เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 273
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างล่างโรงแรมใหญ่ฮุยหวงไม่ได้ทำให้พวกหวางหมิ่นเหมินตกใจ ตอนนี้สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปที่ถังเฉา
พวกเขารู้สึกว่า หลังจากที่ถังเฉาพูดแบบนั้นออกมา บรรยากาศที่นี่ก็เปลี่ยนไปทันที
จากที่จะชนะกลับกลายเป็นสูสีกัน ถึงขนาดที่โอกาสในการชนะเอนเอียงไปทางถังเฉาด้วยซ้ำ
เรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องที่พวกหวางหมิ่นเหมินไม่ได้คิดไว้ตั้งแต่แรก
“ใจเย็นๆ มันก็แค่หยิ่งผยอง!”
จู่ๆ เจิ้งเทียนเฉิงก็ตะโกนออกมา เขามองถังเฉาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พวกนายลองคิดดูสิ ว่ามันเป็นใคร ขนาดตระกูลโจวยังไม่เอาไอ้สวะนี่เลย มันจะหาคนเยอะแยะมาได้ยังไง”
เจิ้งเทียนเฉิงอายุมากที่สุดในบรรดาคนพวกนี้ คำพูดของเขาจึงน่าเชื่อถือ เมื่อคนอื่นได้ยินที่เจิ้งเทียนเฉิงพูด ก็ตั้งสติได้แล้วมองถังเฉาด้วยสายตาเย็นชา
“เกือบโดนหลอกเข้าให้แล้ว”
“ใกล้จะตายอยู่แล้ว ยังกล้าพูดอวดดีออกมาอีก!”
“ผู้นำตระกูลหวาง ไอ้หมอนี่มันผิดปกติ อย่าไปไร้สาระกับมันเลย รีบฆ่ามันเลย ขืนยืดเยื้อต่อไปอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นก็ได้ครับ!”
มีคนพูดโพล่งออกมา ส่วนบางคนก็หวาดกลัวและรีบพูดกับหวางหมิ่นเหมิน
หวางหมิ่นเหมินรู้สึกแปลกเหมือนกัน ที่เจิ้งเทียนเฉิงพูดล้วนมีเหตุผล แต่ว่าการที่เขาพูดออกมาอย่างสบายใจ แต่ทำไมถึงรู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็ไม่เสียเวลาพูดกับนายแล้ว ฆ่ามัน!”
เมื่อเขาตัดสินใจได้ก็ตะโกนออกไป
เมื่อคำพูดออกมา บอดี้การ์ดที่อยู่ในงานก็เล็งปืนไปที่หัวของถังเฉา
ต่งวี่ซู่ตกใจมาก แต่ทว่าถังเฉายังคงยืนอย่างสงบ เขามองหวางหมิ่นเหมินด้วยสีหน้ายียวน “ฉันเคยให้โอกาสพวกนาย แต่เสียดายที่พวกนายไม่รักษามันเอาไว้!”
สีหน้าของหวางหมิ่นเหมินโหดเหี้ยม “ถ้านี่คือคำพูดสุดท้ายของนาย งั้นนายก็…”
ปัง
เมื่อคำว่าตายยังไม่พูดออกมา ก็มีเสียงดังสนั่นจนแทบจะทำให้หูอื้อดังขึ้นมาในงาน
จากนั้นประตูในงานถูกเปิดออก คนที่ดูเหมือนผู้จัดการวิ่งอย่างตื่นตระหนกเข้ามาหาหวางหมิ่นเหมิน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ผะ..ผู้นำ เกิดเรื่องแล้วครับ โรงแรมใหญ่ฮุยหวงโดนล้อมเอาไว้หมดแล้วครับ มีผู้นำตระกูลจำนวนมากมาที่นี่ เขาต้องการความชัดเจนครับ!”
“อะไรนะ!”
