เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 157
คำพูดของเหวินเหวยเฉินนั้น ทำให้ทุกคนสนใจเขาในทันที แม้แต่ถังเฉาเองก็หรี่ตาลงเล็กน้อย มองเขาหัวจรดเท้า
“ขอแต่งงาน?”
ไม่ใช่แค่โจวเหม่ยหยูนจากตระกูลโจวเท่านั้น แต่ยังมีโจวเหม่ยหลิงและคนตระกูลหลินที่สับสน “คนคนนี้คือใคร?”หลินฉ่ายเวย จับแขนของเหวินเหวยเฉินด้วยความรักใคร่ พร้อมกับแนะนำทุกคน “พ่อ แม่ ป้า น้าอาอีกทั้งญาติผู้ใหญ่คะ คุณชายเหวิน เสี่ยใหญ่ของเจียงซูเจ้อเจียงค่ะ ตอนนี้ก็คือแฟนของหนูเอง”
ว้าว—
ผู้คนทั้งหมดต่างตกใจ เมื่อพูดคำนี้ออกมา
โจวเหม่ยหยูน โจวเหม่ยหลิงและคนอื่นๆต่างมองหน้ากัน
จากฐานะของพวกหล่อนนั้น การได้พบปะกับสัตว์ที่ใหญ่มหึมาของเจียงซูและเจ้อเจียงนั้น พวกหล่อนก็คิดว่านี่เป็นคนร่ำรวยจากไหนกันนะ
มีเพียงแต่โจวฉวนกั๋วเท่านั้นที่ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเหวินเหวยเฉินพร้อมกับจับมือเขา “ท่านคือ…คนโตของตระกูลเหวินในเจียงซูและเจ้อเจียง ลูกชายของนายเหวินเฉิงหนาน!”
“ถูกต้องครับ”
เมื่อเผชิญคำถามอันน่าตื่นเต้นของหัวหน้าตระกูลโจว เหวิยเหวยเฉินได้แต่ยิ้มเบาๆ “คุณปู่โจวไม่ต้องพูดเกรงใจผมหรอกครับ ในไม่ช้าเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ปู่ของฉ่ายเวย ก็เป็นปู่ของผมเหมือนกันครับ”
“ดี ดี ดีเลย!”
หน้าของโจวฉวนกั๋วนั้นแดงไปหมด เมื่อได้ยินสามคำนั้น จึงหันหน้าไปหาโจวเหม่ยหยูน พูดอย่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “เหม่ยหยูน ตอนแรกฉันต่อต้านการแต่งงานแกกับคนไร้ประโยชน์แก่ๆนี่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นพรแกให้กำเนิดลูกสาวที่ดีซะนี่!”
“เพียงแค่ฉ่ายเวยแต่งงานกับตระกูลเหวินจากเจ้อเจียงเจียงซู ตระกูลโจวกับตระกูลเหวินก็จะเป็นคนใกล้ชิดกัน เมื่อถึงเวลา หมิงจูก็จะมีคนร่ำรวยยักษ์ใหญ่อีกคน!”
โจวเหม่ยหยูนเองก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก “เรื่องจริงเหรอ?นี่ลูกจะแต่งงานเข้าไปที่ตระกูลร่ำรวยนี้จริงๆเหรอ?”
“มันจะเป็นเรื่องปลอมได้ยังไงกันล่ะ”
หลินฉ่ายเวยยิ้มและพูดว่า “เหตุผลที่หนูไม่ได้บอกทุกคน ก็เพราะว่าหนึ่งหนูกลัวว่าทุกคนจะคัดค้าน และสองหนูกับเหวยเฉินก็เพิ่งจะคบกัน มันเร็วไปที่จะคิดเรื่องนี้—คิดไม่ถึงเลยว่าเหวยเฉินจะทนไม่ไหวอีกแล้ว จึงมาขอหนูแต่งงาน”
เมื่อถึงตอนหลัง หลินฉ่ายเวยยิ่งพูดเสียงเบาลงทุกที ใบหน้าเริ่มแดงขึ้น ก้มศีรษะลงอย่างเขินอาย
เหวิยเหวยเฉินถูกล้อมรอบอยู่ตรงกลาง แม้ว่าจะรับมืออย่างใจเย็น แต่ลึกๆแล้วในดวงตาก็ยังคงมีความเหยียดหยามอยู่
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพ่อมาขอร้องให้ไปขอตระกูลหลินแต่งงานแล้วล่ะก็ เขาจะมาขอคนอย่างหลินฉ่ายเวยได้ยังไงกัน?
