เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 102
บทที่ 102 เวลามีค่า
มองตามโจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวย ยังมีโจวเหม่ยหลิงพวกเขาเดินยกเท้าสูงจากไปด้วยความมั่นใจ หลินเจิ้นสงใช้ก้นนั่งลงบนเก้าอี้ ด้วยสีหน้าที่จนปัญญา
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ยิ่งรู้สึกหมดแรง หลินเจิ้นสงรีบมองไปทางถังเฉา ถาม “เสี่ยวเฉา ทำไมนายถึงกล้าคุยโม้ นี่ไม่ใช่ว่าจงใจให้พ่อหน้าแตกหรอ?”
ถังเฉาดื่มน้ำหนึ่งอึก “พ่อ คุณก็บอกแล้วนี่ เวลาคับขัน แน่นอนว่าเราต้องรีบเริ่มงานแล้ว”
“แต่อุปกรณ์หาจากไหน ไหนจะคนงานอีก”
“อันนี้ท่านไม่ต้องสน ผมมีวิธีของผม”
ถังเฉาดื่มน้ำชาในแก้วจนหมด เห็นหลินเจิ้งสงก็ยังหน้าดำคร่ำเครียด อดไม่ได้ที่จะปลอบใจ
“คุณพ่อ ผมไม่มีวันทำร้ายพ่อหรอก? ในเมื่อผมคุยโม้ไว้แล้ว ผมก็พอมีวิธีที่มั่นใจ – – คนที่ฉลาด จะไม่เสียเปรียบให้กับคนเดิมซ้ำสองหรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้นสงก็ชะงักทันที คำพูดนี้กำลังพูดถึง พวกโจวเหม่ยหยูนเขา?
ถังเฉาประสบความสำเร็จหลายอย่างในเรื่องที่เดิมทีคิดว่าไม่น่าจะทำได้ ขนาดหลินเจิ้งสงยังรู้สึกว่าถังเฉาไม่ใช่บุคคลธรรมดา แต่โจวเหม่ยหยูนกับหลินฉ่ายเวยต่างก็ยังรู้สึกว่าเขาเป็นแค่ไอ้ขยะ ใช้คำพูดเหมือนเดิม
ใครถือว่าถังเฉาเป็นไอ้ขยะ คนนั้นต่างหากที่เป็นไอ้ขยะตัวจริง
“ พรุ่งนี้คุณก็รอดูฉากละครที่สนุกเถอะ”
ด้วยรอยยิ้มที่สงบบนใบหน้าของถังเฉา ดื่มชาในแก้วของเขาจนหมด แล้วหันหลังเดินจากไป
ที่หน้าประตูบริษัทโอ้ซิน หลัวปู้กับเฟิ่งหวงรอตั้งนานแล้ว
ท่าทางเคารพและแววตาที่เกรงกลัว
“ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง?” ถังเฉาถาม
“รองหัวหน้า คนประจำที่แล้ว”
“ประธานบริษัท เฮลิคอปเตอร์ก็ประจำที่แล้ว”
“ดีมาก”
ถังเฉายิ้ม จากนั้นดวงตาของเขาก็หรี่ลงเล็กน้อย แว๊บเดียวก็มีสีหน้าที่เย็นชา
“ตระกูลโจว ละครฉากนี้ พวกคุณจะต้องชอบ… ”
ตระกูลโจว
ทันทีที่โจวเหม่ยหยูนและคนอื่น ๆ กลับมา โจวจือกั๋วแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะถามว่า“ สถานการณ์เป็นไงบ้าง หลินเจิ้นสงขายโครงการไหม?”
โจวเหม่ยหยูนส่ายศีรษะ “ไม่ขาย สามีของฉันโผงผางมาก พูดยังไงก็ไม่ยอมขาย”
“ อะไรนะ? ไม่ขาย?” ทันใดนั้น โจวฉวนกั๋วโกรธจัด
โจวเหม่ยหยูนยังคงยิ้มคิกคิก พูดว่า “พ่อ ไม่ต้องกังวลแม้ว่าเขาจะไม่ขาย แต่พรุ่งนี้ พวกเราก็จะได้โครงการมาฟรีๆ”
โจวฉวนกั๋วที่ยังคงโกรธมากหายโกรธทันทีเขามองไปที่ โจวเหม่ยหยูนด้วยความประหลาดใจ “หมายความว่ายังไง?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของโจวเหม่ยหยูนนั้นยิ่งดูลึกลับมากขึ้น โจวฉวนกั๋วอดใจไม่ไหว เร่งถามอย่างรำคาญ “นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังอุบไว้ ไม่รีบพูดอีก”
โจวเหม่ยหยูนถึงจะยิ้มคิกคิกแล้วพูดว่า “ก็ไอ้ขยะคนนั้นแหละ ที่มันขุดหลุมให้พ่อที่ดีของมัน”
“ ถังเฉา?”
