เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 263
หลังจากที่ถังเฉาพูดประโยคสุดท้ายออกมา ทุกคนในเหตุการณ์ล้วนตกใจจนเบิกดวงตาโตแล้ว
โดยเฉพาะเฟิ่งหวงที่หันหน้าเข้ามา มองถังเฉาด้วยหน้าตาตกตะลึงพรึงเพริด
“รองหัวหน้าคะ ท่านพูดอะไรกัน……เขาคือ’ค้างคาว’?”
สำหรับค้างคาวชื่อนี้ ระดับการรับรู้ของคนในเหตุการณ์ล้วนรู้กันมานิดหน่อย
เขาเป็นมือมืดเบื้องหลังของเรื่องราวมากมาย ห้าปีก่อน ไม่เพียงแค่บาปเดิมที่จับถังเฉาและหลินชิงเสว่ไป ยังถ่ายเรื่องราวที่ถังเฉาทำต่อหลินชิงเสว่ในค่ำคืนนั้นเอาไว้อีกด้วย
ช่วงนี้มีข่าวเปิดเผยมาครั้งหนึ่ง เป็นเพียง’ค้างคาว’ชื่อนี้ที่ถูกพูดถึงขึ้นมาจากในปากของต่งอี้สิง โดยรวมหน้าตาเป็นอย่างไร ยังคงไม่ชัดเจน
เพื่อหลบซ่อนสายตาของถังเฉาเจียงไป๋เสว่และคนอื่นๆ ยังสร้างของปลอมแปลงขึ้น—-เดิมคือ ร.อ.เซียกางแห่งเขตกองทัพทหารหมิงจู
ตอนนี้ ในที่สุดสถานะของค้างคาวก็เปิดโปงออกมาแล้วเหรอ?
ลุงหยางเองยังมึนงงนิดหน่อยเช่นกัน ส่งเสียงหัวเราะเยาะทันใด “ค้างคงค้างคาวอะไรกัน ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดอะไร”
“แต่มีจุดหนึ่งที่แกพูดถูกแล้ว ห้าปีก่อนคลิปอันนั้นเป็นฉันถ่ายจริง ฉันเอาไปให้ต่งอี้สิงของตระกูลต่ง ให้เขารักษาไว้ดีๆ เพื่อเอาไปเผยแพร่ในอนาคต”
สีหน้าถังเฉานิ่งสงบ แต่ไม่ได้พูดจา เฟิ่งหวงกลับมีแรงอาฆาตแค้นเต็มสายตา ถ้าไม่ใช่ถังเฉาไม่ให้เธอลงมือ เธอคงพุ่งเข้าไปตั้งแต่แรกแล้ว
ถึงว่าคนผู้นี้ไม่ยอมรับมาซึ่งหน้า แต่เฟิ่งหวงยังคงฟังออกตั้งแต่แรก เขาสังกัดอยู่ในองค์กร’หว่างเหลี่ยง’
เสิ่นชิงหยุนกลับทำหน้าตาอึ้งทึ่ง มองลุงหยางแบบไม่คาดฝัน พูดว่า “ลุงหยาง คำพูดนี้ลุงหมายความว่าอะไร หรือว่าในสายตาของลุง ตระกูลเสิ่นของพวกเราเป็นเพียงหมากของลุงเหรอ?”
“ถูกต้อง”
ลุงหยางไม่ปิดบังสักนิดเดียว พูดนิ่งๆ “ตั้งแต่รับคำสั่งของเบื้องบน ตอนที่เอาคลิปวิดีโอนั้นส่งให้ต่งอี้สิงเมื่อห้าปีก่อน การวางหมากได้เริ่มต้นขึ้น ตระกูลเสิ่นคือทหารของฐานที่มั่นอันดับหนึ่งที่ฉันยึดครองเพื่อองค์กร”
“หมาย……หมายความว่าอะไร?”
“ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”
ลุงหยางมองเสิ่นชิงหยุนแบบเย็นชาแวบหนึ่ง น้ำเสียงเย็นเฉียบ “ความซื่อสัตย์และถ่อมตัวของฉันในอดีต ล้วนเป็นฉันเสแสร้งแกล้งทำทั้งหมด สำหรับฉันนั้น พวกแกปู่หลานสองคนเป็นพวกอ่อนแอน่าผิดหวังเสียจริง ทำให้รู้สึกสะอิดสะเอียน!”
ตึง!
พอคำพูดนี้ออกมา เสิ่นชิงหยุนพังทลายโดยตรง สีหน้าซีดเผือดไม่พูดจา ลูกตาหดฉับพลัน
จนถึงตอนนี้ เขายังคงไม่ยอมรับความจริงที่ว่าผู้ดูแลบ้านที่ตนเองไว้ใจมากที่สุดฆ่าปู่ของเขาด้วยมือตัวเอง
“ฉันตามเสิ่นป้านซานมายี่สิบปี เป็นเพื่อนร่วมงานในด้านธุรกิจเมื่อสิบห้าปีก่อน ห้าก่อนถึงเปลี่ยนมาเป็นผู้ดูแลบ้านของตระกูลเสิ่นแบบกะทันหัน แกรู้ไหมว่าทำไม?”
บนหน้าลุงหยางมีรอยยิ้มที่เย็นชา มองทางเสิ่นชิงหยุน พลางถามขึ้น
เสิ่นชิงหยุนส่ายหน้าด้วยสายตางุนงง
“นั่นเป็นเพราะองค์กรสนใจหมิงจูพื้นที่นี้มาตั้งแต่แรกแล้วน่ะสิ อยากเอามันมาบุกเบิกเป็นฐานที่มั่นแห่งแรก อยากจะทำเป้าหมายอันนี้ให้สำเร็จ จึงจำเป็นต้องกลายเป็นตระกูลยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองแห่งนี้ให้ได้ ตระกูลเสิ่นเป็นเป้าหมายแรกของฉัน ดังนั้นจึงใช้วิธีร่วมงานทางธุรกิจมาควบคุมตระกูลเสิ่น”
“แผนการราบรื่นมากด้วย แต่ฉันยังประเมินความสามารถของปู่แกสูงไป เดิมทีแผนการของฉันจะทำให้ตระกูลเสิ่นกลายเป็นตระกูลยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองหมิงจูภายในสิบปี นึกไม่ถึงนี่ยี่สิบปีผ่านไปแล้ว ตระกูลเสิ่นยังคงเป็นแค่หนึ่งในสี่ของตระกูลยักษ์ใหญ่ ทำให้ฉันผิดหวังถึงที่สุด”
เสิ่นชิงหยุนไม่ได้พูดจา เพียงแต่ร่างกายยิ่งสั่นเทาหนักเพิ่มขึ้น
เขาเคยได้ยินปู่เล่าถึงประวัติการสร้างตระกูลของตระกูลเสิ่น พึ่งพาอินเทอร์เน็ตมาสร้างกิจการตระกูล นำมาซึ่งโอกาสอันนี้ กลับเป็นผู้ร่วมงานของเสิ่นป้านซานในตอนนั้น
ยุคเก้าศูนย์ เศรษฐกิจเพิ่งฟื้นตัวขึ้นมา อินเทอร์เน็ตของแบบนี้ ยังห่างไกลและไม่เป็นที่แพร่หลายแบบในตอนนี้ ลุงหยางกลับพบโอกาสทางธุรกิจนี้ตั้งแต่แรก พาตระกูลเสิ่นบุกเบิกอินเทอร์เน็ตสิ่งที่ไร้สาระแบบนี้ พัฒนาตลอดมาจนถึงปัจจุบันนี้
ถ้าพูดกันตามจริง หากไม่มีลุงหยางผู้ดูแลบ้าน คงไม่มีตระกูลเสิ่นในตอนนี้
“ทุกอย่างนี้เป็นการหลอกใช้ทั้งหมด?” เสิ่นชิงหยุนไม่อยากเชื่อ
“ถูกต้อง”