เมื่อเร็วๆนี้ตระกูลเหวินได้เข้าสู่ตลาดของหมิงจู ซึงมันไม่น่าพอใจเป็นอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงโฉมหน้าของตระกูลร่ำรวยทั้งสี่ ไม่เห็นหัวเลยสักคน อีกทั้งยังไปสร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าถิ่นอีกต่างหาก
ไม่เพียงแต่พยายามหาบริษัทมาร่วมมือกันแล้ว แต่ตระกูลเหวินก็ยังถูกปฏิเสธมาโดยตลอด คนเบื้องบนเองก็พูดอย่างชัดเจนเลยว่าตลาดของหมิงจู ตระกูลเหวินอย่าได้คิดหวังที่จะมาเปิดเลย!
ในเรื่องนี้เอง เหวินเฉิงหนานก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีแต่อย่างใด หลังจากที่เหวินเฉิงหนานได้บอกเหวินเฉิงหนานเรื่องของคลับเฮ้าส์ปินเจียงแล้ว โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงเรื่องการล้มล้างของหัวหน้าสมาคมการค้าหงยิงแล้ว เขาจะต้องหนีออกมาให้ได้ จากนั้น มีสิ่งหนึ่งที่เหวินเฉิงหนานมั่นใจเลยก็คือ ตระกูลหลินที่เล็กน้อยนี่ จะต้องมีความสามารถที่โดดเด่นเป็นแน่!
เขาต้องการให้เหวินเหวยเฉินไปแต่งงานกับหลินฉ่ายเวย ดำเนินกิจกรรมอย่างลับๆในฐานะเขยของตระกูลหลิน ค้นหาความจริงเกี่ยวกับทั้งหมดนี้
เพียงแต่เหวินเหวยเฉินไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า คนที่ขัดขวางเขามาตลอดจะมาอยู่จรงหน้าเขาตอนนี้
“คุณป้า คุณปู่โจว งั้นเรื่องผมกับฉ่ายเวยจะแต่งงานกัน—” เหวินเหวยเฉินลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่างจึงหยุดพูดลง
“ฉ่ายเวยสามารถแต่งกับคุณได้ มันช่างเป็นพรที่อยู่กับเธอมาตลอดจริงๆ”
โจวเหม่ยหยูนเป็นคนแรกที่พูด “เสี่ยวเหวิน เรื่องที่จะแต่งงานกับฉ่ายเวย ป้าจะเป็นคนแรกที่เห็นด้วยนะ”
“ไม่เลวเลย”
โจวฉวนกั๋วเองก็ว่ายหัวพร้อมกับพูดว่า “พวกเราจะฤกษ์งามยามดีให้ งั้นหมั้นกันก่อนก็แล้วกัน”
“ไม่ได้! การแต่งงานนี้ ฉันไม่เห็นด้วย!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะยินดีอยู่นั้น เสียงอันโกรธเกรี้ยวนี้ก็มาขัดจังหวะทุกคน
หลินเจิ้นสงลุกขึ้นอย่างอุกอาจ มองไปที่เหวินเหวยเฉิน “ตระกูลเหวินนั้นอยู่ที่เจียงซูและเจ้อเจียง ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่มีอิทธิพลน้อยที่สุด หาผู้หญิงแบบไหนก็หาไม่เจอ ทำไมถึงได้มาสนใจลูกสาวของฉันล่ะ?”
คำพูดเหล่านี้มันช่างเป็นคำพูดที่รุนแรง ใบหน้าของเหวินเหวยเฉินที่ยิ้มอยู่นั้นก็ดูแข็งกระด้างไปในทันที จากนั้นก็ยิ้มเฝื่อนๆพร้อมกับพูดว่า “ผมกับฉ่ายเวยนั้นมันเป็นรักแรกพบครับ พวกเรารักกันและไม่มีเจตนาอื่นๆเลยนะครับ”
หลินเจิ้นสงโบกมือพร้อมกับพูดเบาๆว่า “ลูกสาวของฉัน เป็นลูกสาวของตระกูลเล็กๆ ปีนขึ้นไปที่สูงๆแบบนั้นไม่ได้หรอก คุณกลับไปเถอะ”
“…..”
ทันทีที่พูดออกมา สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
“พ่อ พ่อพูดอะไรกัน!”
หลินฉ่ายเวยเลิกคิ้วและพูดด้วยความโกรธว่า “มันไม่ง่ายเลยนะที่หนูจะหาแฟนได้ นี่ท่านต้องการให้หนูกับเขาเลิกกันหรือไง?”
