เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 179
บทที่179 เรียนรู้ที่จะบีบคั้น
ถังเฉาไม่รู้ว่าหลินชิงเสว่เวลาอยู่ในตำแหน่งประธานมีลักษณะอย่างไร แต่เขารู้ว่า หลินชิงเสว่จะไม่ใช่ผู้หญิงที่ยอมถูกใครรังแกง่ายๆ
เธอไม่ค่อยมีสัมพันธ์กับคนทั่วไปง่าย ๆ และยิ่งไม่เกิดอารมณ์โกรธได้ง่าย ๆ แต่เมื่อโกรธแล้วใครก็หยุดไม่อยู่
ก็เหมือนที่เธอพูดกับถังเฉา
ตบตีผู้หญิงไม่ดี
ถังเฉาเป็นผู้ชาย ไม่ว่าหวังอี้จะพูดจาเกินไปขนาดไหน ผู้ชายตบตีผู้หญิงหากพูดออกไปแล้วทำให้เสียภาพลักษณ์ได้
แต่ถ้าผู้หญิงตบตีกับผู้หญิง ก็เป็นเรื่องที่ยุติธรรมแล้ว
ดังนั้นจึงพับแขนเสื้อขึ้น เข้าสู่การโหมดการต่อสู้ด้วยตนเอง ตบหวังอี้ไปหนึ่งฝ่ามืออย่างรุนแรง
นี่ก็คือหลินชิงเสว่ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่กลัวการต่อสู้ และจัดการกับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี
ถังเฉายิ้มอยู่ในใจ วันนี้เขาได้เห็นท่าทางของหลินชิงเสว่ที่ต่างไปจากเดิมที่เห็น
ฝ่ามือนี้ที่ตบลงไป ทุกคนต่างตกตะลึง
ยิ่งกว่านั้นหวังอี้ลุกยืนจากพื้น ผมกระเซอะกระเซิงราว สายตาขึงขังมองด้วยความโกรธแค้นพูดว่า: “คุณ—-คุณกล้าตบฉันเหรอ?!”
“ผู้หญิงคนหนึ่ง ปากเหม็นเน่า ไม่ควรที่จะตบเหรอ?”
หลินชิงเสว่ยิ้มเย็นชา ไม่มีความกลัวแม่แต่น้อย: “เป็นเมียน้อยก็ต้องมีสำเหนียกตัวเองว่าเป็นเมียน้อย หากยังกล้าพูดมากอีกคำหนึ่งฉันจะให้คุณไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในเมืองหมิงจูแห่งนี้ได้อีก”
“คุณ—-”
หวังอี้เหมือนถูกบีบเหลือเจ็ดนิ้ว ดวงตาหดเล็กลง มองหลินชิงเสว่ด้วยความหวาดกลัว
แต่ต่งเจี้ยนก็หรี่ตามองดูเหตุการณ์ ในที่สุดก็พบว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
แต่ไม่ว่าอย่างไร หวังอี้ก็เป็นผู้หญิงของเขา ผู้หญิงของตัวเองโดนคนตบตี หากตัวเองไม่ทำอะไร ต่อไปยังจะมีหน้ามองใครได้อีก?
คิดถึงตรงนี้ สีหน้าของเขาถมึงทึงขึ้นไม่น้อย จ้องหลินชิงเสว่ กำลังจะทำอะไรบางอย่าง
แต่ในเวลานั้นเอง ร่างของเขาสะดุ้งเฮือก รู้สึกได้ถึงสายที่หนาวเย็นลึกล้ำ กำลังจ้องมองมาที่เขา
“ขอเตือนคุณว่า อยู่นิ่ง ๆจะดีกว่า”
ถังเฉาพูดเบาๆ: “แม้ว่าตระกูลต่งจะเข้มแข็ง แต่คนที่สามารถทำลายตระกูลต่ง ยังมีอีกมากมาย”
ต่งเจี้ยนภายในใจสั่นสะท้าน ความหวาดกลัวไม่รู้ที่มาได้ผุดขึ้นในใจ แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าความจริงแล้วหวาดกลัวอะไร สรุปก็คือเป็นความรู้สึกสั่นสะท้านจากภายในจิตใจ
จากนั้น ถังเฉาก็ไม่ไปพัวพันกับพวกเขา เดินตรงไปที่ข้างหน้าของพนักงานหญิงในร้าน ยิ้มแล้วพูดว่า: “ตอนนี้ ห่อชุดเดรสชุดนั้นมาได้หรือยัง?”