คำพูดนั้นทำให้หวางหมิ่นเหมินอึ้งไปจนลืมว่าต้องยิงถังเฉา ผู้นำตระกูลแข็งแกร่งมาที่นี่ทำไมกัน
“พ่อ พวกเราจะทำยังไงดี”
หวางเยี่ยทรุดลงบนเก้าอี้ เขาถามขึ้นมาด้วยใบหน้าซีดเผือด
สีหน้าของหวางหมิ่นเหมินเปลี่ยนไป จากนั้นจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “นายไปเอาอกเอาใจพวกเขาก่อน ให้พวกเขาไปรอที่ห้องแขกวีไอพีก่อน เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องที่นี่เสร็จแล้วจะตามไป…”
“ตาเฒ่าหวางกล้าให้พวกเรารอที่ห้องแขกวีไอพีเหรอ นายกล้าดียังไง”
แต่ทว่าหวางหมิ่นเหมินยังไม่ทันสั่งจบ เสียงอันน่ากลัวก็ดังขึ้นมา
ผลั่ก
ผู้จัดการคนนั้นกำลังจะเดินออกไป แต่ทว่ากลับโดนถีบกลับมา
เขากลัวเป็นอย่างมาก และไม่ขยับไปไหน จากนั้นก็สลบไป
แววตาของหวางหมิ่นเหมินแดงก่ำ เขารีบมองไปที่สุดทางเดิน
เขาเห็นชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบกว่าปี เดินเข้ามาในงานด้วยท่าทางน่าเกรงขามพร้อมกับเหล่าบอดี้การ์ด
เขาคือซุนยู่เฟิงผู้นำตระกูลซุน
“พ่อมาได้ยังไง”
ซุนเสว่ที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนพูดออกมาด้วยความตกใจ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว
ซุนยู่เฟิงมองซุนเสว่ด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นจึงส่งเสียงไม่พอใจออกมา “เดี๋ยวฉันจะสั่งสอนลูกสาวอกตัญญูแบบแก!”
ตุ้บ
เมื่อได้ยินดังนั้น ซุนเสว่ถึงกับทรุดลงไปบนพื้น สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
แววตาของหวางหมิ่นเหมินเคร่งขรึม “ผู้นำตระกูลซุนหมายความว่าอะไร”
“ก็จะเปิดศึกกับตระกูลหวางของพวกนายอย่างเต็มรูปแบบยังไงล่ะ!”
เมื่อซุนยู่เฟิงพูดเช่นนั้น เหล่าบอดี้การ์ดของตระกูลซุนก็เข้ามาล้อมคนของตระกูลหวาง
การต่อสู้อย่างเต็มรูปแบบทำให้หวางหมิ่นเหมินตกใจเป็นอย่างมาก คนที่เป็นผู้นำตระกูลอย่างเขารู้ดีว่าคำพูดนี้มันหนักหนาแค่ไหน
ไม่ใช่แค่ศึกด้านธุรกิจ มันรวมไปถึงการต่อสู้ด้านอำนาจของตระกูลอีกด้วย
แต่ว่าเขาไม่กลัว และแสยะยิ้มออกมา “ตระกูลซุนกล้าดียังไงถึงจะมาเปิดศึกกับตระกูลหวาง”
“ถ้าเขายังไม่พอ ก็รวมฉันเข้าไปด้วยสิ”
ขณะนั้นก็มีเสียงอันเย็นยะเยือกของผู้หญิงดังขึ้นมา
จ้าวเย็นหรานอยู่ในชุดเดรสสีแดง เธอเดินเข้ามาพร้อมใบหน้าเย็นชา
ตอนนี้เธอไม่มีจริตที่งดงามของสตรีเลยแม้แต่น้อย มีเพียงใบหน้าที่อาฆาตเท่านั้น
“ตระกูลจ้าว!”
แววตาของหวางหมิ่นเหมินเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
จ้าวชุนเซิงที่อยู่ท่ามกลางผู้คนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน
“น้องเล็ก ครั้งนี้เธอมาแทนพ่อหรือมาเพราะตัวเธอเอง”
ตระกูลจ้าวกับตระกูลหวางมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เขาไม่เชื่อว่านี่จะเป็นฝีมือของจ้าวเหล่าลิ่ว
“มันต่างกันยังไงเหรอ”
จ้าวเย็นหรานปรายตามองจ้าวชุนเซิง จากนั้นจึงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันเป็นผู้สืบทอดสายตรงของตระกูลจ้าว ฉันคิดยังไงจ้าวเหล่าลิ่วก็คิดอย่างนั้น นายยังจะกล้าพูดอะไรไหม”
“.…..”
