เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 180
บทที่180 ความทะเยอทะยานของตระกูลต่ง
จากคำพูดของถังเฉา สายตาของทุกคนในร้านต่างเพ่งมองไปที่เรือนร่างของหลินชิงเสว่
ตกใจมากต่อสายตาหลายคนที่มองมา หลินชิงเสว่ไม่เคยชิน ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ปกติที่บริษัทแม้จะมีคนคอยสังเกตเธอ แต่ส่วนใหญ่เป็นสายตาที่เกรงกลัว และเคารพแต่ไม่ใช่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
ถังเฉายิ้มและนำชุดเดรสส่งให้เธอ แล้วพูดว่า: “เข้าไปลองดูสิ?”
หลินชิงเสว่ลังเลครู่หนึ่ง ยังคงรับชุดเดรส หันหลังเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว
ขณะที่เดินผ่านหวังอี้ หวังอี้มองไปที่เธอด้วยสายถมึงทึง
เธอภาวนาในใจไม่หยุด ให้หลินชิงเสว่สวมใส่ชุดเดรสนั้นไม่พอดี
จิตใจดีย่อมมีสุข คนที่น่าเกลียด จิตใจก็จะน่าเกลียด ถังเฉากลับไม่กังวลใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม รออยู่หน้าประตูห้องลองชุด เพื่อรอคอยหลินชิงเสว่เดินออกมา
ภายในร้านไม่มีใครพูดสักคำ สายตาของทุกคน ยังคงอยู่มองที่ถังเฉา
ถังเฉาเข้าใจ พวกเขาตกใจเพราะความคิดเห็นของตนนั้นเป็นมืออาชีพ เชื่อว่าหลินชิงเสว่ก็คงคิดแบบเดียวกัน
งั้น เขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
ถังเฉาเคยไปทำภารกิจครั้งหนึ่ง ข้อมูลภารกิจนี้คือ—-คุ้มกันความปลอดภัยคุณไวเกล
ในตอนนั้น ภรรยาของเขายังไม่ตาย แต่ก็กำลังจะเสียชีวิต และคุณไวเกลก็ร่างต้นแบบเสร็จแล้ว
นั้นก็เป็นสาเหตุว่า ทำไมถังเฉาแค่มองครั้งเดียวก็เลือกเดรสชุดนี้
เอี๊ยดๆ—-
ในขณะนั้น ประตูห้องลองชุดก็เปิดออก
ออกมาพร้อมกับประตูที่เปิดออก รอบด้านเปลี่ยนเป็นเงียบสนิท
ถังเฉาหันไปมอง แม้ว่าในใจได้เตรียมพร้อมแล้ว แต่ยังตกตะลึงในความสวยงามที่น่าทึ่งของหลินชิงเสว่
ใบหน้าสวยราวเมฆหลากสี ดวงตาเปล่งประกายดั่งดวงดาว ผมหางม้าสูงก็ยกขึ้นสูงเหมือนดั่งมงกุฎล้ำค่า คอที่เรียวยาวสวมใส่สร้อยเพชรที่ส่องประกายราวกับดวงดาว คริสตัลบนชุดเดรสสีขาวที่สวมใส่บนร่างนั้นเติมเต็มซึ่งกันและกัน ราวกับชุดแต่งงานของเจ้าหญิงเงือกน้อย
พนักงานหญิงในร้านจ้องมากตาโต จนมือถือในมือหล่นก็ยังไม่รู้สึกตัว ต่งเจี้ยนเองจ้องมองตาไม่กระพริบ ที่ประหลาดใจที่สุดคือหวังอี้ แม้ว่าจะถูกแสงระยิบระยับบนร่างของหลินชิงเสว่แยงตาจนลืมตาไม่ขึ้น
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
หลินชิงเสว่ก้มหน้าดูชุดเดรสบนร่าง ใบหน้าที่เย็นชาราวก้อนน้ำแข็ง ยากที่จะเผยรอยยิ้มออกมา
“สวยงามมาก”
ถังเฉายิ้มแล้วพูด: “ดูแล้วเมื่อห้าปีก่อน สายตาของผมก็ไม่เลวเหมือนกัน”
“หน้าไม่อาย”
หลินชิงเสว่ชายตามองไปที่เขา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
มองตัวเองในกระจกรู้สึกพอใจอย่างยิ่ง เดินกลับไปเปลี่ยนชุดตัวเองที่ห้องลองเสื้อ
ในขณะเดียวกัน ถังเฉาหันไปมองที่ต่งเจี้ยนด้วยสายตาเย็นชา เดินตรงไปที่เขา
“คุณ คุณคิดจะทำอะไร?”
