เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 279
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้”
โจวเหม่ยหยูนนั่งอยู่บนเตียง เธอใช้มือทึ้งผมที่พันกันยุ่งเหยิง แววตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เพราะความหวาดกลัวนี้ ทำให้ตัวเธอสั่นไปหมด เธอหยิบมือถือที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาอีกครั้ง “แกหลอกฉัน แกกำลังหลอกฉัน! คนที่แกพูดถึงมันตายไปตั้งนานแล้ว!”
ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวและก่นด่าอยู่ในใจ มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าเมื่อยิ่งโกรธก็ยิ่งหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ
“เหอะๆๆ ฮ่าๆๆ”
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังขึ้นมา มันค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ “เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันหลอกคุณงั้นเหรอ คุณน่าจะดูออกว่าหลินเจิ้นสงปฏิบัติกับเธอแตกต่างออกไป”
จู่ๆ โจวเหม่ยหยูนก็สั่นไปทั้งตัว เธอหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ตำแหน่งในครอบครัวของคุณจะหมดไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นคนไร้ตัวตนและตายไปอย่างโดดเดี่ยวไม่เป็นที่จดจำของใคร”
เหมือนเสียงปลายสายจะทำให้คล้อยตามได้ โจวเหม่ยหยูนเบิกตาโพลง
“รีบช่วยฉันสิ ฉันควรทำยังไง”
“ให้หลินชิงเสว่หย่ากับถังเฉาก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ” เสียงปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ใช่ ใช่ ให้พวกเขาหย่ากัน…”
รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าของโจวเหม่ยหยูน เธอถามขึ้นนอีกว่า “ฉันควรทำยังไง”
ตู๊ดๆๆๆๆ
แต่ทว่าอีกฝ่ายวางสายไปแล้ว ไม่ว่าโจวเหม่ยหยูนจะโทรกลับไปยังไง ก็ไม่มีคนรับสาย
“หย่า! ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม ต้องทำให้พวกมันหย่ากันให้ได้!”
เธอมองตัวเองในกระจก สีหน้าของเธอร้ายกาจเป็นอย่างมาก
“ถังเฉา เพราะนายบีบบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้…”
เธอบ่นพึมพำออกมา จากนั้นก็หยิบกรรไกรบนโต๊ะขึ้นมา แล้วเดินลงไปข้างล่าง
ที่ชั้นล่าง ทุกคนกำลังนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข โดยมีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาเป็นครั้งคราว
ถังเสี่ยวลี้สนิทกับหลินเจิ้นสงและหลินฉ่ายเวยอย่างรวดเร็ว เธอเรียกคุณปู่ คุณป้า ทำให้ทั้งสองคนหัวเราะออกมา
ตึงๆๆๆ
ขณะนั้นก็มีเสียงฝีเท้าเดินลงมาจากข้างบน โจวเหม่ยหยูนมีสีหน้าอึมครึม
“แม่”
สีหน้าของหลินฉ่ายเวยเปลี่ยนไปทันที จากนั้นเธอจึงยิ้มออกมาอย่างกระอักกระอ่วน “แม่มาก็ดี มาทานหน่อยสิ เสี่ยวลี้น่ารักมากเลยนะ”
“น่ารักกะผีน่ะสิ!”
