เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 265
นักฆ่าทุกคนล้วนจ้องภาพเงาของเฟิ่งหวงตาไม่กะพริบ สายตาอธิบายทุกอย่างแล้ว
ถึงแม้ว่าเฟิ่งหวงจะไม่ยอมรับว่าตนเองคือนายหญิงแก๊งมืด แต่พวกเขายังคงรู้สึกว่าเธอคือนายหญิงแก๊งมืด
ห้าปีก่อน นายหญิงแก๊งมืดชื่อเสียงสั่นสะเทือนโลกมนุษย์ แต่ไม่มีใครรู้ว่าหน้าตาของเธอเป็นอย่างไรกัน
เฟิ่งหวงไม่ยอมรับว่าเธอเป็นนายหญิงแก๊งมืด อย่างนั้นนายหญิงแก๊งมืดเป็นใครกันแน่ กลายเป็นความลึกลับตลอดกาลแล้ว
แต่เป็นมุมมองมาพิจารณาดู นายหญิงแก๊งมืดเป็นเพียงสถานะในอดีตของเธอ ตอนนี้เธอละทิ้งสถานะในอดีตแล้ว ตั้งใจเป็น’เฟิ่งหวง’คนหนึ่ง นี่ถือได้ว่าเป็นความเข้าใจอย่างหนึ่ง
เหมือนอย่างนั้นตามที่เธอบอก—-เฟิ่งหวงที่นิพพานเก้ารอบ และฟื้นขึ้นมามีชีวิตใหม่
ดังนั้นสายตาที่นักฆ่าทุกคนมองทางเฟิ่งหวงยิ่งเพิ่มความเคารพนับถือ และมีคนสังเกตถึงถังเฉาที่อยู่ข้างกายเฟิ่งหวงแล้ว
อดคาดเดาไม่ได้ เขาคือผู้ที่ช่วยชีวิตของเฟิ่งหวงไว้?
ถังเฉามองเฟิ่งหวงด้วยสีหน้าอ่อนโยน พยักหน้าให้เธอเบาๆ
“นายหญิง ปล่อยให้ผมมาฆ่าตาแก่คนนี้แทนท่านเถอะครับ!”
ทันใดนั้น นักฆ่าคนหนึ่งสีหน้าอึมครึม มองทางลุงหยางฉับพลัน
“ควรให้ผมลงมือมากกว่า ฆ่าเขาแทนนายหญิง!”
“ห้ามแตะต้องเขาทั้งนั้น เอาไว้ให้ฉัน!”
“……”
เวลานี้ นักฆ่าทั้งหมดมองทางลุงหยางพร้อมเผยความหมายอาฆาตแค้นออกมา
ลุงหยางเหมือนงงงวยไปแล้ว สายตาโฟกัสบนตัวเฟิ่งหวงอย่างแน่วแน่ ทันใดนั้นนึกอะไรขึ้นได้ หัวเราะขึ้นนิดหนึ่ง
เฟิ่งหวงรีบมองทางถังเฉาทันที ถังเฉายิ้มเล็กน้อย “ปล่อยให้เธอตัดสินใจ วันนี้เป็นสนามเจ้าถิ่นของเธอ”
เฟิ่งหวงหน้าแดง จากนั้นกลับสู่สีหน้าที่รับผิดชอบสังหารดังเดิม สายตาหนาวเหน็บ “ฆ่าเลย!”
ปัง!
