เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 105
บทที่ 105 คนที่ร่ำรวยที่สุดกำลังจะมา
เสียงดังก้อง —-
เฮลิคอปเตอร์งลงจอดบนพื้นราบใกล้ๆทีละลำ คนกลุ่มหนึ่งเดินขนอุปกรณ์เข้าไปในบริษัทโอ้ซินทีละเครื่อง ทำเอาคนตระกูลโจวทั้งหมดมองตาค้าง
สีหน้าของโจวเหม่ยหยูนเปลี่ยนเป็นสีทั้งแดงทั้งขาว ราวกับว่าถูกใครตบไปแรงๆหลายที ใบหน้าของโจวฉวนกั๋วเขียวเต็มหน้า กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกอย่างรุนแรง
ใช้เฮลิคอปเตอร์ขนส่งอุปกรณ์?
นี่ต้องใช้เงินเท่าไหร่เนี่ย …
โจวฉวนกั๋วไม่สามารถคาดเดาได้ ขยี้ตาแรงๆ หันศีรษะมองถังเฉาด้วยความตกใจ
ถังเฉาไปคุมสถานที่แล้ว “รบกวนพวกคุณหลีกทางหน่อย คนเยอะเกิน เกะกะที่ หรือไม่ก็พวกคุณออกไปก่อนเถอะ?”
“… ”
ได้ยินคำพูดถังเฉา โจวฉวนกั๋วยิ่งความดันขึ้น โกรธจนสั่นไปทั้งตัว
คนของตระกูลโจวถูกไล่ออกไปทั้งหมด จ้องมองในบริษัทที่มีแต่ความคึกคัก ต้องการคนมีคน ต้องการอุปกรณ์ก็มีอุปกรณ์
ถังเฉาเคยบอกว่าพรุ่งนี้จะเริ่มงาน สุดท้ายก็บรรทุกคนและอุปกรณ์มาได้จริงๆ
โจวฉวนกั๋วสุดที่จะทน หนึ่งฝ่ามือตบไปที่หน้าโจวเหม่ยหยูน ตะโกนด้วยความโกรธ “ใครก็ได้บอกฉันทีนี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพริบตาเดียวก็มีคนมากมายขนาดนี้!”
สีหน้าของของโจวเหม่ยหยูนก็แย่จนดูไม่ได้ ไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียว
เธอก็มึนงง ถังเฉาคนนี้เรียกคนงานมาจากที่ไหนมาเยอะแยะ?
ทุกคนในตระกูลโจวยืนเหมือนคนโง่เขลา ยืนซื่อบื้ออยู่ที่หน้าประตูบริษัทโอ้ซิน ราวกับเทพเจ้าที่เฝ้าประตู ยุ่งเหยิงในสายลม
พวกเขามาดูเรื่องตลกของถังเฉา แต่สุดท้ายคนที่กลายเป็นตัวตลก คือพวกเขา?
อีกอย่างเรื่องที่ทำให้เขาตะลึงเพิ่งจะเริ่มขึ้น
หลังจากที่คนงานทุกคนลงจากรถ พวกเขาก็ไม่ได้วิ่งเพ่นพานไปไหน แต่ยืนเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ ราวกับว่ากำลังรอใครมา
หลินเจิ้นสงเพิ่งจะได้สติจากอาการตกตะลึง มองไปที่ถังเฉาและถามอย่างไม่เชื่อว่า “คนพวกนี้ คุณเป็นคนหามาหรอ?”
ถังเฉายิ้มเล็กน้อย โดยไม่พูดอะไรสักคำ
เรื่องบางเรื่อง ไม่จำเป็นต้องพูดมาก คนจะเข้าใจย่อมเข้าใจโดยธรรมชาติ
ในขณะนี้ รถBMW ขับเข้ามาที่บริษัทโอ้ซิน
ทุกคนในตระกูลโจวหันศีรษะไปมอง คราวนี้คืออะไรอีก?
เพียงเห็นประตูรถเปิดชายทั้งสองก็ออกจากรถอย่างใจเย็นและเดินเข้าไปในบริษัทโอ้ซินอย่างสง่าผ่าเผย
หลังจากเห็นคนหนึ่งในนั้นอย่างชัดเจน โจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวยต่างก็สีหน้าเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
“ที่แท้เป็นเจ้าของอาคาร เจิงเทียนเสียง?!”