พนักงานหญิงในร้านคนนั้นตกใจจนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครไปแล้ว ก้มหัวคำนับขอโทษอย่างต่อเนื่อง
ต่งเจี้ยนได้ประกาศฐานะของตนเองว่าเป็นคนของตระกูลต่ง แต่ว่าคนหนุ่มสาวทั้งสองคนยังคงมีท่าทางที่ไม่สนใจ มีเหตุผลเพียงสองประการ
หรือว่ามีฐานะธรรมดาไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของตระกูลต่ง หรือไม่ก็เป็นคนใหญ่โต แค่ตระกูลต่งเท่านั้น เขาก็ไม่เก็บมาใส่ใจ
ชั้นสองเป็นโซนสินค้าหรูหรา ไม่มีชนชั้นเงินเดือนเป็นลูกค้าหลัก ดังนั้นความเป็นไปได้อย่างแรกมีน้อย นั้นเหลือ แค่อย่างที่สองแล้ว
“ได้ ได้ค่ะ……”
พนักงานหญิงในร้านมือไม้พันกันนัว นำเดรสยาวสีขาวชุดนั้นใส่ในถุงอย่างระมัดระวัง
หลินชิงเสว่เดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง เตรียมที่จะชำระเงิน ถังเฉากลับยิ้มให้เธอพูดว่า: “นี่เป็นการออกเดตครั้งแรก ให้เธอจ่ายเงินได้อย่างไรกัน?”
พูดจบ ก็นำบัตรธนาคารสีทองออกมาใบหนึ่ง ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “รูดบัตรใบนี้”
“บัตรทองสวิส?”
มองไปที่บัตรใบนี้ ต่งเจี้ยนอุทานออกมาทันที
พนักงานหญิงในร้านคนนั้นมีท่าทีมึนงงราวอยู่ท่ามกลางหมอกหนา เธอเคยคิดว่าถังเฉาเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาทั่วไป นึกไม่ถึงสุดท้ายเป็นเขาที่เป็นคนจ่ายเงิน
บัตรใบนี้ เป็นบัตรทองสวิส เป็นคนที่บ้าการค้ามอบให้เขา เขายังมีบัตรที่หายากยิ่งกว่านี้อีกคือการ์ดดำหัวกะโหลก เกรงว่านำออกมาแล้วทำให้ตกใจกันใหญ่ นั้นก็ไม่ต้องเอาออกมา
ติ๊ด—-
ขณะที่บัตรรูด หน้าจอก็แสดงยอดเงินคงเหลือเท่ากับศูนย์
หวังอี้ตะลึง พร้อมหัวเราะ ฮ่าๆ ขึ้นมาทันที: “เงินคงเหลือเท่ากับศูนย์ อยากจะขำกลิ้ง แสร้งทำเหมือนจริง ๆ ฉันจะคอยดูว่าคุณจะชำระเงินกันยังไง!”
แม้ว่า ทั้งร้านมีเพียงหวังอี้คนเดียวที่หัวเราะ ฮ่า ๆ แต่ต่งเจี้ยนหน้าผากกลับมีเส้นเลือดฝาดผุดขึ้น ใบหน้ากระตุกอย่างรุนแรง
เขาทนต่อไปไม่ได้ จึงตบไปที่หน้าของหวังอี้หนึ่งฉาก พร้อมตะคอกสียงดังว่า: “เป็นเต่าในกระดองไม่รู้เรื่องอะไร ก็หุบปากซะ! บัตรทองสวิสไม่ใช้บัตรที่ไว้ฝากเงิน แต่เป็นบัตรเครดิต!”
