เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 394
ถังเสี่ยวลี้ร้องไห้เสียงแหลม เบ้าตาแดงก่ำ
โจวเหม่ยหยูนตกใจจนหดมือกลับทันที หันกลับมาจ้องถังเสี่ยวลี้อย่างโหดเหี้ยม “ร้องวุ่นวายอะไร เชื่อไหมว่าฉันจะจับแกโยนลงจากชั้นบนสุดนี่แหละ!”
สำหรับลูกสาวของถังเฉากับหลินชิงเสว่ โจวเหม่ยหยูนรังเกียจลึกสุดใจ จะปฏิบัติต่อเธอดี ๆ ได้อย่างไร?
พอถังเสี่ยวลี้ได้ยินก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม
“คุณแม่ไม่ได้ทำอะไรผิด อย่าตบคุณแม่นะ!”
“พ่อขา คุณพ่ออยู่ไหน? รีบมาช่วยคุณแม่เร็วเข้า!”
ถังเสี่ยวลี้ร้องไห้พลางจะวิ่งออกไปด้านนอก กลับถูกโจวเหม่ยหยูนจับตัวเอาไว้
“หุบปากเดี๋ยวนี้!”
โจวเหม่ยหยูนจ้อง เอ่ยอย่างคุกคามว่า “อย่าคิดว่าฉันไม่กล้าลงมือนะ แกก็เหมือนพ่อกับแม่ของแกนั่นแหละ เป็นตัวซวย ตายเสียให้มันจบ ๆ!”
ถังเสี่ยวลี้ขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ร้องไห้จนหายใจหายคอไม่ทัน
เห็นถังเสี่ยวลี้ไม่เพียงแต่ไม่ตกใจ กลับร้องไห้เสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ส่อเค้าจะร้องเสียงแหลมออกมาอย่างไม่ชัดเจน โจวเหม่ยหยูนก็กลัวขึ้นมาบ้าง น้ำเสียงอ่อนลงทันที “ยายแค่แหย่เล่นเท่านั้นเอง หนูอย่าร้องเลยดีไหมจ๊ะ?”
“คุณยายเป็นคนเลว! หนูจะไม่อยู่กับคุณยาย!”
ถังเสี่ยวลี้ไม่สนใจสิ่งใดแล้ว ร้องไห้ต่อไป
โจวเหม่ยหยูนร้อนรน รีบยื่นมือออกไปปิดปากของถังเสี่ยวลี้
ถังเสี่ยวลี้กลับกัดเข้าไปอย่างสุดแรง
ดังนั้นในห้องจึงมีเสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึ้นอย่างน่าเวทนาในทันที
“อ๊ากกก!”
โจวเหม่ยหยูนหดมือกลับไปเหมือนกับโดนไฟช็อต พอมองดู นึกไม่ถึงว่าจะถูกกัดจนเลือดออก
ทันใดนั้นสีหน้าก็เข้มครึ้มอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“แก นังเด็กเปรต นึกไม่ถึงว่าจะกล้ากัดฉัน คอยดูเถอะ ฉันจะตบปากแกให้ยุ่ยเลย!”
ว่าแล้ว โจวเหม่ยหยูนก็เงื้อมือ
แอ๊ด!
ในตอนนี้เอง ประตูห้องผู้ป่วยเปิดออกอย่างฉับพลัน หลินฉ่ายเวยยืนมองฉากนี้อยู่ตรงประตูด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ
โจวเหม่ยหยูนลนลานในทันที รีบร้อนอธิบาย “ฉ่ายเวย ไม่ใช่อย่างที่เธอเห็นนะ… เป็นยัยเด็กดื้อนี่ เธอกัดฉัน! เธอดูสิ นิ้วฉันถูกกัดจนเป็นยังไงแล้ว?”
หลินฉ่ายเวยกลับฟังอะไรไม่เข้าสมองทั้งนั้น เพียงแค่มองโจวเหม่ยหยูนอย่างไม่อยากจะเชื่อ “แม่คะ ท่านบ้าไปแล้วเหรอ? เสี่ยวลี้เธอเพิ่งจะห้าขวบเอง นึกไม่ถึงว่าท่านจะกล้าลงมือกับเด็กห้าขวบคนหนึ่ง!”
