เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 13
บทที่ 13 สาดน้ำโสโครก
“สวัสดีครับทุกคน ผมชื่อซุนชิงจากบริษัทหลงเถิงครับ”
ซุนชิงมาถึงเวที ยิ้มและมองไปที่ข้างล่างเวที แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “บริษัทลี่จิงกรุ๊ปถือเป็นบริษัทใหม่ในเมืองหมิงจู ซึ่งเป็นบริษัทที่หลงเถิงของเราอยากร่วมงานมาด้วยตลอด แต่มันก็ไม่มีโอกาส และแล้ววันนี้โอกาสก็ได้มาถึง ก็ถือว่าได้ทำตามความฝันของบริษัทหลงเถิงเสียที ผมถือโอกาสนี้ขอบคุณลี่จิงกรุ๊ป อย่างจริงใจ”
พูดจบ แล้วก็โค้งคำนับอย่างสุดซึ้งให้กับเถียนหยู่
เถียนหยู่ยิ้มพร้อมกับใช้มือทำสัญญาลักษณ์ ยิ่งทำให้ซุนชิงมั่นใจยิ่งขึ้น
เขานำเสนอภาพการออกแบบบนจอใหญ่ มีแบบการบรรจุผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต และช่องทางการตลาด นำเสนอทั้งสามด้านอย่างยอดเยี่ยม ด้วยความเป็นมืออาชีพ ทำให้เถียนหยู่ที่ฟังอยู่พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง
หลินฉ่ายเวยสีหน้าไม่สู้ดี กำหมัดแน่น “ เมื่อก่อนพวกนี้มันเป็นจุดเด่นของพวกเรา!”
โจวเหม่ยหยูนไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแต่หันไปมองถังเฉาอย่างเยือกเย็นแวบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าต้องการระบายความโกรธที่ตัวถังเฉา
หลงเถิงถือเป็นบริษัทใหญ่ การทำงานของแต่ละแผนกมีความชำนาญ ซุนชิงถือว่าจับเสือมือเปล่าเลยก็ว่าได้
“ดี!”
เมื่อซุนชิงบรรยายจบ เถียนหยู่ยืนขึ้นและเป็นผู้นำในการปรบมือ
ขนาดเถียนหยู่ยังปรบมือให้แล้ว บริษัทอื่น ๆ ก็ปรบมือตาม จากนั้น ก็มีเสียงปรบมือเป็นระยะ ๆ
ถึงแม้จะไม่มากนัก แต่ก็ทำให้ซุนชิงยิ้มจนไม่สามารถหุบปากได้ ถึงแม้หัวหน้าเถียนจะไม่สามารถช่วยตัวเองอย่างเปิดเผยได้ แต่ก็สามารถผลักดันเขาได้
เงินนี้ ไม่เสียเปล่า
“ขอบคุณหัวหน้าเถียน และขอบคุณทุกคน”
ซุนชิงมองไปข้างล่างเป็นเชิงสัญญาลักษณ์ให้ทุกคนอยู่ในความสงบ จากนั้นกวาดตามองไป เห็นสองแม่ลูกหลินฉ่ายเวยอยู่ด้านล่าง
กลอกตา แล้วก็ยิ้มแปลก ๆ “หัวหน้าเถียน เชื่อว่าคุณคงเคยได้ยินคดี316 อันโด่งดังใช่ไหม? ”
ซ่าร์……..
ทันทีที่คำพูดนี้จบ สีหน้าของหลินฉ่ายเวยกับโจวเหม่ยหยูนก็เปลี่ยนไปทันที บริษัทอื่นก็ได้กระซิบกัน แล้วทุกคนก็มองไปที่สองแม่ลูกด้วยสายตาประหลาด
“ผมจำได้ นั่นเป็นเหตุการณ์ที่อุตสาหกรรมการผลิตอาหารของตระกูลหลินถูกร้องเรียนใช่ไหม?”
“หลายบริษัทที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีปัญหาของตระกูลหลิน ทำให้เกิดอาหารเป็นพิษถึง 80 คน”
“วันนั้นเป็นวันที่16 มีนาคม ฉะนั้นคดีนี้จึงได้ชื่อว่าคดี316”
เมื่อได้รับฟังเช่นนี้ ความเย็นชาฉายขึ้นในแววตาของถังเฉา
หัวหน้าเถียนพยักหน้า สายตาของเขาเรียบเฉย “เคยได้ยิน มีอะไรเหรอ? ”
ซุนชิงยิ้มอย่างเยือกเย็น “ บริษัทเจ้าของคดี316 ก็อยู่ในการประมูลราคาในครั้งนี้ด้วย การทำธุรกิจต้องมีความซื่อสัตย์เป็นหลัก ไม่หลอกลวงผู้บริโภคเป็นวัตถุประสงค์ ทำไมถึงมีบริษัทที่เป็นคนชั่วของสังคมมาอยู่ในสถานที่นี้ด้วย!”
