เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 29
บทที่29 มอบให้แก่พวกเธอ
“จริงเหรอ…….”
ได้ยินชื่อของหลี่เห้า สีหน้าของถังเฉาก็ค่อยๆยับยั้งความรู้สึกเอาไว้
เฟิ่งหวงเหยียบคันเร่งเบาๆ รถก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆ
ถังเฉามองออกไปนอกหน้าต่าง สีหน้าของเขานั้นดูมืดมน
สามปีแล้ว ก็ยังไม่มีทางลืมเรื่องนี้สินะ?
ความเจ็บปวดภายในจิตใจ ค่อยๆเริ่มทรมานถังเฉา
เขาหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ จุดไฟด้วยท่าทีสั่นระริก
ขณะที่ควันกำลังลอยขึ้นไปในอากาศ ราวกับความคิดของถังเฉานั้นย้อนไปเมื่อสามปีก่อน ในคืนที่มีฝนฟ้าคะนอง
คืนนั้น เขาสูญเสียคนที่เป็นเสมือนเพื่อนร่วมรบและพี่ใหญ่ไปในคราเดียว
คืนนั้น เจียงไป๋เสว่ร้องไห้จนหมดสติ
คืนนั้น เขาเริ่มฆ่ามากขึ้น……
แม้กระทั่งหยาดฝนที่กำลังตกลงมา ก็กลายเป็นสีแดงฉานไปหมด
ไม่ได้มีเหตุผลอะไร เพียงแค่สูญเสียเขาคนนั้น ผู้ที่เป็นพี่ใหญ่ของถังเฉาและคู่หมั้นคู่หมายของเจียงไป๋เสว่
อย่างไรก็ตาม ในสนามรบไม่ได้มีการพบศพของหลี่เห้าแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นหรือตายก็ไม่มีทางรู้ได้เลย จากนั้นก็กลายเป็นคดีที่ไม่มีเบาะแสอะไรให้ค้นหา
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ถังเฉาก็ได้ทำการตรวจสอบตลอดมาว่าแท้จริงแล้ว องค์กรลึกลับที่จับหลี่เห้าไปนั้นคือใคร
สองปีผ่านไป ในที่สุดก็พอจะรู้เบาะแสว่า เป็นองค์กรหนึ่งซึ่งมีรหัสคือ ‘หว่างเหลี่ยง’
อีกสาเหตุหนึ่งที่ถังเฉาปลดประจำการออกมานั้น ก็คือเพื่อสอบสวนเรื่องนี้
กลับมาในตอนนี้ ถังเฉาดึงก้นบุหรี่ออกมา สายตาของเขานั้นดูจริงจังขึ้นอีกครั้งและพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “แจ้งทุกคนในสังกัดว่า ห้ามมีใครเปิดเผยเบาะแสของฉัน แม้จะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม”
“ได้ค่ะ”
เฟิ่งหวงขับรถ พลางพูดว่า “เพียงแต่ ดูจากตัวคุณเจียงไป๋เสว่แล้ว หล่อนไม่น่าจะยอมแพ้ง่ายๆ สุดท้าย พอไม่มีหลี่เห้า ท่านก็ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่หล่อนจะฝากความหวังไว้ได้”
“งั้นก็อย่าให้หล่อนรู้สิ”
ถังเฉาขัดจังหวะเฟิ่งหวง “ฉันไม่อยากโยงเธอเข้ามาเกี่ยวด้วย”
“……”
จากนั้นก็ไม่มีคำสนทนาอีกตลอดทาง
เฟิ่งหวงขับรถเข้าไปที่บ้านพักต่างอากาศ
ที่นั่นเป็นที่พักชั่วคราวของถังเฉา
หลินชิงเสว่เกรงว่าถังเฉาจะไม่มีที่ไป จึงให้เขาไปนอนชั่วคราวที่นั่นหนึ่งคืน
เขาอาบน้ำเย็นเสร็จ จากนั้นสายตาก็เหลือบไปที่หัวเตียง
มีรูปถ่ายของคนสามคน หนึ่งในนั้นมีชายร่างเล็กดูใสซื่อ ซึ่งนั่นก็คือถังเฉาเมื่อสามปีก่อน
เขากับชายที่ดูแก่กว่ากำลังหัวเราะกันอย่างมีความสุข ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงกลางยิ้มเล็กน้อย แววตาดูร่าเริงแจ่มใส ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจแต่เธอชำเลืองมองไปที่ถังเฉา
ไม่รู้ว่าความรักนั้นเริ่มต้นที่ใด แต่มันกลับมากมายขึ้นทุกที เกลียดมากแค่ไหน เพียงแค่ยิ้มมา ความเกลียดชังก็หายไปหมดสิ้น
ในระยะเวลาสิบปี เขาเกิดและตายมาแล้วสองครั้ง เขาไม่อยากคิดถึงเรื่องเหล่านั้นแต่ตัวเองก็กลับลืมไม่ได้ซะที
ถังเถาถอนหายใจออกมาอย่างเงียบๆ นอนกอดกรอบรูปอยู่บนเตียง เขานอนไม่หลับเลยทั้งคืน
เมื่อเมฆแรกปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ถังเฉาก็ตื่นแล้ว
ห้าปีที่เขาเข้าไปเป็นทหารนั้น มันสร้างความเคยชินที่จะต้องตื่นเช้าในทุกๆวันกับเขา หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้ว ก็มาที่ลานหน้าบ้านแล้วเริ่มวิดพื้นด้วยมือเดียว
ท่าทางที่ได้มาตรฐานอีกทั้งความเร็วที่สม่ำเสมอ
คนส่วนใหญ่ที่วิดพื้น ยิ่งวิดมากก็ยิ่งเหนื่อยมาก
แต่ไม่ใช่กับถังเฉา ยิ่งเขาวิดพื้นมาขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ดูผ่อนคลายและวิดพื้นเร็วมากยิ่งขึ้น
“998……”
“999……”
“1000!”
