เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 309
“หยุด!”
ชายที่มีรอยแผลเป็นพาลูกน้องไล่ตามไปไม่กี่ก้าว ก็แผดเสียงออกมา จู่ๆ คนสามสิบกว่าคนก็ชะงักไปและมองไปข้างหน้าอย่างอึ้งๆ
ถังเฉาเดินออกไปไกลแล้ว แต่มีผู้หญิงสวมชุดหนัง รูปร่างบอบบางและดูเย็นชากำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา
ความแหลมคมของรองเท้าส้นสูงหนังเหมือนมีดที่กำลังกรีดลงบนหัวใจของทุกคน พวกเขาเอาแต่มองอยู่อย่างนั้น
พวกเขาคิดว่าตัวเองเคยเจอผู้หญิงมาไม่น้อย แต่เพิ่งเคยเจอผู้หญิงสวยขนาดนี้เป็นครั้งแรก
“พี่เสือ ผู้หญิงคนนี้โหดและดุมาก”
ชายคนหนึ่งหันไปมองชายที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า จากนั้นก็เลียปาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกระหาย
พี่เสือก็มองจนเพ้อและพยักหน้าตาม
จู่ๆ เมื่อเขาตั้งสติได้ก็ตบลงบนหัวของชายคนนั้นอย่างแรง “ในหัวของแกมีแต่เรื่องผู้หญิง ทำงานให้เสร็จแล้วค่อยว่ากัน!”
ชายคนที่โดนตบมีสีหน้าขุ่นเคือง “พี่เสือ ไอ้ถังเฉามันก็แค่สวะที่มาจากเมืองหมิงจู จะฆ่าตอนไหนก็เหมือนกัน มันจะรอดจากน้ำมือของเราได้ยังไง”
“แต่ผู้หญิงคนนี้สิที่ไม่เหมือน ของดีขนาดนี้ ถ้าพลาดไปแล้ว ไม่ได้เจอง่ายๆ นะ…”
“แกก็พูดมีเหตุผล”
พี่เสือคล้อยตามสิ่งที่ชายคนนั้นพูด จากนั้นจึงจ้องเฟิ่งหวงที่กำลังเดินเข้ามา ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความลามก “ได้ งั้นก็จับตัวผู้หญิงคนนี้เอาไว้ก่อน รอให้ฆ่าถังเฉาเสร็จ แล้วค่อยมาเสวยสุขกับผู้หญิงคนนี้!”
“พี่เสือผู้ยิ่งใหญ่!”
คนอื่นๆ กว่าสิบคนตะโกนออกมา โดยไม่ได้รับรู้ถึงความตายที่ใกล้จะมาถึง
หนึ่งในบรรดาชายพวกนั้นก้าวเข้าไปหาเฟิ่งหวงอย่างกล้าหาญ เขายื่นมือออกไปหวังจะลูบแก้มของเฟิ่งหวง “หึหึ น้องสาว มีคนบอกไหมว่าผู้หญิงห้ามเล่นมีด…”
สวบบบ
แต่ทว่าเขายังไม่ทันได้ลูบแก้มของเฟิ่งหวง จู่ๆ ก็มีแสงของมีดพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็ไม่มีเสียงอะไรอีก
ชายคนนั้นยืนอึ้งอยู่ที่เดิมพี่เสือกับอีกสามสิบกว่าคนที่อยู่ข้างหลังถึงกับเบิกตาโต
แขนที่ขาดกระจายขึ้นไปข้างบนพร้อมเลือดจากนั้นก็ตกลงมาที่พื้น แขนของชายคนนั้นถูกเฟิ่งหวงฟันจนขาด
“อ๊ากกกก”
เมื่อตั้งสติได้ ชายคนนั้นจึงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมา จากนั้นก็ล้มลงกับพื้น
แต่ทว่าเฟิ่งหวงไม่แม้แต่จะมองเขา และเดินไปหาพวกพี่เสือต่อ
“อะไรกัน!”
ภาพตรงหน้าทำให้พี่เสือและคนอื่นๆ ตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน
ตอนนี้เมื่อมองเฟิ่งหวงอีกครั้ง ใบหน้าของเธองดงาม รูปร่างก็สมส่วน แต่ทว่าในสายตาของพี่เสือเธอน่ากลัวเป็นอย่างมาก
ตัดแขนของคนภายในพริบตา นี่ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า
“อย่าเข้ามา!”
