เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 359
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ในกลุ่มของคนที่เดินมานั้นมีอยู่คนหนึ่งที่สวมชุดสูทรองเท้าหนัง ใบหน้าหล่อเหลาสง่างาม ก็คือสื่อเหลย
ถังเฉาที่ยืนอยู่ด้านหลัง เองก็หรี่ตาลงน้อย ๆ จ้องเขา
เขาเคยเป็นเพื่อนร่วมงานของหวางเยี่ยน ฐานะที่แท้จริงคือลูกนอกสมรสของจ้าวเหล่าลิ่ว
การเลื่อนตำแหน่งของสื่อเหลยก็หนีไม่พ้นเป็นความรับผิดชอบของจ้าวเหล่าลิ่ว
นี่มันหมายถึงอะไร?
หมายความว่าหมากที่จ้าวเหล่าลิ่ววางเอาไว้ได้ถูกแทรกซึมเข้าไปในทุก ๆ สายอาชีพตั้งนานแล้ว
“แน่นอนว่าฉันเป็นตัวแทนตระกูลจ้าวแห่งเมืองหมิงจูมาเข้าร่วมงานประมูลน่ะสิ”
สื่อเหลยเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่เหมือนกับจ้าวชุนเซิงเมื่อก่อนนี้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่มีความเคารพต่อจ้าวเย็นหรานเลยสักนิด
ใบหน้างดงามของจ้าวเย็นหรานเย็นยะเยือก “ตระกูลจ้าวมีฉันออกงานก็พอแล้ว ตอนนี้นายไสหัวกลับเมืองหมิงจูไปซะ!”
สื่อเหลยถูกประโยคนี้หยอกให้หัวเราะออกมา “น้องสาว ตอนนี้เธอยังอ่านสถานการณ์ไม่ออกอีกเหรอ? ตอนนี้เธอถูกขวางอยู่ข้างนอก จะเข้าไปได้อย่างไร?”
“พวกเราเข้าไปไม่ได้ นายเข้าไปได้?”
จ้าวเย็นหรานถามกลับด้วยใบหน้าเยือกเย็น
สื่อเหลยหัวเราะเบา ๆ สองครั้ง จากนั้นก็มองไปยังชายหนุ่มรูปงามสองคนที่อยู่ด้านหลัง “น้องสาว เธอน่าจะยังไม่รู้ว่าสองท่านนี้ไปใครสินะ?”
ได้ยินอย่างนั้น สายตาของจ้าวเย็นหรานก็มองไปด้านหลัง ความสนใจทั้งหมดของเธอพุ่งไปอยู่ด้านหลังของสื่อเหลยแล้ว ยังมองไม่เห็นคนที่อยู่ด้านหลังจริง ๆ
ถังเฉากลับหรี่ตาลงพิจารณาชายหนุ่มสองคนนั้น
ชายหนุ่มสองคนก็สังเกตเห็นถังเฉาแล้ว ทันใดนั้นสายตาก็เปลี่ยนเป็นชั่วร้าย
“นี่ไม่ใช่คุณถังหรอกเหรอ? บังเอิญจังที่ได้มาเจอกันที่นี่”
เซี่ยหรูหลงกับลู่โป๋หานเดินยิ้มเข้ามา มองดูเครื่องจักรที่อยู่ด้านหลังแวบหนึ่งแล้วเข้าใจอะไรได้ในทันที
ยิ้มอย่างชั่วร้ายยิ่งขึ้น “ตระกูลเซี่ยของผมเคยมอบบัตรผ่านประตูให้คุณ กลับถูกคุณโยนทิ้งเหมือนขยะ ตอนนี้คุณไม่มีบัตรผ่านประตู อยากเข้าก็เข้าไปไม่ได้ ผมสามารถเข้าใจว่าคุณหาเหาใส่หัวตัวเองได้ไหมครับ?”
