เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 197
คำพูดของหลินโป๋หลาย ซ่งหมิงเวยฟังแล้วรู้สึกมึนงง
แต่เขามั่นใจได้ว่าผู้ชายคนนี้ เป็นผู้ชายที่ไปหาพี่สาวเขาในคืนนั้น บอกว่าจะแต่งงานกับพี่สาวตัวเอง ถ้าเป็นคนกำลังจีบพี่สาวตัวเองอยู่ แล้วทำไมถึงเอาปืนจ่อที่หัวของพี่สาวล่ะ?
ซ่งอี้หรูเหมือนเข้าใจอะไรแล้ว และยิ้มออกมากะทันหัน
เสียงหัวเราะจากเสียงต่ำไปสูง สุกท้ายก็เงยหน้าหัวเราะกันอย่างครื้นเครง
เขาเหมือนได้ยินมุกตลกที่ตลกที่สุดในโลก
ซ่งหมิงเวย รู้สึกวิตกกังวลแทนพี่สาว ตอนนี้พวกเขาเป็นคนที่กำลังถูกปืนสิบกว่ากระบอกจ่อหัวอยู่ แต่พี่สาวไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย แถมยังหัวเราะเสียงดังออกมา ถ้าเกิดทำให้เขาโกรธแล้วปืนเขาเกิดปืนลั่นขึ้นมาจะทำอย่างไง?
แน่นอนว่า เรื่องที่ซ่งหมินเวยไม่อยากเข้าใจที่สุดก็คิด เขาเป็นคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แม้แต่พวกเขาคุยอะไรกันซ่งหมินเวยยังไม่เข้าใจเลย ทำไมถึงต้องเอาเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย?
หลินโป๋หลายจ้องมองซ่งอี้หรูด้วยสีหน้าดุและพูดว่า: “มีอะไรน่าขำหรือ?”
“ฉันขำนายหลินโป๋หลายที่โง่เง่าเต่าตุ่นไง นายไม่ได้เข้าใจอะไรในตัวฉันเลย ยังอยากที่จะขอฉันแต่งงาน?!”
รอยยิ้มของซ่งอี้หรูหยุดชะงัก ถึงจะมีปืนหลายกระบอกจ่อเธออยู่ แต่เธอก็ไม่มีความเกรงกลัวเลยสักนิด และใช้สายตาที่ดูถูกมองไปที่หลินโป๋หลายและพูดว่า: “ในสายตานาย ถังเฉาและหลินชิงเสว่ที่ประสบอุบัติเหตุ นายคิดว่าฉันเป็นคนวางแผนหรือ?”
สีหน้าของหลินโป๋หลายดูไม่ธรรมชาติ และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น: “ฉันไม่ได้บอกว่าเธอเป็นคนทำ แต่ฉันแค่มาตักเตือนเธอ”
“ฉันซ่งอี้หรูกล้าทำกล้ารับ อะไรที่ฉันทำฉันก็จะยอมรับ แต่อะไรที่ฉันไม่ได้ทำ อย่าหวังเลยว่าจะมาใส่ร้ายฉันได้!”
ซ่งอี้หรูยืนขึ้นไปที่เก้าอี้ ยืนอยู่บนเก้าอี้และชี้ไปที่ปืนที่จ่อมาที่ตัวเธอพร้อมมองหลินโป๋หลาย และพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นและน่ากลัว
“ในสมองของฉันมีวิธีที่จะจัดการกับคนอยู่เป็นร้อยเป็นพันวิธี แต่ฉันไม่ลือกวิธีฆ่าคนเพราะเป็นวิธีที่ต่ำที่สุด และเป็นการกระทำที่ไร้ความสามารถที่สุด นายยังสงสัยว่าฉันเป็นทำหรือ?”
“อี้หรู เธอฟังฉันอธิบายก่อน”
หลินโป๋หลายแสดงได้ไม่ถึงสามวินาที สีหน้าที่เฉยชาของเขาได้หายไป แทนที่ด้วยรอยยิ้มที่เบิกบาน: “น้องสาวของฉันประสบอุบัติเหตุเกือบเอาชีวิตไม่รอด ฉันที่เป็นพี่ชายก็นิ่งเฉยไม่ได้สิ ถ้าน้องชายของเธอเกือบเอาชีวิตไม่รอด เธอก็จะรู้สึกเหมือนกันแน่นอน”
ซ่งหมินเวยอึ้งทันที และมองผู้ชายคนนี้ที่เมื่อกี้ยังมีสีหน้าที่ลี้ลับอยู่ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นสีหน้าที่รู้สึกผิด เรื่องผ่านไปด้วยดีอยู่แล้ว จะเอาฉันเข้าไปเกี่ยวข้องอีกทำไม?
