เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 257
ถังเฉาขับรถคนเดียว มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ซานสุ่ย
เสิ่นป้านซานและลุงหยางโดยสารมาอีกคันหนึ่ง ตามหลังมาติดๆ
ตลอดทางมานั้น สายตาของทั้งสองคนอึมครึมอย่างยิ่ง จ้องรถยนต์ของถังเฉาเอาไว้
สายตาของถังเฉามองทางกระจกมองหลังไม่ขาดสาย เห็นการแสดงออกของสองคนอยู่ในแววตาทั้งหมด หัวเราะนิ่งๆ ไม่ได้สนใจ
รอตอนที่ขับมาถึงคฤหาสน์ซานสุ่ย ซึ่งเป็นช่วงกลางคืนแล้ว
ทางบนภูเขาขรุขระ เงาร่มไม้ไหวพลิ้ว ทุกที่สามารถมองเห็นกิ่งไม้สั่นไหว นกหลายตัวกระพือปีกบินไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืน
“รองหัวหน้า”
เพิ่งเดินเข้าคฤหาสน์มา เฟิ่งหวงก็เข้ามาต้อนรับแล้ว
ที่ทำให้ถังเฉาประหลาดใจคือคาดไม่ถึงว่าเฟิ่งหวงไม่ได้ใส่ชุดหนังสีดำที่ใส่ในวันปกติ แต่ว่าเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงบางสบายสีขาวชุดหนึ่ง สวมรองเท้าแตะ แต่งตัวพักผ่อนอยู่บ้านสบายๆ
“ทำไมถึงเปลี่ยนชุดแล้วล่ะ?” ถังเฉายิ้มถาม
เฟิ่งหวงหน้าแดง พูดออกมาคำหนึ่งอย่างกลัดกลุ้ม
“ร้อน”
นี่เองถังเฉาถึงพบว่าบนหน้าผากของเฟิ่งหวงมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็ม
เฟิ่งหวงแบบนี้ ทำให้แรงอาฆาตที่ห้ามคนเข้าใกล้ลดลงระดับหนึ่ง เพิ่มกลิ่นอายเข้าหาได้ง่ายแบบพี่สาวข้างบ้านขึ้นมา
“แบบนี้ แปลกมากเหรอ?”
เฟิ่งหวงก้มหน้ามองการแต่งตัวของตนเอง สีหน้าค่อนข้างกระอักกระอ่วน
“ไม่แปลก”
ถังเฉาส่ายหน้า “ต่อไปเธอลองการแต่งตัวแบบอื่นดูมากๆ หน่อยสิ”
นี่เป็นเพียงคำพูดทั่วไปประโยคหนึ่ง ทว่าเฟิ่งหวงกลับดีใจเต็มเปี่ยม เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง และมีผู้หญิงคนไหนจะปฏิเสธเสื้อผ้าสวยงามบ้างล่ะ?
ในเวลานี้เอง เสิ่นป้านซานและลุงหยางผู้ดูแลบ้านเดินเข้ามาแบบสีหน้าอึมครึม
รอยยิ้มบนหน้าของเฟิ่งหวงหายไปจนไม่เหลืออย่างรวดเร็ว กลับห้องว่องไว เปลี่ยนเป็นชุดหนังสีดำที่ใส่เป็นประจำ มองพวกเขาอย่างเย็นชา
“ชิงหยุนล่ะ?” เสิ่นป้านซานถามเสียงทุ้ม
ถังเฉามองเฟิ่งหวงทีหนึ่ง เฟิ่งหวงเข้าใจทันที รีบนำทางไปทันใด เดินไปยังห้องใต้ดินตลอดทาง
คฤหาสน์ซานสุ่ยมีห้องเก็บของใต้ดิน สามวันนี้ เสิ่นชิงหยุนถูกขังไว้ที่นี่
ไม่เพียงมืดมิดไร้แสงสว่าง ยังมีเจ้าหนูตัวเขื่องที่สามารถพบเห็นได้ทุกที่ แมลงสาบยิ่งเดินไปทั่ว เสิ่นชิงหยุนใช้ชีวิตสามวันอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่น่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้
แต่ทว่าพอเข้ามาใกล้ห้องเก็บของ กลับมีกลิ่นเหม็นเน่าที่รุนแรงสุดๆ พุ่งมาด้านหน้า ถังเฉาขมวดคิ้วทันที
“นี่คือกลิ่นอะไร?”