พวกเขากำลังจะหันศีรษะไปถามโจวฉวนกั๋ว แต่กลับสังเกตเห็นว่าตาของคนข้างหลัง จ้องมองไปที่ผู้ชายอีกคนอย่างไม่กระพริบตา
เขามองด้วยความมึนงงตกตะลึง ตะลึงทันที แม้แต่จะพูดก็ติดอ่าง
“ เขา เขาคือ … ”
“พ่อ ผู้ชายอีกคนเป็นใคร” โจวเหม่ยหลิงถามอย่างประหลาดใจ
เพี้ยะ —-
โจวฉวนกั๋วตบหน้าโจวเหม่ยหลิง และด่าว่าด้วยความโกรธ “หุบปาก ต้องเรียกเถ้าแก่หู!”
“ เถ้าแก่หู? เถ้าแก่หูคือใคร?”
แม้ว่าโจวเหม่ยหลิงจะรู้สึกอัดอั้นใจ แต่ก็สายเกินไปที่จะเรียกร้องความเป็นธรรม ดวงตาของเธอว่างเปล่า
โจวเหม่ยหยูนกลับนึกขึ้นมาได้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดเซียวทันที “หรือว่าเขาคือเศรษฐีอันดับต้นๆที่มีชื่อเสียงของเมืองหมิงจู หูอีซาน!”
“ถูกต้อง!”
โจวฉวนกั๋วหายใจติดขัด เกือบจะหยุดหายใจ “เศรษฐีต้นอันดับๆของเมืองหมิงจู เจ้าของอาคาร ทำไมถึงมาบริษัทเล็กๆอย่างนี้ได้?”
แม้ว่าตระกูลโจวจะเป็นหนึ่งในครอบครัวของเมืองหมิงจู แต่ในสายตาของหูอีซานและเจิงเทียนเสียง แทบไม่อยากเหลียวมอง
“ฉันเข้าใจแล้ว!”
ทันใดนั้น หลินฉ่ายเวยก็พูดอย่างอวดฉลาด “เขาคงมาเพื่อคุณปู่แน่เลย”
“มาเพื่อปู่? เพราะอะไร?” ท่าทีของโจวฉวนกั๋วรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ
“ คุณปู่ ลองคิดดูสิ!”
หลินฉ่ายเวยพูดอย่างตื่นเต้น “คนที่อยู่ในสถานการณ์ที่นี้ เมื่อก่อนมีใครเคยเห็นเศรษฐีอันดับต้นๆของเมืองหมิงจู แถมยังพูดคุยกับเขา? ไม่ใช่มีแค่ปู่คนเดียวหรอ?”
ทันทีที่พูดออกมาโจวฉวนกั๋วก็เปลี่ยนเป็นมีราศีขึ้นมา พึมพำกับตัวเองว่า “เมื่อก่อนจริงๆปู่ก็เคยเห็นเถ้าแก่หูไกลๆครั้งหนึ่ง หรือว่า ตอนนั้นเขาก็สังเกตเห็นปู่แล้ว?”
