เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 410
“พ่อเป็นยังไงบ้าง?”
ถังเฉาและผู้บ้าการแพทย์รีบกลับไปที่โรงพยาบาล พร้อมกับรีบไปถามถึงสถานการณ์ของหลินเจิ้นสง
หลินฉ่ายเวยและหลินชิงเสว่ต่างยืนอยู่ทั้งสองด้าน โดยมีโจวเหม่ยหยูนนั่งหลบอยู่ที่มุมห้อง
หลังจากที่รับรู้ได้ถึงการกระทำอันชั่วร้ายของโจวเหม่ยหยูน ถังเฉาและคนอื่นๆจึงตัดสินใจว่าจะไม่ปล่อยให้โจวเหม่ยหยูนดูแลหลินเจิ้นสงเพียงลำพัง
ใบหน้าของโจวเหม่ยหยูนนั้นเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ราวกับสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“สถานการณ์ค่อนข้างซับซ้อน ฉันจะไปตามหมอมา”
หลินฉ่ายเวยทำหน้านิ่ง พร้อมกับวิ่งไปตามหมอ
ถังเฉาไปนั่งด้านข้างของหลินชิงเสว่ กุมมือเล็กๆที่เย็นราวกับน้ำแข็งของเธอ สีหน้าแสดงความทุกข์ใจ
“ไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ หมอก็พูดแล้ว เธอเพิ่งจะลงมาเดินได้ไม่นาน ไม่ควรนอนดึก ที่นี่มีผมดูแลเอง”
เขาเห็นความแดงก่ำในดวงตาของหลินชิงเสว่ เดาไม่ยากเลยว่า เธอคงอยู่ที่นี่ทั้งคืน
ส่วนเตียงด้านข้างก็ให้เสี่ยวลี้ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลินชิงเสว่ส่ายหัวพร้อมกับยิ้มออกมา “ฉันไม่เหนื่อยเลย ทุกๆคนก็อยู่ที่โรงพยาบาลมานานแล้ว ถ้าฉันไปพักผ่อน มันคงจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่”
“แต่…”
ถังเฉาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกหลินชิงเสว่เอามือปิดริมฝีปากเอาไว้
เธอส่ายหัว “ผู้บ้าการแพทย์ก็บอกแล้วว่าอีกไม่นานพ่อก็จะตื่นขึ้นมา”
“ยิ่งใกล้ถึงช่วงเวลาสำคัญมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องควรระแวดระวัง”
เมื่อถังเฉาได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็นิ่งลง ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่กุมมือของเธอเอาไว้แน่น
แคร๊ง!
ในเวลานี้เอง ประตูได้ถูกเปิดออก หลินฉ่ายเวยรีบเดินเข้ามาพร้อมกับหมอ
ใบหน้าของหมอนั้นปีติยินดี
“เราได้ทำการยืนยันอาการของผู้ป่วยแล้ว วิชามือหมอฝืนชีวิตของผู้บ้าการแพทย์ถือเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ!”
“ตัวชี้วัดทั้งหมดปกติ เราได้ทำการทดสอบไปแล้ว ผู้ป่วยก็มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ดีต่อโลกภายนอก ผมเชื่อว่าผู้ป่วยน่าจะตื่นขึ้นมาภายในสองสามวันนี้ครับ”
หลังจากฟังคำพูดของหมอ คิ้วของถังเฉาที่ขมวดมาหลายวันก็ได้คลายลงเสียที
หลินฉ่ายเวยและหลินชิงเสว่ต่างจับมือกันด้วยความตื่นเต้น
มีเพียงแต่โจวเหม่ยหยูน ที่สีหน้านั้นดูยุ่งเหยิงไปหมด ร่างกายสั่นเทา กระสับกระส่าย
หล่อนโดนคนที่อยู่เบื้องหลังจับไว้อยู่ หมดหนทางในการหนี สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือเป้าหมายของอีกฝ่าย คือการเปิดเผยความลับของตระกูลหลิน
ก่อนหน้านั้น หล่อนไม่สามารถทำอะไรได้
หลินฉ่ายเวยบิดขี้เกียจ พร้อมกับพูดกับถังเฉาและหลินชิงเสว่ด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อพ่อกำลังจะตื่นขึ้นมาแล้ว พวกเธอสองคนก็ไปพักผ่อนกันเถอะ เดี๋ยวตรงนี้ฉันจัดการต่อเอง”
“แต่ว่า…”
หลินชิงเสว่ไม่ยอมที่จะออกไป แต่ถังเฉาจับมือเธอไว้แล้วพูดว่า “เธอไม่ได้พักตามาสองสามวันแล้วนะ ก่อนหน้านี้ก็เสียเลือดไปตั้งสองถุงใหญ่ กลับไปพักผ่อนเถอะ!”
