เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 220
ต่งวี่ซู่ให้เว่ยเช่นเช่นใส่ร้ายและทำลายชื่อเสียงหลินชิงเสว่ สิ่งนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ตระกูลต่งจะต้องมีแผนการสำหรับขั้นตอนต่อไปอย่างแน่นอน
ฆ่าคนต้องฆ่าให้เกลี้ยง ตัดหญ้ายังต้องถอนราก นี่คือกฎในการทำสิ่งต่างๆของถังเฉาในช่วงห้าปีที่ผ่านมา
เขาโทรหาเฟิ่งหวง :”ไปบ้านตระกูลต่งกับผม”
“ได้เลย”
เสียงหนาวเย็นที่ดังมาจากอีกด้าน ไม่ใช่เฟิ่งหวงเลย
“ไป๋เสว่?”
ถังเฉาประหลาดใจครั้งใหญ่ : “ตอนนี้คุณอยู่กับเฟิ่งหวงงั้นเหรอ?”
“ฉันมาหาเธอเพราะมีธุระนิดหน่อย” เจียงไป๋เสว่พูดอย่างแผ่วเบา
หลังจากนั้น ด้านข้างจึงมีเสียงขอโทษอย่างสุดซึ้งของเฟิ่งหวงดังขึ้น : “ขอโทษด้วยค่ะรองหัวหน้า หลายวันนี้พี่เสว่อยู่กับฉันตลอดเลยค่ะ เธอให้ฉันช่วยผ่าศพ—-”
“ชันสูตรพลิกศพ?”
ดวงตาของถังเฉาหรี่ลง
เสียงราบเรียบของเจียงไป๋เสว่ดังขึ้นมาอีกครั้ง : “ฉันฆ่าเจ้าหน้าที่บริหารระดับหนึ่งดาวที่ชื่อ”หว่างเหลี่ยง”บนเขาหู่กวยแล้วนำศพเขากลับมาด้วยค่ะ เฟิ่งหวงเป็นเชี่ยวชาญในด้านการพิสูจน์ศพค่ะ”
ได้ยินแล้ว ถังเฉาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพในค่ำคืนนั้นที่เจียงไป๋เสว่มีเลือดปกคลุมไปหมดทั้งตัว
เจียงไป๋เสว่กล่าวอีกว่า : “คุณไม่ได้อยากไปตระกูลต่งเหรอ เฟิ่งหวงยุ่งมากไปกับคุณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยจัดการ ไปตระกูลต่งเป็นเพื่อนคุณเอง”
ถังเฉาหัวเราะเจื่อนๆ นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ปฏิบัติภารกิจร่วมกับไป๋เสว่?
หลังจากนั้นสิบนาที รถปอร์เช่เปิดประทุนสีดำคันหนึ่งได้จอดอยู่ข้างๆถังเฉา เจียงไป๋เสว่เดินออกมาพร้อมผมสีดำ
เธอยังคงแต่งตัวเหมือนดั่งเช่นก่อนหน้านี้ ชุดหนังรัดรูปสีดำ รองเท้าบูทหนังทรงสูงสีดำ แม้แต่ผมยาวก็ยังเป็นสีดำเช่นกัน
“ขึ้นรถ”
ถังเฉานั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ ทันทีที่เจียงไป๋เสว่เหยียบคันเร่ง เธอขับไปทางบ้านของตระกูลต่ง
……
ตระกูลต่งในเวลานี้กำลังตกอยู่ในความโกลาหล
ต่งอี้สิงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าที่เต็มไปความหม่นหมอง เมื่อดูภาพถ่าย ในรายงานข่าวแล้ว เส้นสีน้ำเงินก็ปูดโปนขึ้นมาบนหน้าผาก
ในเวลานี้เอง รุ่นน้องตระกูลต่งคนหนึ่งได้เดินเข้ามา ต่งอี้สิงรีบลุกขึ้นยืนทันที : “เป็นยังไงบ้าง ปฏิเสธความสัมพันธ์ทุกอย่างแล้วใช่ไหม?”