ทันใดนั้น ซุนชิงได้พูดเสียงแหลมดังยิ่งขึ้น ชี้ไปที่โจวเหม่ยหยูนกับหลินฉ่ายเวย แล้วตะโกนด้วยความโกรธว่า “หัวหน้าเถียน บริษัทที่ใจดำอำมหิตแบบนี้ไม่สมควรมาร่วมการประมูลในครั้งนี้ ผมเสนอ ขับไล่พวกเธอออกไป!”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วย?” เถียนหยุนขมวดคิ้ว
รายงานมีแต่ชื่อสาขาของตระกูลหลิน ส่วนบริษัทผลิตอาหาร ก็ได้ปิดตัวลงแล้ว เขาก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ยื่นรายชื่อเข้ามาตามปกติ
ชั่วพริบตา สองแม่ลูกหลินฉ่ายเวยก็กลายเป็นประเด็นหลัก
สีหน้าของพวกเธอไม่ค่อยสู้ดี “ไม่ใช่ พวกเราถูกใส่ความ ซุนชิง คุณอย่าพูดใส่ร้ายป้ายสี!”
“ใส่ร้ายป้ายสีเหรอ ผมมีเหรอ?”
“ซุนชิงยิ้มอย่างเยือกเย็น “ดวงตาของมวลชนนั้นเฉียบคม”
เถียนหยู่ครุ่นคิดอยู่นาน แล้วมองไปที่สองแม่ลูก
หลินฉ่ายเวย ออกคำสั่งขับไล่ “ ต้องขอโทษด้วย พวกคุณไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้ เชิญพวกคุณออกไป”
หลินฉ่ายเวยตกตะลึง เธอไม่เคยคิดว่า จะกลายเป็นแบบนี้ได้
ที่ซุนชิงจะแทงข้างหลังพวกเธอในการประมูลครั้งนี้
โจวเหม่ยหยูนรีบเดินไปที่หน้าเถียนหยู่ พูดขอร้อง “หัวหน้าเถียน คุณเป็นผู้ใหญ่ที่ใจกว้าง อย่าขับไล่พวกเราออกไปเลย คดี316นั้นพวกเราถูกใส่ความ!”
ในวันเดียวกันเกิดอาหารเป็นพิษถึง80คน และก็ถูกผู้เสียหายทั้งหมดฟ้องขึ้นศาลพร้อมกัน หากพูดว่าไม่มีคนแอบช่วยบงการอยู่ข้างหลัง ใครก็ไม่เชื่อ
แต่ว่า มันแล้วไงล่ะ?
บางครั้ง คนอื่นก็มองแค่ผลสรุป
ถ้าหากว่าพวกเธอถูกเถียนหยู่ไล่ออกจากที่นี่ อย่าว่าแต่งานประมูลเลย แผนที่จะไล่ถังเฉาออกจากตระกูลจากการประมูลราคาครั้งนี้ ก็ไม่สามารถบรรลุได้ ก็หมายความว่าสุดท้ายก็ได้แค่ความว่างเปล่า
“เรื่องนี้ไม่ต้องมาเจรจา” เถียนหยู่พูดอย่างเย็นชา ด้วยท่าทีนิ่งเงียบ
ซุนชิงยิ้มเพราะว่าแผนการของเขาประสบความสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว หลังจากที่เขาทำเช่นนี้แล้ว ตระกูลหลินก็จะสูญเสียสิทธิ์ในการประมูล ก็จะไม่มีทุนในการดำเนินกิจการต่อที่เมืองหมิงจูแล้ว?