ต่งเจี้ยนตกใจในท่าทีขึงขังของถังเฉา ก้าวถอยหลังต่อเนื่อง
หวังอี้เองก็ตกใจกลัวจน นั่งลงไปกองกับพื้นสั่นไปทั้งตัว
“คุณคงรู้สึกว่า คุณเป็นคนของตระกูลต่ง ดังนั้นก็สามารถวางก้ามทำเรื่องไร้ยางอายได้งั้นเหรอ?”
ความสูงของถังเฉาสูงกว่าต่งเจี้ยน หนึ่งช่วงศีรษะพอดี เมื่อมีความสูงขนาดนี้มองลงมาทำให้ต่งเจี้ยนตกใจกลัวอย่างมาก
แต่ว่าเขาเป็นคนของตระกูลต่ง ยังคงไม่ควรทำอะไรไม่ดีต่อถังเฉา พูดว่า: “พวกเราให้ชุดเดรสชุดนี้กับคุณไปแล้ว คุณยังจะทำอย่างไรอีก?”
“เดรสชุดนี้ เดิมทีก็เป็นพวกเราที่จะซื้อ”
จู่ ๆ ถังเฉาฉุกคิดอะไรออก หรี่ตาเล็กน้อย พูดว่า: “คุณคงไม่รู้ว่าผมเป็นใครใช่ไหม?”
“คุณเป็นใคร?”
ต่งเจี้ยนกัดฟันถาม บนตัวถังเฉา เขารับรู้ถึงพลังลึกลับอะไรบางอย่าง
“ผมชื่อถังเฉา นี้เป็นภรรยาของผมหลินชิงเสว่ วันนี้เป็นวันที่ฉันและเธอออกเดตกันเป็นครั้งแรก หากพวกคุณยังกล้าสร้างความวุ่นวายอีก ผมคงจะให้คุณนั่งรถสปอร์ตมาแต่นั่งรถพยาบาลกลับไป”
คำพูดนี้มีไอสังหารรุนแรง เจตนาฆ่าเข้าไปถึงจิตวิญญาณ ต่งเจี้ยนตกใจกลัวจนตัวสั่น ไม่กล้าที่จะสบตากับถังเฉาอีก
ทันใดนั้น เขารู้สึกว่าชื่อของทั้งสองคนนี้ ถังเฉา หลินชิงเสว่ คุ้นหูมาก เหมือนว่าได้ยินมาจากที่ไหน
ครุ่นคิดจริงจังพักหนึ่ง จู่ ๆ ต่งเจี้ยนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป มองไปที่สีหน้าของถังเฉา ความหวาดกลัวเกิดขึ้นในใจโดยไม่รู้ตัว
“ขอโทษ คุณถัง!”
ครู่เดียว เขารีบโค้งคำนับคุณถังทันที เหงื่อที่หน้าผากไหลออกไม่หยุด ด้วยความตกใจกลัวอย่างสุดขีด
“ไปให้พ้น!”
ถังเฉาตะคอกใส่
ต่งเจี้ยนเหมือนดั่งคนร้ายได้รับการอภัยโทษ รีบออกไปจากร้านกุชชี่
และเวลานั้นเอง หลินชิงเสว่เปลี่ยนชุดเสร็จเดินออกมา ถังเฉาเปลี่ยนท่าทีเป็นคนละคน มองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน
หลินชิงเสว่ดึงสมุดเช็คออกมา เขียนเงินสดห้าแสนบาทไว้ข้างบน หลังจากนั้นส่งให้ถังเฉา
“คุณคิดจะทำอะไร?” ถังเฉายิ้มเล็กน้อยพูดถาม
“คืนให้คุณ”
หลินชิงเสว่พูดตรง ๆไปว่า: “ขอบคุณมาก ของขวัญของคุณฉันชอบมาก เพียงแต่ฉันไม่ชอบติดค้างใคร……”
ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกถังเฉาปฏิเสธอย่างนิ่มนวล
เขาส่ายหน้า พูดจริงจังว่า: “สามีส่งของขวัญให้ภรรยา มีอย่างที่ไหนคืนกลับมา?”
หลินชิงเสว่ยืนอึ้งอยู่พักใหญ่ ดูเช็คในมือหัวเราะเยาะตัวเองแล้วยิ้ม: “ตัวเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรองอีกจนได้”
ฉีกเช็คใบนั้นแล้ว ทิ้งลงในถังขยะ ออกจากร้านค้าแบรนด์เนมไปกับถังเฉา
พนักงานหญิงในร้านค้านิ่งอึ้งอยู่พักหนึ่งไม่พูดจากันสักคำ รู้สึกแปลกใจ ชายหนุ่มคนนี้ เขาเป็นใครกันแน่?