พอคำนี้พูดออกมา จ้าวเย็นหราน หวางเยี่ยน รวมถึงสื่อเหลยเองก็มองไปทางถังเฉาอย่างไม่อยากจะเชื่อทันที
บัตรผ่านประตูงานประมูลเจียงเฉิงล้ำค่าหายาก พวกเขาล้วนแต่วิ่งวุ่นกันใหญ่อาศัยคอนเนกชันถึงหามาได้
ถังเฉากลับโยนทิ้งเหมือนขยะ?
นี่มันเป็นความสิ้นเปลืองระดับไหนกัน?
“ตระกูลลู่ของเราก็เหมือนกัน แต่ว่า… ผมไม่ได้ไร้น้ำใจเหมือนตระกูลเซี่ย ผมยินดีให้โอกาสคุณได้เสียใจครั้งหนึ่ง”
อารมณ์บนใบหน้าของลู่โป๋หานเปลี่ยนเป็นหยอกเย้าโดยพลัน ผลักสาวงามในอ้อมอกออกไป ชี้ไปที่เฟิ่งหวงที่อยู่ด้านหลังของถังเฉา แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังคุณไม่เลวเลยนะ ให้ผมยืมหนึ่งคืน ผมจะให้บัตรผ่านประตูกับคุณหนึ่งใบในนามของตระกูลลู่ เป็นอย่างไรครับ?”
ในดวงตาของเฟิ่งหวงมีความเย็นยะเยือกที่น่าสะพรึงกลัวปะทุขึ้นมาทันที ถังเฉากลับยับยั้งเธอไว้
“ผมแนะนำว่าคุณอย่าทำแบบนี้ดีกว่านะครับ แบบนั้นอาจจะเอาชีวิตของคุณได้”
ลู่โป๋หานฟังความหมายที่อยู่ในคำพูดของถังเฉาไม่ออก เพียงแต่คิดว่ากำลังพูดว่าเธอเป็นดอกกุหลาบที่มีหนามดอกหนึ่ง ดังนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าจึงยิ่งแย้มมากขึ้น “ผมชอบแบบที่เอาชีวิตของผมไปได้แบบนั้นแหละครับ เร้าใจดี”
ตอนที่พูดออกมาก็ยื่นมือออกมาแล้ว ตัดสินใจจะสัมผัสใบหน้าของเฟิ่งหวง
พลั่ก!
ถังเฉากุมมือของเขาไว้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อย ๆ หายไปจนไม่เหลืออะไรเลย “ลองยื่นมือมาอีกสิ”
บางทีอาจจะเป็นเพราะสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารที่อยู่บนร่างของถังเฉา ในที่สุดลู่โป๋หานก็เก็บมือกลับมา เพียงแต่ว่าใบหน้าเปลี่ยนเป็นเข้มครึ้ม
“คุณพลาดความปรารถนาดีของสองตระกูลของพวกเราที่มีต่อคุณแล้ว ไม่สามารถปักหลักอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงได้แล้ว”
ถึงแม้ว่าถังเฉาจะล้างบางตระกูลเหวินไปแล้ว ตีฝ่าตระกูลหูไปแล้ว นี่ไม่ใช่พลังของตัวถังเฉาเอง แต่เป็นการใช้บารมีของผู้อื่นมาบังหน้า
ถังเฉากลับมองข้ามไป เกรงว่าพวกเขาจะยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรนหาที่ตายอยู่ที่เส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย
“หึหึ น้องสาว คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเพื่อนของเธอจะกล้ามากขนาดนั้น แม้แต่คุณชายเซี่ยกับคุณชายลู่ก็ยังกล้าล่วงเกิน”
สื่อเหลยหัวเราะหึหึแล้วเอ่ยว่า
“นายหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ นายไม่มีสิทธิ์มาพูดอะไรที่นี่!”
สีหน้าของจ้าวเย็นหรานไม่น่ามองอย่างถึงที่สุด เอ่ยตำหนิด้วยความโกรธ
สายตาของสื่อเหลยก็ค่อย ๆ น่าสะพรึงขึ้นมา “จ้าวเย็นหราน เธอยังถือว่าตัวเองเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลจ้าวอยู่อีกเหรอ? จ้าวเหล่าลิ่ว น่าจะใกล้ตายแล้วนะ”
สีหน้าของจ้าวเย็นหรานเปลี่ยนไปในทันที “นายหมายความว่ายังไง?”
