยืมเลย วันนี้ต่อหน้ากำนันแสร้งทำเป็นพ่อพระเนี่ยนะ?”
จางฝู้กุ้ยตะลึงไปชั่วครู่ หลังจากนั้นก็เริ่มหัวร้อนขึ้นทันที ถ้าไม่เป็นเพราะว่าตอนนี้มีคนอยู่กันเยอะ เขาอยากจะส่งฝ่ามือเข้าไปโบกทักทายปากของเซี่ยหยางจริงๆ
“ผู้ใหญ่บ้านหวังเกรงใจเกินไปแล้ว ฉันแค่มาดูอะไรนิดหน่อยเอง เดี๋ยวก็จะกลับไปประชุมในเมืองแล้ว พวกคุณทำธุระของพวกคุณเถอะค่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเราหรอก”ช่ายยั่นเอาปัญหาขัดแย้งของพวกเขาเก็บซ่อนเอาไว้ เธอมองดูไปรอบๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า“ฉันเห็นว่าส่วนใหญ่คนในหมู่บ้านเป็นเกษตรกรปลูกพืชผล เท่าที่ฉันทราบมา รายได้มีไม่เท่าไหร่ใช่ไหมคะ?ทำไมไม่ลองปลูกพืชอย่างอื่นดูบ้างคะ คุณดูสิผักของเซี่ยหยางปลูกได้ดีมากเลยนะคะ ตลาดก็ดี”
“ปลาก็เลี้ยงได้ไม่เลวเลย”ช่ายยั่นชี้ไปที่บ่อปลา แล้วพูดขึ้นมาว่า“หากพื้นที่ชนบทต้องการจะปฏิรูปและมั่งคั่ง พวกเขาต้องกล้าที่จะลองสิ่งใหม่ๆ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะยากจนต่อไปนะคะ”
“ใช่ครับๆ สายตาของกำนันเฉียบคม จากนี้ไปเราจะวางแผนปฏิรูปเรื่องพวกนี้ครับ”ใบหน้าของหวังหยุนจู้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ยังเตรียมที่จะพูดประจบ
“เอาล่ะ”ช่ายยั่นไม่ชอบการประจบประแจ้งยกยอปอปั้นของคนอาวุโสพวกนี้ จึงโบกมือไปมาห้ามไว้ แล้วพูดขึ้นมาว่า“รายละเอียดรอประชุมในเมืองเสร็จแล้วค่อยว่ากัน วันนี้เราจะดูถึงตรงนี้ ตอนบ่ายฉันยังจะต้องไปหมู่บ้านอื่นต่อ เลยขอไม่ไปนั่งในหมู่บ้านตงเจียวนะคะ”
“เซี่ยหยาง ตั้งใจทำดีๆล่ะ ฉันรอดูวันที่นายพาพวกชาวบ้านร่ำรวยมีกินมีใช้นะ!”ช่ายยั่นพูดกับเซี่ยหยาง แล้วเดินนำหน้ากลับไปยังหมู่บ้านเกาตี้ คนทั้งขบวนเดินตามหลังของเธอ
หลังจากที่เซี่ยหยาง ผู้ใหญ่บ้านหวังหยุนจู้กับจางฝู้กุ้ยส่งบรรดาพวกกำนันจากไปแล้ว จึงใช้สายตามองกันไปมองกันมา ไม่มีใครยอมเอ่ยปากพูดก่อน
“ทวดมึงสิ!”รอจนแผ่นหลังของกำนันหายลับไปแล้ว จางฝู้กุ้ยก็พุ่งตรงมายังเซี่ยหยางเตรียมจะตบสั่งสอนเขาสักสองที
ฐานะทางบ้านของจางฝู้กุ้ยค่อนข้างดี กินจนอ้วนท้วมสมบูรณ์ บวกกับเขาก็ทำงานเกษตร การต่อสู้ของเขาจึงดูน่าเกรงขาม หวังหยุนจู้รอดูเรื่องสนุก แต่แล้วเหตุการณ์ตรงหน้าก็ทำให้เขาอึ้งตะลึงงันไป
จางฝู้กุ้ยที่พุ่งตัวไปข้างหน้าของเซี่ยหยาง ถูกเขาใช้มือข้างเดียวบีบคอไว้ มือเพียงแค่ข้างเดียวเท่านั้นก็สามารถยกร่างกายสูงใหญ่น้ำหนักประมาณร้อยกิโลขึ้นสูง ไม่มีสีหน้าแดงก่ำใดๆทั้งสิ้น
“แค้กๆ!”จางฝู้กุ้ยหายใจลำบาก สถานการณ์คับขันแบบนี้เขาใช้เท้าเตะไปที่บริเวณศีรษะของเซี่ยหยาง
เซี่ยหยางหูตาว่องไว สาวหมัดกระแทกเข้ากับขาหมูข้างนั้นอย่างจัง เขาเจ็บจนร้องโหยหวน ทันใดนั้นก็เสียพละกำลังความสามารถทันที
หวังหยุนจู้มองไปที่เซี่ยหยางราวกับเห็นผี เวลานี้เองถึงได้รู้สึกตัว รีบพูดขึ้นมาว่า“เซี่ยหยาง หยุดได้แล้ว รีบปล่อยฝู้กุ้ยเร็วเข้า ถ้าเกิดมีอันตรายถึงชีวิตแกจบเห่แน่!”