แต่ไหนๆ ก็พูดออกมาแล้ว เขามองซ่งอี้หรูด้วยความคาดหวัง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาเธอจะมาช่วยเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขหรือไม่
แต่ว่าซ่งอี้หรูแค่มองเขาด้วยสายตาที่จืดชืดและพูดว่า: “ฉันต่างกับนาย และหมินเวยก็ต่างจากน้องสาวของนายด้วย เขาโตแล้ว ถึงเวลาที่เขาจะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว”
“…….”
ทันใดนั้นซ่งหมินเวยได้ยินเสียงสิ่งของแตก เหมือนมีอะไรตกแตก
นั้นคือหัวใจของเขาเอง
หลินโป๋หลายแสดงสีหน้าที่แข็งทื่อ และรีบให้ลูกน้องของตัวเองเก็บปืน และไปขอโทษ: “อี้หรู ฉันวู่วามเกิดไป อภัยให้ฉันนะ เธอลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ได้มั้ย?”
ซ่งอี้หรูเงียบและไม่ได้ตอบ เธอมองหลินโป๋หลายด้วยสีหน้าที่เหมือนคนโง่เขลา
หลินโป๋หลายคนนี้ จีบเธอมาแล้วเจ็ดแปดปี การกระทำของเขาก็เป็นธรรมชาติกับคนอื่น แต่กับเธอ เขามาตามตื้อตลอดเวลา คอยเกาะติดเธอเหวี่ยงอย่างไงก็เหวี่ยงไม่ออกจากชีวิต
วันนี้เขาพึ่งเคยแสดงอาการโกรธต่อซ่งอี้หรู แต่ไม่เกินสามวินาทีก็กลับสู่สีหน้าเดิมแล้ว
ซ่งหมินเวยยิ่งเป็นคนที่ยกย่องซ่งอี้หรูอย่างเลื่อมใสเต็มที่ เพียงแค่พี่สาวโกรธนิดหน่อย จากเสือเขาก็จะกลายเป็นแมว วิชาการควบคุมคนนี้ เขาก็อยากเรียนรู้เหมือนกัน
“อี้หรู ตามความคิดเธอ ใครเป็นคนก่อเหตุในครั้งนี้?”
หลินโป๋หลายหรี่ตา และถามอย่างตรงไปตรงมา
“ฉันไม่รู้”
ซ่งอี้หรูส่ายหัวและพูดว่า: “แต่ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะใช้ความคุ้นเคยหาคำตอบเรื่องนี้หมินจูเล็กมาก ความจำกัดเยอะเกิดไป”
เงียบสักพัก ซ่งอี้หรูมองหลินโป๋หลายอย่างลึกซึ้งและพูดว่า: “ฉันเชื่อในประโยคที่ว่า ก่อเหตุโดยไม่มีแรงจูงใจในการฆ่าคน จะทำให้สืบคดีได้ยาก”
“หมายความว่าอะไร?” แววตาของหลินโป๋หลายเต็มไปด้วยความมึนงง
ซ่งอี้หรูไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอรู้ดีว่า ถ้าพูดต่อไป เขาจะถามจนเขารู้ให้ได้แน่นอน
“หมายความว่าอะไรนายไปคิดเอาเอง เรื่องที่ฉันรับปาก ฉันทำได้แน่นอน”
แววตาของซ่งอี้หรูปรากฏความเย็นชา: “ฉันจะทำให้หลินชิงเสว่พ่ายแพ้เอง แต่ฉันจะไม่ใช้วิธีต่ำๆ แบบนี้แน่นอน นานแค่รอข่าวจากฉันก็พอ”
“หมินเวย พวกเราไปกันเถอะ”
ซ่งอี้หรูลุกขึ้น และพาซ่งหมินเวยเดินออกไปทางหน้าประตูสำนักงาน
หลินโป๋หลายจ้องมองเงาร่างของเธออย่างพักใหญ่ แล้วส่ายหัวด้วยความหดหู่และดีใจ: “ไม่ใช่เธอ…..”
