เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 268
เมื่อเห็นผลสรุปที่ตนเองคาดเดาไปทั่วได้รับความกระจ่าง ถังเฉาจึงกุมโทรศัพท์ไว้หรี่ดวงตาขึ้นมาเล็กน้อย
หูอีซาน ที่แท้เป็นคนของตระกูลหู
สาเหตุมีสองอย่าง
อย่างแรก หูอีซานกับตระกูลหูแซ่เดียวกัน แต่คนบนโลกนี้แซ่เดียวกันมีมากมาย และไม่สามารถใช้ข้อมูลนี้มาตัดสินได้ สาเหตุอย่างที่สอง ถึงเป็นประเด็นสำคัญ
ตอนที่เข้าร่วมพิธีแต่งงานของหลินฉ่ายเวยและเหวินเหวยเฉิน สี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ของเมืองเจียงเฉิงอยู่กันครบ หูอีซานไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีของตระกูลลู่ และตระกูลเซี่ย เพียงหนึ่งเดียวที่เพิกเฉยไปคือตระกูลหู นี่ทำให้ถังเฉายากจะเข้าใจได้ในตอนนั้น
ไม่ตีคนที่สำนึกผิด คำพูดประโยคนี้เหมาะจะนำมาใช้กับวงการค้าและวงการราชการทั้งหมดได้ หูอีซานในฐานะคนรวยอันดับหนึ่งของเมืองหมิงจู ย่อมเข้าใจหลักเหตุผลอันนี้ดีอยู่แล้ว
แต่เขายังจงใจเมินเฉยต่อตระกูลหูจริง ตั้งใจเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลหู
สาเหตุมีเพียงหนึ่งเดียว เขากับตระกูลหู เดิมถึงขั้นที่ขัดแย้งกันสุดๆ แม้แต่ช่วงเวลาแสดงออกภายนอกยังขี้เกียจทำ
“เจ้านายใหญ่ครับ ทำไมท่านถึงได้ถามเรื่องครอบครัวของผมขึ้นมากะทันหัน?”
ในสายโทรศัพท์ น้ำเสียงของหูอีซานแปลกประหลาดอย่างพูดไม่ถูก
“ไม่มีอะไร เพียงแค่ในมือมีโครงงานหนึ่ง ต้องการให้นายไปพัฒนาที่เมืองเจียงเฉิง”
ถังเฉาหัวเราะนิ่งๆ “นายต้องทำใจเตรียมพร้อมเอาไว้ให้ดี ช่วงเวลาต่อไปนี้ นายอาจต้องพักอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงระยะยาว”
ในสายโทรศัพท์ทางนั้น ในใจหูอีซานตกใจเฉียบพลัน นี่คือเจ้านายใหญ่เนรเทศตนเองเหรอ?
เขาเป็นคนรวยอันดับหนึ่งของเมืองหมิงจู ไม่ใช่คนรวยที่เมืองเจียงเฉิง จะส่งเขาไปเมืองเจียงเฉิงได้อย่างไรกัน นอกจากเนรเทศแล้ว เขายังนึกถึงเหตุผลอย่างอื่นไม่ออก
แต่ทว่าประโยคต่อไปของถังเฉาก็ไขข้อสงสัยของเขาให้กระจ่างถึงที่สุด
“เมื่อสักครู่นี้ เสิ่นชิงหยุนเอาทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลเสิ่นมาให้ ในนั้นมีสิ่งทำเงินของตระกูลเสิ่นอยู่ จวี้เฟิงกรุ๊ป แต่ว่าสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเจียงเฉิง โดยเฉพาะอยู่ในสภาพที่ฉันควบคุมไม่ได้ด้วย ตอนนี้ฉันแต่งตั้งให้นายเป็นประธานคนใหม่ของจวี้เฟิงกรุ๊ป บริหารทั้งจวี้เฟิงกรุ๊ป!”
“ผู้ดูแลในตอนนี้คือตระกูลหูของเมืองเจียงเฉิงซึ่งเกะกะมาก ถ้าพวกเขากล้าขัดขวาง ไล่ออกได้เลย ถ้าใช้วิธีการที่แข็งกร้าว ก็ไปเอาคนกับหลัวปู้……สังหารให้หมดสิ้น!”
คำพูดนี้พูดได้เผด็จการอย่างยิ่ง ไม่เห็นตระกูลหูอยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง หูอีซานฟังจนฮึกเหิมไปทั้งตัว ความกระตือรือร้นมันปะทุในหัวใจ
เจ้านายใหญ่ไม่ใช่อยากเนรเทศตนเอง แต่อยากให้ตนเองปฏิบัติหน้าที่สำคัญ
ถึงแม้ตระกูลหูจะยิ่งใหญ่ และยังบีบจนครอบครัวเขาพังทลาย แต่ถังเฉากลับมอบโอกาสแก้แค้นด้วยมือตนเองกับเขามา
“ขอบคุณครับเจ้านายใหญ่ เดี๋ยวผมจัดกระเป๋าเดินทาง รีบไปที่เมืองเจียงเฉิงเลย” หูอีซานพูดแบบตื่นเต้น
“ดีมาก ฉันจะส่งหนังสือแต่งตั้งประธานของจวี้เฟิงกรุ๊ปให้นาย”
“ครับ!”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ถังเฉาลุกขึ้นมายืนอยู่หน้ากระจกชมวิวขนาดใหญ่ สายตาล้ำลึก ทั้งเมืองหมิงจูอยู่ภายใต้เส้นสายตา
กุมทั้งเจียงเจ้อไว้ในมือ ตระกูลหลวงในเยี่ยนตู มีอะไรน่ากลัวกัน?
