เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 134
บทที่ 134 ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่อาจปิดบังได้
หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน ข่าวทั้งสองเรื่องดังไปทั่วเมืองหมิงจู ไม่ว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตหรือคนทั่วไปต่างก็พากันถกเถียงกันเรื่องข่าวทั้งสองเรื่องนี้
ข่าวแรกคือคดี 316 ที่เป็นเรื่องแดงออกมา พนักงานในหลงเถิงกรุ๊ปลาออกเป็นจำนวนมาก ประธานซ่งเทียนซานลาออกภายใต้แรงกดดันจากความคิดเห็นของประชาชน หลงเถิงกรุ๊ปถูกซื้อจากบุคคลลึกลับ
ข่าวที่สองก็เป็นผลพวงของคดี 316 เช่นกัน บริษัทผลิตยาหงเทียนล้มละลายและปิดตัวลง ประธานฉางหงเทียนเสียสติเหมือนคนบ้าอาละวาดบนท้องถนน และเกือบจะบีบคอคนบริสุทธิ์ตาย!
ทั้งสองเรื่องเหมือนหินก้อนใหญ่ที่ถูกโยนลงไปในทะเลสาบอันเงียบสงบ จนทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์ สื่อต่างๆ ในพื้นที่หมิงจู ต่างพากันรายงานข่าวนี้อย่างดุเดือด ถึงขนาดที่มีคนเปิดโปงเรื่องสกปรกที่บริษัทผลิตยาหงเทียนเคยทำมาก่อนหน้านี้ ตระกูลหลินที่ถูกใส่ร้ายกลั่นแกล้งอย่างไม่เป็นธรรมถูกกำจัดออกไปจนหมดสิ้น
เรื่องนี้ทำให้ตระกูลซ่งติดร่างแหไปด้วย เพราะซ่งเทียนซานเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในคดี 316 เขาข่มขู่ญาติของผู้ป่วยที่โดนพิษ คนที่ให้พวกเขาย้ายออกไปจากเมืองหมิงจู ก็คือซ่งเทียนซาน
ด้วยเหตุนี้ซ่งหรูอี้ประธานกรรมการของบริษัทตระกูลซ่งก็ไม่ตอบคำถามโดยตรง เธอให้ผู้ช่วยอย่างซ่งหมิงเวยเป็นผู้ตอบคำถามนักข่าวที่มาสัมภาษณ์
“การกระทำและสิ่งที่ซ่งเทียนซานทำ ไม่ได้หมายถึงตระกูลซ่ง อีกอย่างตอนนี้เขาไปเที่ยวต่างประเทศ”
คำพูดนี้เป็นการไล่พวกนักข่าวไป
ถึงแม้คำพูดนี้จะพูดยาก เหมือนเป็นทำนองว่าจะละทิ้งซ่งเทียนซาน แต่ว่าซ่งเทียนซานไปเที่ยวต่างประเทศจริงเหรอ
ไม่มีใครเชื่อสักคน
โรงพยาบาลผู้ป่วยทางจิตแห่งที่สาม
ที่นี่คือโรงพยาบาลประสาทแห่งเดียวในเมืองหมิงจู และยังเป็นสถานที่ที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงที่สุดในเมือง
ทุกที่ดูเหมือนจะปกติ แต่ความเป็นจริงเต็มไปด้วยคนบ้าที่สติไม่ปกติ เพราะเหตุนี้การรักษาความปลอดภัยของที่นี่จึงเข้มงวดมาก แม้แต่แมลงวันตัวเดียวก็ไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้
ภายในตึกอันเงียบสงบ ชายรูปร่างผ่ายผอมกำลังตั้งอกตั้งใจดูทีวี พิธีกรกำลังรายงานข่าวการล้มละลายของบริษัทผลิตยาหงเทียน จนทำให้ประธานฉางหงเทียนเสียสติและจะฆ่าบนท้องถนน
ชายคนนั้นยิ้มบางๆ เหมือนอารมณ์ดี
“หมายเลข 87 ออกมาทานข้าวได้แล้ว”
ขณะนั้นเองเสียงผู้คุมก็ดังเข้ามาข้างใน
“ครับ”
ชายคนนั้นปิดทีวีและเดินออกไปข้างนอกอย่างสบายใจ
ใบหน้าของเขาหล่อเหลาและดูดี ไม่เหมือนกับผู้ป่วยคนอื่น จริงๆ แล้วถ้าเขาสวมสูทสีขาว ก็จะดูเหมือนคุณชายของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง
เขาควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี เขายิ้มและขอบคุณคนที่ยื่นอาหารมาให้เขา
หน้าตาและอารมณ์ของเขาดูดี เขาเดินมานั่งที่มุมเงียบๆ มุมหนึ่ง และยกช้อนส้อมขึ้นทานอาหารอย่างสง่างาม
แต่ทว่าผู้ป่วยคนอื่นๆ กลับมองเขาด้วยแววตาหวาดกลัว เมื่อเห็นเขาเดินมาต่างพากันสละที่นั่งให้เขา
ขณะนั้นเอง ประตูโรงพยาบาลประสาทถูกเปิดออก มีผู้ป่วยถูกส่งมาหนึ่งคน
ทุกคนหันไปมองทางประตู เพราะอยากรู้ว่า ‘ผู้มาใหม่’ เป็นใคร
ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองผู้ป่วยที่ถูกส่งตัวมาใหม่เช่นกัน เขาชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นจึงแสยะยิ้มออกมา
ฉางหงเทียนเห็นผู้ชายคนนั้น จู่ๆ แววตาของเขาก็หวาดกลัวขึ้นมา
ชายคนนั้นวางช้อนส้อมลง จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาฉางหงเทียน และหัวเราะอย่างมีความสุข
“พ่อก็เข้ามาอยู่เป็นเพื่อนผมเหมือนกันเหรอ”
……
ข่าวที่หลงเถิงกรุ๊ปเปลี่ยนเจ้าของและข่าวที่ประธานบริษัทผลิตยาหงเทียนกลายเป็นผู้ป่วยทางจิตไปถึงหูของตระกูลหลิน
“แม่ได้ยินหรือยังว่าประธานของหลงเถิงกรุ๊ปเปลี่ยนคนแล้ว!”
หลินฉ่ายเวยดูข่าวในทีวีด้วยสายตาวูบไหว เธอถอนหายใจออกมา
โจวเหม่ยหยูนสีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ “เรากลับไปตระกูลโจวรอบเดียว คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้”
ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นที่หลงเถิงกรุ๊ปโจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหลิงไม่ได้ไปทำงาน และกลับไปที่ตระกูลโจว
“ไม่รู้ว่าประธานคนใหม่เป็นใคร ถึงได้ทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้”
หลังจากที่ตั้งสติได้ โจวเหม่ยหยูนก็พึมพำออกมา ขณะเดียวกันก็มองคนข้างๆ อย่างหลินเจิ้นสงที่กำลังตกใจอยู่เช่นเดียวกันด้วยท่าทีรังเกียจ
“ดูสิ คนอื่นซื้อหลงเถิงกรุ๊ป แต่นายกลับกินๆ นอนๆ อยู่บ้าน นายก็เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งหลงเถิงกรุ๊ป แต่ตอนนี้กลับเป็นได้แค่คนที่นั่งมองตาละห้อย!”
น้ำเสียงเสียดสีประชดประชัน จนลืมไปสนิทเลยว่าตอนแรก เธอนั่นแหละที่เป็นคนแนะนำให้ขายบริษัทให้ซ่งเทียนซาน
ขณะนั้นเอง ถังเฉาเดินเข้ามาในตระกูลหลินและพูดกับหลินเจิ้นสงว่า “พ่อ ไปกับผม ผมจะพาพ่อไปที่ที่หนึ่ง”
“ไปไหน” หลินเจิ้นสงถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“ไปถึงก็รู้เอง”
ถังเฉาดึงหลินเจิ้นสงกำลังจะเดินออกไป จู่ๆ โจวเหม่ยหยูนก็พูดประชดออกมาว่า “เขาจะไปไหนได้ล่ะ”
ถังเฉาไม่ได้โมโหอะไร และพาหลินเจิ้นสงออกจากตระกูลหลินโดยไม่พูดอะไร
โจวเหม่ยหยูนไม่ได้รั้งไว้ กลับกันตอนนี้พวกเธอเป็นคนดูแลครอบครัว
“ถ้าเทียบกับหลงเถิงกรุ๊ป พวกเรามาคิดกันดีกว่าว่าจะแก้ไขเรื่องนั้นยังไง” โจวเหม่ยหลิงพูดออกมาเหมือนคิดอะไรได้
