เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 45
บทที่ 45 ตัดขาดความสัมพันธ์!
จากที่ถังเฉาพูดคำนี้จบไป บรรยากาศห้องรับแขกตระกูลหลินก็เปลี่ยนเงียบลง ทุกคนต่างอึ้งไปสักพัก ในช่วงเวลานั้นทุกคนต่างมองกันไปมาไม่รู้จะพูดอะไรดี
หลังที่เงียบไปสามวินาที จู่ๆก็มีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังขึ้น
“ช่างกล้าพูดจริง นายใช้อะไรเพื่อที่จะจัดการกับสามเรื่องนี้ให้เรียบร้อย?”
“อย่าว่าแต่ที่จะระงับความโกรธของจ้าวลิ่วและตระกูลหวางเลย แค่จะทำให้บริษัทลี่จิงกรุ๊ปร่วมงานกับเราต่อไป นายก็ยังทำไม่ได้เลย!”
ในสายตาของพวกเขา ถังเฉากำลังพูดโอ้อวดอยู่ ณ ตอนนี้สามเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนมากของตระกูลหลิน ถึงแม้จะใช้พลังทั้งครอบครัวที่มีอยู่ ก็ไม่สามารถทำได้ เขาจะพึ่งอะไรมาจัดการล่ะ?
ยิ่งไปกว่านั้น มีเวลาแค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องสนใจหรอก ผมมีวิธีของผมเอง”
เผชิญกับเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของทุกคน ถังเฉาได้แค่ยิ้มเบาๆ “ผมไม่เพียงแต่ที่จะให้บริษัทลี่จิงร่วมงานกับเราต่อไป ยังสามารถทำให้จ้าวลิ่วและตระกูลหวางมาขอโทษถึงที่บ้าน。。”
“บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้วจริงๆ!”
หลินจ้องจ้องตาด้วยความโกรธ มองไปที่ถังเฉา แล้วก็ย้อนมองไปที่หลินเจิ้นสง:“ตอนนี้เวลานี้แล้ว ยังจะพูดโอ้อวดอีก ไอ้คนไร้ประโยชน์อย่างนี้ คุณจะปกป้องไปถึงตอนไหน?”
“พ่อครับ!”
หลินฉ่ายเวยก็ลุกขึ้น แล้วพูดว่า:“ฉันสามารถพูดอย่างรับผิดชอบได้ว่า ทั้งสามเรื่องนี้ เขาทำไม่ได้ซะอย่าง ถ้าเขายังคงอยู่ต่อที่บ้านตระกูลหลิน ก็จะทำให้เราเดือดร้อนเท่านั้น!”
“หากฉันทำได้ขึ้นมาล่ะ คุณจะทำยังไง?”
ถังเฉาก็ไม่ได้โกรธ ก็ยังคงใจเย็นมองไปที่หลินฉ่ายเวย กล่าวถาม
หลินฉ่ายเวยจ้องไปที่ถังเฉาอย่างกับจ้องคนโง่คนหนึ่ง มีความเป็นไปได้ร้อยละเก้าสิบที่บริษัทลี่จิงจะตัดความร่วมมือกับตระกูลหลิน ไม่ใช่เพราะพึ่งปากไปพูดก็จะกลับมาได้หรอก
ส่วนทางด้านตระกูลหวางและจ้าวลิ่ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
บริษัทการบันเทิงฮุยหวงก็ถูกทุบไปแล้ว นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ให้ความสำคัญต่อหน้าตาของครอบครัว ตระกูลหวางไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆแน่ หลิ่วเซียนแม้จะเป็นเพียงคนรักของจ้าวลิ่ว แต่ว่าจ้าวลิ่วเป็นคนที่ชอบปกป้องครอบครัวตัวเองไม่ยอมถูกใครกล่าวหา ใครจะไปรู้ว่าเขาจะทำอะไรออกมา
“หากนายสามารถจัดการสามเรื่องนี้ให้เสร็จเรียบร้อย ฉันหลินฉ่ายเวย ไม่เพียงแต่จะยกน้ำชา ยกน้ำให้นาย กล่าวคำขอโทษ ยังจะเป็นทาสรับใช้ ดูแลนายหนึ่งวันอย่างไม่มีเงื่อนไข!”
“ได้ ตกลงตามนี้”
ดวงตาที่เฉียบคมของถังเฉาเหลือบไปมองทุกคน: “นอกจากนี้ ผมยังจะอธิบายอีกเรื่องหนึ่งให้ชัดเจน ในเมื่อทุกคนอย่าให้ผมไป งั้นผมก็จะให้ทุกคนสมหวัง!”
“แต่ ไม่ใช่พวกคุณที่ไล่ผมออก แต่เป็นผมเอง ถังเฉา เป็นคนที่ขอตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลหลินทุกท่านนอกจากคุณพ่อ!”
ในห้องรับแขกขนาดใหญ่ของตระกูลหลิน ก็ได้สะท้อนเสียงคำพูดที่มีพลังของถังเฉา
“นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมเดินตามทางแสงสว่างของผม พวกคุณก็อยู่ในที่แคบๆพวกคุณไป พวกเรา ไม่มีความสัมพันธ์กันแม้แต่น้อย!”
“คนที่มีความสัมพันธ์กับผม มีแค่หลินเจิ้นสงคนเดียวเท่านั้น”
คำพูดที่ทรงพลังที่มาพร้อมกับความเศร้า ถังเฉาหมุนตัวแล้วก็จากไป
บูม—-
ตอนที่จากไปนั้น ฟ้าร้องดังกึกก้อง สายฟ้าหนึ่งฟาดมาบนท้องฟ้า ส่องพื้นผิวจนขาวดั่งหิมะ
เงาของถังเฉา ทันใดนั้นถูกลากยาวขึ้น
ซ่า—-
เริ่มมีพายุฝนแล้ว!