เขาทำไป นับไป พอวิดพื้นครบหนึ่งพัน เราก็กระโดดขึ้นจากพื้นโดยไม่หอบเลยสักนิด
ยังไม่ทันได้หยุดพัก เขาก็วิ่งลัดเลาะไปที่บริเวณบ้านพักต่างอากาศ
นี่คือปริมาณที่ถังเฉาออกกำลังกายทุกวัน
ช่วงเช้าจะออกกำลังกาย กว่าจะเสร็จก็ปาไปเที่ยงวันแล้ว
“กริ๊ง กริ๊ง—–”
ถังเฉาเพิ่งจะอาบน้ำเย็นเสร็จ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เมื่อเห็นชื่อขึ้นมา เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ แต่ก็กดรับแต่โดยดี
“ฮัลโหล ถังเฉา ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
ทันทีที่รับโทรศัพท์ น้ำเสียงที่ไม่ใยดีของหลินฉ่ายเวยก็ดังเข้ามา
ถังเฉาตอบความจริงไป “ตอนนี้ฉันอยู่ที่ภูเขาหลินซี”
“นายไปทำอะไรที่ภูเขาหลินซี?ที่นั่นเป็นอนุรักษ์นะ”
หลินฉ่ายเวยตะลึงไปชั่วครู่ พร้อมกับยิ้มออกมา“นายคงไม่ได้มาถ่อมาที่ภูเขาหลินซีเพื่อนอนหรอกนะ”
“อืม จริงๆเมื่อคืนฉันก็นอนที่ภูเขาหลินซีนะ”
ถังเฉาเขากล่าวเบาๆและหันกลับไปมองบ้านพักต่างอากาศที่มีพื้นที่กว่าห้าร้อยตารางเมตรและมีมูลค่ามากกว่าสองร้อยล้านหยวน
“น่าสงสารซะจริงที่แท้ก็นอนนอกบ้าน”
หลินฉ่ายเวยไม่ได้คิดไปในทางนั้น เลยเยาะเย้ยกลับพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “ฉันให้เวลาหนึ่งชั่วโมง มาในตัวเมือง ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
“มีเรื่องอะไรถึงพูดในโทรศัพท์ไม่ได้งั้นเหรอ” ถังเฉาขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากไปตัวเมืองมากขนาดนั้น
“หยุดพูดเพ้อเจ้อได้ละ ฉันบอกให้มาก็มา!”