เพราะรายงานข่าวฉบับนี้ ชื่อเสียงของตระกูลต่งได้เสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว และราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดลดลงร้อยละหนึ่ง ขาดทุนอย่างหนัก
รุ่นน้องคนนั้นส่ายหัว “ยังครับ ถ้าพูดออกไปตอนนี้ จากที่ต้องการปิดบัง มันจะยิ่งทำให้คนอื่นรู้สึกว่ามีพิรุธได้น่ะสิ”
“บ้าเอ๊ย!”
ได้ยินแล้วต่งอี้สิงก็กัดฟันแน่นและเงียบอยู่นานมาก
ตอนนี้เอง ต่งหนานหลิ่งเดินเข้ามาและเหลือบมองเขาออย่างลึกซึ้ง : “อี้สิง ถังเฉาคนนี้เป็นภารกิจอย่างหนึ่งแล้ว แกอย่าประมาทเขาโดยเด็ดขาด”
“ครับคุณปู่ หลานเข้าใจแล้ว”
ต่งอี้สิงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ : “แต่ยังไงก็ตาม เขาเป็นแค่ปัญหาเล็กๆเท่านั้น ตราบใดที่วิดีโอต้นฉบับยังอยู่ในมือผม พวกเราจะไม่มีวันพ่ายแพ้เขาตลอดกาล!”
ต่งหนานหลิ่งพยักหน้า : “คำนวณเวลาแล้ว เจ้าหนูนั่นกำลังมาที่ตระกูลต่งของฉันจริงๆ”
“ถ้าหากเขายอมจำนน จะไว้ชีวิตเขาก็ทำได้ มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แค่กลัวว่าจะต้องต่อสู้กันจนตายไปทั้งสองฝ่าย”
ต่งอี้สิงหัวเราะเยาะซ้ำแล้วซ้ำเล่า : “จะต่อสู้กันจนตายทั้งสองฝ่ายได้ก็ต้องเป็นคนที่มีความสามารถด้วย ต่อหน้าตระกูลต่งของผม เขาทำอะไรไม่ได้หรอก”
ตูม—-
ในขณะนั้นเองมีเสียงดังอึกทึกมาจากด้านนอก รถปอร์เช่สีดำได้ขับพุ่งชนกับประตูบ้านของตระกูลต่งโดยตรง
จากนั้น ชายและหญิงคู่หนึ่งได้เดินออกมาจากในรถ ท่าทางที่ก้าวเดินออกมานั้นเฉยชา
“พวกแกเป็นใครถึงได้กล้าบุกรุกตระกูลต่ง!”
ตูม—-
ยามของตระกูลต่งพูดยังไม่ทันจบก็ถูกเจียงไป๋เสว่เตะอย่างแรงจนลอยไปในอากาศ ถังเฉาเหลือบมองเจียงไป๋เสว่ด้วยสายตาประหลาดใจ เขายังไม่ทันได้ลงมือเลย ไป๋เสว่กลับลงมือก่อนแล้ว
“เรียกคนของตระกูลต่งให้โผล่หัวออกมา”
ดวงตาทั้งคู่ของเจียงไป๋เสว่เผยรังสีแห่งการฆ่า น้ำเสียงเย็นเยียบราวกับแม่น้ำ ยามทุกคนของตระกูลต่งเงียบสนิทราวกับจักจั่นในฤดูหนาว แล้วรีบวิ่งเข้าไปรายงานทันที
รังสีแห่งการฆ่าบนใบหน้าของเจียงไป๋เสว่หายทันที เธอหันหน้ากลับมาแล้วเหลือบมองถังเฉาเบาๆ : “งานของเฟิ่งหวงเป็นแบบนี้งั้นเหรอ?”
ถังเฉาพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว เจียงไป๋เสว่ยิ้มเงียบๆ : “ดูแล้ว ฉันก็ทำงานของเฟิ่งหวงได้นะ”
“ใครกันที่มันกล้าหาญจน กล้ามาลงมือในบ้านของฉัน!”
ในขณะนี้ มีเสียงตะโกนอย่างเดือดดาลของชายชราดังออกมาจากคฤหาสน์ของตระกูลต่ง
ต่งหนานหลิ่งและต่งอี้สิงเดินออกมาพร้อมกลุ่มบอดี้การ์ดด้วยสีหน้าโกรธเคือง หลังจากที่เห็นถังเฉาและเจียงไป๋เสว่ รูม่านตาของทั้งคู่ได้หดตัวลง
“ถังเฉา เป็นแกนี่เอง!”
“แกก็คือถังเฉางั้นเหรอ?”
ต่งหนานหลิ่งได้เจอถังเฉาเป็นครั้งแรก ดวงตาของชายชราหรี่ลงเล็กน้อย
“ผมเอง”
ร่างของถังเฉาสูงตระหง่าน ใบหน้าคมดุจมีดจ้องมองทุกคนในตระกูลต่ง
ข้างๆเขา เป็นเจียงไป๋เสว่ที่มีสีหน้าเบื่อหน่ายและกำลังเล่นกริชเงินที่อยู่ในมือ แล้วกางออกเป็นใบมีดช่อดอกไม้ที่หนาวเย็น
เผชิญหน้ากับตระกูลต่งทั้งหมดแล้ว ทั้งสองคนไม่ได้แสดงท่าทางหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
ท่าทางแสดงออกของต่งอี้สิงและต่งหนานหลิ่งค่อยๆเปลี่ยนเป็นสง่าผ่าเผย
แต่ว่า ตระกูลต่งได้เตรียมการอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ประกายความตึงเครียดจึงได้หายวับไป
ทันใดนั้นเองการแสดงออกของต่งอี้ซิงได้เปลี่นเป็นดุร้าย : “ถังเฉา ครั้งก่อนที่แกเกือบจะทำให้ฉันตกจากหอไข่มุกแล้วยังทำรายงานข่าวเพื่อทำลายชื่อเสียงของตระกูลต่ง พวกเรายังไม่ได้ไปหาแก แกกลับเป็นฝ่ายมาหาถึงปากประตูก่อนเลย!”
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณต้องการอย่างนั้นเหรอ?”
ทันใดนั้นถังเฉายิ้มแล้วพูดเสียงดังลั่นว่า : “ผมจะให้โอกาสพวกคุณฆ่าผมหนึ่งครั้ง ดูกันว่าพวกคุณมีความสามารถหรือไม่!”
“เจ้าเด็กโง่!”
สายตาของต่งหนานหลิ่งมืดสลัว เขาจ้องมองถังเฉาแล้วเอ่ยว่า : “แกทำลายชื่อเสียงตระกูลต่งของฉันแล้วยังเกือบทำร้ายหลานชายของฉันจนตาย ไม่ฆ่าแกก็ยากที่จะขจัดความเกลียดชังในใจของฉันได้!”
“รีบไปลบข่าวที่ทำลายชื่อเสียงของตระกูลต่งซะ จากนั้นส่งมอบโครงการของสำนักงานการก่อสร้างของลี่จิงกรุ๊ปออกมา ทำตามนี้แล้ว ฉันยังจะพอพิจารณาไว้ชีวิตแกได้อยู่”
ต่งอี้สิงพูดออกคำสั่งด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมเช่นกัน
แต่ถังเฉากลับส่ายหัวเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง : “ลบหรือไม่ลบจะเกี่ยวอะไรอีกล่ะ ถึงยังไงตระกูลต่งของพวกคุณกำลังจะตายอยู่แล้ว”
พูดมาถึงตรงนี้ ถังเฉาหยุดชะงักไปชั่วครู่ น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที
“มอบวิดีโอต้นฉบับมา พวกแกจะได้ไม่ต้องตาย!”