“ไม่ใช่นะ เธอกัดฉันก่อน…”
โจวเหม่ยหยูนยังคิดจะปัดความรับผิดชอบ
หลินฉ่ายเวยหัวเราะเสียงเย็นออกมา “กัดท่านเหรอ? หึหึ ท่านหาเหตุผลก็ไม่หาให้ดีสักหน่อย เสี่ยวลี้เพิ่งจะห้าขวบ ทั้งยังเฉลียวฉลาดรู้ความ ถ้าหากไม่ใช่ว่าท่านทำอะไร เธอจะไปกัดท่านได้อย่างไร?”
พูดจบก็ผลักโจวเหม่ยหยูน กอดถังเสี่ยวลี้เอาไว้ จากนั้นก็เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ พูดเสียงอ่อน “เสี่ยวลี้ บอกน้ามาซิ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นคะ?”
ถังเสี่ยวลี้ชี้ไปที่โจวเหม่ยหยูน ร้องไห้ไม่หยุด
“คุณยาย คุณยายจะตบคุณแม่ค่ะ หนูไม่ให้เธอตบ เธอก็ตบหนู…”
ฟังคำพูดของถังเสี่ยวลี้แล้ว ดวงตาของหลินฉ่ายเวยก็เบิกกว้าง หันกลับไปมองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ “แม่ ที่เสี่ยวลี้พูดเป็นความจริงทั้งหมดไหมคะ? ท่าน…คิดจะตบพี่หลินจริง ๆ?”
สีหน้าของโจวเหม่ยหยูนร้อนรนขึ้นเรื่อย ๆ รีบร้อนอธิบาย “จะเป็นไปได้อย่างไร เธอเพิ่งจะห้าขวบ จะไปรู้เรื่องอะไร โกหก เธอกำลังโกหก!”
“หนูไม่ได้โกหก!”
ถังเสี่ยวลี้กรีดร้องเสียงดัง อ้าแขนทั้งสองข้างออก ใช้ร่างกายเล็ก ๆ ของเธอขวางอยู่ข้างหน้าหลินชิงเสว่
สายตาของหลินฉ่ายเวยสั่นไหว จากนั้นก็ปกป้องถังเสี่ยวลี้เอาไว้ด้านหลัง โกรธจนสั่นไปทั้งตัว “แม่ ท่านเป็นแม่ของหนูจริง ๆ ถังเฉาให้หนูดูแลเสี่ยวลี้ให้ดี แม่กลับ… แค่ช่วงเวลาที่หนูออกไปสูดลมหายใจก็คิดจะลงมือกับพี่หลินกับเสี่ยวลี้แล้ว! โกรธแค้นกันแค่ไหน!”
พูดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของหลินฉ่ายเวยก็แดงขึ้นมากะทันหัน “ที่จริงแล้วตั้งแต่ก่อนที่หนูจะแต่งเข้าตระกูลเหวิน หนูก็รู้ชัดเจนดีแล้วว่าท่านเป็นคนอย่างไร ในสายตาของท่าน หนูเป็นแค่เครื่องสังเวย ถ้าหากไม่ใช่ถังเฉา ชีวิตนี้ทั้งชีวิตของหนูก็ถูกท่านทำลายไปแล้ว! ตอนนี้ท่านก็จะตบพี่หลินกับเสี่ยวลี้อีก ท่านไม่คู่ควรจะมาเป็นแม่ของหนู!”
บึ้ม!
สมองของโจวเหม่ยหยูนขาวโพลน ถูกลูกสาวของตัวเองตะคอกใส่ เธอทึ่มทื่อไปแล้ว
พอตั้งสติได้ เธอก็ตัดสินใจบอกความจริงกับหลินฉ่ายเวย
“ฉ่ายเวย ที่จริงผู้หญิงคนนี้เป็น…”
“หุบปาก!”
ยังรอไม่ถึงตอนที่โจวเหม่ยหยูนพูดคำว่า ‘ลูกสาว’ สองคำออกมา หลินฉ่ายเวยก็กรีดร้องออกมา
เธอชี้ไปที่ประตู “ไสหัวออกไป”
“ฉ่ายเวย…”
“ออกไป!”