โจวฉวนกั๋วท่าทางแปลกๆ และในความมึนงงเขาก็นึกถึงสายตาที่เย็นชาคู่นั้นอีกครั้ง ทันใดนั้นก็ขนลุกจนตัวสั่นขึ้นมา
เขาไม่เข้าใจว่า ชายหนุ่มที่แม้แต่เขาที่ยังดูไม่ออก ทำไมจากปากของโจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวยกลับกลายเป็น ‘ไอ้ขยะ’ ‘คนเฮงซวย’
“ใช่สิ”
หลินฉ่ายเวยที่อยู่ข้างๆยิ้มหวานพูดว่า “ไอ้ขยะนั่นน่ะ ช่วยพวกเราได้มากจริงๆ ในเมื่อ ถึงขนาดพูดใหญ่โตได้ไม่อายปาก พรุ่งนี้โรงงานของตระกูลหลิงก็สามารถเริ่มงานได้ ยังยินดีต้อนรับตระกูลโจวพวกเราไปร่วมงานด้วย”
“ พรุ่งนี้ก็สามารถเริ่มงาน? นี่เป็นไปไม่ได้! ฉันให้คนไปทุบโรงงานของเขาจนพังแล้วชัดๆ คนงานก็ถูกไล่ออกหมดแล้ว มันจะเอาอะไรเริ่มงาน?”
ขณะนี้โจวเฉินหยาวถือไม้เท้ามาข้างหนึ่งมีสีหน้าเปลี่ยน ตะโกนออกมา
นับตั้งแต่ที่โจวฉวนกั๋วเตะขาเขาหักไปข้างหนึ่ง นิสัยของโจวเฉินหยาวก็จะเปลี่ยนเป็นโมโหอารมณ์ร้าย แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ เขาก็จะอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาทันที
โจวฉวนกั๋วเหล่ตามองเขานิ่งๆ แล้วตะโกนบอก “หุบปาก ฟังฉ่ายเวยพูดต่อ
“… ”
โจวเฉินเหยาวหุบปากลง แต่ในแววตายังซ่อนความโหดร้ายอยู่
หลินฉ่ายเวยยิ้มแล้วพูดต่อ “คุณปู่ เรื่องจริงก็เป็นอย่างที่พี่เฉินหยาวพูดอย่างนั้นแหละ โรงงานของพ่อฉันไม่มีอะไรแล้ว อย่าว่าแต่พรุ่งนี้เลย ให้เวลาเขาอีกหนึ่งเดือนก็ยังเริ่มงานไม่ได้หรอก”
“แม่กับไอ้ขยะนั่นตกลงกันแล้ว พรุ่งนี้คนของตระกูลโจวทั้งหมด ไปร่วมงานที่นั่น ถ้าหากพรุ่งนี้พวกเขาเริ่มงานไม่ได้ โครงการที่จะร่วมมือกับลี่จิงกรุ๊ป ก็จะยกมาให้พวกเรา พากคุณว่า นี่ไม่ใช่ย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย? (พยายามหาแทบตายไม่เจอ พอเลิกหาเลิกสนใจ กลับได้มาง่ายๆ)”
“ ฮ่าๆ ไอ้ขยะนั่น เขาเอาความดกล้ามาจากไหนถึงได้กล้าพูดแบบนี้ออกมา?”
“ก็เพราะเหม่ยหยูนเก่ง คุมไอ้ลูกเขยคนนี้จนอยู่หมัดไง”
หลังจากได้ยินคำพูดของหลินฉ่ายเวย คนอื่นๆในตระกูลโจวก็ออกเสียงคล้อยตามไปด้วย ทุกคนก็ชื่นชมโจวเหม่ยหยูนหมด
ในแววตาของโจวฉวนกั๋วส่องแสงประกายออกมา คว้ามือหลินฉ่ายเวย ถามว่า “เขาพูดแบบนี้จริงๆหรอ?”