ลุงหยางเอามือไพล่หลังไว้ สีหน้าเมินเฉย “ตอนที่ฉันผิดหวังกับตระกูลเสิ่น กลับเกิดเรื่องใหญ่ที่พอจะสั่นสะเทือนสถานการณ์เมืองหมิงจูเรื่องหนึ่งขึ้น—-”
ตอนที่พูดประโยคนี้ เขามองทางถังเฉา
ดังนั้นทุกคนเข้าใจว่าเรื่องนี้คืออะไร เรื่องที่ซ่งหรูอี้แห่งตระกูลซ่ง’แต่งงาน’ เจ้าบ่าวกลับหายไปแบบไร้มูลเหตุในคืนวันแต่งงาน
“ที่แท้เป็นคำสั่งแก……”
ในที่สุดสายตาถังเฉาเปลี่ยนไปอึมครึม จ้องลุงหยางอยู่
“ไม่ใช่แน่นอน ฉันไม่มีอำนาจมากขนาดนั้น”
ลุงหยางกลับส่ายหน้า พูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม “มือมืดเบื้องหลังที่แท้จริงมีอีกคนหนึ่ง เพียงแค่ชาตินี้แกจะไม่มีทางรู้”
สายตาถังเฉาหน่วงเล็กน้อย กลับไม่ได้โกรธเคือง ฟังเขาพูดจาต่อไป
“ตอนที่รู้ว่าแกหายตัวไปจากพิธีแต่งงานของซ่งหรูอี้ ฉันเลยรีบไปที่เกิดเหตุทันที แล้วบังเอิญถ่ายภาพแบบนี้เอาไว้ได้ สัญชาตญาณบอกฉันว่าคลิปวิดีโออันนี้จะมีประโยชน์อย่างมหาศาลในวันข้างหน้า”
ลุงหยางพูดด้วยหน้าตาไร้ความรู้สึก “สถานะของฉันอ่อนไหวเหลือเกิน จึงเอาไปด้วยไม่ได้ ดังนั้นฉันเลยเอาให้ต่งอี้สิงไว้ ซ่อนหมากที่ตระกูลต่งเอาไว้ด้วย ทุกอย่างเป็นแบบนั้นตามที่ฉันคิด ตระกูลซ่ง ตระกูลต่ง ทยอยอ่อนแอลงติดต่อกัน เพียงหนึ่งเดียวที่ฉันนึกไม่ถึง เป็นเสิ่นป้านซานเจ้าเต่าแก่คนนี้ไม่มีความก้าวหน้าได้เพียงนี้ เอาอำนาจที่สะสมมาครึ่งชีวิตไปมอบให้คนอื่น พอเป็นแบบนี้ ความพยายามของฉันไม่ใช่สูญเปล่าแล้วเหรอ?”
“ดังนั้นแกเลยฆ่าเสิ่นป้านซาน?” ถังเฉาหัวเราะเยาะ
“ถูกต้อง ในเมื่อเขามีความคิดที่จะยกทั้งตระกูลเสิ่นไปหมด นั่นพิสูจน์แล้วว่าเขาไม่มีคุณค่าให้ใช้ประโยชน์ต่อไปอีก”
บนหน้าลุงหยางมียิ้มเยาะที่โหดร้าย เสียงเย็นยะเยือก
เสิ่นชิงหยุนที่ฟังคำพูดพวกนี้ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ภายในการโจมตีที่รุนแรงยากจะได้สติกลับเข้ามา สายตาถังเฉาอึมครึมเช่นกัน ผู้ทรยศแบบนี้ น่าสะอิดสะเอียนยิ่งว่าเสิ่นชิงหยุนและเสิ่นป้านซาน
“แกสามารถเปิดเผยทั้งหมดช้ากว่านี้หน่อย พอทำแบบนี้ ฉันก็รู้แผนการของแกหมดน่ะสิ” เขาพูดกับลุงหยาง
“ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะพวกแกทั้งหมดต้องตายอยู่ที่นี่”
ลุงหยางแสยะปากออก หัวเราะสะใจใส่ถังเฉา “คนตาย จะไม่เปิดเผยไปตลอดกาล”
“งั้นเหรอ?”