คำสั่งออกมา นักฆ่าทั้งหมดลงมือพร้อมกัน นักฆ่าที่ระยะห่างใกล้ลุงหยางมากที่สุดลงมือเป็นคนแรก ฟันมีดลงทางคอของเขา
ลุงหยางยอดเยี่ยมจริง ถึงแม้ว่าฝ่ามือจะถูกถังเฉาดีดก้อนหินทะลุเป็นรู เลือดไหลไม่หยุด ทว่ายังคงหลบหลีกคล่องแคล่ว
หลังจากนั้นร้องตะโกนทีหนึ่ง เริ่มตอบโต้กลับ ยังจัดการนักฆ่าสามสี่คนทิ้งได้จริง
เพียงแค่ยังคงเป็นน้ำน้อยแพ้ไฟแรง
เหล่านักฆ่ากรูกันเข้ามาเป็นกลุ่มใหญ่ ภายใต้การต่อสู้อลหม่าน ลุงหยางโดนมีดและปืนจำนวนมากจนล้มลงทันที
และไม่รู้บังเอิญหรือว่าอะไร ตำแหน่งที่ลุงหยางล้มลง จึงเป็นด้านหน้าเสิ่นชิงหยุนพอดี
ถังเฉารีบโบกมือทันใด เฟิ่งหวงตะโกนให้หยุดฉับพลัน
เหล่านักฆ่าถอยไป รอคอยอยู่ด้านข้าง
ถังเฉามาที่ด้านข้างลุงหยาง สีหน้านิ่งสงบอีกครั้งหนึ่ง “ทำไมต้องเปิดเผยออกมา ซ่อนความเข้าใจแล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ดีกว่าเหรอ?”
คนกำลังจะตาย บุญคุณความแค้นใดๆ ล้วนมลายหายไปหมด
“ฮ่าๆๆ…….ถังเฉา แกคิดว่าแกชนะจริงๆ เหรอ? แคกๆ!”
ลุงหยางที่เลือดออกเต็มนอนอยู่บนพื้นหัวเราะเสียงดัง เพิ่งหัวเราะไม่ได้ไม่ทันไร ก็ไอเป็นเลือดสดออกมา
“ฉันไม่ใช่ค้างคาว ค้างคาวที่แท้จริงมีอีกคนหนึ่ง เพียงแค่แกจะไม่มีทางรู้ไปตลอดกาล!”
เมื่อความตายมาถึง บนหน้าเขายังมีรอยยิ้มดุร้าย มองถังเฉาอยู่
ถังเฉาไม่ได้โกรธ เพียงแค่มองเขาแบบนิ่งเฉย “แกผิดแล้ว ฉันจะหาค้างคาวออกมาให้เจอ จากนั้นทำลายเขาซะ”
“แกเดาไม่ถูกหรอกว่าค้างคาวเป็นใคร แบบนี้แล้วกัน ฉันจะบอกใบ้ให้แกสักหน่อย”
ลุงหยางพยายามใช้แรงเฮือกสุดท้าย จากนั้นบอกว่า “ค้างคาวอยู่ข้างกายของแก เป็นคนที่แกจะไม่สงสัยไปตลอดกาล!”
พูดจบ ศีรษะตกลง รอคอยความตายมาเยือนแบบเงียบๆ
ถังเฉาไม่ได้สนใจ เพียงแต่มองเขาด้วยสายตาหนาวเย็นแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดกับเสิ่นชิงหยุน “อยากพูดอะไร ก็รีบพูดเถอะ เขาใกล้ตายแล้ว”
เสิ่นชิงหยุนมองถังเฉาอย่างซาบซึ้งใจทีหนึ่ง จากนั้นคลานไปข้างกายลุงหยาง ดวงตาแดงก่ำ “ลุงหยาง ผมมีเพียงคำถามเดียว”
“ลุงบอกว่าลุงหลอกใช้ตระกูลเสิ่นของพวกเรามาตลอด ความรุ่งเรืองของตระกูลเสิ่นเริ่มขึ้นเพราะลุง ถึงแม้ว่าสุดท้ายลุงจะฆ่าคุณปู่ ผมก็จะไม่เกลียดลุง”
“แต่ลุงอยู่ที่ตระกูลเสิ่นมาเกือบสามสิบปี สามสิบปีเลยนะ ชีวิตคนเราจะมีสักกี่สามสิบปีกัน!”