……
ต่งเจี้ยนตกใจกลัวลนลานออกจากแหล่งช็อปปิ้ง หวังอี้ตามออกมา เดินตามไปพลางพร้อมกับตะโกนว่า: “ที่รัก คุณเป็นอะไร?”
“หญิงสารเลว เธอไปให้ไกล ๆ ผมหน่อย!”
ต่งเจี้ยนหันกลับท่าทางดุดัน จ้องมองเธอด้วยสีหน้าเดือดดาล
หวังอี้ตกใจมาก มองเขาด้วยใบหน้าซีดเผือด อธิบายอย่างลุกลนว่า: “ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันนึกว่าเค้าเป็นผู้ชายเกาะผู้หญิงกินเท่านั้น—-”
เพียะ—-
ยังไม่ทันพูดจบ หวังอี้โดนตบหน้าอย่างรุนแรง
“ทั้งหมดเป็นเพราะเธอผู้หญิงสารเลว ซื้อเสื้อผ้าราคาแพงก็ไม่พูดสักคำ ยังไปเป็นศัตรูกับสองคนนั้นอีก คุณรู้มั้ยว่าพวกเขาเป็นใคร?!”
ใบหน้าต่งเจี้ยนเต็มไปด้วยความโมโห ตะคอกใส่หวังอี้ว่า: “ผู้หญิงคนนั้นชื่อหลินชิงเสว่เป็นประธานบริษัทลี่จิงกรุ๊ป ผู้ชายคนนั้นชื่อถังเฉาเมื่อห้าปีก่อน เกือบจะกลายเป็นสามีของซ่งหรูอี้แห่งตระกูลซ่ง!”
ทันใดนั้นหวังอี้ตกใจกลัวจนพูดอะไรไม่ออก กัดริมฝีปากอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ
ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต่งเจี้ยนยังไม่ได้พูด ตระกูลเจิ้งล่มสลาย ตระกูลซ่งเปลี่ยนผู้นำ เรื่องทั้งหมดถังเฉาไม่อาจปัดความรับผิดชอบไปได้ แม้แต่ตระกูลต่งเองยังมองไม่ออก เขาทำได้อย่างไร?
“ฉันจะตีหญิงสารเลวคนนี้ให้ตาย!”
ต่งเจี้ยนยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห ด่าไปพลาง แล้วยังลงมือตบดีไปพลาง จนหวังอี้กรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่า
หากเขาไม่ได้ยินจากปากของต่งอี้สิงซึ่งเป็นคนหนุ่มรุ่นที่หนึ่งของตระกูลต่งที่เคยพูดชื่อสองคำนี้ วันนี้เขาคงต้องจบเห่แล้ว
มองดูหวังอี้นอนอยู่บนพื้นในสภาพเนื้อตัวเขียวช้ำ ต่งเจี้ยนจึงคลายโทสะพูดว่า: “ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป พวกเราไม่มีความสัมพันธ์กันอีกต่อไป อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ไม่อย่างนั้นเจอหนึ่งครั้งตบหนึ่งครั้ง!”
พูดจบก็จากไป เหลือเพียงหวังอี้ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด นอนกองอยู่ที่พื้น
เขารีบกลับไปตระกูลต่งอย่างเร็วที่สุด กลับไปพบว่า ต่งอี้สิงและต่งวี่ซู่อยู่ที่นั้น กำลังปรึกษาเรื่องอะไรบางอย่างด้วยความเคร่งเครียดกับผู้นำตระกูลต่ง ต่งหนานหลิ่ง
“ผู้นำ”
ต่งเจี้ยนคุกเข่าต่อหน้าต่งหนานหลิ่ง พูดเสียงดังว่า: “ผมได้พบถังเฉากับหลินชิงเสว่แล้ว!”
“คุณพูดอะไร?!”
ต่งหนานหลิ่งลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่แก่ชราเริ่มเปล่งประกาย: “พวกเขาอยู่ที่ไหน!”
