เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 156
บทที่ 156 ตระกูลเหมินเสนอการแต่งงาน
กลางดึกคืนหนึ่ง มีรถโรลส์รอยซ์กำลังขับรถอยู่บนถนน
ถังเฉาที่นั่งอยู่เบาะหลัง มองไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย
เมื่อห้าปีคน ตระกูลซ่งให้ยาแก่เขาจนอ่อนแอปางตาย ถูกชายชุดดำไม่รู้ที่มาลักพาตัวไป ทำให้ได้พบกับหลินชิงเสว่ที่โดนลักพาตัวมาด้วยกัน
ถังเฉาคิดมาตลอดว่าซ่งหรูอี้ได้เรียกคนให้มาจับตัวเขา แต่ซ่งหรูอี้ก็กลับปฏิเสธอย่างหนักแน่น
หล่อนไม่จำเป็นที่จะต้องโกหกและไม่ชอบการโกหก ถ้าหล่อนบอกว่าไม่ได้ทำนั่นก็หมายความว่าหล่อนไม่ได้ทำอย่างแน่นอน
ถ้าไม่ใช่หล่อน แล้วจะเป็นใครกัน?
สายตาที่ดูลึกลับของถังเฉานำพาบรรยากาศที่เงียบสงบมา
ไม่ว่าเป็นใคร เรื่องเมื่อห้าปีก่อน มันจะต้องจ่ายคืนอย่างสาสม!
“รองหัวหน้า”
เฟิ่งหวงที่ขับรถอยู่ด้านหน้า จู่ๆก็พูดขึ้นมา “มีข่าวเกี่ยวกับตระกูลหลวงในเยี่ยนตูด้วยล่ะ”
ถังเฉาหรี่ตาลง พร้อมกับยืดตัวตรงนั่ง “รีบพูดมาเร็ว”
“ตระกูลหลวงในเยี่ยนตูมีอิทธิพลในเยี่ยนจิง ซึ่งมีทั้งหมดสี่ตระกูลด้วยกัน และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ”
“อย่างไรก็ตาม คำว่า‘ตระกูล’นี่มันเป็นคำที่กว้างเกินไป คนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลหลิน ก็มักจะเรียกตัวเองว่า‘เป็นคนในตระกูล’ไปด้วย ข้อมูลของท่านหลินนั้นโดนลบไปอย่างตั้งใจ แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือ ตำแหน่งที่หล่อนอยู่ในตระกูลหลินคงไม่ใช่ระดับล่างแน่นอน เพียงแค่หล่อนออกจากตระกูลโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น”
“ทำไมหล่อนต้องทำขนาดนั้นกัน?“ ถังเฉาขวดคิ้ว
เฟิ่งหวงส่ายหัวและพูดว่า “สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ว่า คนของตระกูลหลินต่างขอร้องให้ท่านหลินนั้นกลับไป”
“ขณะเดียวกันพวกเขาก็ให้ความสำคัญกับชีพจรการไหลเวียนของเลือดอีกด้วย ถึงขึ้นที่ระแวงเลยทีเดียว—ในช่วงที่ท่านหลินตั้งครรภ์ พวกเขามักจะขึ้นมาบ่อยๆ ไม่เพียงแต่ให้หล่อนทำแท้ง อีกทั้งยังทำให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อีกด้วย!”
ฮะ—
หลังจากที่ประโยคสุดท้ายได้จบลง ดวงตาของถังเฉาก็ดูเย็นชามากขึ้น เต็มไปว่าเจตนาที่ต้องการจะสังหาร
“ราชวงศ์เยี่ยน จะหลอกลวงกันมากเกินไปแล้ว!”
การล่วงละเมิดทั่วๆไป ถังเฉาก็ยังพอที่จะรับได้ แต่การที่ไปลอบฆ่าโดยอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้น สิ่งที่คนเหล่านั้นได้ทำ มันทำให้เจตนาการสังหารของถังเฉานั้นเพิ่มมากขึ้น
โชคดีที่หลินชิงเสว่นั้นคลอดถังเสี่ยวลี้ออกมาได้อย่างปลอดภัย หากต้องมาตายด้วยเหตุผลเหล่านี้ ถังเฉาคงนำคนและม้าไปโค่นราชวงศ์เยี่ยนให้สิ้นซาก
หลังจากนั้นอยู่สักพัก ความโกรธภายในจิตใจของถังเฉาก็ค่อยๆสงบลง “อย่าพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก จัดการมันอย่างลับๆ”
“ค่ะ รองหัวหน้า”
ยังไม่ถึงครึ่งเดือน ถังเฉาไม่ได้กลับไปที่บ้านของหลินชิงเสว่แต่อย่างใด แต่กลับไปที่คฤหาสน์ซานสุ่ย จากนั้น ทันทีที่ถึงบ้าน ก็มีโทรศัพท์เข้ามา
“ชิงเสว่?”