ต่งอี้สิงตกใจกับพลังของถังเฉา แต่ว่า เขาได้เตรียมพร้อมมาอย่างเต็มที่ ยังคงไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย แล้วหัวเราะเย้ยหยันออกมา
“เพราะว่าแกเลือกไม่ดื่มเหล้าคารวะ แต่ดื่มเหล้ารับโทษแทน ถ้าอย่างนั้นก็อย่าโทษว่าฉันโหดเหี้ยม!”
ทันทีพูดจบ เขาก็แสดงท่าทาง
วื้ดๆๆ—-
บอดี้การ์ดตระกูลต่งที่อยู่ด้านหลังก้าวเท้าขึ้นมาด้านหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันแล้วล้อมถังเฉากับเจียงไป๋เสว่เอาไว้
บอดี้การ์ดแต่ละคนล้วนถือปืนไว้ในมือแล้วชี้ไปที่หัวของพวกเขา
ถึงแม้ว่าภายในประเทศจะห้ามพกพาปืนโดยเด็ดขาด แต่ขอเพียงแค่เป็นครอบครัวที่ร่ำรวยล้วนมีวิธีการพิเศษที่จะเอาปืนมาได้
เห็นฉากนี้แล้ว ต่งอี้สิงส่งเสียงหัวเราะเยาะ : “ครั้งก่อนฉันคิดไม่รอบคอบ ไม่ได้เอาบอดี้การ์ดมาด้วย ถึงได้ทำให้แกมีโอกาสได้เข้าใกล้ ตอนนี้ แกจะหนีเอาชีวิตรอดจากท่ามกลางดงลูกตะกั่วนี้ยังไง?”
ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังไม่ใช่ไพ่ไม้ตายสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุดของเขา ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว บางทีอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ไพ่ไม้ตายที่ใหญ่ที่สุดเพื่อฆ่ามันเลยก็ได้
ถูกปืนจำนวนมากขนาดนี้ชี้มาที่หัว ถังเฉาและเจียงไป๋เสว่กลับไม่กลัวเลยสักนิด
ไม่เพียงแค่ไม่กลัว พวกเขายังเหลือบมองกันและกัน จากสายตาของทั้งคู่สามารถมองเห็นรอยยิ้มที่หายไปนาน
เหมือนกับสิงโตสองตัวที่สักวันหนึ่งจะต้องย้อนกลับไปยังทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตอีกครั้งเพื่อปลดปล่อยความดุร้ายตามธรรมชาติของพวกมันออกมาอย่างเต็มที่
“คนละครึ่งไหม?”
ถังเฉาหันหน้าไปถาม
“ให้ฉันทั้งหมดนั่นแหละ”
เจียงไป๋เสว่ยิ้มบางๆ ดาบดอกไม้ในมือที่หมุนอยู่ได้หยุดลงอย่างกะทันหัน
ทันใดนั้นเอง กริชเล่มเดียวได้กลายเป็นหลายเล่มราวกับพระพันมือก็ไม่ปาน แล้วถูกเจียงไป๋เสว่ปัดออกไปเบาๆ
วินาทีต่อมามันคือ พายุดอกสาลี่ ประกายดาบเงากระบี่
ปึ่กๆๆ—-
มีดบินได้คร่าชีวิตบอดี้การ์ดทั้งหมดของตระกูลต่ง แม้แต่จะลั่นไกก็ยังไม่ทันได้ทำ โดยบนคอมีรอยมีดปรากฏอยู่เล็กน้อย
ปากแผลระเบิดออก เลือดไหลรินราวกับน้ำพุ
บอดี้การ์ดทุกคนล้มลงไปอย่างไร้เสียงและนอนตายด้วยตาเบิกโพลง