“ จะไม่จริงได้ไง?”
หลินฉ่ายเวยพูดอย่างภูมิใจ “ฉันว่าเขาก็คงรู้ว่าทำไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้นเลยต้องโยนให้คนอื่น”
โจวฉวนกั๋วกลับขมวดคิ้วแน่น ยังมีความกังวล “เขามั่นใจมากขนาดนี้ หรือว่ามีดีอะไรจริงๆ?”
“เขาจะมีดีอะไร?”
โจวเหม่ยหยูนหัวเราะและพูดว่า “เขาก็แค่รู้จักเพื่อนที่เก่งกาจไม่กี่คนเอง เพื่อนก็ไม่สามารถช่วยเขาได้ตลอดหรอก เพราะฉะนั้นฉันกล้าที่จะพนัน พรุ่งนี้เขาไม่สามารถเริ่มงานได้แน่นอน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โจวฉวนกั๋วก็รู้สึกโล่งอก ก็ไม่ได้คิดอะไรมากอีก
“ แต่ว่าพ่อ พ่อต้องระวังหน่อยนะ”
โจวเหม่ยหยูนพูดอีกว่า “ ตอนนี้ในมือเขายังมีค่าสปอนเซอร์แปดร้อยแปดสิบล้าน และพนักงานการเงินของลี่จิงกรุ๊ปมาจัดการการเงินได้ตลอดเวลา นี่เป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลย ถ้าหากถังเฉาให้หลินเจิ้งสงใช้เงินก้อนนี้หาพนักงานล่ะก็ ……”
โจวฉวนกั๋วก็พยักหน้าเช่นกัน ดวงตาของเขาดุดันขึ้น “รีบออกคำสั่งลงไป ให้พนักงานทุกแผนกห้ามเข้าไปทำงานที่บริษัทโอ้ซิน! อยู่ในเมืองหมิงจู ตระกูลโจวก็ยังพอมีอำนาจนี้อยู่”
โจวเหม่ยหยูนมีความสุขขึ้นมาทันที แล้วพูดว่า “ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว หมื่นเปอร์เซ็นต์ไม่มีพลาดแน่นอน”
“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป รวบรวมคนตระกูลโจวทั้งหมด พรุ่งนี้เช้าแปดโมง รวมตัวกันไปบริษัทโอ้ซิน!”
โจวฉวนกั๋วสะบัดมือ ออกคำสั่งด้วยใบหน้าที่มีราศี
“ ครับ หัวหน้า!”
ผู้ที่รับคำสั่งโดยตรง น้อมรับคำสั่ง
ตระกูลโจวหัวเราะคึกคักอย่างมีความสุข รอคอยการมาถึงของวันพรุ่งนี้
เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนในตระกูลโจวมากันหมด ไม่ขาดแม้แต่คนเดียว ตรงไปที่บริษัทโอ้ซินอย่างเอกเกริก
ตอนที่พวกเขาไปถึง ถังเฉากับหลินเจิ้งสงก็อยู่ที่นั่นแล้ว ยืนอยู่ตรงพื้นที่โล่งๆ
“ถังเฉา ไหนงานที่คุณพูดว่าจะเริ่ม?”
พอลงจากรถ โจวเหม่ยหยูนก็เดินเข้ามาข้างหน้าอย่างดุดัน กวาดสายตามองไปรอบๆคนเดียว ในโรงงานซ่อมซ่อไม่ได้เตรียมแม้แต่อุปกรณ์เครื่องเดียว อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ “นี่คือสิ่งที่คุณพูดว่าจะ ‘เริ่มงาน’? นี่ฉันขอทำความเข้าใจนะว่า คุณสองคนนี่หรอที่จะ ‘เริ่มงาน’?”
“ฮ่าๆๆๆ…”
พอพูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนในตระกูลโจวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงลั่น
“ถังเฉา นี่คุณขายหน้าคนเดียวยังไม่พอ ทำไมต้องลากพ่อฉันเข้ามาด้วย?”
หลินฉ่ายเวยพูดอย่างไม่เกรงใจว่า “คุณดูในโรงงานสิไม่มีคนสักคน จะเริ่มงานยังไง? ฉันว่าคุณหาเรื่องเหยียดหยามตัวเองชัดๆ!”
