เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 277
ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น มีการเผยแพร่ข่าวอันน่ากลัวบนคอลัมน์ของหนังสือพิมพ์รายใหญ่
“พบศพสองศพบนถนน คาดว่าน่าจะเป็นสองพ่อลูกตระกูลหวางที่ถูกฆ่าล้างแค้น!”
เมื่อข่าวแพร่ออกไป มันสั่นสะเทือนไปทั่วเมืองหมิงจู
บรรดาตระกูลที่มีอำนาจที่เกี่ยวข้องกับตระกูลหวางหายไปหมด เมื่อหายไปจากสายตาของผู้คน ไม่มีใครรู้เลยว่าคนที่ตายเป็นรายต่อไปจะเป็นพวกเขาหรือเปล่า
และผู้ที่เป็นต้นเรื่องอย่างถังเฉากลับถอนหายใจออกมา “ทำเรื่องเลวๆ มาเยอะ ตายไปก็ไม่สงบ”
เขาเคยปล่อยตระกูลหวางไปครั้งหนึ่ง แต่คนไร้ประโยชน์อย่างหวางหมิ่นเหมินหรือหวังเยี่ย ก็โดนศัตรูฆ่าตายอย่างอนาถอยู่บนถนน
ขณะนั้นเองก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังออกมาทางประตู จากนั้นประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออก
หวางเยี่ยนเดินเข้ามาด้วยความโมโห เขาเอาหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าฟาดลงไปข้างหน้าถังเฉา
เจิงเทียนเสียงที่เดินตามมาข้างหลังรีบขอโทษขอโพย “คุณถังเฉา ผมรั้งเธอแล้ว แต่รั้งไม่อยู่”
ถังเฉาพยักหน้าเบาๆ “นายลงไปก่อน”
หลังจากที่เจิงเทียนเสียงออกไป ในห้องทำงานเหลือเพียงเขากับหวางเยี่ยนสองคน เขาเงยหน้ามองเธอ “นี่มันอะไรกันคุณตำรวจหวาง”
“ฉันควรจะถามคำถามนี้กับนายมากกว่านะ”
สีหน้าของหวางเยี่ยนเต็มไปด้วยความโมโห “แค่ชั่วข้ามคืน ทำไมอากับน้องชายของฉันตายอยู่บนถนน”
สีหน้าของถังเฉายังคงราบเรียบ “หาหลักฐานให้ชัดเจนคืองานของพวกคุณ ทำไมถึงมาถามผมล่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หวางเยี่ยนก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ “นายยังกล้าพูดนะ ถ้าไม่ใช่เพราะนาย อากับน้องชายของฉันจะตายไหม”
“เหรอ นี่คุณกำลังสงสัยว่าผมเป็นฆาตกรอย่างนั้นเหรอ”
ถังเฉาวางงานลง เขายิ้มออกมาอย่างยียวน
สีหน้าของหวางเยี่ยนเปลี่ยนไปทันที “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…รู้ตัวฆาตกรแล้ว เป็นคนเมาสองคน พวกมันไม่ได้ทรัพย์สินเลยแทงพวกเขาจนตาย…”
“งั้นคุณมาโวยวายอะไรที่นี่ล่ะ”
แววตาของถังเฉานิ่งไป
“ฉันก็แค่…ฉันก็แค่…”
สีหน้าของหวางเยี่ยนมีพิรุธ เธอไม่กล้าสบตาถังเฉา
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอจึงพูดออกมาอย่างเสียงดังว่า “ฉันแค่อยากรู้ความจริงของเรื่องนี้เท่านั้น”
“ในเมื่อหาตัวฆาตกรเจอแล้ว แต่ฉันไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องที่ทำไปเพราะขาดสติ ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ตระกูลหวางถูกทำลายอย่างแน่นอน!”
ถังเฉาเอนหลังพิงกับเก้าอี้ จากนั้นจึงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พูดไปพูดมาคุณก็ยังสงสัยผมอยู่ดี ในสายตาของคุณ ผมเป็นคนที่เลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ฉัน…”
จู่ๆ หวางเยี่ยนก็รู้สึกตำหนิตัวเองขึ้นมา และรู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเอง
เธอได้ข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานมาบ้าง ตอนแรกคิดว่าจะเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ธรรมดา คิดไม่ถึงว่ามันจะเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ ถังเฉาก็อยู่ในนั้นด้วย เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้เธออดโยงไปหาถังเฉาไม่ได้
“ตระกูลหวางพังทลาย คุณก็หลุดพ้นไม่ใช่หรือไง”
ไม่รอให้หวางเยี่ยนพูดอะไรออกมา ถังเฉาจึงพูดว่า “คุณลองคิดดูว่าตอนที่ตระกูลหวางยังอยู่ หวางหมิ่นเหมินทำอะไรกับคุณบ้าง คุณเป็นแค่เครื่องมือที่ตระกูลหวางใช้หาผลประโยชน์ เขาบีบบังคับให้คุณแต่งงานกับจ้าวเชียนจูน”
“อีกอย่างผมเคยบอกคุณแล้ว การตายของพ่อคุณเกี่ยวข้องกับตระกูลหวาง!”