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่จริงจังของถังเฉา เธอรับรู้ได้ถึงความห่วงใยของเขา ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงพยักหน้า
“รีบกลับไปเถอะ ถังเฉา พี่หลิน แล้วเจอกัน”
หลินฉ่ายเวยยิ้มและโบกมือ จากนั้นก็อยู่เฝ้าหลินเจิ้นสงทั้งคืน
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเมื่อถังเฉาและหลินชิงเสว่ออกแล้ว นิ้วของหลินเจิ้นสงนั้นขยับเล็กน้อย
ตัวชี้วัดทั้งหมดได้ลดลงตามลำดับ
“แม่ รอพ่อตื่นก่อน เราพักงานทั้งหมดแล้วไปเที่ยวกันดีไหมคะ แม่ว่ายังไง?”
หลินฉ่ายเวยที่อารมณ์ดีก็ได้หันกลับไปพูดกับโจวเหม่ยหยูน
โจวเหม่ยหยูนนั้นดูเป็นกังวล เห็นได้ชัดว่าหล่อนไม่ได้สนใจหลินเจิ้นสง แม้แต่สิ่งที่หลินฉ่ายเวยถาม หล่อนก็ไม่ได้ยิน
“แม่คะ?”
หลินฉ่ายเวยรู้สึกแปลกๆ จึงลุกขึ้นโบกมือต่อหน้าของหล่อน
ตอนนี้โจวเหม่ยหยูนตอบสนองกลับมา ตกใจยกใหญ่เลยทีเดียว
“อา! อ่อ ได้ ได้หมดเลย”
หลินฉ่ายเวยทำหน้าแปลกๆ “แม่ ช่วงนี้แม่มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ?หนูมองหน้าแม่แล้วรู้สึกเหมือนแม่มีอะไรกังวลใจอยู่”
“ไม่จ่ะ ไม่มี”
โจวเหม่ยหยูนตกใจ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มออกมา “แม่สบายดี”
อย่างไรก็ตาม ดวงตาที่เฉียบคมของหลินฉ่ายเวยทำให้เห็นความกังวลของโจวเหม่ยหยูนได้อย่างรวดเร็ว เธอก็จับมือหล่อนทันที
“ไม่ มันต้องมีอะไรแน่ๆ แม่ปิดบังอะไรหนูอยู่หรือเปล่า?”
“ไม่ ไม่มี!”
“ฉันเป็นแม่แกนะ หยุดพูดจาเพ้อเจ้อได้แล้ว!”
สีหน้าของโจวเหม่ยหยูนนั้นดูตื่นตระหนกมากขึ้น ในที่สุดหล่อนก็ได้ผละมือออกจากหลินฉ่ายเวย พูดอย่างโกรธเคืองว่า
“พ่อแกจะตายแหล่มิตายแหล่ ยังจะให้ฉันมีหน้ามาอารมณ์ดีอีกเหรอ แกยังจะกล้ามาสงสัยแม่อีก แม่จะออกไปสูดอากาศสักหน่อย!”
เมื่อพูดจบ ก็ลุกขึ้นจากโซฟาและเดินออกไปข้างนอก
สิ่งที่หล่อนไม่ได้สังเกตคือโทรศัพท์มือถือของหล่อนเล็ดลอดหลุดออกจากกระเป๋าอย่างเงียบๆ
เดิมทีหลินฉ่ายเวยต้องการจะเตือนโจวเหม่ยหยูนว่าทำโทรศัพท์ตก แต่ด้วยความไม่ได้ตั้งใจ เธอหยิบโทรศัพท์ของโจวเหม่ยหยูนขึ้นมา สีหน้าค่อยๆดูจริงจังขึ้นเรื่อยๆ
กฎของเมอร์ฟี
ยิ่งคนกังวลมาเท่าไหร่ มันก็จะปรากฏออกมามากขึ้นเท่านั้น
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อหลินฉ่ายเวยจ้องมองที่โทรศัพท์เครื่องนี้ มันกลับทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น
เธอค่อยๆหยิบโทรศัพท์ออกมา และกำลังจะสัมผัสมัน…
ครืด ครืด ครืด!
