เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 231
ถังเฉาขับรถนิ่มๆ หลินฉ่ายเวยนั่งที่นั่งข้างๆ สายตายังคงแดงเรื่อ แต่อารมณ์ไม่ได้รุนแรงเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
เธอมองถังเฉาที่สีหน้านิ่งเฉย มีหลายครั้งอยากเปิดปากพูด แต่พอคำพูดมาถึงริมฝีปาก ก็พูดไม่ออกอีก
“คุณมีอะไรอยากจะคุยกับผมไหม?”
ทันใดนั้น สายตาถังเฉาหันมาถามราบเรียบ
“ฉัน—“
หลินฉ่ายเวยสีหน้าเลิกลั่ก และโพล่งออกมาในทันใด
“ฉันก็แค่สงสัยว่า คุณหาฉันเจอได้ยังไง?”
ถังเฉาหัวเราะบอก “พ่อโทรหาผม บอกว่าคุณทะเลาะกับที่บ้าน แล้ววิ่งออกมา ให้ผมมาหาคุณ”
“อ้อ”
หลินฉ่ายเวยดูผิดหวังเล็กน้อย เธอนึกว่าถังเฉาตั้งใจมาหาเธอซะอีก—เหมือนกับครั้งก่อนในผับนั่น
ถังเฉาไม่ได้พูดอะไรอีก หลินฉ่ายเวยก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี ได้แต่บีบมือแน่น ท่าทางตื่นเต้นมาก
บรรยากาศแบบนี้คงอยู่ไปจนใกล้จะถึงบ้านหลิน หลินฉ่ายเวยถึงทนไม่ได้ถามออกมาว่า “ถังเฉา คุณยังจำคำพูดที่ฉันพูดกับคุณตอนเด็กได้ไหม?”
“พูดว่าอะไร?” ถังเฉายังคงจับพวงมาลัยอยู่
“ก็คือ….”
หลินฉ่ายเวยหน้าแดง กัดปาก พูดมันออกมาทันที
“ฉันบอกว่า ชีวิตนี้จะแต่งกับคุณเท่านั้น!”
ถังเฉายิ้มแผ่ว “ทำไมคุณยังพูดแบบนี้อีกล่ะ ผมแต่งงานแล้วนะ”
“แต่ว่า ฉันไม่ได้ขอให้คุณแต่งกับฉันนี่!”
หลินฉ่ายเวยหันมามองถังเฉา กัดฟันพูดว่า “ฉันแค่—-อยากกลับไปอดีตกับคุณ!”
ถังเฉาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ระหว่างนั้นหันมองหลินฉ่ายเวยพูดต่อ “ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจจริงๆว่าอะไรคือความรัก”
หลินฉ่ายเวยมองถังเฉาตาเป็นประกาย เห็นเขาพูดเสียงราบเรียบ “ตอนนี้คุณแค่อยู่ในช่วงอารมณ์เศร้าเพราะโดนหักหลัง แล้วผมก็มาดึงคุณขึ้นจากหุบเหวพอดี คุณรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณผมเท่านั้นเอง”
“พวกเราไม่ใช่เด็กๆกันแล้ว บุญคุณความแค้นในอดีตอย่าเก็บมันมาใส่ใจอีกเลย”
หลินฉ่ายเวยตาแดงอีกครั้ง รู้สึกเหมือนโดนมีดกรีดที่ใจ—ไม่รู้ทำไม ความเจ็บปวดครั้งนี้หนักหนากว่าตอนที่รู้ว่าเหวินเหวยเฉินทรยศเธอซะอีก หัวใจเธอเหมือนหัวหอมที่กำลังโดนมีดค่อยๆหั่น
เธอเองที่ผลักไสผู้ชายที่เคยดีกับเธอมากคนหนึ่งออกไปกับมือ
และคนๆนี้เดิมเป็นคนที่ควรจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดชีวิต
เธอกัดฟันแน่น ไม่ยอมให้เสียงร้องไห้ตัวเองออกมา เธอเสียใจจริงๆ
รถแล่นมาจนถึงหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง หลินฉ่ายเวยจู่ๆก็พูดขึ้น “คุณยังจำที่นี่ได้ไหม?”
