เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 138
บทที่ 138 ตระกูลหลวงในเยี่ยนตู
ฉันหวังว่าเขาจะตาย!
คำพูดนี้น่ากลัวยิ่งกว่าความเกลียดชัง น้ำเสียงเย็นยะเยือกจนเข้าไปถึงกระดูก ถังเฉาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้ยินก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
ถังเสี่ยวลี้ที่นั่งอยู่บนตักของถังเฉาก็ตกใจเช่นกัน พายเนื้อที่อยู่ในมือถึงกับหล่นลงพื้น
“แม่เป็นอะไรคะ”
ถังเสี่ยวลี้กอดถังเฉาแน่น สีหน้าของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความกังวล และพูดพึมพำออกมา
หลินชิงเสว่ยังไม่สามารถตั้งสติได้ เมื่อรู้ว่าเธอแสดงอาการออกมามากจนเกินไป ก็รีบตัดสายและบล็อกเบอร์นั้นทันที เธอพูดขอโทษออกมา “ขอโทษนะเสี่ยวลี้ แม่ทำให้ลูกตกใจใช่ไหม”
“ไม่ได้ตกใจค่ะ”
ถังเสี้ยวลี้ส่ายหน้า ดวงตาคู่สวยยังคงมองหลินชิงเสว่อย่างเป็นกังวล “แม่อย่าโกรธเลย ต่อไปเสี่ยวลี้จะเชื่อฟังแม่ ไม่ทำให้แม่โมโห…”
เมื่อได้ยินที่เสี่ยวลี้พูด หลินชิงเสว่ก็ไม่กล้าพูดเรื่องหนักใจออกมา สีหน้าของเธอยิ่งรู้สึกผิดขึ้นไปอีก
สาเหตุเพราะตัวเธอเองแท้ๆ แต่เสี่ยวลี้กลับคิดว่าตัวเองทำให้เธอโกรธ และเอาแต่พูดขอโทษเธอ
“แม่ไม่ได้โกรธ เสี่ยวลี้เป็นเด็กดีและเชื่อฟังมาก”
เธออุ้มเสี่ยวลี้มาจากถังเฉา และกอดเด็กน้อยเอาไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเด็กน้อยจะหายไปอย่างไรอย่างนั้น
ถังเฉารู้สึกเหมือนมีอะไรผิดปกติ จึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เมื่อกี้ใครโทรมาเหรอ เขาเป็นใคร”
หลินชิงเสว่เงียบไป แววตาของเธอเต็มไปด้วยความลำบากใจ
ขณะนั้นเสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง ยังคงเป็นเบอร์แปลก
หลินชิงเสว่ตัดสายทิ้ง แต่ถังเฉากลับส่ายหน้าไปมา แววตาของเขาลุ่มลึกและแฝงไปด้วยความน่ากลัวอันเย็นยะเยือก
เขาอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่ทำให้ชิงเสว่สีหน้าเปลี่ยนไปเช่นนั้น
ลังเลอยู่ครู่ใหญ่ หลินชิงเสว่จึงกดรับสาย
“ชิงเสว่ ทำไมคุณถึงตัดสายผม ใช่ว่าคุณจะไม่รู้ ถึงคุณจะบล็อกผม ผมก็ยังมีอีกเป็นพันวิธี”
เมื่อรับสาย ก็มีเสียงขี้เล่นของผู้ชายดังขึ้น
“นายเป็นใคร” ถังเฉาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“.…..”
จู่ๆ ก็มีเพียงความเงียบ ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจหนักๆ ของอีกฝ่าย
ขณะที่พูด น้ำเสียงของผู้ชายไม่ได้ขี้เล่นเหมือนตอนแรกอีกแล้ว มันเริ่มจริงจังขึ้น
“ชิงเสว่ มีผู้ชายอยู่ข้างเธอ”
“ฉันคือสามีของเธอ”
ถังเฉาปิดลำโพงและยกมือถือขึ้นมาแนบหู จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“.…..”
เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ชายคนนั้นจึงถามลองเชิงว่า “นายคือ..ถังเฉา คนที่ทำให้ชิงเสว่ท้องแล้วหายไปห้าปีน่ะเหรอ”
“ฉันเอง”
แววตาของถังเฉาเต็มไปด้วยความอาฆาตขึ้นมาทันที เรื่องนี้เป็นเรื่องต้องห้ามภายในใจของเขา ใครก็ห้ามพูดถึงมัน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เมื่อรู้ว่าถังเฉาเป็นใคร ชายคนนั้นจึงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
หัวเราะอย่างเกรี้ยวกราด หัวเราะอย่างประชดประชัน เสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยความร้ายกาจและเยาะเย้ยถังเฉา
“ตลกมากหรือไง”
น้ำเสียงของถังเฉาเย็นยะเยือก “เชื่อไหมว่าถ้านายยังหัวเราะต่ออีกสักหน่อย ไม่ว่านายจะหลบอยู่ที่ไหน ฉันก็จะหานายจนเจอและตัดลิ้นนายออกมา”
“งั้นฉันขอเตือนนายว่าทางที่ดีอย่าทำแบบนี้ ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องที่นายมีปัญญาทำแบบที่พูดหรือเปล่า ถึงนายจะมีปัญญาทำแบบนั้น แต่ถ้ารู้จักฉันขึ้นมา นายคงไม่กล้าทำอะไรฉันแน่”
ชายคนนั้นยังคงหัวเราะออกมาอย่างไม่กลัวอะไร
“งั้นเหรอ นายเป็นใคร”
ถังเฉาหัวเราะ
บนโลกใบนี้ ไม่มีใครที่เขาไม่กล้าจัดการ
เสียงหัวเราะหยุดลง น้ำเสียงของชายคนนั้นแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ฟังให้ดีล่ะ ฉันชื่อหลินโป๋หลาย เป็นพี่ชายของหลินชิงเสว่”
“.…..”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของถังเฉาก็เปลี่ยนไปทันที พี่ชายของหลินชิงเสว่ งั้นก็เป็นพี่เขยของเขาน่ะสิ
“ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ เก่งนักไม่ใช่หรือไง”
หลินโป๋หลายหัวเราะ “ถ้านายเป็นคนขี้ขลาดตาขาวที่เก่งแต่ปาก ฉันขอเตือนให้นายหย่ากับชิงเสว่ซะ นายต้องตายเพราะเธอ!”
“หมายความว่าอะไร” ถังเฉาถามขึ้น สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความเยือกเย็นอีกครั้ง
“ทำผิดก็ต้องยอมจ่าย ถ้าจ่ายไม่ไหวก็ต้องจ่ายด้วยชีวิต”
น้ำเสียงของหลินโป๋หลายเคร่งขรึมและแฝงไปด้วยความอาฆาต “ถ้ามีวันใดวันหนึ่งที่นายตายอย่างน่าเวทนาอยู่บนถนน อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน”
“ถ้านายกล้าก็ลองดู”
ถังเฉาสูดหายใจลึก สีหน้าของเขากลับมาเป็นปกติ
“ใครเหรอคะพ่อ” ถังเสี่ยวลี้ที่ถูกหลินชิงเสว่อุ้มไว้ เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของถังเฉา เธอจึงถามออกมาเบาๆ
ถังเฉารีบยิ้มออกมา และพูดว่า “เพื่อนของพ่อน่ะ”
พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นและส่งสายตาให้หลินชิงเสว่ จากนั้นจึงเดินออกไปข้างนอกร้าน
น้ำเสียงเยาะเย้ยของหลินโป๋หลายดังขึ้นอีกครั้ง “เมื่อกี้คงจะเป็นเสียงเด็กต่ำตมที่เกิดจากนายกับชิงเสว่สินะ”
เมื่อได้ยินคำว่าเด็กต่ำตม ความอาฆาตที่ถูกซ่อนไว้ในแววตาของเขาระเบิดออกมาทันที
อุณหภูมิในห้องสี่เหลี่ยมเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที
เพล้ง เพล้ง เพล้ง
บนถนนที่เต็มไปด้วยแสงไฟ จู่ๆ ไฟบนถนนทั้งสองข้างก็แตกกระจายออกมา
“คำที่นายพูดมาเมื่อกี้ ฉันสามารถทำให้นายตายได้เป็นหมื่นรอบ!”