“คุณหุบปากไปเลยนะ!คุณเป็นพ่อแบบนี้เหรอไง?ในที่สุดลูกสาวเราก็ได้แต่งไปในที่ดีๆแบบนี้แล้ว คุณยังต้องการมาขัดขวางอีก ตัวเองไม่ดี แล้วยังจะอยากให้ลูกสาวเราไม่ดีด้วยหรือไงกัน?”
ทั้งมดนั้นโจวเหม่ยหยูนก็รู้สึกกังวลใจและปากร้าย มีโอกาสดีๆที่จะได้ไปอยู่ในตระกูลที่ร่ำรวย เธอจะยอมแพ้ได้ยังไงกัน?
โจวฉวนกั๋วเดินมาที่เหวินเหวยเฉินด้านหน้าด้วยท่าทีที่เยินยอ “คุณชายเหวิน นี่คือลูกเขยจากตระกูลโจวของฉันเอง ไม่มีฐานะตำแหน่งอะไร อีกทั้งมีตาหามีแววไม่ คุณอย่าเก็บมาใส่ใจเลย”
เหวินเหวยเฉินพยักหน้าอย่างมีความสุข จากนั้นมองไปที่ถังเฉาอย่างไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ แต่กับพบว่าใบหน้าของถังเฉานั้นยังคงดูนิ่งสงบ
ดังนั้น เขาจึงเดินมาที่ถังเฉา พร้อมกับพูดว่า “คุณคงจะเป็นคนที่โตมากับฉ่ายเวยสินะ งานแต่งของผมกับเธอ คุณจะต้องมาให้ได้นะ!”
หลินฉ่ายเวยดูไม่ค่อยพอใจ “เชิญเขามาทานอาหารค่ำ เขาจะมีปัญหาซื้อของขวัญวันแต่งงานหรือไงกัน?”
เหวินเหวยเฉินยิ้มออกมา พูดอย่างมีน้ำใจว่า “คุณกับเขาโตมาด้วยกัน ยังจะเอาของขวัญแต่งงานอะไรอีก ให้เขามาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวของผมดีกว่า”
ประโยคนี้ทำให้ถังเฉาหรี่ตาลงเล็กน้อย “คุณคงไม่ได้คิดว่าคุณจะมาขอแต่งฉ่ายเวยได้จริงหรอกใช่ไหม?”
การที่ตระกูลเหวินนั้นไม่ประสบความสำเร็จ มันก็มาจากคำสั่งของเขา แล้วจะเดาไม่ออกเลยเชียวหรือว่าเหวินเฉินกำลังคิดอะไรอยู่?
แต่ประโยคนี้ เมื่อเหวินเหวยเฉินได้ยินนั้น มันกลับกลายเป็นความหมายอื่นแทน
เขาหัวเราะออกมา “ทำไมจะขอไม่ได้ล่ะ เดี๋ยวเราก็จะได้เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
ขณะที่พูด ก็มองไปที่โจวฉวนกั๋วและหลินเจิ้นสง จากนั้นก็แสร้งทำเป็นแปลกใจ ถามไปว่า“พ่อตา โจวฉวนกั๋ว ตอนที่เพิ่งจะเข้ามา ดูเหมือนว่าพวกคุณจะทะเลาะกันนิดหน่อย มีอะไรให้ผมช่วยไหม?”
คุณปู่โจวโบกมืออย่าเร็ว “ไม่ต้องหรอก แค่คุยกับเรื่องของตระกูลโจวนิดหน่อย”
หลังจากที่หลินฉ่ายเวยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ เหวินเหวยเฉินก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ผมก็คิดว่าเรื่องอะไรซะอีก การที่พ่อตาเขาไม่ให้ความร่วมมือ เขาคงมีเหตุผลของเขาแหละ”
หลังจากนั้นสักครู่ เหวินเหวยเฉินก็พูดอีกว่า “หากว่าคุณปู่โจวไม่รังเกยจล่ะก็ พวกเราตระกูลเหวินก็ยินดีที่จะช่วยหาเงินนี้นะ”
“พูดจริงเหรอ?”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาโจวฉวนกั๋ว โจวเหม่ยหยูนและคนอื่น ๆ ก็ดีใจกันมากจากนี้ไปพวกเขาก็จะได้หยุดดิ้นรนที่จะต้องร่วมมือของหลงเถิงสักที
โจวฉวนกั๋วเสียงดังและเหลือบมองหลินเจิ้นสง “ดูเหวยเฉิน แล้วมาดูนายสิ ตระกูลโจวนี่มันช่างเลี้ยงหมาป่าตาขาวจริงๆ”
“มันเป็นเรื่องจริงที่ว่ามันคนละระดับกัน!”