ในตอนนั้น เขารู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้ทำให้เขาขายหน้ามาก
และหวังอี้เองก็โง่จริง ๆ ในความคิดของเธอ บัตรมีไว้ฝากเงิน ยังไม่เคยได้ยินใช้บัตรเบิกเงินเกินบัญชี
ถังเฉามองเธอด้วยสายตาเย็นชา พูดกับพนักงานหญิงในร้านต่อไปว่า: “ไม่ต้องสนใจเธอ”
“ได้ ได้ค่ะ……”
พนักงานหญิงในร้านรูดบัตรเสร็จเรียบร้อย แสดงข้อมูลการเบิกเงินเกินบัญชีห้าแสนทันที
เห็นราคาแล้ว หวังอี้ดวงตาเบิกโพลงด้วยความเหลือเชื่อ: “เดรสชุดนี้ มูลค่าห้าแสน?”
ต่งเจี้ยนเองก็เอามือปาดเหงื่อที่หน้าผากอย่างไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ความกลัวที่เกิดขึ้น จ้องมองหวังอี้ด้วยท่าทีดุดัน
ผู้หญิงแพศยาคนนี้เป็นคนก่อเรื่องทั้งหมด ชุดเดรสราคาห้าแสนหนึ่งชุด จะไปแย่งกับเขาทำไม?
เขาเป็นคนของตระกูลต่งก็ไม่ผิด แต่กลับไม่ใช่สมาชิกคนสำคัญ โบนัสของทุกปี ก็มีเพียงไม่กี่ล้าน เพียงครู่เดียวจ่ายเงินห้าแสน เพื่อซื้อชุดเดรสนี้ นี่เป็นการขูดเลือดขูดเนื้อกันเลย!
ชุดเดรสถูกถังเฉาซื้อไปแล้ว ความจริงแล้วต่งเจี้ยนกลับมีความรู้สึกว่าคราวเคราะห์ได้ผ่านไป ที่เหลือก็จะมีแต่ความสุข
ถังเฉากวาดตามองไปที่ต่งเจี้ยน หวังอี้ ยิ้มเยาะพูดว่า: “ไม่รู้อะไรเลย ก็ยังกล้าซื้อเดรสชุดนี้อีก?”
หวังอี้ถูกคำพูดทับถมจนพูดไม่ออก สักพักใหญ่ใบหน้าแดงด้วยความอับอายพูดตอบว่า: “ใครว่าฉันไม่รู้เรื่อง?”
“ใช่เหรอ?”
ถังเฉายิ้มเล็กน้อย จากนั้นพูดเบา ๆว่า: “คุณรู้หรือไม่ว่ากุชชี่มีไอเดียอะไรในการออกแบบ? เดรสชุดนี้ ทำไมถึงเปล่งประกายในงานแสดงนิทรรศการปารีสแฟชั่นวีกที่ผ่านมาของปีนี้?”
“คุณยังรู้ คุณไวเกลผู้ออกแบบ ทำไมจึงทำเป็นลิมิเต็ดเอดิชั่นระดับโลก แรงบันดาลใจในการออกแบบมันมาจากไหน?”
“……”
ขณะที่ถังเฉาพูดจาฉะฉานราวกับร้อยลูกปัด หวังอี้ถูกถามจนเป็นใบ้ไม่รู้จะตอบอะไร
อย่าว่าเธอไม่รู้ แม้แต่ ต่งเจี้ยน พนักงานหญิงในร้านก็ไม่รู้ หลินชิงเสว่มองอย่างประหลาดใจไปทางถังเฉา แววตาของถังเฉาสัมผัสถึงความสวยงามที่น่าทึ่ง
หยุดอยู่พักใหญ่ หวังอี้ก็ตอบโต้ ใบหน้าเผยถึงความโกรธ เธอซื้อสินค้าหรูหรา จำเป็นต้องเข้าใจอะไรจำพวกนี้ด้วยเหรอ?