โทรศัพท์สั่นในทันที
หลินฉ่ายเวยตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อมองไปที่เบอร์ของผู้โทร มันเป็นเบอร์จากชุดรหัสพื้นที่ที่ไม่คุ้นเอาซะเลย
หลังจากลังเลอยู่นาน เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดปุ่มรับสาย
ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร เสียงที่ดูแข็งทื่อของชายคนหนึ่งดังมาจากอีกด้านหนึ่ง
“สถานการณ์ของหลินเจิ้นสงเป็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ หน้าของหลินฉ่ายเวยก็ซีดทันทีด้วยความตกใจ พร้อมกับกด‘ตื้ด’วางสายอย่างรวดเร็ว
ราวกับเธอกำลังถือมันฝรั่งร้อนอยู่ในมือ เธอโยนโทรศัพท์มือถือของโจวเหม่ยหยูนทิ้งไป จากนั้นนั่งตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น
เธอตัวสั่นอย่างรุนแรง รีบออกห่างจากโทรศัพท์ราวกับเห็นผี
ไม่ใช่อื่นใด แต่เป็นเพราะเสียงนี้ เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยมากต่างหาก
เมื่อไม่นานมานี้ เธอก็ได้รับสายจากชายเปลี่ยนเสียงคนนี้เช่นกัน พร้อมกับคุกคามด้วยการบอกว่าเขาสามารถทำให้ถังเฉาและหลินชิงเสว่หย่าร้างกันได้ และจะทำให้เธอได้ตำแหน่งนั้นไปแทน…
เธอได้ปฏิบัติตามข้อตกลง และทำเรื่องเล็กน้อยให้
ทำไมมือถือของแม่ ถึงมีเบอร์โทรจากชายคนนี้ด้วย?
“หรือว่า…”
ทันใดนั้น มีสายฟ้าผ่าแวบเข้ามาในจิตใจของหลินฉ่ายเวย มีความจริงหนึ่งที่มันยากที่จะเชื่อล่องลอยอยู่ในความคิดของเธอ
“คือแม่งั้นเหรอ?”
ในขณะนี้ มือและเท้าของหลินฉ่ายเวยนั้นเย็นเฉียบ ทั้งตัวของเธอนั้นเหมือนกับแหนที่ลอยไปกับน้ำ ไม่มีความรู้สึกปลอดภัยใดๆ
เธอมีภาพลวงตาจางๆว่าครอบครัวของเธอเกี่ยวข้องกับเรื่องเดือดร้อน
ในเวลานี้ โจวเหม่ยหยูนกลับมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้านั้นดูไม่ค่อยดี
เห็นได้ชัดว่าหล่อนรู้ว่าทำโทรศัพท์ตกไว้ จึงรีบกลับมาเอาโทรศัพท์ไป
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่หล่อนผลักประตูออกมา หล่อนก็ได้เห็นหลินฉ่ายเวยที่ดูสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นั่งสั่นเทาอยู่บนพื้น
“เป็นอะไรลูก?”
โจวเหม่ยหยูนกล่าวอย่างสงสัย
“ไม่ ไม่มีอะไรค่ะ!”
หลินฉ่ายเวยลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วและรีบย้ายร่างของเธอไปนั่งข้างหลินเจิ้นสงอีกครั้ง
ด้วยสายตาที่ว่างเปล่าและหน้าตาที่หมองหม่น
โจวเหม่ยหยูนเห็นโทรศัพท์ของหล่อนอยู่บนโซฟา เตรียมจะเข้าไปหยิบ
จู่ๆมือก็หยุดลง ค่อยๆหันร่างกลับมา เห็นหลินฉ่ายเวยค่อยๆหรี่ตาลง
“ฉ่ายเวย เมื่อกี้แกดูโทรศัพท์แม่เหรอ?”
หลินฉ่ายเวยตัวสั่น รีบส่ายหัวในทันที
“เปล่านะ!”
“อ่อ”
โจวเหม่ยหยูนเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าเสื้อและไม่ได้พูดอะไรต่อ
หัวใจของหลินฉ่ายเวยค่อยๆสงบลง แต่สีหน้าของเธอยังคงแสดงอาการหวาดผวาอยู่
เงาดำค่อยๆคืบคลานเข้ามาใกล้ตัวเธอ
ในมือ ถือเข็มขัดอยู่ เตรียมพร้อมที่จะสวมมันลงไปที่คอของหลินฉ่ายเวย…