โจวเหม่ยหยูนเองก็ได้พูดอะไรแปลกๆออกมา
เมื่นได้รับคำสัญญาจากตระกูลเหวิน ทุกคนในตระกูลโจวก็อยู่ในความปิติยินดี เหวินเหวยเฉินเองก็ได้หันไปยิ้มให้กับถังเฉา ราวกับพูดว่า การที่ฉันจะขอหลินฉ่ายเวยแต่งงานนั้น มันง่ายนิดเดียว
ขณะนั้นเอง ด้านนอกก็มีเสียงของส้นรองเท้าดังมา หลินชิงเสว่เดินเข้ามาพร้อมกับกลุ่มคน
ท่าทางที่เย็นชา ออร่าที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีกลุ่มคนยืนอยู่ด้านหลัง นั่นทำให้ทุกๆคนนั้นอยู่ในความเงียบทันที
“ประธานหลิน?”
หลินเจิ้นสงรีบยืนเข้าไปทักทาย
เมื่อเห็นหลินชิงเสว่ รอยยิ้มบนใบหน้าของเหวินเหวยเฉินก็หยุดลง มุมตาของเขากระตุกอย่างแรง สายตาที่มองไปที่ถังเฉานั้นดูมืดมนมากขึ้น
ต้องรู้ก่อนว่า ผู้หญิงที่เขาชอบเมื่อก่อนนั้น ก็คือหลินชิงเสว่ แต่ก็โดนไอเด็กนี่นำเอาไปก่อน!
ในขณะที่กำลังจะพูด ทันใดนั้น เหวินเหวยเฉินก็เห็นกลุ่มคนชุดสูทที่ยืนอยู่ด้านหลัง บนคอของพวกเขาล้วนแต่มีการ์ดโลโก้งานก่อนสร้าง ไม่ต้องถามก็รู้เลยว่า พวกนี้มาจากสำนักงานการก่อสร้างแน่ๆ
ถังเฉายิ้มอย่างเย้ยหยัน ดูเหมือนว่าเรื่องที่เขาคุยกับซ่งหรูอี้เมื่อคืน จะทำให้หลินชิงเสว่นั้นโกรธจริงๆ
จากนั้น เธอจึงมองไปที่หลินเจิ้นสง “ตามฉันมาที่ลี่จิงกรุ๊ป กำลังจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่เปิดตัวเร็วๆนี้”
“ครับ”
“นอกจากนี้ฉันสงสัยว่าคุณหลินสนใจที่จะมีส่วนร่วมในโครงการก่อสร้างในเมืองหรือไม่คะ”
หลินชิงเสว่หันกลับมาและถามทันที
หลินเจิ้นสงผงะเล็กน้อย เขารู้สึกประหลาดใจกับสิ่งนี้ “เข้าร่วมได้เหรอครับ?”
“แน่นอน”
ซือเหวินปิน ยิ้มออกมา “บรรดาผู้นำต่างมองลี่จิงกรุ๊ป กับ หลงเถิงกรุ๊ปเอาไว้ ตราบใดที่หลงเถิงไม่ได้มีโครงการอื่นๆ คุณก็จะสามารถมาเข้าร่วมกันสร้างเมืองหมิงจูที่งดงามกันเถอะ”
นี่เป็นทางการมากและคำพูดตรงไปตรงมา เผยข่าวชิ้นสำคัญที่ว่า หลงเถิงและลี่จิงกรุ๊ปนั้นต่างมากคนใหญ่คนโตคอยดูแลอยู่
เหวินเหวยเฉินจ้องมองฉากนี้อย่างดุเดือด สิ่งนี้ทำให้เขามุ่งมั่นที่จะแต่งงานกับหลินฉ่ายเวยมากขึ้น
เพื่อตระกูล ก็แค่การเสียสละแต่งงานเท่านั้น!
“งั้นก็ขอเคารพต่อโชคชะตาก็แล้วกันครับ”หลินเจิ้นสงกำลังอดกลั้นความสุขอันเต็มเปี่ยมในใจของเขาไว้ พร้อมกับตอบรับตกลง
ในขณะเดียวกัน ใบหน้าของโจวฉวนกั๋ว โจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวยและคนอื่นๆนั้นกลับดูไม่ได้สุดๆ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้ร่วมงานกับตระกูลเหวิน แต่ถ้ามาเทียบกันสองโครงการ มันช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องการก่อสร้าง…นั่นคือทุกธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดเล็กทั้งหมดของหมิงจูล้วนแต่อิจฉาความงดงามนี้
หยิบเมล็ดงา แตงโมก็หายไปจริงๆ