“ ถ้างั้นก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีของตระกูลโจวจริงๆ”
โจวเหม่ยหยูนพูดอยู่ข้างๆ “พ่อ ฉันคิดว่าคุณควรเข้าไปทักทาย เพื่อเพิ่มความประทับใจให้กับเถ้าแก่หูนะ”
“อืม มีเหตุผล”
โจวฉวนกั๋วนิ่งไปสักพัก หายใจเข้าลึกๆหลายครั้ง จัดการกับท่าทีของตัวเอง หลังจากนั้นก้าวยาวๆไปหาเจิงเทียนเสียงกับหูอีซานทั้งสองคน
ตั้งแต่เจิงเทียนเสียงเข้าร่วมสมาคมการค้าหงยิง ตำแหน่งก็สูงขึ้นตามสถานการณ์ ไปมาหาสู่กับหูอีซานตลอด
เจิงเทียนเสียงต้องการเรียนรู้จากหูอีซาน แต่หูอีซานก็รู้ด้วยว่า เจิงเทียนเสียงเข้าร่วมสมาคมการค้าหงยิง สาเหตุเพราะหัวหน้าใหญ่ เขายังต้องการยืมมือของเจิงเทียนเสียง เพื่อจะได้พบนายใหญ่บ่อยขึ้น นี่ก็ ทั้งสองจึงได้มาด้วยกัน
ระหว่างที่พูดคุยหยอกล้อกัน ทันใดนั้นชายชราคนหนึ่งพุ่งมาตรงหน้าพวกเขาและถามอย่างตื่นเต้น “ท่านเป็นเศรษฐีอันดับต้นๆของเมืองหมิงจูประธานหูใช่ไหม”
หูอีซานและเจิงเทียนเสียงมองตากันแล้วถามว่า “เหล่าเจิง นี่คนของคุณหรอ?”
“ไม่เคยเห็น” เจิงเทียนเสียงส่ายศีรษะ
โจวฉวนกั๋วประกาศชื่อของเขาทันที “ผมคือตระกูลโจวแห่งเมืองซ่านเฉิง เมื่อก่อนเคยมีวาสนาได้เห็นท่านครั้งหนึ่ง… ”
“ ไม่เคยได้ยินมาก่อน!”
หูอีซานกวาดสายตามองไปที่โจวฉวนกั๋วอย่างไม่แยแส จากนั้นก็ไม่มีอารมณ์สนใจ
“ไม่ว่าคุณจะเป็นคนตระกูลโจวหรือตระกูลหยาง อย่ามาขวางทาง”
เจิงเทียนเสียงก็ตะโกนผลักโจวฉวนกั๋วออก และทั้งสองก็เดินไปที่บริษัทโอ้ซิน
“คุณพ่อ เป็นยังไงบ้าง … ”
โจวเหม่ยหยูนก็รีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว กลับพบว่าสีหน้าของโจวฉวนกั๋วนั้นซึม ราวกับว่าได้รับความกระทบกระเทือนอย่างใหญ่หลวง
“คุณถัง!”
อีกด้านหนึ่ง เจิงเทียนเสียงกับหูอีซานมาถึงข้างหน้าของถังเฉาพร้อมเพียงกัน เรียกอย่างเคารพและนับถือ
เสียงนั้นดังมาก ดังไปถึงหูของทุกคนในตระกูลโจว
เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาดูใกล้ๆ ทันใดนั้นดวงตาก็เบิกกว้างและดูเหมือนเห็นผีในตอนกลางวันแสกๆ
เศรษฐีอันดับต้นๆของเมืองหมิงจูหูอีซาน เจ้าของอาคารเจิงเทียนเสียง สองคนในเมืองหมิงจูที่มีบทบาทสำคัญในด้านธุรกิจ ถึงกับโค้งตัวลง ยืนอยู่ข้างๆถังเฉาอย่างระมัดระวัง
หลินเจิ้นสงก็ตกใจเช่นกัน เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าหูอีซานเศรษฐีอันดับต้นๆในเมืองหมิงจูกับเจ้าของอาคารจะมาเยี่ยมเยียนบริษัทของเขา รีบลุกขึ้นยืนด้วยความยินดีและตะโกนว่า “ประธานเจิง ประธานหู!”
ขณะที่ถังเฉากำลังนั่งอยู่ สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยและเขาได้ตอบว่า “อืม”
ด้วยรอยยิ้มที่ประจบบนใบหน้าของหูอีซานพูดว่า “ คุณถังคนงานทั้งหมดถูกส่งไปตามจุดต่างๆของบริษัท ผู้ผลิตหลายแห่งได้บริจาคยื่นมือเข้าช่วยโรงงาน เพื่อให้บริษัทโอ้ซินใช้สอย ด้วยความสมัครใจโดยมีคนงานหนึ่งแสนคน สามารถเริ่มงานก่อสร้างได้ในเวลาเดียวกัน”
ตูม —-
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้พูดออกมา ทุกคนในตระกูลโจวรู้สึกราวกับว่าพวกเขาถูกฟ้าผ่าและร่างกายของพวกเขาก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง
จุดต่างๆ?