ถังเฉามองหนึ่งทีด้วยสายตาราบเรียบ “จำได้ ตอนเด็กหิวแล้ว พวกเราแวะมากินบะหมี่ที่นี่ด้วยกัน”
“ไม่เอาหัวหอม เพิ่มเส้น ตอนเด็กไม่มีเงิน พวกเราเลยกินบะหมี่ชามเดียวหารกัน”
หลินฉ่ายเวยพยายามให้ตัวเองยิ้มออกมา มองถังเฉาพลางว่า “จะไปกินอีกครั้งกันได้ไหม? ครั้งสุดท้าย”
เขาลังเลเล็กน้อย สุดท้ายถังเฉาพยักหน้า “ได้”
รถจอดลงที่ข้างทาง ถังเฉากับหลินฉ่ายเวยเดินเข้าไปในร้านด้วยกัน
ร้านเล็กมาก แถมยังไม่ได้สะอาดมาก ไม่มีลูกค้าซักคนเลย
“เถ้าแก่ บะหมี่ชามหนึ่ง ไม่เอาหัวหอม เพิ่มเส้น”
หลินฉ่ายเวยหยิบแบงค์ร้อยใบใหม่เอี่ยมออกมา “ไม่ต้องทอนหรอกค่ะ”
พูดจบ ก็เดินมานั่งตรงข้ามถังเฉาด้วยสีหน้าประหม่า
ไม่นาน บะหมี่มาเสิร์ฟแล้ว
หลินฉ่ายเวยหยิบตะเกียบออกมาสองคู่ กำลังจะยื่นให้ถังเฉา ถังเฉายิ้มน้อยๆบอก “ผมมองดูคุณกิน”
หลินฉ่ายเวยชะงักมือค้างกลางอากาศ จากนั้นก็ดึงกลับมาแบบแกนๆ เริ่มกินคนเดียว
ซื้ดซ้าดซื้ดซ้าด—
ในร้านบะหมี่ไม่มีเสียงพูดคุยอะไร มีเพียงเสียงหลินฉ่ายเวยรีบกินบะหมี่
เธอกินเร็วมาก กินอย่างตะกรุมตะกราม เหมือนไม่ได้กินข้าวมายี่สิบวัน
ถังเฉานั่งอยู่ตรงข้าม มองดูหลินฉ่ายเวยที่นั่งกินบะหมี่อยู่อย่างสงบเงียบ
หน้าแดงหูแดง สองตาแดง
เธอเริ่มกินเร็วขึ้นเรื่อยๆ น้ำตาก็ไหลลงไปในน้ำซุป
สุดท้าย เธอก้มหน้าลงไปในชาม ทนไม่ไหวร้องไห้โฮออกมา
ถังเฉาไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้ปลอบด้วย เขาได้แต่มองผู้หญิงที่ไร้ที่พึ่งคนหนึ่งเงียบๆ
เลิกราพบเจอ ถ้ากลับมารักกันเหมือนดั่งเดิมไม่ได้ จะหลงเหลือความรู้สึกดั่งแรกพบได้หรือเปล่า
อนาคตมันไม่แน่นอน เขาเองก็ไม่สามารถให้อะไรเธอได้ ได้แต่อยู่เป็นเพื่อนเธอกินบะหมี่ชามสุดท้ายนี้
หลินฉ่ายเวยกินเกลี้ยงมาก ไม่เหลือน้ำซุปซักหยด
ตอนนี้เถ้าแก่เดินออกมาบอกยิ้มๆว่า “สาวน้อย เธอเป็นสาวน้อยที่เคยมากินบะหมี่ที่นี่บ่อยๆใช่ไหม? ต่อไปแวะมาบ่อยๆนะ”
หลินฉ่ายเวยอึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มส่ายหน้า
“ขอโทษค่ะเถ้าแก่ ต่อไปฉันคงไม่มากินอีกแล้ว”
พูดจบ เธอก็รีบจากไปท่ามกลางสายตาตกตะลึงของเถ้าแก่
ถังเฉาถอนหายใจในใจ ถ้ารู้แบบนี้ ตอนแรกทำทำไมล่ะ?
พอกลับถึงบ้านหลิน หลินฉ่ายเวยจัดการตัวเองเรียบร้อย เดินเข้ามากับถังเฉา
กลับพบว่า ที่บ้านมีคนมากขึ้น
นอกจากโจวเหม่ยหยูนกับหลินเจิ้นสงแล้ว เหวินเหวยเฉินยืนด้วยท่าทางนอบน้อมข้างตัวชายวัยกลางคนท่าทางเข้มงวดคนหนึ่ง
ใบหน้าท่าทางชายวัยกลางคนดูเข้มงวดอยู่ในที กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แดงที่อยู่ตรงกลาง มือถือถ้วยชา จิบเบาๆ
ท่าทางง่ายๆแบบนี้กลับสร้างแรงกดดันให้กับคนอย่างมากมายนัก มีเพียงคนระดับสูงเท่านั้นก็จะให้ความรู้สึกกดดันแบบนี้ได้
“ฉ่ายเวยกลับมาแล้ว….”
พอเห็นถังเฉากับหลินฉ่ายเวยกลับมา โจวเหม่ยหยูนถอนหายใจโล่งอกทันที เธอเมินถังเฉาไปเลย และยิ้มประจบกับชายวัยกลางคนนั่นว่า “คุณพ่อ บอกแล้วไงคะ ฉ่ายเวยน่ะแค่เอาแต่ใจนิดหน่อย เลยหนีออกจากบ้าน มีหรือจะคิดยกเลิกงานแต่งกับเหวยเฉิงน่ะ?”
“คุณพ่อ?”