ถังเฉาตกใจ ดึกขนาดนี้แล้ว หล่อนยังไม่นอนอีกงั้นเหรอ
“คุณไปไหน?”
ทันที่รับสาย ก็ได้ยินเสียงของหลินชิงเสว่
เสียงของหล่อนนั้นดูนุ่มนวล คงจะไม่อยากปลุกลูกสาวที่กำลังนอนอยู่
ถึงอย่างไรก็ตาม ถังเฉาก็ยังฟังออกถึงน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงของหล่อน
ยังไม่ได้พูดเรื่องน้องสาวโดนปล้นแต่อย่างใด การที่ถังเฉาออกไปข้างนอกดึกๆแบบนี้ มันทำให้หล่อนไม่สบายใจ
หากหันหลังกลับไป มันไม่ใช่การรู้บุญคุณ แต่มันคือการแก้แค้นต่างหาก
เรื่องที่รู้บุญคุณ ถังเฉานั้นได้ทำมันไปเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่นั้นมีเพียงการแก้แค้น
ถังเฉาหัวเราะ “ก็แค่การเล่าเรื่องกับ‘เพื่อนเก่าแก่’นะ”
“เพื่อนเก่าแก่คนนั้น คือซ่งหรูอี้ล่ะสิ ?” หลินชิงเสว่กล่าวในทันที น้ำเสียงของหล่อนดูเปลี่ยนไปเย็นชา
ตอนนี้ กลายเป็นว่าถังเฉาเองที่เกิดความประหลาดใจ “คุณรู้ได้ยังไงกัน?”
หลินชิงเสว่ไม่ได้พูดอะไรออกมา จากนั้นก็กดวางสายโทรศัพท์ไป
แต่จากนั้น หลินชิงเสว่ก็โทรกลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง “พรุ่งนี้คุณไปรับเสี่ยวลี้ที่โรงเรียนด้วยล่ะ”
“ชิงเสว่ ผม—”
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด–
ยังไม่ทันที่จะให้โอกาสถังเฉาอธิบาย หลินชิงเสว่ก็กดวางไปอีกรอบ
ถังเฉาถือโทรศัพท์เป็นเวลานาน จากนั้นก็ส่ายหัว
เขารู้ว่าหลินชิงเสว่ต้องเข้าใจผิดอย่างแน่นอน
วันทีสอง ถังเฉากำลังจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเกี่ยวกับซ่งหรูอี้ ผ่านหลงเถิงกรุ๊ป
เพราะเขาเห็นโจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายแเวยและโจวเหม่ยหลิง และไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น ล้วนแต่เป็นสมาชิกของตระกูลโจวทั้งหมด
“เรื่องนี้ จะต้องอธิบายให้ฟังอย่างสมเหตุสมผลนะ!”
โจวฉวนกั๋วตบโต๊ะอย่างแรง พรเอมกับตะโกนใส่
ทายาทของตระกูลโจวต่างมองไปที่หลินเจินสงด้วยความโกรธ
“พ่อ เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ” ถังเฉาเดินเข้ามา
“ถังเฉา!”
ทุกคนจ้องมองไปที่ถังเฉา ปฏิกิริยาของทุกคนดูต่างไป
ใบหน้าของโจวเหม่ยหยูนและหลินฉ่ายเวยนั้นดูหมองหม่นเป็นอย่างมาก ดวงตาของโจวเฉินหยาวก็เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น มีเพียงแต่โจวฉวนกั๋วเท่านั้นที่ยังคงเคร่งขรึมอยู่
หลังจากครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย เขาก็พูดกับถังเฉาว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับแก เรามาก็แค่เพื่อจะมาขอคำอธิบาย”
หลังจากพูดจบ ก็มองไปที่หลินเจิ้นสงอีกครั้ง “เจิ้นสง ทุกคนล้วนแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันเองก็ไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์มันแข็งกระด้างขนาดนี้ หากนายกับโจวเหม่ยหยูนคืนดีกัน เราจะไม่โทษเรื่องราวในอดีต”
ถังเฉาเข้าใจในทันที ที่แท้ก็เป็นเรื่องโต้แย้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของหลงเถิงกับบริษัทตระกูลโจวนี่เอง
เขาเองก็ไม่รีบร้อน ดึงเก้าอี้ลงไปนั่ง
หลินเจิ้นสงเองก็ดูเรียบเฉย พร้อมกับหยิบบัญชีออกมาอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “พ่อตา การร่วมมือของหลงเถิงกับต้าโจวกรุ๊ป ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่เป็นได้แค่การร่วมมือกันอย่างเป็นทางการเท่านั้น นายดูการหมุนเวียนของเงินในบัญชีนายสิ ไหลอย่างกับน้ำเลย รายได้ไม่สัมพันธ์กับรายจ่าย แบบนี้ก็เหนือกว่าเห็นๆ เราหลงเถิงยอมไม่ได้จริงๆ ”
หลังจากนั้น หลินเจิ้นสงก็หรี่ตาลง และพูดออกมาว่า “ฉันไม่เพียงแต่จะไม่ให้ความร่วมมือกับบริษัทตระกูลโจว แต่จะลงโทษคนที่เป็นหุ้นส่วนระหว่างสองนี้ด้วย!”