จู่ๆพี่เสือก็แผดเสียงออกมา เขาแย่งมีดตัดฟืนมาจากคนข้างๆ แล้วชี้ไปที่เฟิ่งหวง แววตาของเขาน่ากลัวมาก
แต่ทว่าเฟิ่งหวงมองทุกคนเหมือนมองคนตาย และยังคงก้าวเข้ามาเรื่อยๆ
ความหวาดกลัวภายในใจยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดพี่เสือก็ทนไม่ไหว เขาตะโกนออกมาว่า “เข้าไปฆ่ามันซะ!”
คนสามสิบกว่าคนพุ่งเข้าไปพร้อมกัน
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เฟิ่งหวงก็แสยะยิ้มอย่างกระหายเลือด นัยน์ตาสีเลือดก็เหมือนกับถูกรดน้ำด้วยเลือด มันแดงขึ้นเรื่อยๆ เธอพุ่งเข้าไปหาคนพวกนั้น ขณะที่พี่เสือกำลังจับตามองอยู่
“ฮ่าๆๆๆ”
จู่ๆพี่เสือก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้ว่าเฟิ่งหวงจะเก่งแค่ไหน พุ่งเข้าไปแบบนั้นก็ไม่สามารถรอดจากคมมีดได้อย่างแน่นอน
แต่ทว่าเขาหัวเราะไม่ทันถึงไหน ก็ถึงกับต้องชะงักไป
“นี่…นี่เป็นไปได้ยังไงกัน!”
เขาอุทานออกมาและสั่นไปทั้งตัว
พรวดๆๆ
เฟิ่งหวงเหมือนเสือที่อยู่ในฝูงแกะ เมื่อเธอเข้ามาในฝูงคนพวกนั้น มีดสั้นในมือของเธอเหมือนกับเครื่องบดเนื้อ ทุกครั้งที่เธอสะบัดมีดก็จะมีหัวหรือแขนของคนลอยขึ้นไปบนฟ้า
ภายในไม่กี่อึดใจทุกคนก็ตายจนหมด
ถนนยางมะตอยเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลเหมือนน้ำ แม้แต่อากาศก็เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
ตึกๆๆๆ
เฟิ่งหวงยังคงเดินต่อไป เสียงส้นสูงกระแทกกับพื้นดังเข้ามาในหู แต่ทว่าเลือดเปื้อนเต็มรองเท้าส้นสูงของเธอ ทุกก้าวของเธอจะมีรอยเลือดอยู่บนพื้น
“อ๊ากกกก!”
พี่เสือตกใจจนสติกระเจิดกระเจิง เขาหันหลังเพื่อจะหนี
แต่ทว่าวิ่งไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็ไม่วิ่งอีกแล้ว มีดเปื้อนเลือดจ่ออยู่ที่คอของเขา
“บอกฉันมาว่าใครเป็นคนส่งแกมา ไม่งั้น ตาย!”
น้ำเสียงของเฟิ่งหวงเย็นชาเป็นอย่างมาก สีหน้าของเขาตกตะลึง
“ฉันบอกแล้วๆ”
พี่เสือจะกล้าปิดบังได้อย่างไร เขาพูดออกมาทั้งหมด
เฟิ่งหวงฟังจบ เธอก็ขยับมีดในมือจนเกิดรอยแผลขนาดใหญ่ที่คอของพี่เสือ เลือดไหลทะลักออกมาเหมือนน้ำ
เมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อย เธอจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาเช็ดเลือดที่ติดอยู่บนมีด จากนั้นจึงหยิบมือถือขึ้นมาโทรออกแล้วเดินออกไป
ในย่านการค้าที่มีคนพลุกพล่าน ถังเฉากำลังอุ้มถังเสี่ยวลี้คีบตุ๊กตา
เขาหยอดเหรียญเข้าไป ตุ๊กตาตัวหนึ่งถูกคีบขึ้นมา
ถังเสี่ยวลี้ที่อยู่ข้างๆ เอาแต่จ้องอยู่อย่างนั้น แววตาของเธอเต็มไปด้วยความชื่นชม
“คุณพ่อเก่งมาก คุณพ่อสุดยอด คีบตุ๊กตาได้เยอะมากเลย!”