“นอกเสียจากคุณพ่อกับพี่หลินฟื้นกันหมดแล้ว นอกจากนั้นท่านจะเข้ามาไม่ได้!”
สีหน้าของหลินฉ่ายเวยเต็มไปด้วยความเดือดดาล เธอโกรธจริง ๆ แล้ว
ถ้าหากให้โจวเหม่ยหยูนอยู่ในห้องผู้ป่วยตามลำพังอีก จะเกิดเรื่องแบบไหนขึ้น เธอเองก็ไม่กล้าจะคิด
โจวเหม่ยหยูนตะลึงอยู่นาน ในที่สุดก็เรียกสติคืนมาได้ มองหลินฉ่ายเวยอย่างแน่วแน่
“ฉันคิดทุกวิถีทางก็เพื่อแก แกกลับไล่ฉันออกไป…”
“ดี… แกอย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน!”
พูดจบโจวเหม่ยหยูนก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เดินออกจากห้องผู้ป่วย
มองส่งโจวเหม่ยหยูนจากไป หลินฉ่ายเวยถึงได้นั่งลงบนเก้าอี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา
เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ครอบครัวดี ๆ ครอบครัวหนึ่งจะแตกกระจัดกระจายจนเป็นเช่นนี้
คุณพ่อไม่ได้สติ แม่… ก็แปลกหน้าจนเธอจำไม่ได้
“คุณน้าฉ่ายเวย…”
ด้านข้าง ถังเสี่ยวลี้ร้องเรียกออกมาอย่างขลาดกลัว
หลินฉ่ายเวยเผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง อุ้มถังเสี่ยวลี้ขึ้นมา พูดอย่างจริงจังว่า “ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น!”
……
รถยนต์จอดลงอย่างช้า ๆ ถังเฉานำพาเฟิ่งหวงกับจ้าวเย็นหรานเดินเข้าไปในตระกูลจ้าว
ตระกูลจ้าวในตอนนี้ตรวจตราป้องกันอย่างเข้มงวด ทุก ๆ มุมมีผู้คุ้มกันที่สวามิภักดิ์ต่อจ้าวจือชิวยืนอยู่เต็ม มองพวกเขาด้วยใบหน้าเย็นชา
หัวใจของจ้าวเย็นหรานเต้นตึกตักไม่หยุด ถังเฉากลับไม่เปลี่ยนสีหน้าราวกับไม่มีผู้คุ้มกันพวกนี้อยู่อย่างไรอย่างนั้น
เฟิ่งหวงก็ยิ่งไม่อ้อมค้อม ในมือมีกริชเพิ่มขึ้นมาหลายเล่ม ชื่นชมอยู่ในมือ
พวกเขาสามคนมาถึงในห้องโถงตระกูลจ้าวโดยตรง
ในห้องโถงมีคนนั่งอยู่เต็ม คนที่เป็นหัวหน้าก็คือจ้าวจือชิว จ้าวตงชิว และสื่อเหลยสามคน
ถัดไปทางด้านหลังก็เป็นพวกจ้าวเชียนจูน ลูกนอกสมรสหลายคนที่ถังเฉาไม่เคยเจอมาก่อน เพียงแต่ว่า เดาได้ไม่ยากว่าฐานะของพวกเขาไม่สูง
มองพวกของถังเฉาสามคน สื่อเหลยหัวเราะออกมาเสียงดัง “ถังเฉา ในที่สุดแกก็มาจนได้นะ”
บนใบหน้าของถังเฉาไม่มีความรู้สึกใดใด กวาดสายตามองลูกนอกสมรสทุกคนที่อยู่ในที่นั้น “ได้ยินมาว่าพวกคุณตามหาผมเหรอครับ?”