โจวเหม่ยหยูนก่นด่าออกมา เธอกวาดตามองทุกคนด้วยแววตาร้ายกาจ “ฉันไม่ลงมา พวกแกเลยทำเหมือนฉันตายไปแล้วใช่ไหม”
จู่ๆ ทุกคนก็มีสีหน้าลำบากใจ ถังเสี่ยวลี้มองโจวเหม่ยหยูนด้วยแววตาหวาดกลัว เธอหลบอยู่ข้างหลังถังเฉา
“หึ เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องเอง จะโทษใครได้ล่ะ”
หลินเจิ้นสงส่งเสียงไม่พอใจออกมา จากนั้นจึงนั่งทานข้าว
เขาพูดกระแทกโจวเหม่ยหยูน ถ้าเป็นเมื่อก่อน มีเหรอที่เขาจะกล้าพูดเช่นนี้
“ก็แค่ตัวซวยสองตัวกับลูกซวยๆ อีกหนึ่งคน”
ปึก
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลินชิงเสว่วางตะเกียบลงบนโต๊ะอย่างแรง รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอค่อยๆ หายไป
“คุณจะว่าอะไรพวกเราสองคนก็ได้ แต่ถ้าคุณกล้ามาด่าลูกสาวของฉันแม้แต่คำเดียว ฉันจะฝังคนตระกูลโจวไปพร้อมกันทั้งตระกูล”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา อุณหภูมิภายในห้องลดลงทันที โจวเหม่ยหยูนรู้ดีว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้หลินชิงเสว่โกรธอย่างรุนแรง
เธอเดินเข้ามาหาโจวเหม่ยหยูน เธอตัวสูงกว่าโจวเหม่ยหยูนเกือบครึ่ง เธอก้มหน้ามองโจวเหม่ยหยูนแล้วพูดว่า “ฉันเคารพคุณ ไม่ใช่เพราะฉันกลัวคุณ แต่เพราะคุณคือแม่ของถังเฉา อย่าเอาการที่ฉันยอมอ่อนข้อให้คุณ มาอวดดีกับฉัน”
ตอนนี้รังสีของท่านประธานออกมาแล้ว โจวเหม่ยหยูนตกใจจนถอยไปข้างหลัง เสียงแกร๊งดังขึ้นมา กรรไกรที่ซ่อนอยู่ข้างหลังหล่นลงบนพื้น
เมื่อเห็นกรรไกรที่อยู่บนพื้น ทุกคนถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
“แม่เอากรรไกรมาทำอะไร”
ถังเฉาลุกขึ้นมาทันที “ระวังด้วยชิงเสว่”
ขณะที่พูด เขาก็ขยับทันที
เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์ล้มเหลว โจวเหม่ยหยูนมีสีหน้าร้ายกาจ เธอหยิบกรรไกรขึ้นมาแล้วตวัดไปข้างหน้า
เมื่อเข้ามาใกล้หลินชิงเสว่เบิกตาโพลง ขณะนั้นก็มีเงาโผล่มาอย่างรวดเร็ว และรวบตัวของหลินชิงเสว่ไป
กรรไกรของโจวเหม่ยหยูนแทงไปในอากาศ จู่ๆ เธอก็หันไปมองถังเฉาด้วยแววตาร้ายกาจ “แกอีกแล้วเหรอถังเฉา!”
“ผู้หญิงร้ายกาจ เธอจะทำอะไร!”
หลินเจิ้นสงโมโหเป็นอย่างมาก เขาเดินเข้ามาหาโจวเหม่ยหยูน
โจวเหม่ยหยูนถือกรรไกรแล้วตะโกนใส่ทุกคน “อย่าเข้ามา!”
หลินเจิ้นสงชะงักฝีเท้า สีหน้าของเขาเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก “เธอจะทำอะไรกันแน่”
หลินฉ่ายเวยตะโกนออกมา “หยุดเถอะค่ะแม่!”
“แม่หนูกลัว”
ถังเสี่ยวลี้ตกใจจนร้องไห้ออกมา เธอเกาะขาของหลินชิงเสว่เอาไว้แน่น
“เสี่ยวลี้ไม่ต้องกลัวนะ อย่าไปมอง…”
หลินชิงเสว่อุ้มเสี่ยวลี้ขึ้นมา แล้วมองโจวเหม่ยหยูนด้วยสายตาเย็นชา เธอปิดตาของถังเสี่ยวลี้เอาไว้
“รีบพาเสี่ยวลี้ไปหลบในห้อง” หลินเจิ้นสงพูดกับหลินชิงเสว่
“ขอบคุณค่ะ”
หลินชิงเสว่อุ้มถังเสี่ยวลี้ ขณะที่เธอกำลังจะเข้าไปในห้อง โจวเหม่ยหยูนก็ตะโกนออกมา “ใครจะไปไหนก็ได้ แต่ถังเฉากับเธอห้ามไปไหนทั้งนั้น!”
