เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 440
“ลูกชาย แกเป็นอะไรไป?”
สังเกตเห็นว่าสีหน้าของซือเหวินปินไม่ปกติ ซือฉี่เหิงก็เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“พ่อครับ ผมไม่เป็นไร…”
มุมปากของซือเหวินปินฝืนยิ้มออกมา พูดด้วยสีหน้าพะอืดพะอม
นาทีนี้เขารู้สึกเพียงเสื้อผ้าได้เปียกเหงื่อเย็นชุ่มไปหมดแล้ว
อยู่โตมาขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอเรื่องที่ประจวบเหมาะเจาะขนาดนี้
“โชคดีที่เป็นอาคารกั๋วจี้ ไม่แน่ใจว่าจะแสดงตรงส่วนไหนของอาคาร”
ซือเหวินปิดปลอบตัวเองอยู่ในใจ ขึ้นลิฟต์ไปกับซือฉี่เหิงอย่างเสแสร้งทำเป็นไม่สะทกสะท้าน
ทว่า พอลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นไปทีละชั้น ๆ เขาก็สงบใจไว้ไม่ได้แล้ว
เพราะว่าขึ้นมาห้าสิบชั้นแล้ว ลี่จิงกรุ๊ปอยู่ระหว่างชั้นที่หกสิบแปดถึงชั้นแปดสิบแปด
คงไม่เป็นลี่จิงกรุ๊ปจริง ๆ หรอกมั้ง?
ซือเหวินปินรู้สึกว่าตัวเองแทบจะไม่มีปัญญาจะหายใจแล้ว
ติ๊งต่อง!
ในตอนนี้ลิฟต์หยุดลงแล้วที่ชั้นหกสิบแปด
ซือฉี่เหิงเดินก้าวยาวออกไป
ซือเหวินปินสีหน้าไร้จิตวิญญาณ ตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
เป็นลี่จิงกรุ๊ปจริง ๆ
“ตอนนี้งานแสดงดนตรียังไม่เริ่ม คุณคนบ้าดนตรีก็ยังไม่มา ฉันไปทักทายกับพวกเพื่อนเก่าก่อน”
ซือฉี่เหิงยิ้มน้อย ๆ หันหลังเดินไปทางเพื่อนเก่าที่ทำงาน
ส่วนซือเหวินปินก็มึนงงอย่างถึงที่สุด เหงื่อเย็นไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่
คนบ้าดนตรีจัดงานแสดงดนตรีที่ลี่จิงกรุ๊ป?
นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?
ถึงแม้จะบอกว่าลี่จิงกรุ๊ปจะมีโรงยิมจัดไว้ให้พนักงานใช้ แต่ว่าคนบ้าดนตรีที่สง่าผ่าเผยทำไมถึงเลือกที่จะแสดงในกิจการแห่งหนึ่งเช่นนี้ได้?
โดยเฉพาะลี่จิงกรุ๊ปที่เขาเพิ่งจะไปเอามา ยังไม่ได้รับช่วงต่ออย่างเสร็จสมบูรณ์ เขายังไม่รู้รหัสผ่านของสิ่งอำนวยความสะดวกทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ!
ในตอนนี้ คนที่มามากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งทุกคนก็ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งหมดล้วนรอคอยอยู่ในห้องโถงใหญ่ของลี่จิงกรุ๊ป
นอกจากหลัวปู้ ผู้อำนวยการสมาคมการค้าหงยิงกับเจิงเทียนเสียงและหูอีซานที่เขามองเห็นมาก่อนหน้านี้แล้ว นอกนั้นเขาก็ยังมองเห็นต่งวี่ซู่ เย่เทียนหลง จ้าวเย็นหราน และยังมีซ่งหมิงเวยจากตระกูลซ่งอีก ผู้มีอิทธิพลแทบจะทั้งหมดของเมืองหมิงจูก็ล้วนมากันทั้งนั้น
ยังมีเซี่ยสิงจู่ผู้นำตระกูลเซี่ยจากเมืองเจียงเฉิง ลู่เจียงไห่ผู้นำตระกูลลู่ พาลู่โป๋หานหลานชายของเขามาด้วย รวมถึงหานเทียนเจิ้งแขกผู้มีเกียรติของสมาคมการค้าหงยิง
แค่คิดว่าคนมากมายกำลังจะถูกขังอยู่ด้านนอกประตู เขาก็อดไม่ได้ที่จะขนหัวลุก กลัวจนหัวแทบระเบิด หัวใจเต้นตึกตัก ๆ
ในตอนที่กำลังจะโทรศัพท์หาหลินชิงเสว่นั่นเอง ด้านหลังก็มีเสียงดังกังวานส่งมา
“คนบ้าดนตรีมาถึงแล้ว!”
แซ่ด!