ถังเฉาไม่หวั่นไหว พูดจานิ่งๆ “ดูแล้วแกยังไม่เข้าใจสถานการณ์ชัดเจนดี ฉันบวกกับเฟิ่งหวงมีสองคน ส่วนแกมีแค่คนเดียว”
ลุงหยางกลับส่ายหน้า “มีบางครั้ง จำนวนตัดสินปัญหาทุกอย่างไม่ได้ ฉันรู้ว่าพวกแกสองคนแข็งแกร่งมาก แต่ว่าฉันแข็งแกร่งกว่า!”
เพิ่งพูดจบ กลิ่นอายของนักบู๊ก็ปลดปล่อยออกมาจากภายในร่างกายของเขา กลิ่นอายที่แกร่งกว่าท่านดาบตาบอดก่อนหน้านี้อยู่ไม่น้อย ถึงแม้จะเป็นเฟิ่งหวง ยังสายตาแข็งทื่อ เตรียมพร้อมรับมือศัตรู
“เป็นยังไงบ้าง?”
ลุงหยางหัวเราะอึมครึมขึ้นมา “ถึงพวกแกสองคนร่วมมือกันแล้วจะยังไง ยังไม่ใช่วิญญาณใต้มีดของฉันเหรอ!”
คำพูดประโยคนี้หยิ่งยโสอย่างยิ่ง เสิ่นชิงหยุนตกใจจนสั่นเทาไปทั้งตัว นึกไม่ถึงจริงๆ จะมีสักวันหนึ่งที่เขาต้องพึ่งถังเฉาเพื่อรักษาชีวิต
โดยเฉพาะหากถังเฉามีชีวิตรอด เขาย่อมไม่ตายเป็นแน่ แต่หากลุงหยางมีชีวิตรอด จะต้องฆ่าเขายกครัวแน่นอน
แต่พอมองลุงหยางที่เก็บลมหายใจเอาทั้งหมด ถังเฉากลับหัวเราะเบาๆ “ดูแล้วแกไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพลังเลยนะ”
“หืม?”
ลุงหยางมองถังเฉาด้วยความสงสัย พลังที่เขาแสดงออกมาทั้งหมด น่าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าถังเฉาก่อนหน้านี้สิถึงจะถูก
เฟิ่งหวงกำลังอยากลงมือ ถังเฉากลับห้ามเธอเอาไว้แล้วหัวเราะนิ่งๆ
“จัดการเขา อย่าให้พวกเราต้องลงมือสักนิด”
ไม่รอให้เฟิ่งหวงพูดอะไร ถังเฉาก็มองลุงหยางอีกที “ฉันอยากแก้ไขความเข้าใจผิดหนึ่งของแกให้ถูก เรื่องจำนวน มีบางครั้งสามารถตัดสินทุกอย่างได้”
ทันทีที่พูดจบ เขาก็ดีดนิ้วขึ้นทีหนึ่ง
พรึ่บๆๆ—-
ภาพเงาที่เหี้ยมโหดแฉลบผ่านทั่วทุกทิศทาง ราวกับเหยี่ยวราตรี ตกบนกิ่งไม้ทุกด้าน
หลังจากมองให้ละเอียด คาดไม่ถึงเป็นภาพเงาคนที่แน่นขนัด หน้าตาแตกต่างกันไป มีอ้วนมีผอม เพียงหนึ่งเดียวที่เหมือนกัน คือความโหดร้ายในสายตา
“นี่……คนพวกนี้ล้วนเป็นนักฆ่า?”
นักฆ่าที่นับอย่างไรก็นับไม่ถ้วนเวลานี้ปรากฏตัวขึ้นแบบไม่ได้นัดหมาย ต่อให้เป็นลุงหยาง ยังสีหน้าซีดเซียวได้
“ถูกต้อง”
ถังเฉาหัวเราะนิ่งๆ “พวกเรามาเล่นเกมกันเป็นยังไงล่ะ?”
“แกคนเดียว เลือกนักฆ่าสามพันคนนี้ไปสู้!”