เด็กน้อยปรบมืออย่างแรง เธอตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ถังเฉายิ้มบางๆ และเอาตุ๊กตาทั้งหมดให้ถังเสี่ยวลี้ “ตุ๊กตาพวกนี้ให้แม่กับลูกทั้งหมดเลย เสี่ยวลี้ช่วยดูแลมันแทนแม่ก่อนได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
ถังเสี่ยวลี้รีบตอบตกลงทันที เธอลืมเรื่องไม่ดีก่อนหน้านี้ไปหมดแล้ว
ขณะนั้น เฟิ่งหวงเดินเข้ามาแล้วพยักหน้าให้ “ฆ่าหมดแล้วค่ะหัวหน้ารอง ฉันขอให้คนจากหอการค้าเยี่ยนตูทำความสะอาดที่เกิดเหตุให้เรียบร้อย”
หอการค้าเยี่ยนตูเป็นหนึ่งในแปดยักษ์ใหญ่ของสมาคมหอการค้า โดยมีบ้าการค้าเป็นผู้ก่อตั้ง
แต่ทว่าสีหน้าของถังเฉายังคงราบเรียบ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่คำตอบที่เขาต้องการ
“ยังมีคนที่อยู่เบื้องหลังอีก!”
เฟิ่งหวงอกสั่นขวัญแขวนและรีบพูดขึ้นมา
“มันเป็นใคร!”
แววตาของถังเฉาเต็มไปด้วยความเย็นชา
เฟิ่งหวงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดออกมา
“หลินโป๋หลายแห่งตระกูลหลินตระกูลหลวงในเยี่ยนตู!”
“เขาเป็นคนสั่งให้คนไปลักพาตัวคุณหลินชิงเสว่ค่ะ”
ความอาฆาตแผ่ออกมาจากตัวของถังเฉา “ตระกูลหลวงในเยี่ยนตู…”
แต่ไม่นานเขาก็ใจเย็นลง ในเมื่อเป็นหลินโป๋หลายเป็นคนทำ เขาจะต้องไม่ทำร้ายเธอแน่นอน
สิ่งเดียวที่ถังเฉากังวลก็คือหลังจากที่หลินชิงเสว่ฟื้นขึ้นมาแล้วรู้ว่าคนในตระกูลเป็นคนทำ เธอจะปวดใจแค่ไหนกัน
“รองหัวหน้า พวกเราจะทำยังไงต่อคะ” เฟิ่งหวงถามขึ้น
ถังเสี่ยวลี้เล่นจนเบื่อ เธอจึงเอียงคอมองถังเฉา “คุณพ่อ แล้วคุณแม่ล่ะคะ”
ถังเฉายิ้มแล้วกอดลูกสาวเอาไว้ “นี่เรากำลังจะไปหาแม่ไง”
จู่ๆ แววตาของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นแววตาเย็นชา
“ไปตระกูลหลินกัน!”
ตระกูลหลินตระกูลหลวงในเยี่ยนตู
หลินชิงเสว่ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงอันหรูหรา ผ้าที่ห่มอยู่บนตัวเป็นผ้าไหมแท้
กำแพงรอบๆ มีภาพที่มีชื่อเสียงและวัตถุโบราณแขวนอยู่เต็มไปหมด ถ้าโยนออกไปสักชิ้นก็น่าจะทำให้พวกคนรวยนับไม่ถ้วนแย่งชิงกันให้วุ่น
“ที่นี่คือที่ไหน…”
หลินชิงเสว่ลุกขึ้นมานั่ง เธอรู้สึกปวดหัว
จู่ๆ เธอก็นึกถึงเหตุการณ์ก่อนที่จะสลบ เธอถูกใครก็ไม่รู้ลักพาตัวขึ้นรถตู้ พวกเขาไม่ได้พูดอะไรแล้วก็ทำให้เธอสลบไป
“ถังเฉากับเสี่ยวลี้…”
จู่ๆ หลินชิงเสว่ก็นึกขึ้นมา เธอสำรวจตัวเองโดยอัตโนมัติ เธอรีบลงจากเตียงแล้วมองใจกลางเมืองที่ตอนนี้ดูเล็กไปผ่านกระจกบานใหญ่
ถ้าดูจากสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โต เหมือนว่าเธออยู่ในปราสาทแห่งหนึ่ง
และเธอคุ้นเคยกับปราสาทนี้เป็นอย่างมาก
หลินชิงเสว่เบิกตาโต “ที่นี่คือตระกูลหลวงในเยี่ยนตู!”
แกร๊ก
เมื่อพูดจบ ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสูทสีขาวยืนพิงประตูอยู่ บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่เหมือนจะยิ้มก็ไม่เชิง
“ไม่เจอกันนานนะ ลูกพี่ลูกน้อง”