ที่หดหู่ก็เพราะว่า ยังหาฆ่าตกรที่ก่อเหตุจะฆ่าน้องสาวตัวเองไม่ได้
สิ่งที่ดีใจก็คือ คนๆนั้นไม่ใช่ซ่งอี้หรู
หลังจากรีบแยกจากกันกับเสิ่นชิงหยุน ต่งอี้สิงก็กลับไปที่ตระกูลต่ง
เมื่อเปิดประตูบ้าน เห็นต่งหนานหลิ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยความลุกลี้ลุกลน
นายท่านหลับตาและพักผ่อนอยู่
ได้ยินเสียงเปิดประตู นายท่านลืมตา และใช้สายตาที่แหลมคมมองไปที่ต่งอี้สิง: “อี้สิง กลับมาแล้วหรือ?”
ต่งอี้สิงรีบโค้งคํานับ: “ใช่ครับ คุณปู่”
ระหว่างที่พูด เขามองต่งหนานหลิ่งด้วยสีหน้าที่ตกใจ ปกติปู่จะนอนเร็วนะ ทำไมวันนี้ถึงนอนดึกแบบนี้?
ต่งหนานหลิ่งเหมือนจะคิดไปในทางเดียวกับต่งอี้สิง และยิ้มอย่างจืดชืด: “ข้างนอกฝนตกล้มแรง บวกกับหลานยังไม่กลับบ้าน ปู่ก็เลยนอนไม่หลับ”
“เป็นแบบนี้นี่เอง”
ต่งอี้สิงยิ้ม และพูดด้วยความเป็นห่วงว่า: “คุณปู่ นี่ก็ดึกแล้ว รีบไปพักผ่อนเถอะ”
“ไม่รีบ”
ต่งหนานหลิ่งโบกมือ และพูดกับต่งอี้สิงว่า: “โครงการสำนักงานการก่อสร้าง ได้มาหรือยัง?”
ต่งอี้สิงเงียบไปสักพัก ถอนหายใจเบาๆว่า เขารู้อยู่แล้วว่า ปู่ต้องถามถึงเรื่องนี้
แต่เขาก็เลือกที่จะไม่โกหกและพูดความจริงไป: “เกิดเหตุการณ์ผิดพลาดนิดหน่อย แต่คุณวางใจได้เลย โครงการสำนักงานการก่อสร้างอยู่ในมือเราอยู่แล้ว หลานคนนี้จะเป็นคนเอามันมาเอง”
“เป็นเพียงแค่การผิดพลาดเล็กน้อยใช่มั้ย?”
แววตาที่ขุ่นของต่งหนานหลิ่งส่งประกายแสงออกมาและพูดว่า: “เป็นเพียงแค่ข้อผิดพลาดเล็กน้อย นายคงไม่เกือบเอาตัวไม่รอด และเป็นแพะรับบาปให้คนอื่นหรอก”
ต่งอี้สิงหายใจไม่ทั่วท้องเลย และพูดอย่างระมัดระวัง: “คุณปู่ แท้จริงคุณปู่รู้หมดแล้วหรือ”
ต่งหนานหลิ่งไม่ได้พยักหน้าและไม่ได้ส่ายหัวเช่นกัน เพียงแค่พูดว่า: “เพราะนายเป็นคนที่สับเผ้า หลินชิงเสว่และถังเฉา พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา เพราะนายประมาทพวกเขา”
ต่งหนานหลิ่งถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูลปู่ ทำไมถึงอยู่ในสี่ตระกูลมหาเศรษฐี นายคงจะรู้ใช่มั้ย?”
“ใช่ ผมรู้”
ต่งอี้สิงพูดออกมาว่า: “เพราะคนๆนั้น”
“ถูกต้อง”
แววตาของต่งหนานหลิ่งปรากฏความเย็นชา: “คลิปได้หลุดออกไปแล้ว ตอนนี้ถังเฉาและหลินชิงเสว่ต้องคิดหาวิธีทำลายเอกสารต้นฉบับในมือนายแน่นอน ถึงตอนนั้น ฉันก็เชิญคนๆนั้นมา และฆ่าพวกเขาทันที!”
“เป็นวิธีที่ดี!”
ต่งอี้สิงพึ่งดีใจ แต่ก็หลับไปกังวลในไม่ช้า: “แต่ว่าคนๆนั้นไม่มีที่อยู่ที่เป็นหลักเป็นแหล่งเขาจะมาหรือ?”
“ไม่เป็นไร ปู่ได้ติดต่อลูกน้องของคนๆนั้นแล้ว ถ้าถังเฉากล้ามา ปู่จะให้เขาไม่มีวันได้กลับไปอีกเลย!” ต่งหนานหลิ่งพูดด้วยเสียงที่เย็นเยือก