ทันใดนั้นทั่วทั้งงานก็ส่งเสียงดังเกรียวกราว
สายตาของทุกคนล้วนรวมกันอยู่ในที่ที่ไม่ไกล
ภายใต้กลุ่มคนมากมาย หญิงสาวคลาสสิกอรชรอ้อนแอ้นสวมผ้าขาวปิดบังใบหน้าคนหนึ่งเดินมา
ทั้งสถานที่คึกคักขึ้นมาทันที
“เป็นคุณคนบ้าดนตรี!”
“อยู่มานานขนาดนี้ ในที่สุดก็ได้เจอคุณคนบ้าดนตรีตัวเป็น ๆ แล้ว!”
“ฉันเป็นแฟนคลับของเธอ เพียงแต่ว่าทำไมเธอถึงเลือกที่จะมาจัดงานแสดงดนตรีที่นี่นะ?”
“ลี่จิงกรุ๊ป ฉันจำชื่อนี้ได้แล้ว ต่อไปถ้ามีความร่วมมือที่เหมาะสม จะต้องให้สิทธิพิจารณาพวกเธอเป็นพิเศษ”
“…”
คนใหญ่คนโตที่อยู่ที่นั่นใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หัวข้อที่วิพากษ์วิจารณ์กันล้วนเป็นความสัมพันธ์ของลี่จิงกรุ๊ปกับคนบ้าดนตรี
สีหน้าของซือเหวินปินไม่น่ามองขึ้นเรื่อย ๆ เขารู้ว่าได้เกิดเรื่องขึ้นแล้ว
ผู้ที่ร่วมเดินทางกำลังจะเปิดประตูแทนคนบ้าดนตรี แต่ไม่ว่าจะเปิดอย่างไรก็เปิดไม่ออก บนใบหน้าจึงเปี่ยมไปด้วยความโมโห
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น คนของลี่จิงกรุ๊ปล่ะ คุณคนบ้าดนตรีก็มาแล้ว ทำไมไม่มีแม้แต่คนมาต้อนรับ?”
ด้วยความรวดเร็ว คนใหญ่คนโตมากมายที่รออยู่ด้านนอกก็เปลี่ยนเป็นร้อนรนโมโห
สุ่มพวกเขาออกมาหนึ่งคนก็ล้วนแต่ไม่ใช่คนที่ลี่จิงกรุ๊ปสามารถยุแหย่ด้วยได้ ตอนนี้มารวมกันเต็มห้องโถง ลี่จิงกรุ๊ปกลับไม่เปิดประตูให้ มีเหตุผลเสียที่ไหนกัน
ซือฉี่เหิงเองก็มีสีหน้าเย็นชา “ลี่จิงกรุ๊ปนี่กล้ามากนะ ไม่เชิญพวกเราเข้าไปก็ช่างเถอะ นึกไม่ถึงว่าจะปฏิเสธให้พวกเราอยู่ข้างนอก!”
พอซือเหวินปินได้ฟังก็กลับหน้าซีดเผือด ไม่กล้าจะหายใจออกมาแรง ๆ
“คุณคนบ้าดนตรี ท่านรอก่อนเถอะ ฉันจะไปถามให้ชัดเจน ไม่ยกโทษให้ง่าย ๆ แน่!”
คนใหญ่คนโตมากมายมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า ยืนอยู่ข้างกายของคนบ้าดนตรี
ฉินเจียนเวยยืนอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ไม่มีความไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นบนใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเดือดดาล “รีบโทรศัพท์หาประธานของลี่จิงเร็วเข้า ถามพวกเขาสิว่าทำไมถึงไม่เปิดประตูให้พวกเรา!”
ในไม่ช้า โทรศัพท์ติดแล้ว
คนที่โทรศัพท์ตะคอกเสียงดัง “หลินชิงเสว่ ลี่จิงกรุ๊ปของพวกคุณหมายความว่าอย่างไรกันแน่? คุณคนบ้าดนตรีก็มาแล้ว แม้แต่ประตูก็ไม่เปิด!”
ในโทรศัพท์กลับส่งเสียงหัวเราะอันเย็นชาของผู้ชายคนหนึ่งออกมา
“ไม่ได้เปิดประตูก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะว่าลี่จิงกรุ๊ปไม่ได้เป็นของภรรยาของผมแล้ว”
ทุกคนฟังออกหมดแล้วว่านั่นเป็นเสียงของถังเฉา
พวกหลัวปู้ หูอีซาน เจิงเทียนเสียง คนที่สวามิภักดิ์ต่อถังเฉามองหน้ากันแวบหนึ่ง เหมือนกับลงความเห็นอะไรร่วมกันได้ ทันใดนั้นก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเยียบเย็น
“การปฏิบัติตัวของคุณหลินพวกเรารู้ชัดเจนดี จะต้องไม่เกิดเรื่องประเภทนี้แน่ น่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น” หลัวปู้เอ่ยขึ้น
“ใช่ จะต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด!”