“นายพูดอะไร…”
จู่ๆ หวางเยี่ยนเบิกตาโพลง สีหน้าของเธอซีดเล็กน้อย
เธอนึกเรื่องที่ถังเฉาพูดกับเธอขึ้นมาได้ เขาบอกให้ระวังคนที่อยู่ในตระกูล
ตอนนี้บรรยากาศค่อนข้างอึมครึม ถังเฉากับหวางเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร
เงียบอยู่นาน ในที่สุดหวางเยี่ยนก็ตั้งสติได้ เขามองถังเฉาด้วยแววตาแน่วแน่ “ฉันไม่แก้แค้นแทนอา ฉันแค่อยากรู้ความจริงของเรื่องนี้ นี่คืองานของฉัน”
พูดจบ เธอก็โค้งให้ถังเฉาและเดินออกไปจากห้องทำงาน
ถังเฉายืนอยู่ริมหน้าต่าง เขามองหวางเยี่ยนออกไป เขาจ้องอยู่นานก่อนที่จะออกไป
เขาเดินลงมาและไปที่บริษัทลี่จิงกรุ๊ป และบังเอิญเจอกับซือเหวินปินที่ทำงานสำนักงานการก่อสร้าง เขากำลังคุยเรื่องโครงการสร้างเมืองกับหลินชิงเสว่
“คุณถังเฉา!”
เมื่อเห็นถังเฉา ซือเหวินปินรีบทักทายอย่างนอบน้อม หลังจากเรื่องครั้งก่อน เขาไม่กล้าทำอะไรไม่จริงใจกับถังเฉาอีก
ถังเฉาพยักหน้า “พวกคุณคุยกันไปเถอะ”
ซือเหวินปินกับหลินชิงเสว่คุยกันต่อ แต่สิ่งที่ทำให้ถังเฉาตกใจก็คือ โครงการสร้างเมืองจะต้องผ่านความเห็นชอบจากผู้มีอำนาจเมืองเจียงเฉิง
เมืองเจียงเฉิงกับเมืองหมิงจูอยู่ใกล้กัน มีเพียงแม่น้ำกั้นเอาไว้เท่านั้น นั่นก็คือแม่น้ำหมิงจู
ปลายสายของแม่น้ำหมิงจูไหลไปที่แหล่งน้ำแถบเมืองเจียงเฉิง ถ้าจะทำเรื่องการเปลี่ยนแปลงให้สำเร็จ จะต้องเข้าไปในเมืองเจียงเฉิงและผ่านการยอมรับจากผู้มีอำนาจเมืองเจียงเฉิง
“ขอโทษด้วยครับคุณหลินชิงเสว่ ในเมืองหมิงจูผมสามารถพูดได้ แต่คำพูดของผมไม่ได้ส่งผลอะไรที่เมืองเจียงเฉิง”
สีหน้าของซือเหวินปินเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “เว้นแต่เราจะยอมปล่อยผลประโยชน์ส่วนที่เมืองเจียงเฉิงไปครับ”
“ไม่ได้”
หลินชิงเสว่รีบส่ายหน้า “ถ้าไม่ได้ทำก็ว่าไปอย่าง ในเมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด เรื่องที่เจียงเฉิง ฉันจะหาโอกาสแวะไปที่นั่น”
“งั้นรบกวนคุณหลินชิงเสว่ด้วยนะครับ”
ซือเหวินปินถอนหายใจออกมา จากนั้นก็หันไปโค้งให้ถังเฉาแล้วเดินออกไปจากห้องทำงาน
หลินชิงเสว่รีบหันไปหาถังเฉา “นายว่าไง”
ถังเฉาหัวเราะ “ผมยังไม่ได้มาทำงานบริษัทลี่จิงกรุ๊ปเลย คุณตัดสินใจเถอะ ถ้าคุณไปเมืองเจียงเฉิง คุณจะต้องแสดงเจตจำนงที่จะพัฒนาที่นั่น ไม่งั้นคนที่เมืองเจียงเฉิงไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน”
หลินชิงเสว่คิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช้โอกาสจากโครงการนี้เข้าไปพัฒนาที่เมืองเจียงเฉิงก็ถือว่าเป็นโอกาสดี”
ถังเฉาหัวเราะออกมา “ต้องขอความช่วยเหลือจากสมาคมการค้าหงยิง วีไอพีชั้นกลางของสมาคม สำหรับพวกแกนหลักอยู่ที่เมืองเจียงเฉินหมดแล้ว แต่ละคนยโสโอหังเป็นอย่างมาก ถ้าคุณไปแบบผลีผลาม ไม่เพียงแต่จะโดนดูถูก ไม่แน่เรื่องนี้อาจจะทำให้คุณลำบากใจอีกด้วย”
