เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 300
ในยุคสมัยที่คนที่ล้าหลังย่อมตกเป็นเหยื่อนี้ ทุกคนล้วนพยายามไต่ขึ้นที่สูงกันอย่างสุดชีวิต
หัวหน้ากลุ่มของแผนกอยากจะเป็นหัวหน้าแผนก หัวหน้าแผนกก็พยายามจะเข้าไปเป็นคณะผู้ถือหุ้นอย่างสุดชีวิต พวกผู้ถือหุ้นก็คิดหาวิธีทางที่จะได้กลายเป็นรองประธาน และพวกรองประธาน ฯ… ก็ใจกล้าบ้าบิ่นเลื่อยขาเก้าอี้ซีอีโอ
ซุนเสว่ที่รับตำแหน่งรองประธานคนก่อนก็ออกจากตำแหน่งไปอย่างเงียบ ๆ ตำแหน่งรองประธานว่างอยู่หนึ่งตำแหน่ง ทุก ๆ คนล้วนคิดอยากจะขึ้นไปนั่งตำแหน่งนั้น
แต่ทว่า… ไม่มีใครคาดคิดว่าถังเฉาจะมีคุณูปการต่อลี่จิงกรุ๊ปยิ่งใหญ่ขนาดนี้
ทุกคนล้วนตะลึงเบิกตากว้างอ้าปากค้างคาที่ เหมือนกับเจอผีตอนกลางวันก็ไม่ปาน มองถังเฉาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
สีหน้าของเฉิงเพ่ยเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด ไม่กล้าเชื่อคำพูดของหลินชิงเสว่
“แปดร้อยแปดสิบล้านหยวน… ถังเฉาเป็นคนหามา?!”
ภายในใจของทุกคนล้วนมีคำถามที่ยิ่งใหญ่นี้
ในตอนนั้นประธานของสิบกรุ๊ปใหญ่ในเมืองหมิงจูมาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง ทุกคนล้วนแต่คิดว่ามากันเพราะหน้าตาของหลินชิงเสว่
“เป็นไปไม่ได้!”
ในตอนนี้ผู้นำระดับกลางคนหนึ่งเรียกสติคืนมาได้ เสียงสั่น ๆ ร้องดังขึ้น “นั่นไม่ใช่ประธานหลินหามาหรอกเหรอ?”
หลินชิงเสว่หัวเราะเสียงเยียบเย็น “ฉันไม่ได้หน้าตาใหญ่โตขนาดนั้นหรอกนะ”
เฉิงเพ่ยที่อยู่ด้านล่างขมวดคิ้วมุ่น ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
ที่จริง… ถ้าอาศัยแค่ความสามารถของหลินชิงเสว่คนเดียว ไม่มีทางหาเงินสนับสนุนมามากขนาดนั้นได้แน่
ถึงอย่างไรต่อให้ลี่จิงกรุ๊ปจะเติบโตมากกว่านี้แต่ก็ไม่ได้ออกสู่ท้องตลาด ไม่มีทางที่จะไปคบค้าสมาคมกับพวกสิบกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่ออกสู่ท้องตลาดแล้วได้หรอก
“หรือว่า… เขาจะหามาได้จริง ๆ?”
คิ้วของเฉิงเพ่ยยิ่งขมวดแน่นยิ่งขึ้น มองถังเฉากับหลินชิงเสว่ด้วยสีหน้าไม่มั่นคง
ในตอนนี้การคาดเดาที่บังอาจหนึ่งปรากฏขึ้นในสมองของเธอ
ตอนที่ถูกส่งไปขยายกิจการที่เมืองเจียงเฉิง มีโอกาสหนึ่งที่เธอได้บังเอิญรู้เรื่องของครอบครัวของหลินชิงเสว่
ถึงแม้ว่าจะเข้าใจได้ไม่มาก แต่ก็เข้าใจชัดเจนดีว่าหลินชิงเสว่มาจากครอบครัวลึกลับที่แข็งแกร่งมากครอบครัวหนึ่ง หรือว่าจะเป็นฝีมือของครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังของเธอ?
ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้
เฉิงเพ่ยยกยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้งขึ้นมา เพราะว่าเธอได้รู้มาว่าความสัมพันธ์ของเธอกับตระกูลของเธอไม่ค่อยดี ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถยืมเอาศีรษะของหลินชิงเสว่เพื่อเหยียบขึ้นไป…
พอคิดมาถึงตรงนี้ประกายในดวงตาของเฉิงเพ่ยก็แกร่งกล้า ปรบมือขึ้นมาเบา ๆ
ภายใต้บรรยากาศที่เข้มแข็งของหลินชิงเสว่ทุกคนก็เงียบเป็นเป่าสาก มีเพียงเฉิงเพ่ยคนเดียวที่ปรบมือเบา ๆ หลินชิงเสว่เองก็มีสายตาเยียบเย็น “คุณทำอะไรน่ะ?”