หลินชิงเสว่แววตาเย็นชา จากนั้นเธอจึงหันไปหาหลินฉ่ายเวย “ช่วยดูเสี่ยวลี้แทนฉันหน่อย”
หลินฉ่ายเวยพยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้นจึงรับถังเสี่ยวลี้มา และเดินเข้าไปหลบในห้อง
หลินชิงเสว่หันหน้ามามองโจวเหม่ยหยูน เธอเดินเข้าไปทีละก้าว “คุณจะเอายังไง”
“ง่ายมาก เธอกับถังเฉาอยู่ด้วยกันไม่ได้ รีบหย่ากันซะ!”
โจวเหม่ยหยูนถือกรรไกรแล้วพูดขู่ออกมา “ไม่งั้นฉันจะฆ่าตัวตาย!”
เมื่อพูดจบ เธอก็เอากรรไกรจ่อไว้ที่คอของตัวเอง
“เธอบ้าไปแล้วเหรอ!”
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า หลินเจิ้นสงถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
“ใช่ ฉันบ้าไปแล้ว ไอ้สวะนั่นจะแต่งกับใครก็ได้ แต่ห้ามแต่งกับเธอ!”
โจวเหม่ยหยูนชี้ไปที่หลินชิงเสว่ แล้วเอ่ยขึ้น
“ทำไม”
แววตาของหลินชิงเสว่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ ส่วนสีหน้าของถังเฉาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
“ไม่ทำไม แต่งไม่ได้ก็คือแต่งไม่ได้”
โจวเหม่ยหยูนพูดหัวชนฝา จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าการดื้อดึงไม่น่าจะดี น้ำเสียงของเธออ่อนลง “เพราะมันไม่เหมาะกับเธอไง คิดดูสิ เธอฐานะดีแถมยังหน้าตาดี จะหาผู้ชายจากไหนก็ได้ ทำไมถึงมาเอาไอ้ผู้ชายสวะแบบนี้”
“มันก็แค่สวะ คิดยังไงก็ไม่เหมาะกันสักนิด เธออยู่กับมันก็ไม่มีความสุขหรอก”
โจวเหม่ยหยูนพูดเกลี้ยกล่อมและทำเป็นดีกับหลินชิงเสว่ แต่ทว่าแววตาของหลินชิงเสว่เต็มไปด้วยความเย็นชา “อย่าเสียเวลาเลย ฉันจะแต่งงานกับใคร มันขึ้นอยู่กับตัวฉันเอง คุณไม่ต้องมาสนใจ”
เงียบไปครู่หนึ่ง สีหน้าของเธอแน่วแน่ “อีกอย่าง ฉันจะไม่หย่ากับเขา ครอบครัวของฉันยังห้ามฉันไม่ได้ คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน”
“งั้นฉันจะฆ่าตัวตาย!”
เมื่อพูดเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ สีหน้าของโจวเหม่ยหยูนเต็มไปด้วยความร้ายกาจ “เธอคงจะไม่ยืนมองฉันตายไปต่อหน้าต่อตาเพราะเธอหรอกนะ”
หลินชิงเสว่เงียบไป แววตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมโจวเหม่ยหยูนยอมตาย แต่ไม่ยอมให้เธออยู่กับถังเฉา
“เธอทนดูได้เหรอ”
โจวเหม่ยหยูนหัวเราะออกมา ต่อมาเธอก็พูดออกมาเสียงดัง “ยังไม่รีบพาไอ้สวะนั่นไปหย่าอีกเหรอ อย่ากลับมาเหยียบตระกูลหลินอีกตลอดชีวิต!”
เหมือนหลินเจิ้นสงจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาไม่ได้ก่นด่าออกมา แต่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน
แต่ทว่าไม่มีใครคิดว่าถังเฉาจะก้าวเข้ามาหาโจวเหม่ยหยูน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกเหมือนสายน้ำอันเย็นเฉียบ
“งั้นคุณก็ฆ่าตัวตายสิ”