“กลิ่นฉี่กลิ่นอึ”
เฟิ่งหวงตอบตามตรง
สีหน้าถังเฉาเปลี่ยนเล็กน้อย “เธอไม่ได้ทำความสะอาดของเสียให้เขา?”
“ฉันไม่ใช่พี่เลี้ยงของเขาสักหน่อย ทำไมต้องทำความสะอาดของเสียให้เขาด้วย?”
“ด้านในไม่ใช่ว่ามีชักโครกเหรอ?”
“มี แต่ว่าหนึ่งวันก่อนฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ ไม่ได้ใช้นานเกินไปจนพังแล้วล่ะ”
เฟิ่งหวงทำสีหน้าแบบ’ไม่เกี่ยวกับฉัน’ “ตอนที่ฉันนึกขึ้นได้ อึกับฉี่ของเขาก็ลอยขึ้นมาแล้ว แถมยังหมุนเป็นวงอีกด้วย”
“……”
หางตาถังเฉากระตุกอย่างแรงทันทีครู่หนึ่ง
การบรรยายของเฟิ่งหวง—-พอฟังแล้วยังมีความรู้สึกถึงภาพเอามากๆ
เสิ่นป้านซานและลุงหยางที่ด้านหลังยิ่งสีหน้าอึมครึมถึงขั้นสุดเลย
หลานชายของเขาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เคยได้รับความลำบากอะไร ปัจจุบันนี้กลับถูกปฏิบัติอย่างย่ำแย่เพียงนี้
ปัง—-
ถังเฉาเปิดห้องเก็บของดู มีภาพเงาดำตะคุ่มก้อนหนึ่งที่เหมือนบ้าไปแล้วพุ่งเข้ามา ทว่ากลับถูกเฟิ่งหวงเตะทีหนึ่งจนลอยไปแล้ว
คือเสิ่นชิงหยุน
“ทำตัวดีๆ หน่อย!”
เฟิ่งหวงถลึงตาใส่ทีหนึ่ง เสิ่นชิงหยุนไม่กล้าเข้ามาทันที ดูจากตรงนี้ สามวันนี้คงถูกเฟิ่งหวงทรมานอย่างโหดร้ายพอดู
“ถังเฉา—-”
หลังจากมองเห็นถังเฉา เสิ่นชิงหยุนก็ร้องไห้ยกใหญ่ขึ้นมาทันใด
“แกฆ่าฉันให้ตายดีกว่า ฉันไม่อยากอยู่แล้ว!”