“ชมคุณไง”
เฉิงเพ่ยพูดอย่างเหมาะสม “ซีอีโอของพวกเรารักและปกป้องสามีของตัวเองขนาดนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสรรเสริญเสียจริง”
ในคำพูดมีความประชดประชัน สายตาของหลินชิงเสว่มืดครึ้มลง “ฉันพูดเรื่องการพัฒนาของบริษัทที่เป็นความจริง คุณยังคิดว่าฉันกำลังสร้างอำนาจให้กับเขาอยู่อีกเหรอ?”
“หรือว่าไม่จริงล่ะ?”
เฉิงเพ่ยลุกขึ้นมาอย่างช้า ๆ เหยียบรองเท้าส้นสูง มาอยู่ด้านข้างของหลินชิงเสว่อย่างไม่สะทกสะท้าน ใช้เสียงที่มีเพียงสองคนได้ยินแล้วพูดว่า “คนอื่นไม่รู้ว่าเงินนี้ได้มาจากไหน แต่ฉันรู้ เพียงแต่… โอกาสที่คุณอาศัยตระกูลข่มเหงเอามาได้… จะมีสักกี่ครั้งกันนะ?”
พอคำพูดนี้ลั่นออกมา ดวงตาของหลินชิงเสว่ก็หรี่ลงน้อย ๆ ใบหน้าของถังเฉาเองก็ปรากฏความหนาวยะเยือกออกมา
เขาเองก็ได้ยินคำที่เฉิงเพ่ยพูดออกมา ในสายตาของเฉิงเพ่ย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่หลินชิงเสว่อาศัยอำนาจบารมีของตระกูลหลวงในเยี่ยนตูแลกมา
“ดังนั้น ทั้งหมดนี้ไม่นับ”
เฉิงเพ่ยส่ายนิ้วเบา ๆ ยิ้มแล้วพูดว่า “จะให้สามีขอคุณมาเป็นรองประธานก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่จะต้องเอาเหตุผลที่เพียงพอจะให้พวกเราเชื่อถือและศรัทธาออกมา เงินสนับสนุนที่มหาศาลนี้เพียงพอแล้วจริง ๆ แต่ว่า… นี่เป็นเงินที่เขาหามาได้เองจริง ๆ เหรอ?”
หลินชิงเสว่เบนหน้าไป โมโหจนอยากจะหัวเราะออกมา
ถ้าหากเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เธอปั้นแต่งขึ้นมา ถูกเปิดเผยขึ้นมาก็พูดอะไรไม่ได้ แต่ว่า… นี่เป็นเรื่องจริงที่มีหลักฐานแน่นหนาดิ้นไม่หลุด
เธอพูดความจริงออกมาแล้ว แต่กลับไม่มีใครยินดีเชื่อ โลกใบนี้นี่มันยังไงกันนะ?
“แล้วคุณจะเอายังไงคะ?” เธอมองไปยังเฉิงเพ่ยแล้วเอ่ยถามเสียงเย็น
“ง่ายมาก ให้พวกเราได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของสามีของคุณ ถ้าไม่หาจุดที่ทำให้คนตาลุกวาวได้ก็ต้องมีเส้นสายที่เพียงพอที่จะทำให้พวกเราเชื่อถือ ถ้าไม่อย่างนั้น คุณจะต้องจ่ายค่าตอบแทนที่สาสมกับการกระทำที่เห็นแก่ตัวของคุณ!”
เฉิงเพ่ยหรี่ตาลง ในสายตามีความโหดเหี้ยมวาบผ่าน “ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นซีอีโอ แต่ว่าบริษัทก็ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะยื่นคำขาดได้ ครั้งหน้าตอนเลือกตั้งประธานคุณจะต้องออกจากตำแหน่ง! ถ้าเป็นเรื่องคุณสมบัติ ฉันเหมาะสมมากกว่าคุณ!
หลินชิงเสว่มองเธออย่างเย็นชา นึกไม่ถึงว่าในตอนนี้เฉิงเพ่ยจะเผยความทะเยอทะยานที่แท้จริงของเธอออกมา
“ประธานหลิน…”
ฟางหย่ายืนอยู่อีกด้าน ในสายตาเต็มไปด้วยความกังวล
หลินชิงเสว่ก่อตั้งลี่จิงกรุ๊ปมาด้วยตัวเองเพียงลำพัง เธอไม่มีทางจินตนาการได้ว่าบริษัทที่ไม่มีหลินชิงเสว่จะมีสภาพเป็นอย่างไร?
“ได้”
โดยไม่รอให้หลินชิงเสว่พูดอะไรออกมา เสียงของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาตอบรับ
ทันใดนั้นทุกคนก็ใช้สายตามองไปที่ถังเฉาที่นั่งไม่พูดไม่จาแม้แต่คำเดียวอยู่ตรงมุมมาตั้งแต่ต้นจนจบ
เฉิงเพ่ยตะลึงอยู่พักหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าคนที่ตอบตกลงกับเธอจะเป็นถังเฉา!