ไม่รู้ว่าทำไม ในก้นบึ้งของหัวใจของเธอมีลางสังหรณ์หนึ่งที่ไม่เป็นมงคลขึ้นมาทันที
สื่อเหลยหัวเราะหึหึ “จ้าวเหล่าลิ่วตายแล้ว ตระกูลจ้าว คนที่มีความสามารถจะได้ขึ้นตำแหน่ง ส่วนเธอ ความสามารถไม่เลว แต่ก็เป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง สุดท้ายก็ต้องแต่งงานออกเรือนไป คุณหนูใหญ่ตระกูลจ้าวนี้ เธอจะสามารถเป็นได้นานแค่ไหนกัน?”
“นาย…”
ดวงตางดงามของจ้าวเย็นหรานเบิกโต แต่กลับพูดไม่ออกแม้เพียงครึ่งประโยค
เพราะว่าที่สื่อเหลยพูดมานั้นไม่ผิด
จ้าวเหล่าลิ่วจัดการงานแต่งงานไว้ให้เธอแล้ว รอเธอแต่งออกไป พอจ้าวเหล่าลิ่วตายไป ตระกูลจ้าวจะต้องโกลาหลหนักแน่
“มีความช่วยเหลือของคุณชายเซี่ยกับคุณชายลู่ สุดท้ายคนที่ได้อยู่บนยอดสูงสุดก็คือฉัน!”
สื่อเหลยหัวเราะเสียงดังขึ้นมา สายตามองไปทางหวางเยี่ยนที่อยู่ด้านหลัง “หวางเยี่ยน ฉันให้โอกาสเธอได้เลือกเป็นครั้งสุดท้าย มาที่ฉัน ฉันจะพาเธอเข้าไปในงานประมูล พอถึงเวลาเธอก็จะได้เป็นคุณนายตระกูลจ้าว!”
หวางเยี่ยนไม่เต็มใจไปทั้งหน้า “ต่อให้ฉันต้องตายก็จะไม่แต่งงานกับนายแน่!”
สื่อเหลยไร้จิตวิญญาณไปชั่วขณะ จากนั้นใบหน้าก็เต็มไปด้วยความดุร้าย “ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอก็อย่าได้คิดจะได้รู้สาเหตุการตายที่แท้จริงของพ่อเธอตลอดไปเลย!”
“ว่าไงนะ?!”
คำนี้พูดออกมา อารมณ์ของหวางเยี่ยนก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นหวั่นไหวในทันที ในดวงตาของถังเฉามีประกายความหนาวเย็นวาบผ่าน
“นายรีบบอกฉันมานะ พ่อของฉันตายยังไง นายบอกฉันมา!”
หวางเยี่ยนวิ่งเข้าไปทางสื่อเหลยด้วยความรวดเร็ว กลับโดนสื่อเหลยผลักออก “ไสหัวไป!”
เขากดสายตามองหวางเยี่ยน “เธอพลาดโอกาสที่จะได้มาอยู่ข้าง ๆ ฉันแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เธอก็รออยู่ข้างนอกกับพวกเขาเถอะ!”
พูดจบก็ก้าวเข้าไปในงานประมูลกับเซี่ยหรูหลงและลู่โป๋หานกันสามคน
ดวงตาของหวางเยี่ยนแดงก่ำ ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนภายใต้การประคองของถังเฉา สีหน้าของจ้าวเย็นหรานก็ไม่น่ามองจนถึงขีดสุด
เซี่ยหรูหลงเดินไปหลายก้าวแล้ว ทันใดนั้นก็กำชับกับพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ประตู “พวกคุณจับตามองพวกเขาไว้ให้ดี ไม่มีบัตรผ่านประตู ห้ามให้เข้าไปโดยไม่มีข้อยกเว้น!”
ชัดเจนว่าหมายถึงถังเฉา พนักงานรักษาความปลอดภัยไหนเลยจะไม่เข้าใจ รีบเอ่ยอย่างเคารพนบนอบทันที “คุณชายเซี่ย ท่านวางใจเถอะครับ คนที่ไม่มีบัตรผ่านประตู ไม่สามารถเข้าไปได้โดยไม่มีข้อยกเว้นครับ!”