เซี่ยหยางหัวเราะอย่าเยือกเย็น แล้วโยนจางฝู้กุ้ยไปที่พื้นเหมือนลูกไก่ยังไงอย่างงั้น แล้วพูดขึ้นว่า“คราวหน้าถ้าขืนยังกล้าอวดดีต่อหน้าฉันอีก อย่าคิดว่ามันจะจบง่ายขนาดนี้นะ”
หวังหยุนจู้รีบเข้าไปพยุงจางฝู้กุ้ยขึ้นมา ทั้งสองไม่กล้ามองเซี่ยหยางแม้แต่แวบเดียว รีบเดินโซซัดโซเซเข้าไปยังหมู่บ้านทันที
เซี่ยหยางบิดคอไปมา ช่วงนี้เขากินแต่อาหารที่ได้มาจากการใช้น้ำแร่ในโลกแผ่นหยกปลูกอย่างเดียว อีกทั้งวันๆก็ดื่มแค่น้ำแร่นั่นอย่างเดียว ร่างกาย ของเขาแข็งแกร่งขึ้นจนเขาก็ตกใจจนไม่อาจพูดออกมาได้ ยกของร้อยห้าสิบโลกขึ้นเหมือนของเล่นยังไงอย่างงั้น
ช่ายยั่นไม่รู้ว่าในตอนที่ตนพึ่งเดินจากไปนั้น คนในหมู่บ้านตงเจียวเริ่มตีกันขึ้นมาแล้ว เธอกลับมาที่บ้าน พับแขนเสื้อกับเลขาสองคนแล้วเดินเข้าไปในครัว ผ่านไปครู่หนึ่ง กลิ่นแกงปลากับผัดผักอันหอมฉุย เห็ดตุ๋นไก่อาหารเลิศรสสามอย่างถูกจัดวางขึ้นบนโต๊ะ
ไม่ผิดคาดแม้แต่น้อย ทั้งสามไม่เคยกินอาหารที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย สุดท้ายฝืนอดทนกับพุงที่กางออก ยกซดจนเกลี้ยง
ช่ายเลี่ยงที่กินข้าวมาแล้วเอาแต่สูบบุหรี่อย่างเหม่อลอย เขาปลูกผักมาครึ่งค่อนชีวิต เข้าใจดีว่าตนกับเซี่ยหยางห่างชั้นกันมากขนาดไหน ถึงว่าคนของร้านฝูหมั่นโหลวทำไมถึงไม่ซื้อผักกับตนเองแล้ว
เลขาค่อนข้างขยันขันแข็ง เธอพักอยู่ครู่หนึ่งก็เริ่มเก็บจานชาม
ช่ายยั่นเป็นคนที่มีจิตใจแข็งแกร่งที่สุด หลังจากผ่านการครุ่นคิดครู่หนึ่ง เธอก็ตัดสินใจให้พ่อของตนเองเอาที่ดินสิบหมู่เช่าให้กับเซี่ยหยางซะ แต่ไหนแต่ไรมาช่ายเลี่ยงเป็นคนที่ไม่เคยคัดค้านลูกสาวของตนเอง เงียบไปครู่หนึ่งก็รับปากตกลง
ช่ายยั่นเอาผักกับปลาที่เหลือให้เลขานำกลับไปตรวจสอบในตัวอำเภอดูสิว่าเหตุใดมันถึงได้อร่อยถึงเพียงนี้ เธอพาพ่อของตนเอง มาที่บ้านของเซี่ยหยาง
เซี่ยหยางกำลังรดน้ำให้กับแตงกวาในแปลงผัก เห็นช่ายยั่นสองพ่อลูกมาหา จึงรีบยิ้มแล้วเอ่ยถามว่า“กำนัน ทำไมมีเวลาว่างมาหาผมล่ะ?”
ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่ในใจกลับคาดเดาไปประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าต้องมาเพราะเหตุผลของผักและปลาคาร์พเป็นแน่
“สองวันก่อนฉันได้ยินมาว่านายอยากเช่าที่ดินสิบหมู่ของพ่อฉันใช่ไหม?”ช่ายยั่นยิ้มเล็กน้อย“ฉันมาถามว่ามันเรื่องจริงไหม ถ้าเป็นเรื่องจริง ก็จะเช่าให้นายประกอบกิจการ หนึ่งพ่อฉันอายุมากแล้ว ไม่อยากให้ท่านทำงานหนักขนาดนี้ สอง ฉันพบว่าพืชผักที่นายปลูกรสชาติดีมาก กระทั่งพูดได้เลยว่าเลิศรส อีกหน่อยตลาดคงจะกว้างขวางมาก ชนบทน่ะ มีที่ดินเยอะจริงๆ!”
“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง!”เซี่ยหยางดีใจออกนอกหน้า รีบรินน้ำชาให้กับช่ายเลี่ยงและช่ายยั่น พลางพูดขึ้นมาว่า“ตอนนั้นผมยังเคยบอกกับลุงช่ายเลยว่า ปีหนึ่งจะขอเช่าหนึ่งแสนสองหมื่นหยวน ในเมื่อพวกคุณจะเช่าให้กับผม งั้นเรามาตกลงกันแบบนี้ไหม?”
ช่ายเลี่ยงที่ได้ยินเจ้าเด็กเวรนี่เรียกตนเองว่าลุงช่ายอย่างหน้าไม่อาย ถ้าหากพูดว่าเขาหน้าหนาหน้าด้าน เขายังรู้สึกหน้าแดงเลย แต่เจ้าเด็กนี่ กลับเปลี่ยนหน้าเร็วมาก
“ได้ เวลาฉันมีจำกัด หนังสือสัญญานายเป็นคนร่าง ทำเสร็จแล้วให้พ่อของฉันเซ็นกับประทับตราก็พอ”ช่ายยั่นทำอะไรไม่เคยผิดพลาด เด็ดขาดเฉียบแหลม อีกทั้งสายตาเฉียบคม นี่เป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดเธอจึงสามารถนั่งตำแหน่งกำนันทั้งๆที่อายุยังน้อยขนาดนี้
“ลุงช่ายถ้าว่างไม่มีอะไรทำ ช่วยผมดูแลแปลงผักหน่อยได้ไหมครับ?”เซี่ยหยางกลอกตาไปมา แล้วพูดขึ้นมาว่า“ถ้าผมหาคนใหม่คงจะยุ่งวุ่นวายน่าดู ถ้าลุงช่ายยอมช่วยผมดูแลคนงานหรืออะไรก็ช่าง ผมจะรู้สึกขอบคุณมากเลยครับ”
ช่ายยั่นเป็นคนฉลาดหลักแหลมมีหรือจะดูไม่อ่านความคิดของเซี่ยหยางไม่ออก?เธอยกนิ้วโป้งชื่นชมเซี่ยหยางในใจ หลังจากนั้นก็พูดอย่างยิ้มๆ“เรื่องนี้นายคุยกับพ่อฉันเถอะ ฉันขอกลับไปประชุมที่ตำบลก่อนนะ ค่อยมาจิบน้ำชากับนายใหม่แล้วกัน”
ผ่านไปไม่นาน ก็มีรถมารับช่ายยั่นที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน ช่ายเลี่ยงส่งเธอไปที่ปากทางเข้าของหมู่บ้านเสร็จ ก็ร่างหนังสือสัญญากับเซี่ยหยางออกมา
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างออกรส หลังจากเซ็นหนังสือสัญญากันเสร็จ ช่ายเลี่ยงก็ถามขึ้นมาว่า“นี่ ให้ฉันช่วยนายดูแล เดือนหนึ่งจะให้เงินเดือนฉันเท่าไหร่?”
“สามพัน”เซี่ยหยางคิดไปคิดมา แล้วพูดขึ้นมาว่า“ตอนแรกคุณมีคนงานสามคนไม่ใช่หรอ?ไม่ต้องลาออกหรอก เพิ่มเงินเดือนให้พวกเขาคนละห้าร้อยหยวน ว่าไงล่ะ?”
“ค่อยยังชั่วหน่อย!”ช่ายเลี่ยงปั้นสีหน้า แล้วพูดเตือน“ถ้าไม่เป็นเพราะลูกสาวฉันรู้สึกว่าไอ้หนุ่มอย่างแกไม่เลวเลย แกคิดเหรือว่าฉันจะเอาที่ดินเช่าให้แกน่ะ?หึ ทางที่ดีแกรีบทำให้คะแนนพาทุกคนไปสู่ทางรวย ไม่งั้นแกได้เห็นดีแน่!”
หลังจากส่งช่ายเลี่ยงจากไป เซี่ยหยางก็มาที่แปลงผัก นอนอยู่บนเตียงในกระท่อม ไขว่ห้างอยู่บนนั้น เริ่มวางแผนพิมพ์เขียวแรกในชีวิตอย่างจริงจัง