หลินฉ่ายเวยทิ้งประโยคที่เด็ดขาดเอาไว้ แล้ววางสายไป
ถังเฉาได้แต่ส่ายหัว ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยก็เดินทางออกจากบ้านพักต่างอากาศ
“นายน้อย ให้ฉันขับรถไปส่งไหม” เฟิ่งหวงออกมาจากตัวบ้านแล้วถาม
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันเรียกรถไปเอง” ถังเฉาปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม
จากภูเขาหลินซีไปที่ใจกลางเมืองหมิงจู ใช้เวลาไปห้าสิบห้านาที หลินฉ่ายเวยให้ที่อยู่มาเป็นร้านกาแฟที่อยู่ในลานการค้าแห่งหนึ่ง
พอใกล้จะถึงเวลาแล้ว หลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหยูนก็มาถึงแล้ว พวกหล่อนกำลังนั่งดื่มกาแฟอย่างสบายใจ
“แม่ ฉ่ายเวย”
ถังเฉากล่าวคำทักทายและนั่งลงต่อหน้าพวกหล่อน
หลินฉ่ายเวยยังคงไม่สนใจใยดี แต่ทางกลับกันโจวเหม่ยหยูนตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม
“เสี่ยวเฉา อยากดื่มอะไร สั่งได้เลยนะ” โจวเหม่ยหยูนพูดกับเสี่ยวเฉา
“ไม่ล่ะแม่ อีกเดี๋ยวผมมีเรื่องต้องทำ” ถังเฉาปฏิเสธอย่างมีชั้นเชิง
สำหรับเขา เรื่องที่เขาจะต้องไปทำในบ่ายนี้นั้นมีแค่เรื่องเดียวคือ ต้องไปรับเสี่ยวลี้ที่โรงเรียน
โจวเหม่ยหยูนเองก็ไม่ได้บังคับอะไร เธอยิ้มพร้อมกับบอกว่า “เสี่ยวเฉา วันนี้เรียกแกมาก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรหรอก พวกเราก็แค่อยากแสดงความขอบคุณ ที่แกเป็นตัวแทนของตระกูลหลินชนะการประมูลที่บริษัทลี่จิงกรุ้ปก็เท่านั้นเอง”
ถังเฉายิ้มพร้อมกับโบกมือ พูดอย่างเป็นกันเองว่า “เรื่องเล็กน่ะแม่ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอก”
“มันใช่ที่ไหนกันล่ะ ฉันเป็นคนแบ่งแยกชัดเจนดีเลว แกทำดี มันก็อยู่ในสายตาของฉันตลอดแหละ”
โจวเหม่ยหยูนรู้สึกว่าพูดเกริ่นมาพอควรแล้ว เลยพูดอ้อมๆออกไปว่า “เสี่ยวเฉา ไหนๆเธอก็ทำให้พวกเราชนะการประมูลในครั้งนี้แล้ว การช่วยเหลือคนก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด ตำแหน่งคนรับผิดชอบในงานนี้ ยกมาให้พวกเราเถอะ ยังไงซะ แกเองก็ไม่ค่อยรู้การดำเนินธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์อยู่แล้ว”
“ฉ่ายเวยเองก็เพิ่งเรียนจบ จบวิชาเอกด้านการตลาดพอดี มีฝีมือเทคนิคเฉพาะทาง หากเธอมาทำงานนี้ มันก็คงจะเป็นประสบการณ์ที่ดีกับเธออย่างมาก…..”
“ได้ งั้นก็มอบให้พวกเธอแล้วกัน”
ยังไม่ทันที่โจวเหม่ยหยูนจะพูดจบ ถังเฉาก็ตอบรับอย่างเร็ว
“…….”
หลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหยูนตกตะลึงไปชั่วครู่ พวกหล่อนไม่ตอบสนองไปพักหนึ่ง มองไปที่ถังเฉาด้วยความตะลึงงัน “ถัง ถังเฉา เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ”
“มอบให้พวกเธอไง มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ” ถังเฉาพูดซ้ำอีกรอบด้วยใบหน้าที่ดูผ่อนคลาย
“นี่นายพูดจริงๆเหรอ” หลินฉ่ายเวยยังรู้สึกว่ามันช่างยากที่จะเชื่อ ลมหายใจของเธอค่อยๆถี่ขึ้น
“จริงสิ”
แม่ลูกมองตากันแล้วยิ้มอย่างดีอกดีใจ
ในใจก็ยิ้มเยาะ ไร้ประโยชน์ยังไงก็ไร้ประโยชน์อย่างงั้น ความรู้อะไรก็ไม่มี ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตำแหน่งผู้รับผิดชอบนี้มีความหมายยังไง
ตอนแรกก็คิดว่าจะต้องเปลืองน้ำลายมากกว่านี้ซะอีก ไม่คิดว่ามันจะง่ายซะขนาดนี้
หลินฉ่ายเวยรีบหยิบข้อตกลงผู้รับผิดชอบโครงการขึ้นมาให้ถังเฉาเซ็น “ นี่คือสิ่งที่นายพูด จะคืนคำไม่ได้—-”
“ไม่คืนคำ ไม่คืนคำ”
ถังเฉาเซ็นชื่อลงไปพร้อมกับยิ้มแล้วพูดว่า “เมื่อคืนฉันก็มัวแต่พินิจพิเคราะห์ว่าจะทิ้งภาระพวกนี้ยังไงดี แต่วันนี้พวกเธอก็มาช่วยถึงที่เลย มันช่างเป็นการช่วยเหลือที่ดีจริงๆ”
ซา—–
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา สีหน้าของหลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหยูนก็หุบยิ้มลง