ดังนั้นโจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวยจึงไม่พูดอะไรต่อ และคิดอย่างเงียบๆ
การที่พวกเธอกลับตระกูลโจวก็เพราะต้องไปหารือสองเรื่องใหญ่
เรื่องแรกคือแผนฟื้นฟูหมิงจูเจียนอั้นได้รับการยืนยันว่าจะดำเนินการแล้ว โดยมีตระกูลต่งหนึ่งในสี่ตระกูลร่ำรวยเป็นหัวเรือใหญ่รับผิดชอบโซนท่องเที่ยวบริเวณต้นแม่น้ำหมิงจู ส่วนโครงการก่อสร้างปลายแม่น้ำยังไม่รู้ว่าจะให้ใครเป็นคนทำ
ตระกูลโจวพึ่งพาอาศัยตระกูลต่ง เลยได้ผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ตามไปด้วย ต้องหาเวลาแวะไปเยี่ยมตระกูลต่งสักหน่อยแล้ว
เรื่องที่สองคือทุกคนในตระกูลหลินมีเรื่องลำบากใจเล็กน้อย เพราะผู้อาวุโสของตระกูลเจิ้งในเมืองซ่างเฉิงครบรอบแปดสิบปี คนในตระกูลโจวล้วนไปแสดงอวยพร เมื่อไม่นานมานี้ ทั้งสองตระกูลได้จับคู่ให้หลินฉ่ายเวยกับเจิ้งฮ่าว แต่ทว่าเจิ้งฮ่าวได้เสียชีวิตไปแล้ว
ตอนนี้ตระกูลเจิ้งยังไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ไม่ว่ายังไงความจริงเป็นสิ่งที่ไม่อาจปิดบังได้
“ขอแค่ตระกูลเจิ้งเอาไอ้สวะนั้นไปรับโทษสูงสุด”
แววตาของโจวเหม่ยหยูนฉายแววความร้ายกาจออกมา “สัญญาของตระกูลโจวกับตระกูลเจิ้งกำลังอยู่ในช่วงหอมหวาน อย่าให้ถังเฉาเข้ามาทำลายได้!”
“ไม่เลวนิ”
หลินจ้องพยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน “แต่กลัวว่าฝั่งตระกูลเจิ้งจะไม่ยอมฟังง่ายๆ น่ะสิ”
หลานชายอันเป็นที่รักตายอย่างน่าเวทนา ผู้อาวุโสเจิ้งจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างแน่นอน เลือดต้องล้างด้วยเลือด ก็เป็นสิ่งที่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นิ
“ถ้าเกิดปิดบังเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ เราต้องทำให้ตระกูลเจิ้งเห็นถึงความซื่อสัตย์ของเรา”
โจวเหม่ยหลิงเอ่ยขึ้น “ถึงผู้อาวุโสเจิ้งจะฆ่าไอ้สวะนั่น เราก็ห้ามมีความลังเลใดๆ!”
“ไม่เลวนิ”
“ต้องเป็นอย่างนั้นอย่างแน่นอน!”
คนอื่นพากันพูดเสริม ทุกคนเห็นพ้องต้องกันอย่างรวดเร็ว
เมื่อดูเวลา หลินฉ่ายเวย โจวเหม่ยหยูนและคนอื่นๆ ในตระกูลหลินต่างพากันลุกขึ้น “พวกเราไปบริษัทก่อน หลงเถิงกรุ๊ปโดนใครบางคนซื้อไปแล้ว พนักงานที่คิดสวนทางกันก็เริ่มออกมาเคลื่อนไหว พวกเราต้องไปดูว่าบอสคนใหม่เป็นใคร”
พูดจบก็ขับรถไปที่อาคารกั๋วจี้
ในขณะเดียวกันถังเฉากับหลินเจิ้นสงก็มาถึงที่อาคารกั๋วจี้เช่นกัน
เห็นคนเดินไปเดินมาในอาคารใหญ่ หลินเจิ้นสงถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “เสี่ยวเฉา พาพ่อมาที่อาคารกั๋วจี้ทำไม”
ถังเฉายิ้มอย่างมีเลศนัย “เข้ามาก็รู้เอง”
พูดจบเขาก็กดปุ่มลิฟต์
ลิฟต์ไม่ได้ไปที่ชั้นบนสุดของอาคารกั๋วจี้ แต่กลับไปที่ชั้นกลางของอาคาร
ประตูถูกเปิดออก มีตัวอักษรขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า
บริษัทหุ้นหลงเถิง!