หลินฉ่ายเวยสบตากับถังเฉา สีหน้าซีดเผือด
ถังเฉาเองก็หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาเย็นเยียบลง
คำว่าคุณพ่อคำเดียว บอกฐานะของชายวัยกลางคนได้อย่างดี เจ้าตระกูลเหวิน พ่อของเหวินเหวยเฉิน เหวินหนานเฉิง!”
เหวินหนานเฉิงปรายตามองหลินฉ่ายเวย สีหน้าเรียบนิ่ง เขาเพียงแค่วางถ้วยชาลง พยักหน้าเบาๆ
“กลับมาก็ดีแล้ว”
โจวเหม่ยหยูนรีบพยักหน้าทันที และถลึงตาใส่หลินฉ่ายเวย “เพราะเราน่ะแหละ แผลเล็กน้อยแค่นี้เอาแต่ใจอะไรมากมาย ขนาดคุณพ่อยังตกใจเลย รีบกลับมาจากแถวเจียงเจ้อ ยังไม่รีบมาขอโทษว่าที่พ่อสามีอีก!”
หลินฉ่ายเวยยืนนิ่งไม่พูดอะไร สายตาเหล่ไปทางเหวินเหวยเฉิน
สิ่งที่ทำให้เธอสะท้านเยือกในใจคือ เหวินเหวยเฉินไม่ออกมาพูดแทนเธอเลย มีแต่ยืนนิ่งไม่ใส่ใจ
“รีบขอโทษสิ!”
พอเห็นหลินฉ่ายเวยยืนนิ่ง โจวเหม่ยหยูนร้อนใจทันที ผลักหลินฉ่ายเวยทันที
หลินฉ่ายเวยโดนผลักจนหัวแทบทิ่ม เธอกัดฟันกรอด โค้งคำนับให้กับเหวินหนานเฉิง
“คุณพ่อ ขอโทษค่ะ ฉ่ายเวยเอาแต่ใจเกินไป!”
“อืม”
เหวินหนานเฉิงพยักหน้าเบาๆ “พ่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ลูกชายพ่อทำร้ายเธอก่อน”
หลินฉ่ายเวยเงยหน้าขึ้นมา มองเหวินหนานเฉิงอย่างตกใจเล็กน้อย ถังเฉายืนอยู่แถวสุดท้ายของผู้คน สายตาแหลมคมจับจ้องไปที่เหวินหนานเฉิง รอเขาพูดต่อไป
“ลูกชายพ่อทำไม่ถูกเหมือนกัน แต่เธอเป็นภรรยาของเขา ก็ควรจะช่วยเขาแบกรับความเครียดเหมือนกัน”
เหวินหนานเฉิงพูดพุ่งแรง มองหลินฉ่ายเวยพลางว่า “ผู้หญิงแต่งงานแล้วต้องอยู่ในศีลในธรรม รักษาธรรมของการครองเรือน ถึงจะเป็นลูกสะใภ้ที่ดีของบ้านเหวินเรา”
หลินฉ่ายเวยได้ยินนัยยะแอบแฝงของคำพูดเหวินหนานเฉิง ยิ้มชืดบอก “ความหมายของคุณพ่อคือ งั้นอนาคตต่อให้เหวยเฉิงทำร้ายหนู หนูก็ต้องยอมให้เขาทำหรือคะ?”
เหวินหนานเฉิงไม่ได้ตอบตรงๆ แต่มองหลินฉ่ายเวยแบบมีนัยยะ “เรื่องระหว่างสามีภรรยา เธอจัดการเองได้เลย”
หลินฉ่ายเวยกระตุกร่างทันที ไม่ได้กลัวการแต่งงานเหมือนตอนนี้อีก
โจวเหม่ยหยูนวิ่งเข้ามาประจบ “คุณพ่อ ในเมื่อฉ่ายเวยกลับมาแล้ว เรื่องก็แฮปปี้ทุกฝ่าย วันมะรืนเป็นวันแต่งงานแล้ว คืนนี้ฉันจะให้ฉ่ายเวยไปค้างที่เรือนหอนะคะ”
“ไม่รีบครับ”
เหวินหนานเฉิงกลับเบรกเอี๊ยดว่า “ผมมาบ้านหลิน นอกจากเรื่องของฉ่ายเวยแล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง….”
“เรื่องอะไรคะ ถ้าเพียงพวกเราจะช่วยได้ บอกมาเลยค่ะ”
“พวกคุณช่วยได้แน่”
เหวินหนานเฉิงยิ้มเย็น จากนั้นพูดเสียงเรียบว่า “สองวันก่อน ลูกชายของผมเสี่ยววี่ โดนคนๆนี้ทำร้ายบาดเจ็บสาหัสในถิ่นบ้านจ้าว ตอนนี้ยังสลบไม่ฟื้น ผมเลยตั้งใจมาเคลียร์!”
ผสานกับน้ำเสียงที่หยุดลง สายตาเหวินหนานเฉิงเปลี่ยนเป็นคมปลาบขึ้น มองปราดไปหาทุกคน จนไปหยุดลงที่ถังเฉา