สองแม่ลูกหลินฉ่ายเวยขอร้องให้ความเห็นใจ แต่เถียนหยู่ก็ไม่แยแส
“พวกเราจะไม่ร่วมงานกับบริษัทที่ไม่มีความซื่อสัตย์ของพวกคุณ”
สีหน้าเถียนหยู่เย็นชา และพูดต่อว่า “พวกคุณรีบออกไป อย่าให้ผมต้องเรียก รปภ”
โจวเหม่ยหยูนกับหลินฉ่ายเวยร้อนใจจนเดินวนไปรอบ ๆ มองไปที่เถียนหยู่ แล้วก็มองไปที่ซุนชิงที่อยู่บนเวที โจวเหม่ยหยูนเดินไปหน้าซุนชิง แล้วพูดข้อร้อง “ประธานซุน พวกเราตระกูลหลินเป็นถึงขนาดนี้แล้ว คุณก็ปล่อยพวกเราสักครั้ง พวกเราก็แค่ทำอยากทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปวัน ๆ เท่านั้น”
ถึงตอนนี้เอง ที่เธอเพิ่งเข้าใจว่าซุนชิงถึงไม่มีความหวาดกลัว เพราะว่าเขากับเถียนหยู่เป็นพวกเดียวกัน
หลินฉ่ายเวยไม่มีทางเลือก จึงจำทนกัดฟันพูดว่า “ประธานซุน ขอโทษด้วยค่ะ”
ฮ่า ๆ “พวกคุณก็มีวันนี้ด้วย”
เมื่อเห็นอดีตเจ้านายและลูกสาวได้พูดขอร้องตนเอง ซุนชิงรู้สึกภูมิใจมาก หัวเราะเสียงดัง “แต่ว่า หัวหน้าเถียนได้ตัดสินแล้ว ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้ พวกคุณก็ขอพรให้ตนเองแล้วกัน”
“หัวหน้าเถียนเป็นผู้ตัดสินว่าจะให้ใครสามารถร่วมงานประมูลครั้งนี้?”
คำพูดของซุนชิงทำให้สองแม่ลูกหลินฉ่ายเวยสิ้นหวัง ขณะนั้น ก็มีเสียงเรียบ ๆ ดังขึ้นมา
ทุกคนต่างกวาดตาไปมอง เห็นถังเฉาเดินไปอยู่ข้างสองแม่ลูกหลินฉ่ายเวย
“อึม? เขาคือใคร? ” เถียนหยูไม่เคยเห็นถังเฉามาก่อน ขมวดคิ้วแล้วถาม
“หัวหน้าเถียน ภูมิหลังของเขาพูดแล้วมันน่าปวดหัว”
เมื่อเห็นว่าเป็นถังเฉา ซุนชิงปีติ “ก็เป็นคนของตระกูลหลินเหมือนกัน เมื่อ5ปีก่อนเป็นเขยแต่งเข้าของตระกูลซ่ง เพียงแต่ว่าได้หลบหนีไปในคืนแต่งงาน”
“โอ้ ที่แท้เป็นคนของตระกูลหลิน”
สองแม่ลูกหลินฉ่ายเวยสีหน้าไม่สู้ดี เถียนหยู่ก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ “งั้นก็ไสหัวออกไปพร้อมกัน”
“ถังเฉา แกไม่มีสิทธิ์อะไรมาพูดที่นี่ หุบปากซะ!”
เมื่อเห็นไอ้คนไร้ประโยชน์คนนี้ราดน้ำมันบนกองไฟ โจวเหม่ยหยูนโกรธจนอยากจะเข้าไปทำร้ายเขา
ถังเฉาทำเหมือนไม่ได้ยิน ยังคงมองไปที่เถียนหยู่อย่างเฉยเมย “หัวหน้าเถียน รู้สึกว่าคุณเป็นแค่คนตรวจสอบเบื้องต้น ไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินว่าบริษัทไหนจะอยู่หรือจะไปใช่ไหมครับ? ”
เพลี้ยง!
เถียนหยู่รู้สึกว่าตัวเองถูกดูหมิ่นอย่างมาก เขาทุบโต๊ะ “คุณคิดว่าผมทำอะไรตระกูลหลินไม่ได้เหรอ? ”
“หัวหน้าเถียน เรื่องชั่วที่เคยทำไว้ มันจะปรากฏขึ้นสักวัน”
ถังเฉายังคงสงบ แล้วไปกระซิบที่ข้างหูเถียนหยู่ว่า “เบื้องหลังการประมูลครั้งนี้มีเงินเป็นข้อแลกเปลี่ยนอยู่ ผมก็ทราบ”
ทันใดนั้น มีความตื่นตระหนกอยู่ในแววตาของเถียนหยู่ เขาอับอายจนโกรธแล้วพูดว่า “คุณพูดพล่อย ๆ อย่ามาเที่ยวกัดคนที่นี่ รปภ รปภ ไล่เขากับคนตระกูลหลินออกไปจากที่นี่!”
“คุณลองไล่ดู?”
ขณะที่เถียนหยู่กำลังเรียก รปภ ทันใดนั้นประตูที่ปิดอยู่ก็ถูกผลักออก มีเสียงตะโกนออกมาอย่างเยือกเย็น
เจิงเทียนเสียงเดินเข้ามาด้วยความสง่างาม