นิ้วมือเสิ่นชิงหยุนฝังเข้าไปในดินอย่างลึก กัดฟันไว้แน่น ถามแบบเกือบคำราม “ลุงไม่ได้อาลัยอาวรณ์ตระกูลเสิ่นสักนิดจริงๆ เหรอ?”
คฤหาสน์เงียบสนิท มีเพียงเสียงคำรามของเสิ่นชิงหยุน ถังเฉาและเฟิ่งหวงมองเขาด้วยความเห็นใจแวบหนึ่ง คนที่น่าเคียดแค้นก็มีจุดที่น่าสงสาร ที่ว่ามาคงเป็นคนแบบนี้กระมัง
ลุงหยางสั่นเทาเงยหน้าขึ้นมา มองเสิ่นชิงหยุนทีหนึ่ง พยายามใช้แรงฉีกรอยยิ้มที่แข็งทื่อนิดๆ ขึ้นมา กลับไม่ได้พูดอะไร
ร่างกายของเขาไม่ขยับอีกต่อไป อุณหภูมิร่างกายลดเย็นลงรวดเร็ว
เขาตายแล้ว
“ลุงหยาง!”
เสิ่นชิงหยุนกอดร่างของเขาเอาไว้แน่น ร้องไห้เสียงดังออกมา
วินาทีนี้ บนหน้าเขาไม่มีความรู้สึกใดๆ มีเพียงส่งเสียงร้องไห้ที่เหมือนเด็กน้อยออกมา
เขากำลังเศร้าเสียใจต่อการตายของลุงหยาง แม้ว่าคนผู้นี้จะฆ่าปู่ของเขาแล้ว
“ดูในมือของเขา” ถังเฉาพูดขึ้นทันใด
เสิ่นชิงหยุนเงยหน้าขึ้นมา รีบคลายกำปั้นของลุงหยางออก
ในกำปั้นที่กุมแน่น มีล็อกเกตเงินอันหนึ่งอยู่
ล็อกเกตดูเหมือนมีอายุอยู่บ้างแล้ว ด้านบนยังมีอุณหภูมิร่างกายที่อบอุ่นอยู่ด้วย
“นี่คือของตกทอดของคุณย่า!”
สายตาเสิ่นชิงหยุนสั่นหวั่นไหว พูดพึมพำกับตนเอง “คุณย่าจากไปเร็วเพราะป่วย ตอนที่จัดเก็บของตกทอดของคุณย่า อย่างอื่นหาเจอทั้งหมดเลย มีเพียงล็อกเกตอันนี้เท่านั้นที่หายไป นึกไม่ถึงว่าอยู่ที่ตัวลุงหยาง!”
ระหว่างที่พูด เขาเปิดล็อกเกตออกแบบสั่นเทิ้ม ที่อยู่ด้านในเป็นภาพถ่ายรวมที่ซีดจางภาพหนึ่ง
ภาพถ่ายรวมมีสามคน มีคนหนุ่มที่ภายนอกหล่อเหลาสองคน และผู้หญิงผมยาวที่งดงามฉลาดปราดเปรียว และมีกลิ่นอายหนอนหนังสือเต็มเปี่ยม”
“เป็นคุณปู่กับคุณย่า ยังมีลุงหยาง!” เสิ่นชิงหยุนตื่นตกใจ
“เขาตอบคำถามของนายแล้ว”
ถังเฉามองเขาอย่างล้ำลึกทีหนึ่ง น้ำเสียงเรียบเฉย “เขารักย่าของนายแบบลึกซึ้งมาตลอด เป็นห่วงทุกอย่างของตระกูลเสิ่น เพียงแต่ติดตรงภารกิจ จึงทำได้เพียงมองตระกูลเสิ่นเป็นหมากตัวหนึ่ง”
เฟิ่งหวงมีท่าทางสะอึกสะอื้น คนเรามีอารมณ์ความรู้สึก ใครจะสามารถใจแข็งได้จริงกันล่ะ?