เธอและหญิงสาววัยทำงานทั้งหลายก็เหมือนกัน อาศัยความสวยงามเพื่อเปลี่ยนชีวิต รู้จักผู้ชายไฮโซสักคน ในช่วงเวลานั้นได้ออกงานไปกับต่งเจี้ยน ก็เพิ่มประสบการณ์ให้มากขึ้น
แต่ถังเฉาถามคำถามทุกคำถาม สัมผัสได้ว่าความรู้ของเธอนั้นยังมืดบอดอยู่
“เพราะฉะนั้นจึงพูดได้ว่า คุณไม่เหมาะกับเดรสชุดนี้”
ถังเฉาพูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า: “เดรสชุดนี้มีชื่อเรียกงดงามว่า—-ปาฏิหาริย์ ซึ่งเป็นชื่อที่ภรรยาของคุณไวเกลทิ้งไว้ก่อนจะเสียชีวิตออกแบบภายใต้ความเสียใจสุดขีด และก็เป็นเขาที่ตัดเย็บด้วยตนเอง”
“การออกแบบตัดเย็บเป็นสัดส่วนของภรรยาของเขาในสมัยสาว ๆ จึงเรียกชื่อว่า ปาฏิหาริย์ เพื่อหวังว่าสวรรค์จะได้สัมผัสถึงความจริงใจของเขา ทำให้ภรรยาของเขาที่กำลังป่วยหนักฟื้นขึ้นมา”
“แน่นอน ปาฏิหาริย์ไม่ได้ปรากฏขึ้น”
ถังเฉาพูดไปรอบหนึ่ง พูดเสียงราบเรียบว่า: “ภรรยาของเขาจากไปอย่างสงบ แต่เดรสชุดนี้ยังคงทำต่อในชั่วชีวิตของเขา ไหล่ เอว ความสูง ความยาวขา มีความพิถีพิถันที่สุด ไม่เพียงแค่รูปร่างที่เหมาะสม ยังต้องมีลักษณะนิสัยที่เหมาะเหมือนคำพูดตอนที่คุณไวเกลกำลังออกแบบเดรทชุดนี้ ก็ไม่คิดจะให้เดรทชุดนี้เป็นที่นิยมในผู้หญิงทั่ว ๆไป ความเป็นเอกลักษณ์ คือสาเหตุที่ชุดเดรสชุดนี้เปล่งประกายในงานแสดงนิทรรศการแฟชั่นวีกที่ผ่านมาของปีนี้”
“เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์นิสัยของสตรี ไม่เหมาะกับชุดเดรทชุดนี้ หากพยายามลองดู ผลลัพธ์อาจตรงกันข้าม อัปลักษณ์แล้วก็ยิ่งอัปลักษณ์ไปอีก ตอนนี้คุณยังคิดว่าคุณเหมาะกับชุดเดรสนี้อีกเหรอ?”
ทุกคนต่างตกตะลึง
ทุกคนมองไปยังถังเฉาด้วยความตกตะลึง นี่เป็นการใช้ความรู้กดดันรอบด้านทั้งหมด มุมมองที่แม่นยำ ไม่ต้องกล่าวถึงคนนอกวงการ ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบแฟชั่นก็ต้องเข้าใจเรื่องนี้ได้ละเอียดถี่ถ้วน
แววตาของหลินชิงเสว่เต็มไปด้วยความตกตะลึง พินิจพิเคราะห์ผู้ชายคนนี้ ชั่วพริบตา จู่ ๆ เธอรู้สึกว่าถังเฉานั้นมีเสน่ห์น่าสนใจ
สีหน้าของหวังอี้ราวกับมีใครตบมาที่ใบหน้าต่อเนื่องหลายสิบทีจนช้ำบวม บางครั้งเป็นสีม่วงเขียว บางครั้งเป็นสีเขียวเข้ม
คำพูดของถังเฉา กดดันทำลายศักดิ์ศรีของเธอที่มีอยู่นิดหน่อยไปโดยสิ้นเชิง จากนั้นชี้นิ้วไปทางหลินชิงเสว่พูดเสียงแหลมว่า: “ฉันไม่เหมาะสม แล้วเธอเหมาะสมเหรอ?”
“แน่นอน”
ถังเฉามองไปหลินชิงเสว่ด้วยสายตานุ่มนวล พูดด้วยเสียงที่อ่อนหวานว่า: “สัดส่วนรูปร่างของเธอสมบูรณ์แบบเหมาะกับเดรสชุดนี้พอดี”