หนึ่งแสนคน เริ่มงานพร้อมกัน?
ในตอนนี้ พวกเขาก็รู้แล้วว่าทำไมมีคนงานถึงหนึ่งแสนคนบินมาที่เมืองหมิงจู ที่แท้มาจากเศรษฐีอันดับต้นๆของเมืองหมิงจู หูอีซานเป็นคนจัดการ!
ในเวลาเดียวกัน พวกเขามองถังเฉาด้วยความสยดสยอง คิดยังไงก็ไม่เข้าใจ เขาทำบุญด้วยอะไร ถึงสามารถเชิญหูอีซานมาได้? !
“ฉันเข้าใจแล้ว เป็นเพราะผู้หญิงที่อยู่ข้างกายถังเฉาคนนั้นนี่เอง!”
ทันใดนั้น สีหน้าของหลินฉ่ายเวยก็เปลี่ยนไป พูดสิ่งที่ตัวเองคาดเดาออกมา
“ผู้หญิงอะไร?” โจวฉวนกั๋วไม่เคยเห็นเฟิ่งหวง และไม่เคยรู้ว่ามีบุคคลคนนี้อยู่
หวนนึกถึงผู้หญิงคนนั้น หลินฉ่ายเวยก็รู้สึกกลัวอยู่พักหนึ่ง “ เธอเดินตามข้างหลังไอ้ขยะคนนั้นเหมือนไม่มีวิญญาณ ถ้าเธอไม่พูด ก็จะไม่มีใครคนอย่างเธอมีตัวตนอยู่ ฐานะของเธอลึกลับมาก แม้แต่เขตกองทัพทหารหมิงจู ก็ยังต้องเคารพเธอด้วยความนับถือ”
“อะไรนะ?!”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ โจวฉวนกั๋วก็กลัวขึ้นมา ในขณะเดียวกันสายตาก็จดจ่อไปที่ถังเฉา
ไอ้ขยะคนหนึ่ง ข้างกายมีคนลึกลับ และมีคนที่มีอำนาจติดตามเขาขนาดนี้ คนแบบนี้ จะเรียกว่า ‘ไอ้ขยะ’ ได้อีกเหรอ?”
“เหม่ยหยูน เริ่มตั้งแต่วันนี้ เธอก็อยู่ที่ตระกูลหลินต่อไป ไม่ต้องกลับตระกูลโจวแล้ว!”
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ โจวฉวนกั๋วรีบพูดกับโจวเหม่ยหยูนอย่างจริงจังทันที
สีหน้าของโจวเหม่ยหยูนเปลี่ยนไปทันที “เพราะอะไร?”
“ถังเฉาคนนี้ไม่ธรรมดา อีกอย่าง หลินเจิ้งสงก็คงต้องเป็นคนใหญ่คนโต!”
โจวฉวนกั๋วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “หน้าที่ของเธอ ก็คือจัดการเรื่องนี้ให้ชัดเจน ดูว่ามีจุดไหนที่สามารถหลอกใช้ได้”
ลี่จิงกรุ๊ป ต่อไปเขาก็คงรังแกมาถึงหัวพวกเราแล้ว
“ฉันรู้ แน่นอนว่าจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น”
สีหน้าของโจวฉวนกั๋วเย็นชา “ ลูกเขยแต่งเข้าบ้าน ก็ต้องมีจิตใต้สำนึกของลูกเขยแต่งเข้าบ้าน ฉันจำได้ ถังเฉาคนนั้น น่าจะไม่กินเส้นกับตระกูลซ่งนะ?”
โจวเหม่ยหยูนเข้าใจความหมายของโจวฉวนกั๋วทันที “พ่อต้องการให้ตระกูลซ่งจัดการกับถังเฉาใช่ไหม?”
โจวฉวนกั๋วยิ้มอย่างเย็นชา “ถังเฉาคนนั้นเป็นตัวแปร จำเป็นต้องรีบกำจัด พวกเราสู้ไม่ได้ หรือแม้แต่ตระกูลซ่งก็ยังจัดการเขาไม่ได้เชียวหรอ?”