หลังจากกุมล็อกเกตเงินเอาไว้ เสิ่นชิงหยุนทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ คล้ายว่าสติไม่สมประกอบ
นักฆ่าจากไปกันเรียบร้อย ตระกูลเสิ่นเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง และม่านปิดฉากตอนจบเลื่อนลง
รอจนเสิ่นชิงหยุนอารมณ์แน่นิ่งหน่อย ถังเฉาถึงพูดอย่างสงบ “ตอนนี้เสิ่นป้านซานตายแล้ว ลุงหยางก็ตายแล้ว นายคิดจะทำยังไง?”
เสิ่นชิงหยุนจมสู่ความเงียบงันตั้งนาน หัวเราะเยาะตัวเองขึ้นกะทันหัน “เหลือเพียงฉันคนเดียวแล้ว ฉันยังทำยังไงได้อีก?”
“ตระกูลเสิ่นเหลือแค่นายเป็นผู้สืบทอดโดยตรงคนเดียว ดังนั้นนายมีสิทธิ์ตัดสินใจ”
เสิ่นชิงหยุนรู้ความหมายของถังเฉา เงียบอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปอึมครึมทันใด “ฉันเข้าใจแล้วทำไมก่อนหน้านี้คุณปู่ยินยอมมอบทั้งตระกูลเสิ่นออกไป อยากเหลือทางรอดให้ตระกูลเสิ่นสักทาง”
“ทรัพย์สินของตระกูลเสิ่น พรุ่งนี้ฉันจะเอาไปให้ที่อาคารกั๋วจี้ด้วยตัวเอง แต่ฉันหวังว่านายจะเหลือทางรอดให้กับตระกูลเสิ่นได้”
ถังเฉาพยักหน้า “ได้!”
เสิ่นชิงหยุนเป็นคนเอาศพของเสิ่นป้านซานและลุงหยางกลับไป พาถังเฉาไปส่งที่คฤหาสน์จื่อหยวน เฟิ่งหวงถึงได้ออกไป
เข้ามาที่ประตูบ้าน เป็นเวลาสี่ทุ่มครึ่งแล้ว แต่ห้องรับแขกยังคงมีไฟสลัวดวงหนึ่งเปิดไว้ พอมองก็รู้ว่าเป็นหลินชิงเสว่เปิดไว้
ถังเฉายิ้มอ่อน จากนั้นรีบไปอาบน้ำ ล้างกลิ่นคาวเลือดทิ้ง ก่อนจะเดินย่องเท้าเบาๆ ก้าวเข้าห้องนอน
ที่ทำให้ถังเฉาตกใจคือหลินชิงเสว่ยังคงไม่นอน แม้กระทั่งนอนห่มผ้าไปแล้ว เพียงแค่เฝ้าถังเสี่ยวลี้ที่หลับปุ๋ยไว้
“ทำไมถึงยังไม่นอน?”
ถังเฉามองความกังวลบนใบหน้าหลินชิงเสว่ออก
“รอปรึกษาเรื่องหนึ่งกับคุณ”
สีหน้าหลินชิงเสว่เคร่งขรึมอยู่บ้าง
ถังเฉาหัวเราะแล้ว “เรื่องอะไร ทำตัวลึกลับ?”
“เดือนหน้าก็เทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว”
หลินชิงเสว่ชี้ไปยังปฏิทินพูดขึ้น “วันนั้นคุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
ถังเฉาส่ายหน้า “ผมไม่มีอะไรต้องทำเป็นพิเศษ คุณล่ะ?”
“จ้าวหยูนอยากกลับบ้านสักหน่อย” หลินชิงเสว่บอกไป
ถังเฉาเงียบครู่หนึ่ง หรี่ดวงตาขึ้นมาเล็กน้อย “กลับเยี่ยนจิง?”
หลินชิงเสว่ไม่ได้พูดจา พยักหน้าอย่างจริงจัง