“มีธุระกับแกนิดหน่อย”
จ้าวจือชิวหรี่ตาลงพิจารณาถังเฉา “บนตัวของนายได้ซ่อนของที่ไม่สมควรจะซ่อนเอาไว้ ส่งออกมา พวกเรายังสามารถปล่อยแกออกไปได้
พอคำนี้พูดออกมา สีหน้าของจ้าวเย็นหรานก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที
ถังเฉากลับยิ้มอย่างเย็นชา “คุณหมายถึงพินัยกรรมสมบัติ? ขอโทษด้วยนะครับ ผมส่งต่อให้กับคุณหนูจ้าวทั้งหมดแล้วล่ะครับ”
สีหน้าของจ้าวจือชิวเปลี่ยนเป็นกลัดกลุ้มเป็นอย่างมากในทันที ครู่หนึ่งก็มองไปยังจ้าวเย็นหราน “น้องสาว ฉันแนะนำว่าให้เธอส่งออกมาเถอะ เธอไม่มีทางชนะแล้วล่ะ!”
สีหน้าของจ้าวเย็นหรานไม่น่ามอง แต่ก็ยังส่ายศีรษะ “ฉันสิถึงจะเป็นผู้สืบต่อที่สายตรงที่สุด พวกนายมันก็แค่พวกลูกนอกสมรสที่ไปสู้หน้าใครไม่ได้ มีคุณสมบัติอะไรมาแย่งชิงกับฉัน?”
คำพูดของจ้าวเย็นหรานไม่ได้ทำให้จ้าวจือชิวโกรธ สำหรับเขาไม่ว่าจะเป็นวิธีการหรือสติปัญญาของจ้าวเย็นหราน ล้วนแต่ไม่มีทางที่จะมาเทียบเท่าเขาได้
เขามองไปยังถังเฉา “แกไปโน้มน้าวน้องสาวของฉันดีกว่า มอบมันออกมาเสีย ไม่ว่าอย่างไรเธอก็คือน้องสาวของฉัน ฉันไม่ฆ่าเธอแน่ กลับยังจะช่วยเธอหาบ้านสามีที่ดีให้กับเธอ แต่งออกไป”
“จ้าวจือชิว นายฝันไปเถอะ!”
พอคำนี้ลั่นออกมา ใบหน้าของจ้าวเย็นหรานก็เต็มไปด้วยความเดือดดาลในทันที
เห็นสภาพการณ์เช่นนี้ถังเฉาก็ส่ายศีรษะ “เพราะอย่างนี้ผมถึงได้ไม่อยากจะยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องในตระกูลจ้าว หนึ่งคืออยากจะฝึกคุณหนูจ้าว สองคืออยากจะไว้ชีวิตของพวกคุณ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกคุณได้เลือกทางตายไว้แล้ว”
“นี่แกกำลังคุกคามพวกเราอย่างนั้นเหรอ?”
จ้าวจือชิวมีสีหน้าประหลาดใจ ยิ้มออกมา
ถังเฉาส่ายศีรษะต่อ “แต่ไหนแต่ไรมาผมก็ไม่คุกคามใคร ส่วนใหญ่ก็จะพูดเลยทำเลย”
“อย่างนั้นเหรอ? ดูเหมือนแกจะไม่ชอบไม้อ่อน ชอบไม้แข็งสินะ”
จ้าวจือชิวยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นก็มองไปยังสื่อเหลย “ลากขึ้นมา!”
สื่อเหลยโบกมือครั้งหนึ่งทันที ผู้คุ้มกันสองนายก็พาผู้หญิงคนหนึ่งที่คลุมผ้าดำบนศีรษะขึ้นมา
สื่อเหลยดึงผ้าคลุมศีรษะออก จ้าวเย็นหรานอดที่จะตะโกนเรียกอย่างตื่นตระหนกไม่ได้ “หวางเยี่ยน!”
“อื้ออื้อ!”
ในปากของเธอยัดเศษผ้าเอาไว้ ทำได้เพียงอาศัยการเปล่งเสียงจากลำคอ
“ถึงพวกแกจะไม่อยากทำตามคำสั่ง แต่ก็ยากหน่อยนะ”
สื่อเหลยหัวเราะเสียงดัง สีหน้าเหี้ยมเกรียม “ถ้าหากพวกแกไม่ส่งพินัยกรรมมา ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่รอดแล้ว!”