ถังเฉาส่ายศีรษะทันที “พวกเรารออยู่ด้านนอกสักสองนาทีเถอะ อีกสักพักก็ได้เข้าไปแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น จ้าวเย็นหรานกับหวางเยี่ยนก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง หรือว่า… เขาจะมีวิธี
สื่อเหลยกลับหัวเราะออกมาอย่างหยิ่งยโส “อย่างนายเนี่ยนะ? ต่อให้รอไปสองวันก็ไม่มีทางให้พวกนายเข้าไปได้หรอก!”
พูดจบก็ทำท่าทางแบบลูกคนรวย เอ่ยกำชับกับพนักงานรักษาความปลอดภัยว่า “จับตาดูคนพวกนี้ให้ดีหน่อยนะ อย่าให้พวกเขาเข้าไปได้เด็ดขาด ที่นี่เป็นงานประมูลที่คุณภาพสูงที่สุดของเมืองเจียงเฉิง ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเข้าได้”
พนักงานรักษาความปลอดภัยมีรอยยิ้มเอาใจไปทั้งใบหน้า ขานรับว่า “คุณผู้ชายท่านนี้ มีผมอยู่ ท่านวางใจเถอะครับ”
ตอนนี้สื่อเหลยถึงได้เดินเข้าไปในงานประมูลกับเซี่ยหรูหลงและลู่โป๋หาน
พอพวกเขาไป พนักงานรักษาความปลอดภัยก็มองพวกของถังเฉาด้วยใบหน้าดุร้าย โยนกระบองในมือ “ทางที่ดีพวกคุณรีบกลับไปเถอะ ไม่อย่างนั้นกระบองของผมไม่มีตานะ!”
ถังเฉากลับไม่ได้ให้ความสนใจเลยสักนิด เพียงแต่รออยู่อย่างเงียบ ๆ
“เข้ แกกล้าเมินฉันเหรอ ดูเหมือนไม่ทำให้แกเจ็บตัวสักหน่อยแกจะไม่ยอมไปนะ!”
บนใบหน้าของพนักงานรักษาความปลอดภัยมีรอยยิ้มเยือกเย็น ถกแขนเสื้อขึ้น คว้ากระบองออกมาจะตีไปที่ถังเฉา
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ในตอนนี้เอง ด้านหลังก็มีเสียงตะคอกที่ระเบิดความโมโหเสียงหนึ่งส่งมา
ได้ยินเสียงนี้แล้ว พนักงานรักษาความปลอดภัยคนนี้ก็อึ้งในทันที หันกลับไปมอง เห็นเพียงผู้ชายวัยกลางคนสวมชุดสูทรองเท้าหนังคนหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธขึ้ง
“คนของสมาคมการค้าหงยิง?”
ถึงแม้ว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นจะไม่รู้จักว่าหลัวปู้เป็นใคร แต่ก็รู้จักเครื่องหมายบนหน้าอกของหลัวปู้
ตอนนี้จึงได้ปรากฏรอยยิ้มออกมา พูดอย่างนำเสนอว่า “ท่านนี้ เชิญเข้ามาเลยครับ รอผมจัดการคนไม่มีตาไม่กี่คนนี้เสร็จแล้วก็จะพาท่านเข้าไปครับ!”
เพี๊ยะ!
หลัวปู้ตบลงบนใบหน้าของเขาหนึ่งที กล่าวอย่างเดือดดาลว่า “แกนั่นแหละที่ไม่มีตาที่สุด!”
พูดจบ ก็วิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาอยู่ตรงหน้าของถังเฉาภายใต้การจับจ้องของพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้น บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเคารพนบนอบ “คุณถังครับ ทั้งอาคารเทียนจีนี้เป็นของท่าน ท่านกับมิตรของท่านไม่จำเป็นต้องใช้บัตรผ่านประตูเลย เข้าไปเลยก็ได้ครับ”