“แค่กแค่ก”
ในเวลานี้ โจวฉวนกั๋วก็มาถึงตรงหน้าหลินเจิ้นสง ไอแค่กๆและพูดว่า “เจิ้นสงเอ้ย ทุกคนก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันจนมองหน้ากันไม่ติด พวกเราก็อยากช่วยคุณ”
หยุดชะงัก เขาชี้ไปที่บริษัทโอ้ซินที่ถูกทุบจนทรุดโทรม “นายดูบริษัทของนายสิ หนึ่งไม่มีคนสองไม่มีอุปกรณ์ แต่พวกนี้ตระกูลโจวเรามีหมด เงินทองไม่ควรรั่วไหลออกไปให้กับคนนอก โครงการมอบให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่มีทางให้คุณลำบากใช่ไหม?”
หลินเจิ้นสงเงียบไม่พูด มองไปที่ถังเฉา
ตั้งแต่เช้าตรู่ ถังเฉาก็ให้เขารออยู่ที่โล่งๆตรงนี้ บอกว่าสักพักก็จะมีคนมา แต่รอมาตั้งนานแล้ว แม้แต่เงาก็ไม่มี แม้แต่ตัวเขา ก็รู้สึกเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้ว
ถังเฉายังคงนิ่งสงบ ท่าทีเรียบเฉย ตอบอย่างแผ่วเบา “คนใกล้จะมาแล้ว สักพักพวกคุณก็จะได้เห็น”
“คำโกหกกำลังจะถูกเปิดโปงแล้ว คุณยังไม่ยอมรับอีกเหรอ?”
หลินฉ่ายเวยมองไปที่ถังเฉาด้วยความดูถูกและพูดว่า “วันนี้เริ่มงาน นั่นมันเป็นไปไม่ได้หรอก เจียมตัวหน่อยเถอะ รีบส่งโครงการให้ตระกูลโจวทำดีกว่า เห็นแก่มิตรภาพเมื่อก่อน พวกเรายังจะให้พวกคุณแสนกว่าบาท”
ในเวลานี้ โจวเหม่ยหยูนรีบห้ามหลินฉ่ายเวย ส่งสัญญาณให้เธอหยุดพูดฉอดๆ
หลังจากนั้นเธอก็มองไปที่ถังเฉาและพูดว่า “พวกเรามาดูพวกคุณ ‘เริ่มงาน’ ตามกำหนดแล้ว แต่ว่าคนจะมาเมื่อไหร่ หรือว่าถ้าคนไม่มา พวกเราก็ต้องรอเป็นเพื่อนคุณอย่างนี้ตลอดไปใช่ไหม?”
“พวกเราทุกคนยุ่งมากนะเวลามีค่ามาก ไม่สามารถมาเสียเวลากับคุณที่นี่นะ”
ตระกูลโจวทุกคนก็น้อมรับพร้อมกัน แท้จริงแล้วพวกเขาจงใจ รู้แต่แรกแล้วว่าถังเฉาไม่สามารถหาคนมาได้ ไม่มีความสามารถแต่ยังแกล้งทำเป็นเก่ง
พวกเขาต้องการที่จะรอดูถังเฉาจนปัญญาว่าจะขายหน้าแค่ไหน
แต่ว่าถังเฉาไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้สักนิด ยังไปมองที่นาฬิกาแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ใกล้แล้ว อีกสามนาที”
แล้วโจวเหม่ยหยูนยิ่งหัวเราะจนสะใจ “ดี ฉันจะให้เวลาคุณอีกสามนาที ถ้าหากถึงสามนาทีแล้ว พวกคุณยังเริ่มงานไม่ได้ โครงการนี้ก็ต้องมอบให้พวกเราตระกูลโจวทำ”
“ แน่นอน” ถังเฉายิ้ม
ไม่นาน สามนาทีผ่านไป ก็ยังคงไม่เห็นแม้แต่เงา
โจวเหม่ยหยูนหัวเราะอย่างเย็นชา เดินมาถึงข้างหน้าถังเฉา “สามนาทีถึงแล้ว พวกคุณยังเริ่มงานไม่ได้ ยังไม่รีบมอบโครงการออกมาอีก —-”
ตู้ม …
ยังไม่ทันพูดจบ ก็มีเสียงดังก้องมาจากบนท้องฟ้า
เงาขนาดใหญ่ ปกคลุมเข้ามา
ทุกคนเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว ชะงักทันที
เห็นแต่เครื่องบินลำหนึ่ง จอดอยู่เหนือศีรษะของพวกเขา