“ที่นี่มืดเหลือเกิน ทั้งยังเหม็นขนาดนี้ ฉันอยู่ต่อไปไม่ได้สักวินาทีเดียว—-”
น้ำตานองหน้า ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตา ร้องไห้สะอึกสะอื้น—-ถังเฉาถึงได้เข้าใจ ที่แท้ลูกผู้ชายสามารถร้องไห้ได้ย่ำแย่ขนาดนี้
“เขาโดนอะไรกระตุ้นแล้ว? ถังเฉาหันหน้ามองเฟิ่งหวง
“คงเหม็นอึฉี่ของตัวเองจนเสียสติแล้วมั้ง”
เฟิ่งหวงยักไหล่ “ฉันบอกแล้วไง ฉันลืมว่าชักโครกมันพัง รอเปิดประตูมาดู อึฉี่ของเขาก็ลอยขึ้นมาแล้ว แถมยังลอยฟ่อง สามวันผ่านไป ก็หมักหมมซะแล้ว”
“หมายความว่า สามวันนี้ เขานอนอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมเหม็นเน่าแบบนี้มาตลอด?” ถังเฉาถาม
เฟิ่งหวงพยักหน้าหนักแน่น
“……”
ในที่สุดถังเฉาก็เข้าใจ เสิ่นชิงหยุนจึงพังทลายเช่นนี้เลย
ห้องเล็กที่มืดมิดไร้แสงสว่าง มีหนูแมลงสาบและหนอนอยู่เป็นเพื่อนทั้งวัน นี่ก็ช่างไป สำคัญสุดคือชักโครกก็พังแล้ว
คนเราต้องขับถ่าย นี่คือเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ปัสสาวะและอุจจาระออกมา ทว่ากลับกดไม่ลง แถมยังลอยขึ้นมาอีก พอเกิดปฏิกิริยาตอบสนองกับอากาศ จึงเปลี่ยนเป็นทั้งแห้งทั้งเหม็น—-ภายใต้สภาพแวดล้อมแบบนี้ สามารถอยู่ได้หนึ่งวันก็ถือว่ามหัศจรรย์แล้ว
เวลาสามวัน จิตใจของเขาคงมาถึงขีดจำกัดแล้ว
ผมเผ้ายุ่งเหยิงเป็นรังนก หน้าตาหม่นหมอง แม้กระทั่งมีหนวดแข็งขึ้นมา แม้แต่ในดวงตาก็มีเส้นเลือดฝอยเต็มไปหมด—-เขาไม่ได้นอนหลับมาสามวันแล้ว
ความทรมานบนร่างกายไม่นับว่าทรมาน ความทรมานของจิตใจต่างหากถึงเป็นสิ่งเจ็บปวดที่สุด
มีหลายครั้ง เสิ่นชิงหยุนมีความคิดอยากฆ่าตัวตายขึ้นมา แต่ว่าแต่ละครั้งล้วนไม่สำเร็จ
มีชีวิตอยู่ก็ไม่อยากอยู่ ตายก็ไม่กล้าตาย นี่คือภาพความเป็นจริงของเสิ่นชิงหยุน
“ชิงหยุน—-”
มองคนตัวดำที่สภาพคล้ายผู้อพยพคนนี้ เสิ่นป้านซานพุ่งเข้าไปแบบไม่สนใจกลิ่นเหม็นเน่า ตะโกนเศร้าใจเสียงดัง
“คุณปู่!”
วินาทีที่มองเห็นเสิ่นป้านซานนั้น เสิ่นชิงหยุนเหมือนคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายไว้ได้ วิ่งฉิวเข้าไป
ปู่หลานสองคนกอดกันแน่น เสิ่นป้านซานน้ำตาท่วมนอง
ถังเฉาและเฟิ่งหวงยืนอยู่ด้านข้าง สมเพชอยู่ครู่หนึ่ง ในใจกลับไม่ได้สงสารสักนิดเดียว
ตั้งแต่วินาทีนั้นที่เขาลงประกาศจัดการถังเฉาในเว็บมืด นั่นคือกำหนดจุดจบของเขาไว้เรียบร้อยแล้ว
“ในเมื่อไม่เป็นอะไร งั้นก็ออกไปเถอะ”
ถังเฉาขัดจังหวะฉากพบเจอกันอีกครั้งของปู่กับหลาน พูดขึ้นนิ่งๆ
แต่ทว่าเสิ่นป้านซานลุกขึ้นฉับพลัน จ้องมองถังเฉาอย่างโมโห “แกทำให้หลานชายฉันลำบากมากขนาดนี้ ทั้งยังเกือบคิดฆ่าตัวตาย ฉันจะปล่อยแกไปง่ายๆ ได้ยังไง?”