แต่ไหนแต่ไรถังเฉาไม่เคยกลัวพวกเขา กลับกัน คนที่ควรกลัวจนตัวสั่นน่าจะเป็นพวกเขา
เพิ่งวางสายของหูอีซานไปได้ไม่นานนัก หลินชิงเสว่ก็รีบพุ่งเข้ามาในห้องทำงาน
“ชิงเสว่ คุณมาได้ยังไงกัน?”
สายตาถังเฉามีความตกใจ ช่วงนี้คือเวลาที่หลินชิงเสว่ยุ่งที่สุด ทำไมถึงมีเวลาว่างมาหาเขาที่นี่ได้
พวกเขาเพียงแค่เปิดเผยความสัมพันธ์แบบสามีภรรยาออกไป พนักงานที่อาคารกั๋วจี้ยังไม่รู้เรื่องที่เขาเป็นเจ้าของอาคาร ดังนั้นจึงไม่เคยสงสัยมากนัก
“เมื่อกี้ทางการเงินแจ้งฉันมา บัญชีบริษัทฉันมีเงินเพิ่มขึ้นมาหลายพันล้านแบบกะทันหัน นี่ไม่ใช่คุณทำบ้าอะไรอยู่นะ?”
หลินชิงเสว่ถลึงดวงตาโต พูดสอบถาม
ถังเฉาพยักหน้า “ใช่ มีอะไรเหรอ?”
“ที่แท้เป็นคุณ!”
หลินชิงเสว่นั่งลงมาด้านหน้าถังเฉา “คุณเอาเงินมากขนาดนี้มาจากไหน เมื่อกี้ฉันเกือบจะแจ้งความแล้ว!”
ถังเฉาไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี ไม่ว่าใครเห็นเงินในบัญชีเพิ่มขึ้นมามากมายขนาดนี้ ปฏิกิริยาแรกก็คือแจ้งตำรวจ แต่ว่าในความเป็นจริงคือเงินก้อนนี้สะอาดมาก คือที่เสิ่นชิงหยุนโอนให้
“คุณเอาไปใช้เถอะ จะได้ใช้เงินก้อนนี้เข้าตลาดหุ้นพอดี”
เขายิ้มบอกไป “ลี้จิงกรุ๊ปยังไม่ได้เข้าตลาดหุ้น พอเข้าตลาดไป อย่างน้อยมูลค่าในตลาดหุ้นจะพลิกอีกหลายสิบเท่า”
เมื่อรู้ว่าเงินก้อนนี้ไม่มีข้อสงสัยใดๆ หลินชิงเสว่จึงโล่งอกไปทีหนึ่ง พูดเหมือนพึมพำกับตนเอง “ฉันยังไม่เตรียมเข้าตลาดหุ้น”
“ทำไม?”
ถังเฉาหน้าตาตกใจ ปกติผู้บุกเบิกกิจการยังไม่มีแม้แต่โอกาสเข้าตลาดหุ้น คาดไม่ถึงหลินชิงเสว่ไม่อยากเข้าตลาดหุ้น
“ฉันรู้ว่าคุณพิจารณาเพื่อฉัน แต่คุณเคยคิดหรือเปล่า ที่จริงการเข้าตลาดหุ้นสามารถทำให้เงินทุนหมุนเวียนดีขึ้น ในยุคที่นายทุนกุมอำนาจนี้ มีกำลังแข่งขันที่ดีกว่า แต่ก็มีข้อเสียด้วย”
หลินชิงเสว่ทำหน้าเคร่งเครียด “เข้าตลาดหุ้น หมายความว่ามีทุนเข้ามา ทำให้หุ้นในมือฉันลดลง ตำแหน่งของฉันไม่ได้มั่นคงมาก จึงไม่ได้มีผลดีกับตัวฉัน”
ถังเฉามองหลินชิงเสว่แบบตกใจ จุดนี้ เขานึกไม่ถึงเลย
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ฉันอยากให้คุณรับหน้าที่รองประธานของลี้จิงกรุ๊ป”
ทันใดนั้นหลินชิงเสว่บอกกับถังเฉาไป
ถังเฉาคิดแล้วก็รับปากไป บริษัทของภรรยาตนเอง เขายิ่งควรให้ความสนใจบ้างจริงๆ
“กลัวว่าในบริษัทของคุณจะมีบางคนไม่ยอมรับผม” เขายิ้มบอกไป
“พวกเขากล้า?”