ต่งเจี้ยนเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง ต่งอี้สิงได้ยินก็หัวเราะเบา ๆ: “เดิมทีครุ่นคิดจนหัวแทบระเบิดว่าจะอ้างเหตุผลอะไรที่จะขอพบประธานหลินคนนั้น พบกับสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ปัญหานี้เหมือนจะแก้ไขแล้ว”
ต่งเจี้ยนเต็มไปด้วยใบหน้าที่สับสน ไม่เข้าใจว่าต่งอี้สิงกำลังพูดอะไร
ต่งวี่ซู่โบกมือ พูดว่า: “คุณออกไปก่อนเถอะ ที่นี่ไม่มีเรื่องของคุณแล้ว”
“ขอรับ”
หลังจากรายงานเรื่องราวแล้ว ต่งเจี้ยนก็ถอยออกไป ปิดประตูห้อง
จากนั้น ภายในห้องเหลือเพียงต่งหนานหลิ่ง ต่งวี่ซู่ ต่งอี้สิง สามคน
ต่งหนานหลิ่งพูดว่า: “โครงการของสำนักงานการก่อสร้างได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หากถูกตระกูลซ่ง ตระกูลเหยียน ตระกูลเสิ่น ได้รับไป ตระกูลต่งเราก็หมดหนทางสู้ แต่ว่า หากถูกกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กที่กำลังพัฒนาได้รับไปจริงๆ ทำใจไม่ได้จริง ๆ”
“คุณปู่วางใจ โครงการของสำนักงานการก่อสร้างในมือของบริษัทลี่จิงกรุ๊ป จะต้องเป็นของตระกูลต่ง!”
ต่งอี้สิงลุกขึ้นช้า ๆ ยิ้มอย่างเปิดเผยพูดว่า: “หลานจะไปพบกับพวกเขาและเจรจากับประธานหลินสักหน่อย”
“ถ้าหากหลินชิงเสว่ ผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมให้ งั้นจะทำอย่างไร?” ดวงตาของต่งหนานหลิ่งลุกเป็นประกาย
ใบหน้าของต่งอี้สิงยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจในตัวเอง: “เธอไม่ให้จะได้ยังไง ในมือของฉัน มีวิธีที่จะจัดการเธอ!”
“เพียงแค่มีจุดอ่อนนี้จัดการกับเธอ หญิงสาวร้ายกาจกว่านี้ ก็ยังต้องยอมจำนนให้ฉัน”
ดาวตาของต่งวี่ซู่เต็มไปด้วยความดุร้าย: “พี่ชาย ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นยอมอ่อนข้อแล้ว คืนแรกส่งคืนมาที่ฉันนะ”
ต่งอี้สิงมอง ต่งวี่ซู่ด้วยสายตาดูถูก: “เป็นถึงลูกหลานตระกูลต่ง อยู่ดี ๆก็ดันไปตัวละครเสียเอง ทำให้ตระกูลต่งต้องขายหน้าจริง ๆ!” “เฮ้ๆ พี่ชาย ต่างคนต่างความคิด”
ต่งวี่ซู่หัวเราะ ฮ่า ๆ พูดว่า: “ในโลกใบนี้ชีวิตคนเรา เป็นเพียงภาพมายา สุราเงินทอง ฉันหนึ่งในมักมากในสุรา สองไม่เล่นพนัน อย่างเดียวที่ทำให้ฉันมีความสุขได้ มีเพียงหญิงสาวเท่านั้น”
ครู่หนึ่ง ต่งวี่ซู่ยังพูดต่อ: “พี่ใหญ่วางใจ ฉันไม่แย่งตำแหน่งผู้นำตระกูลกับพี่แน่นอน”
ได้ยินคำพูดประโยคนี้แล้ว ดวงตาเย็นชาของต่งอี้สิงค่อย ๆเลือนหายไป แล้วเอียงตัวไปทางต่งหนานหลิ่งเล็กน้อย:
“ท่านปู่ หลานไปก่อนนะ”
“ไปเถอะ”
ต่งหนานหลิ่งโบกมือด้วยความพอใจ รอจนไม่มีใครอยู่แล้ว ในห้องรับแขกมีเสียงร้องเพลงดังขึ้น
เวลาอันยาวนานผันผ่าน หวนคิดถึงอดีตช่างเจ็บปวดเหลือทน
หากไม่ถามถึงอดีตไฉนเลยจะล่วงรู้ปัจจุบัน เรื่องราวการรุ่งเรืองและล่มสลาย
มีสักกี่คนเล่าที่รุ่งโรจน์ ฝากชื่อไว้ในประวัติศาสตร์
ยามพูดคุยหัวร่อต่อกระซิก เวลาล่วงผ่านกลายเป็นอดีต
สุดท้ายหลงเหลือเพียง เสียงถอนใจชั่วนิรันดร์
บุตรชายที่ให้กำเนิดควรเป็นต่งอี้สิง ลูกสาวบุญธรรมต้องเป็นซ่งหรูอี้—