“คุณปู่ อย่าฆ่าเขาครับ ด่านสุดท้าย ขอผมเอง!”
เสิ่นชิงหยุนมองถังเฉาด้วยสายตาเคียดแค้นเช่นกัน อยากฆ่าให้ไวจนใจแทบขาด
ปฏิกิริยาที่ถังเฉามีต่อเสิ่นป้านซานดูไม่แปลกใจสักนิด หัวเราะนิ่งๆ “แม่น้ำภูเขาเปลี่ยนง่าย แต่สันดานคนเปลี่ยนยาก ดูแล้วตระกูลเสิ่นของแกยังไม่ยอมจำนนต่อฉันสินะ”
“ยอมแก? แกไม่ใช่แค่พวกผู้ชายยากจนที่เกาะผู้หญิงขึ้นมาเหรอ ให้ฉันเอาอะไรไปยอมแก?”
เสิ่นป้านซานอายุเข้าวัยปลดเกษียณแล้ว แต่เวลานี้ยังคงมีท่าทีโมโหเดือดดาล อันธพาลอย่างมาก แต่ละการกระทำมีความเฉียบขาดแบบผู้นำตระกูลยักษ์ใหญ่
“งั้นแกจะเอาอะไรมารับมือฉัน?”
สายตาของถังเฉา ค่อยๆ เปลี่ยนไปแหลมคมเช่นกัน
“แต่ละคนล้วนมีจุดอ่อน จุดอ่อนของแกก็คือเมียของแกไง!”
เสิ่นป้านซานมองถังเฉาหัวเราะเสียงดัง “แกลงมือกับหลานของฉันได้ ทำไมฉันจะลงมือกับเมียของแกไม่ได้ ไม่มีหลินชิงเสว่ แกก็แค่ขยะ!”
ถังเฉาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่หรี่ดวงตาเป็นร่องเส้นหนึ่ง เดิมทีเขาจะเอาแค่เสิ่นชิงหยุนคนเดียว ตอนนี้ดูแล้วคงปล่อยทั้งตระกูลเสิ่นไปไม่ได้
“รู้หรือเปล่าว่าทำไมครั้งนี้มีเพียงฉันกับลุงหยางสองคน เพราะคนอื่นไปจับหลินชิงเสว่ไง?”
บนหน้าเสิ่นป้านซานมีความโหดร้าย “เมียแกตกอยู่ในมือตระกูลเสิ่น รู้หรือเปล่าจะมีจุดจบแบบไหน?”
เขาพยายามมองความหวาดกลัวหรือสีหน้าที่โกรธแค้นบนหน้าถังเฉาให้ออก น่าเสียดายที่ตั้งแต่ต้นจนจบ ถังเฉาสีหน้านิ่งเฉย
“งั้นเหรอ?” เขาตอบเฉยๆ
“ไม่เชื่อ? ถ้าไม่เชื่อฉันจะเอาหลักฐานให้แกดู!”
เสิ่นป้านซานพูดอยู่ รีบต่อสายวิดีโอคอลทันที “เวลานี้พวกเขาน่าจะจับตัวสำเร็จแล้วมั้ง เดี๋ยวจะได้เห็นเมียแกร้องไห้ฟูมฟายแล้ว”
ติดิ๊ง—-
ไม่นานก็ต่อสายวิดีโอคอลติด
เสิ่นป้านซานมองยังไม่มองสักนิด เอาหน้าจอหมุนไปยังถังเฉา หัวเราะเสียงดังติดๆ กัน
“เป็นยังไงบ้าง ตอนนี้เชื่อแล้วหรือยัง? ฮ่าๆๆ……หลินชิงเสว่จบเห่แล้ว”
มองใบหน้างดงามที่เย็นชาสะท้อนออกมาจากในหน้าจอ ถังเฉาหัวเราะขึ้นมาอย่างไร้เสียง “เป็นแบบนั้นจริงเหรอ?”