หลินชิงเสว่ขมวดคิ้ว “ฉันไม่อยากเข้าไปอยู่ในสมาคมการค้าหงยิง เพราะฉันไม่อยากไปพัวพันกับอำนาจของสมาคม”
ถังเฉาไม่พูดอะไร หลัวปู้ชอบประธานสาวอย่างหลินชิงเสว่กับซ่งหรูอี้มานานแล้ว แต่น่าเสียดายที่เขาโดนปฏิเสธ ถ้าให้หลินชิงเสว่เข้าร่วมสมาคมตอนนี้ จะเป็นการหักหน้าเธอหรือเปล่า
อีกอย่าง ถึงจะเข้าร่วมสมาคม เธอก็อาจจะโดนสมาชิกคนอื่นดูถูก
“ฉันไม่อยากใช้อำนาจข่มเหงคนอื่น อีกอย่างนายอย่ามองคนอื่นในแง่ร้ายขนาดนั้น” หลินชิงเสว่มองถังเฉาอย่างไม่สบอารมณ์
ถังเฉารู้ว่าหลินชิงเสว่จิตใจดี เธอไม่มองคนในแง่ร้าย นี่คือสิ่งที่เขาชอบหลินชิงเสว่ เขาจึงยิ้มออกมา
“โอเค ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมจะเป็นเมืองเจียงเฉิงเป็นเพื่อนคุณ พอดีว่าผมมีธุรกิจอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงด้วย”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลินชิงเสว่อึ้งไป “นายมีบริษัทที่เมืองเจียงเฉิงด้วยเหรอ”
“ใช่ จวี้เฟิงกรุ๊ปเป็นบริษัทที่อยู่ในชื่อของผม”
“นายอย่ามาหลอกฉันเลย”
หลินชิงเสว่ไม่เชื่อ “จวี้เฟิงกรุ๊ป เป็นบ่อเงินบ่อทองของตระกูลต่งไม่ใช่เหรอ”
ถังเฉาไม่ได้พูดเรื่องภายในตระกูลต่งให้หลินชิงเสว่ฟัง เขาตัดสินใจไม่พูดแล้วยิ้มบางๆ
“ถ้าให้เทียบกับเรื่องนี้ คืนนี้คุณต้องไปเจอพ่อแม่ผมเป็นครั้งแรก คุณตื่นเต้นไหม”
หน้าของหลินชิงเสว่แดงระเรื่อ “จะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง แต่ฉันจะพยายามยิ้มออกมานะ”
ถังเฉาหัวเราะออกมา แต่ก็พูดออกมาว่า “ไม่ต้องหรอก คุณก็ทำตัวให้เป็นธรรมชาติอย่างที่คุณเป็นก็พอแล้ว”
“ไม่แน่ถ้าผมเจอครอบครัวของคุณ ผมอาจจะตื่นเต้นกว่าก็ได้”
เธอรู้ว่าถังเฉากำลังปลอบเธอ แววตาของหลินชิงเสว่อบอุ่นขึ้นมาทันที เธอพยักหน้าเบาๆ
หลินชิงเสว่ตั้งใจเลิกงานเร็วกว่าเวลาหนึ่งชั่วโมง เพื่อเตรียมตัวไปหาพ่อแม่สามี เธอตั้งใจแต่งหน้าอย่างประณีต
ชุดสีขาวเข้ากับกางเกงทรงกระบอกสีดำ บวกกับผ้าพันคอผ้าไหม มันดูสบายๆ แต่ก็ยังมีความเป็นพิธีการ
จะไม่พูดก็ไม่ได้ว่าหลินชิงเสว่ใส่อะไรก็ดูดีไปหมด ใส่เสื้อผ้าธรรมดาๆ แบบนี้ก็ยังดูเหมือนนางแบบ
ทั้งสองไปรับถังเสี่ยวลี้หลังเลิกเรียน จากนั้นก็ไปที่บ้านตระกูลหลิน
ตลอดทางถึงแม้ว่าหลินชิงเสว่จะแน่วแน่ แต่เธอก็เอาแต่ประสานมือเอาไว้แน่น ทำให้รู้ว่าเธอตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยเจอหลินเจิ้นสง โจวเหม่ยหยูนรวมถึงคนอื่นๆ แต่เธอเจอพวกเขาในฐานะประธาน แต่ครั้งนี้เธอไปในฐานะลูกสะใภ้
“ทำตัวสบายๆ เถอะ”
ถังเฉากุมมือของเธอเอาไว้ เมื่อเห็นรอยยิ้มของถังเฉา เธอก็เริ่มผ่อนคลายลง
เมื่อมาถึงบ้านตระกูลหลิน ก็เจอกับหลินฉ่ายเวยที่เพิ่งกลับมาจากหลงเถิงกรุ๊ป
“มาแล้วเหรอ”
หลินฉ่ายเวยอึ้งไปเล็กน้อย เธอสังเกตเห็นถังเสี่ยวลี้ที่หลินชิงเสว่กำลังอุ้มอยู่ เธอวิ่งเข้ามาถามอย่างดีใจ “พี่หลิน นี่ลูกสาวของพี่เหรอ”
หลินชิงเสว่พยักหน้า
“น่ารักจัง!”