ในสายตาหลินชิงเสว่มีความเย็นชาแวบผ่าน ไม่นานก็กลับสู่ปกติ มองถังเฉาทีหนึ่ง “ฉันให้คุณเป็นรองประธาน ไม่ใช่เพราะคุณเป็นสามีของฉัน แต่เป็นเพราะฉันอยากเกษียณตอนอายุสามสิบห้าปี เป็นคุณนายเต็มตัว”
“เกษียณตอนสามสิบห้าปี?”
ถังเฉาตกตะลึง “เร็วขนาดนี้?”
อายุสามสิบห้าปี ไม่ใช่ช่วงยุคทองสูงสุดในการทำงานของหญิงแกร่งคนหนึ่งเหรอ?
“นี่คือแผนการชีวิตที่ฉันคิดเมื่อคืนนี้”
บนหน้าหลินชิงเสว่มีรอยยิ้มแห่งความสุข “คุณไม่ใช่เคยบอกเหรอ? ก่อนหน้านี้ไม่มีคุณ ฉันต้องดูแลครอบครัวคนเดียว ตอนนี้คุณกลับมาแล้ว ฉันสามารถพึ่งพาคุณได้”
“ฉันให้คุณเป็นรองประธานของลี่จิงกรุ๊ป เพื่อต่อไปรอให้ฉันเกษียณ คุณก็เตรียมพร้อมรับตำแหน่งของฉันแทน ฉันจะเอาทั้งลี่จิงกรุ๊ปเป็นสินเดิม มอบให้คุณไง”
“รอหลังจากอายุสามสิบห้า ฉันจะเป็นคุณนายเต็มตัวแล้ว ชีวิตที่เหลือ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
ขณะหัวเราะอยู่ หลินชิงเสว่ยื่นมือข้างหนึ่งไปทางถังเฉา
ถังเฉารู้สึกประทับใจเต็มเปี่ยม ในใจมีความอบอุ่นวิ่งผ่าน กุมมือของหลินชิงเสว่ไว้แน่น
มือทั้งสองประสานกัน แม้ตายก็ไม่เปลี่ยนแปลง
“ชิงเสว่ ผมรักคุณ”
……
ฉากยามค่ำคืนมาเยือน หลินชิงเสว่ไปรับถังเสี่ยวลี้เลิกเรียน ถังเฉาก็รีบไปที่โรงแรมบริลเลียนท์
นั่นคือโรงแรมห้าดาวภายใต้สังกัดตระกูลหวาง
คืนนี้หวางหมิ่นเหวินจัดงานเลี้ยงอยู่ที่นี่ ฉลองการร่วมงานของบริษัทบันเทิงฮุยหวงและลี่จิงกรุ๊ปสำเร็จด้วยดี
มีเพียงถังเฉาเองที่รู้ นี่คืองานเลี้ยงสังหารแขกที่พุ่งเป้ามายังเขางานหนึ่ง
แต่ทว่าต่งวี่ซู่บอกทุกอย่างแก่ถังเฉาแล้ว
เขายืนอยู่ใต้ตึกโรงแรม มองป้ายคำขวัญของโรงแรมบริลเลียนท์ สายตาเย็นเฉียบ
“ตระกูลหวาง หวังว่าพวกนายอย่าทำเรื่องโง่ๆ…….”
ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สนใจ ฆ่าการมีอยู่ของตระกูลหวางทิ้งไปแน่
“คุณถัง”
ในเวลานี้เอง ด้านหลังกลับมีเสียงเรียกอ่อนโยนที่มีความประหลาดใจนิดๆ ลอยมา
ฟางหย่ามาถึงด้านข้างถังเฉาอย่างรวดเร็ว บนหน้ามีความดีใจ
“คุณฟาง”
ถังเฉาตอบรับตามมารยาท ไม่ได้ประหลาดใจต่อการปรากฏตัวของฟางหย่า
คืนนี้เธอเป็นตัวแทนลี่จิงกรุ๊ปมาเข้าร่วมงานเลี้ยง ตั้งใจเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงยาวที่สง่าตัวหนึ่ง ทั้งยังแต่งหน้าอ่อนๆ รูปร่างสูงเพรียว เป็นสาวงามที่คู่ควรกับงานเลี้ยง
แต่ทว่ารอยยิ้มบนหน้ากลับค่อยๆ จางหาย ฟางหย่ารีบรักษาระยะห่างกับถังเฉาไว้ สายตาเปลี่ยนไปหลบเลี่ยง
“คุณถัง ฉันได้ยินเรื่องของคุณกับประธานหลินมาหมดแล้ว……”
เธอหยิบอั่งเปาหนาซองหนึ่งออกมาจากในกระเป๋า ยื่นเข้าไปแล้ว จากนั้นฝืนทำหน้ายิ้มแย้มอวยพร “ยินดีกับการแต่งงานด้วยนะคะ!”