พรึ่บ–
ทันทีที่พูดออกมา โจวเหม่ยหยูนทั้งโกรธและตกใจ “คุณกล้าเหรอ!ฉันเป็นเมียคุณนะ!”
การส่งเสริมความร่วมมือของหลิงเถิงและบริษัทตระกูลโจวนี้ มันเป็นของหล่อน และความคิดหล่อนก็ง่ายมาก การขึ้นมาอยู่ตำแหน่งสูงๆของหลิงเถิงกรุ๊ปนั้นมันไม่ง่ายเลย เพียงแค่ใช้หลงเถิงกรุ๊ปให้หลับไปตระกูลของตน
ไม่คาดคิดเลยว่าเข้าร่วมไปไม่กี่วัน ก็โดนเรียกไปให้หยุดทำเสียแล้ว
“กล้ามากนะ!”
โจวฉวนกั๋วตบโต๊ะอย่างโกรธจัด หลินเจิ้นสง นายยังเป็นลูกเขยของตระกูลโจวอยู่รึเปล่า?หรือว่านายลืมไปแล้วว่าตอนที่นายมาที่หมิงจู ใครกันที่คอยติดตามนายอย่าไม่มีหวัง ใครกันที่ช่วยเหลือนายโดยไม่มีข้อแม้!
“หัวหน้าตระกูลโจว หากพูดเชิงธุรกิจก็จะไม่เอ่ยถึงความรู้สึกกันหรอกนะ”
ในตอนนั้นเอง คำพูดแผ่วเบาก็พูดขึ้นมาขัดจังหวะเขา “ยิ่งพูดก็ดูเหมือนว่าเราจะไม่คุยเรื่องของความรู้สึกกันใช่ไหม?”
ทุกคนต้องมองไปที่ถังเฉา ทันใดนั้นก็เกิดความโกรธขึ้นอยู่ทุกๆที่
“นายเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ของตระกูลหลิน มีคุณสมบัติอะไรถึงได้พูดออกมา?”
“แม้แต่ประตูบ้านของตระกูลโจวก็ยังไม่ได้เข้ามา ยังต้องการมีความสัมพันธ์กับเราอีกงั้นเหรอ?เพ้อฝันจริงๆ!”
ถังเฉาผงะเล็กน้อ คำพูดของเขา มันช่างเป็นเรื่องน่าขันที่ทำให้พวกเขาเข้าใจผิดคิดว่าเขาต้องการสนิทชิดเชื้อกับญาติของตระกูลโจว
หลินฉ่ายเวยขมวดคิ้วและพูดว่า “ทำไมที่ไหนไหนก็มีแกทั้งนั้น?ช่างไม่เหตุผลซะจริง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแก รีบไปซะ”
ถังเฉาเลิกคิ้วขึ้น ขณะที่กำลังจะพูดนั้น ก็มีเสียงดังมาจากข้างนอกประตู
“ไม่ต้องไล่เขาออกไป ดีเลยจะได้ให้เขาเป็นพยาน”
ทุกคนหันหลังมองกลับไป เห็นเพียงเหวินเหวยเฉินเดินเข้ามาพร้อมกับกลุ่มคนขนาดใหญ่
เขากอดแขนหลินเวยอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นเหลือบมองทุกคนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้นี่เป็นฤกษ์งามยามดีจังเลย ผู้เฒ่าผู้แก่ของหลินฉ่ายเวยอยู่หมด ผมเลยจะขอโอกาสนี้ขอฉ่ายเวยแต่งงานซะเลย”