ดวงตาของหลินฉ่ายเวยเป็นประกาย
“เสี่ยวลี้ เรียกคุณป้าสิ”
ถังเสี่ยวลี้เพิ่งเจอหลินฉ่ายเวยเป็นครั้งแรก เด็กน้อยดูกลัวเล็กน้อย แต่เธอก็พูดออกมาเบาๆ ว่า “สวัสดีค่ะคุณป้า”
“โอ๊ย”
ใจของหลินฉ่ายเวยแทบจะละลาย เธออยากจะคลอดลูกสาวออกมาสักคน
เธอวิ่งเข้าไปข้างในแล้วตะโกนออกมาด้วยความดีใจว่า “พ่อ ถังเฉากับพี่หลินกลับมาแล้ว พาหลานสาวมาหาพ่อด้วยนะ!”
“เสี่ยวเฉามาแล้วเหรอ”
หลินเจิ้นสงเดินออกมาจากห้อง เมื่อเห็นหลินชิงเสว่กำลังอุ้มถังเสี่ยวลี้อยู่ จู่ๆ เขาก็เบิกตาโต “นี่คือ…หลานสาวของฉันเหรอ”
“ใช่ครับ”
ถังเฉาหันไปหาถังเสี่ยวลี้ “เสี่ยวลี้ นี่ปู่ของลูก รีบสวัสดีคุณปู่เร็ว”
“สวัสดีค่ะคุณปู่”
ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อถังเสี่ยวลี้เห็นหลินเจิ้นสงเธอกลับไม่กลัวแม้แต่น้อย และตะโกนออกมาเต็มเสียง
“โอ๊ย เป็นเด็กดีจัง”
ใบหน้าของหลินเจิ้นสงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาอุ้มถังเสี่ยวลี้อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่งคืนให้หลินชิงเสว่ “ประธานหลิน ห้าปีมานี้คุณคงทรมานมาก ตระกูลของเราเอาเปรียบคุณ ทำยังไงก็ไม่สามารถคืนให้คุณได้…”
คำพูดเต็มไปด้วยความหมายมากมาย ถังเฉารู้ว่าเขาต้องการสื่ออะไร แต่หลินชิงเสว่ไม่ได้คิดอะไร เธอยิ้มแล้วพูดว่า “พ่ออย่าพูดแบบนี้สิ ฉันกับถังเฉามีความสุขดี ไม่เสียแรงที่ฉันรอมาห้าปี”
จู่ๆ หลินชิงเสว่ก็พูดขึ้นมาอีกว่า “ต่อไปเรียกฉันว่าชิงเสว่ก็พอ ส่วนเรื่องธุรกิจ ฉันจะทำความร่วมมือกับหลงเถิงกรุ๊ปให้มากขึ้นค่ะ”
“ได้ๆๆๆ”
หลินเจิ้นสงพูดออกมา ดูออกว่าตอนนี้เขามีความสุขแค่ไหน
ขณะนั้นโจวเหม่ยหยูนเดินออกมาจากห้อง หลินชิงเสว่เป็นฝ่ายเรียกเธอ “แม่”
แต่ทว่าโจวเหม่ยหยูนไม่มองเธอแม้แต่น้อย เธอเดินผ่านไปด้วยสีหน้าเย็นชา