แววตาของเขาเย็นยะเยือก บนโลกนี้มีเพียงสองคนที่ทำให้เขาเสียสติได้
นั่นก็คือลูกและภรรยา
ราวกับหลินโป๋หลายสัมผัสได้ถึงอารมณ์โกรธที่ถังเฉาซ่อนเอาไว้ เขาจึงไม่พูดอะไรแทงใจดำอีก จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “ฟังไว้นะ ถ้านายกับชิงเสว่ไม่ได้มีผู้สืบสกุลก็ดีไป แต่ในเมื่อคลอดมาแล้ว มันก็คือสิ่งต่ำตม ไม่ใช่แค่คนเดียวที่อยากให้นายกับลูกสาวของนายตาย คนในตระกูลทุกคนก็อยากให้เด็กนั่นตาย และคนที่ก่อเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมาก็คือนาย!”
“ถ้าเมื่อห้าปีก่อน นายไม่ทำให้ชิงเสว่แปดเปื้อนจนตั้งท้อง ลูกของแกสองคนก็จะไม่ต้องตาย”
“นายไม่รู้หรอกว่าศัตรูที่นายเผชิญหน้าอยู่นั้นแข็งแกร่งแค่ไหน บาปทั้งหมดเกิดจากความไม่เจียมตัวของแก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถังเฉาถือมือเอาไว้และหลับตาลง
เขาลืมตาอีกครั้ง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความมืด
มันเป็นสีดำสนิท
คนที่คุ้นเคยกับถังเฉาจะรู้ทันทีว่าตอนนี้เขาน่ากลัวที่สุด
ถังเฉาแสยะยิ้มและหัวเราะออกมา “พวกนายมาจากเยี่ยนจิงใช่ไหม”
“ใช่ ตระกูลหลิน ตระกูลหลวงในเยี่ยนตู!”
น้ำเสียงในโทรศัพท์ของหลินโป๋หลายแฝงไปด้วยความหยิ่งยโส มันเป็นความยโสที่มีมาตั้งแต่เกิด
“ดี”
น้ำเสียงของถังเฉาเฉยเมย “สักวันหนึ่ง ฉันจะพาภรรยาและลูกสาวไปที่เยี่ยนจิงสักครั้ง ไปดูตระกูลหลวงในเยี่ยนตูที่เขาพูดถึง ว่าจะน่าเกรงขามขนาดไหน”
“ยินดีต้อนรับอย่างยิ่ง”
หลินโป๋หลายหัวเราะหึหึแล้วพูดว่า “แต่นายสองพ่อลูกจะมีชีวิตอยู่ถึงวันนั้นไหม”
เงียบไปครู่หนึ่ง เขาจึงพูดต่อ “เตือนเพราะความเป็นเพื่อน อย่าคิดว่าพวกนายอยู่ที่เมืองหมิงจู ฉันอยู่ที่เยี่ยนจิงแล้วจะทำอะไรไม่ได้ มีคนพร้อมที่จะเก็บนายที่หมิงจู อีกอย่างนายรู้จักคนคนนี้ดีเสียด้วย”
พูดจบ เขาก็ตัดสายไป
เมื่อวางสาย ถังเฉาเงยหน้าขึ้นมองฟ้า
เมฆดำปกคลุมดวงจันทร์
ลมพัดแรงจนหนาวเข้ามาถึงกระดูก
ถังเฉาหันกลับมาเห็นหลินชิงเสว่จูงมือถังเสี่ยวลี้ เธอมองเขาด้วยดวงตาก่ำ