ในที่สุดจ้าวชุนเซิงก็เข้าใจว่านี่คือความคิดของจ้าวเย็นหราน ประหารก่อนแล้วค่อยรายงานทีหลัง
ต่งวี่ซู่ตะลึงไปแล้ว ตระกูลซุนกับตระกูลจ้าวร่วมมือกัน หวางเจียไม่สามารถต่อกรได้แน่นอน
แต่ทว่าถังเฉายังคงยิ้มบางๆ และไม่ทำอะไรแม้แต่น้อย
ยังไม่จบแค่นั้น หลังจากที่มีตระกูลซุนกับตระกูลจ้าว ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากข้างหลังอีก
อาจารย์เปาพาเหล่าลูกศิษย์ที่อยู่ในชุดฝึกสีขาวเดินเข้ามาด้วยท่าทางขึงขัง แววตาของเขาจ้องไปที่หม่าจงกับสมาชิกคนอื่นของสมาคมการต่อสู้ ตอนนี้ที่นี่เต็มไปด้วยความเดือดดาล
“กล้ามากที่ลงมือกับคุณถังเฉา!”
เมื่อพูดจบก็ไม่รอให้หม่าจงกับคนอื่นได้มีโอกาสอธิบาย เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้าไปที่ตรงหน้าของคนพวกนั้น จากนั้นก็ถีบออกไปจนทำให้พวกนั้นกระเด็นออกไป พวกนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส
“คนของสมาคมการต่อสู้ก็มาด้วยอย่างนั้นเหรอ”
หวางหมิ่นเหมินกับหวางเยี่ยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ตัวของพวกเขาสั่นเทา
ท่ามกลางการคุ้มกันจากเหล่าชายชุดสูทสีดำ เจิงเทียนเสียงเดินเข้ามาช้าๆ เขากวาดตามองไปรอบๆ ด้วยแววตาเย็นชา จากนั้นจึงรีบเข้าไปหาถังเฉาแล้วก้มหัวให้เขา
“คุณถังเฉา ผมมาไม่ทันเวลา ลงโทษผมได้เลยครับ!”
ถังเฉายิ้มแล้วโบกมือไปมา จากนั้นเขาจึงมองหวางหมิ่นเหมินด้วยสีหน้ายียวน “เถ้าแก่หวาง ฉันเตรียมการเช่นนี้คงจะพอใจแล้วใช่ไหม”
ตอนนี้หวางหมิ่นเหมินหวาดกลัวและไร้ซึ่งหนทาง ผ่านไปนานกว่าเขาจะพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก
“พะ..พวกนายมาเพราะเขาอย่างนั้นเหรอ”
“แน่นอน!”
ซุนยู่เฟิง จ้าวเย็นหราน อาจารย์และเจิงเทียนเสียงมีสีหน้าประหลาดใจ แต่ทว่าความเย็นชาและความเคารพยังคงอยู่
“ตระกูลหวางรวมถึงพวกที่รนหาที่ตายอย่างพวกนาย วันนี้อย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”
บารมีของสี่ตระกูลใหญ่ รวมถึงคนกว่าร้อยคนทำเพื่อถังเฉา เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลหวางกับเหล่าศัตรูเก่าหวาดกลัว เขาตระหนักได้ถึงสิ่งนี้แล้ว
เวลาผ่านไป ไม่มีอะไรที่ไม่เปลี่ยนแปลง ก่อนหน้านี้ถังเฉาเห็นพวกเขาเป็นแค่มด ตอนนี้ก็เหมือนกัน!
ความสิ้นหวัง ความโกรธและความไม่พอใจ
จู่ๆ ความรู้สึกอันเลวร้ายก็ถาโถมเข้ามาในจิตใจของคนตระกูลหวาง มันเริ่มบีบคั้นเข้ามา
หลังจากที่อึ้งไปพักหนึ่ง หวางหมิ่นเหมินจึงตวาดออกมา “แล้วมันจะยังไง ถึงพวกนายจะเก่งแค่ไหน ก็เป็นตระกูลระดับเดียวกับตระกูลหวางของเรา ต่อสู้กันจนตัวตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย ฉันไม่กลัวพวกนายหรอก!”
“สมาคมการต่อสู้กับสมาคมการค้าหงยิงก็ด้วย พวกนายไม่สามารถมาก้าวก่ายในการต่อสู้ระหว่างตระกูล เพราะจะส่งผลกระทบต่อความเท่าเทียม เพราะฉะนั้นตระกูลหวางจะต่อกรกับตระกูลซุนและตระกูลจ้าวเท่านั้น!”
พูดจบ หวางหมิ่นเหมินก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
แต่เขาหัวเราะได้ไม่นานก็โดนคำพูดตอกกลับมา
“เหรอ งั้นก็รวมตระกูลซ่งไปด้วยสิ”
พูดจบ ซ่งหมิงเวยก็ก้าวเข้ามา
ข้างหลังของเขามีกลุ่มคนเดินตามมาด้วยเช่นกัน