พอหลัวปู้พูดขึ้น คนใหญ่คนโตมากมายที่ประจบเขาก็ทยอยกันพูดขึ้น
ซือฉี่เหิงเองก็เดือดดาลเต็มใบหน้า “ที่จริงแล้วมันเป็นใครกันแน่ กล้าไม่เปิดประตูให้คุณคนบ้าดนตรี!”
ซือเหวินปินตกใจกลัวจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง “พ่อครับ พวกเรารีบกลับกันเถอะครับ!”
“กลับอะไร?”
ซือฉี่เหิงโมโหมาก กำลังจะตำหนิเสียงดัง ทันใดนั้นก็พบว่าซือเหวินปินหวาดกลัวจนหน้าถอดสี
อดที่จะถามด้วยความประหลาดใจไม่ได้ว่า “เหวินปิน แกเป็นอะไร?”
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ลี่จิงกรุ๊ปจะไม่เป็นของคุณหลินได้อย่างไร?”
คนอื่น ๆ ทยอยกันคิดว่าเรื่องนี้มีลับลมคมใน
ถังเฉาหัวเราะอย่างเย็นชา “ตอนนี้ลี่จิงกรุ๊ปเป็นของซือเหวินปินแล้ว ทำไมถึงไม่เปิดประตู พวกคุณควรจะไปหาเขาถึงจะถูก!”
ถังเฉาวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว ซือเหวินปินตกเป็นเป้าโจมตีของทุกคนทันที
ซือฉี่เหิงเองก็เบิกตากว้างอ้าปากค้าง มองไปยังซือเหวินปินทันที ตำหนิด้วยความเดือดดาลว่า “นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
แป๊บเดียวก็ถูกคนใหญ่คนโตมากมายขนาดนั้นจ้องเขม็ง ซือเหวินปินกลัวจนแทบจะร้องไห้ออกมา “ผม… ผมเองก็ไม่รู้!”
หลัวปู้มาอยู่ตรงหน้าของซือเหวินปิน เอ่ยอย่างเยียบเย็นว่า “ผมไม่สนว่าเกิดเรื่องอะไรระหว่างคุณกับคุณหลิน ตอนนี้คุณคนบ้าดนตรีกำลังรออยู่ รีบเปิดประตูให้ผม!”
หน้าผากของซือเหวินปินมีเหงื่อเย็น ๆ ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง “ผม… ผมไม่รู้รหัสผ่าน”
“ไม่รู้รหัสผ่าน?”
หลัวปู้ยิ้มเยือกเย็น “ผมจะให้เวลาคุณอีกสองนาที ถ้าหากยังไม่เปิดประตูอีก คืนนี้ครอบครัวของคุณก็รอบ้านแตกสาแหรกขาดได้เลย!”
เจิงเทียนเสียงเองก็ร้องหึหนัก ๆ “กล้ามาขอส่วนแบ่งในผลประโยชน์ที่ไม่ควรจะได้จากกรุ๊ปของคุณหลิน ฉันว่าแกเบื่อโลกแล้วสินะ!”
หูอีซานโทรศัพท์ออกไปหนึ่งสายทันที “ปลดพวกเขาออกเสีย เขาเสียมารยาทต่อคุณคนบ้าดนตรี”
ตุ้บ!
สีหน้าของซีเหวินปินไร้จิตวิญญาณ คุกเข่าอยู่บนพื้นเสียงดังตุ้บ
“ผมเปล่านะ ผมถูกใส่ความ!”
เพี๊ยะ!
พริบตาต่อมา ใบหน้าของซือเหวินปินก็ถูกตบเข้าอย่างโหดร้ายหนึ่งที
ซือฉี่เหิงจ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อด้วยดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้าง “ไอ้เด็กเวร ตกลงแกทำอะไรเอาไว้กันแน่? ทำไมลี่จิงกรุ๊ปถึงอยู่ในมือของแกได้?”
สีหน้าของซือเหวินปินขาวซีด ทั้งร่างกำลังสั่นสะท้าน
“ผม… ผมไปเอาลี่จิงกรุ๊ปมาตามความหมายของท่าน…”
ภายใต้ความกระวนกระวายใจ แม้แต่ว่าใครคือผู้บงการเขาก็พูดออกมา
สีหน้าของซือฉี่เหิงเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ตบลงไปบนใบหน้าของซือเหวินปินอีกหนึ่งที “ยังจะโยนความรับผิดชอบมาให้ฉันอีก? ยังไม่รีบโทรไปหาคุณหลินอีก เอาบริษัทคืนให้เธอ!”
ซือเหวินปินรีบร้อนลนลานโทรศัพท์ออกไป แต่ทว่ากลับมีเสียงสายโทรศัพท์ไม่ว่างส่งมา
“ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”