พนักงานระดับกลางถึงระดับสูงคนอื่นมองถังเฉาเหมือนกับมองคนโง่ ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาเป็นใครมาจากไหนกันแน่
เมียตัวเองกำลังโดนแย่งเก้าอี้ เขาไม่ช่วยเหลือก็ช่างเถอะ นึกไม่ถึงว่าจะสร้างปัญหาเพิ่ม ทำได้เพียงแต่ทำให้หลินชิงเสว่ลงจากตำแหน่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“ไม่เลว กล้าดีนี่”
เฉิงเพ่ยมองถังเฉาแล้วหัวเราะหึหึ สายตามีประกายชั่วร้ายที่แผนชั่วที่วาดเอาไว้บรรลุผล จากนั้นก็มองไปที่หลินชิงเสว่อย่างเยาะหยัน “ดูเหมือนว่าสามีของเธอจะ ‘เฉียบขาด’ ยิ่งกว่าเธอนะ เธอว่าไง?”
เดิมนึกว่ากิริยา ‘หักหลังภรรยา’ ของถังเฉาจะต้องทำให้หลินชิงเสว่โกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟแน่ ๆ นึกไม่ถึงว่าบนใบหน้าของหลินชิงเสว่จะไม่มีความโกรธเคืองใดใด ตรงกันข้าม กลับยิ้มออกมาอย่างน่าประหลาด “ฉันก็ไม่มีความเห็น”
เฉิงเพ่ยตกตะลึงน้อย ๆ จากนั้นบนใบหน้าก็ยิ้มเย็นยิ่งขึ้น “ดี ส่งเรซูเม่ของคุณมา ฉันจะดูว่าความสามารถของคุณล้ำเลิศ หรือคอนเนกชั่นกว้างขวาง!”
ถังเฉากลับส่ายศีรษะ “ผมไม่มีเรซูเม่ ผมไม่เคยเรียนหนังสือ แต่ผมสามารถเรียกคนไม่กี่คนมาที่นี่ได้ คุณดูเอาแล้วกันว่าพอได้ไหม”
“ได้ เรียกมาเลย”
เฉิงเพ่ยนั่งอยู่ที่ตำแหน่งเดิม ยกขาขึ้นไขว่ห้าง สายตาเต็มไปด้วยความเสียดสี
ในสายตาเธอไม่ว่าจะเป็นความสามารถหรือคอนเนกชั่น ถังเฉาล้วนไม่มีทั้งนั้น
สิ่งที่ทำให้ทุกคนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ก็คือ นึกไม่ถึงว่าถังเฉาจะควักโทรศัพท์ออกมาโทรออกไปจริง ๆ
คนที่อยู่ที่นั่นเกือบจะส่งเสียงหัวเราะออกมาแล้ว ผู้ชายที่แต่งเข้าบ้านภรรยาที่ไม่มีอะไรเลย ความได้เปรียบที่มากที่สุดก็คือหลินชิงเสว่ จะเรียกคนแบบไหนมาได้เหรอ?
หลังจากนั้นไม่ถึงห้านาที โทรศัพท์ของหลี่ถาวก็ดังขึ้น
พอได้ฟังเนื้อหาในสายโทรศัพท์ ใบหน้าของหลี่ถาวก็เคร่งขรึมขึ้น “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
เฉิงเพ่ยเอ่ยถาม “เลขาหลี่ ใครโทรมา?”
“แผนกต้อนรับค่ะ คุณหนูถังจากบริษัทการบันเทิงเฉาเหอมาขอความร่วมมือค่ะ”
“บริษัทการบันเทิงเฉาเหอ?”
ผู้นำระดับกลางถึงระดับสูงทั้งหมดที่อยู่ที่นั่งชำเลืองมองกัน ต่างฝ่ายต่างมองกันและกัน แต่สุดท้ายก็ส่ายศีรษะ
“ไม่เคยได้ยินมาก่อน”
เฉิงเพ่ยยิ้มออกมา เธอส่ายศีรษะ “ฉันไม่เคยได้ยินชื่อบริษัทการบันเทิงเฉาเหอมาก่อน จะต้องเป็นบริษัทเล็ก ๆ ที่ไม่ติดอันดับแน่ ๆ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรลี่จิงกรุ๊ปของพวกเราก็เป็นกิจการระดับสูงของเมืองหมิงจู ไม่ใช่บริษัทเล็ก ๆ อะไรก็จะสามารถมาขอความร่วมมือได้นะ”
สีหน้าของหลี่ถาวเย็นชา เอ่ยปากขึ้นกะทันหัน บริษัทการบันเทิงเฉาเหอเดิมคือบริษัทการบันเทิงฮุยหวงที่อยู่ภายใต้การบริหารของตระกูลหวางค่ะ”
พอประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมา สีหน้าของเฉิงเพ่ยก็เปลี่ยนไปทันที แม้แต่ขาที่ไขว่ห้างอยู่ก็เอาลง
“อะไรนะ?!