แต่ ก็ไม่ได้ทำให้เสื้อของถังเฉาเปียก
เพราะว่า ก่อนเม็ดฝนจะตกลงมานั้น ร่มสีดำคันหนึ่ง ก็บังเอิญจอดไว้บนหัวของถังเฉา
เฟิ่งหวงกางร่มให้ถังเฉา ส่งเขาออกไป
ก่อนจากไป เธอได้มองย้อนกลับ สายตาที่เย็นวาบเหลือบมองทุกคนในตระกูลหลิน ดวงตาสีแดงดั่งเหมือนถูกเติมเลือดสดๆลงไป ทำให้หลินฉ่ายเวยและคนอื่นๆกลัวจนตัวสั่น
“ขอโทษค่ะ รองหัวหน้า ต้องโทษที่ฉันลงมือหนักไปหน่อย จนทำคุณเดือดร้อน”
พอขึ้นบนรถ เฟิ่งหวงก็กล่าวขอโทษด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด
“ไม่ต้องขอโทษ สิ่งที่คุณทำไม่ผิด”
ถังเฉายิ้มเล็กน้อย:“จะว่าไป ที่พวกเราทำแบบนี้ ตระกูลหวาง และตระกูลจ้าวก็ไม่กล้าทำอะไรเราหรอกว่าไหม?”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา เฟิ่งหวงก็โล่งใจไปที
ด้วยอำนาจของรองหัวหน้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหวางหรือตระกูลจ้าวเลย แม้จะเป็นคนรวยสุดทั้งสี่แห่งเมืองหมิงจู ก็แค่กระดิกนิ้วมือก็สามารถพังทลายได้
ตีก็ตีไปแล้ว ใครยังกล้าสักคำไหม?
ความสูงที่หนาวเหน็บ ทำไมคนในตระกูลหลินถึงได้กลัวเช่นนี้?
เป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงความสูงของรองหัวหน้าได้
“คุณรู้ว่าจะต้องทำยังไง ไปสั่งสอนตระกูลหวางและจ้าวลิ่วแบบพอเหมาะ ให้พวกเขาซื่อสัตย์หน่อย”ถังเฉากล่าวเบาๆ
“ค่ะ รองหัวหน้า”
เฟิ่งหวงเหยียบไปที่คันเร่ง รถก็ขับออกไปทันที
“รองหัวหน้า ตอนนี้จะไปที่ไหนคะ?”เฟิ่งหวงถามอย่างขับรถนิ่ง
ถังเฉาดูเวลาแล้ว ใบหน้าเกิดรอยยิ้มขึ้นมา: “ไปโรงเรียนอนุบาลไกเซอร์ รวดพาคุณไปเจอกับลูกสาวของฉันหน่อย”
สายตาเฟิ่งหวงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตอบอย่างเขินอาย: “ฉันก็ไม่ต้องแล้วมั้ง……”
“ไม่ได้ยังไง?”
ถังเฉาจ้องตาไปที: “คุณยังไม่เคยเจอลูกสาวฉันเลย ต้องเจอครั้งหนึ่ง”
“……”
จากนั้น เฟิ่งหวงก็เข้าสู่ความนิ่งเฉย
เธอรู้ ว่ารองหัวหน้าคิดกับเธอเป็นคนกันเอง แต่ว่า ตัวเองไม่เคยเข้าใกล้เด็กเลย ยิ่งกลัวว่ารูปลักษณ์ของตัวเอง จะทำให้เด็กตกใจกลัว
“ไม่ต้องกลัว เจ้าตัวน้อยต้องชอบคุณแน่” สีหน้าถังเฉาผ่อนคลายลง กล่าวปลอบอย่างสบาย
บริษัทลี่จิงกรุ๊ป ชั้นที่88
หลินชิงเสว่ยืนอยู่หน้าหน้าต่างที่ใกล้พื้นบานใหญ่โปร่งใส มองไปที่พายุฝนของเมืองหมิงจู
โลกทั้งใบปกคลุมไปด้วยชั้นสายฝนหมอก ทุกอย่างดูมืดมนเบลอเหมือนฝัน
จู่ๆ ติ๊ง มีเสียงเตือนของบัญชีธนาคารจากคอมพิวเตอร์บริษัท
หลินชิงเสว่ได้กลับไปยังที่นั่ง มองเนื้อหาที่แสดงขึ้นบนจอ สีหน้าค่อยๆเปลี่ยนไป
ในบัญชีของบริษัทมีเงินเกินมาหนึ่งร้อยล้าน
“เงินค้าง ฟางหย่าตามคืนได้แล้วเหรอ?”ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความมึนงง พูดอยู่คนเดียว
ส่งฟางหย่าไปทวงหนี้ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้จริงๆ เธอเองก็เตรียมพร้อมที่จะสู้รบกับบริษัทการบันเทิงฮุยหวงแล้ว ฟางหย่ากลับตามคืนกลับมาแล้ว?
สิบนาทีหลัง มีเสียงเคาะประตูห้องของท่านประธาน
“เชิญค่ะ”หลินชิงเสว่กล่าว
มือฟางหย่าถือร่มไว้ เดินเข้าห้องท่านประธาน
“กลับมาแล้วเหรอ”
หลินชิงเสว่ลุกขึ้นต้อนรับ มองไปที่ดวงตาฟางหย่าที่มีรอยยิ้ม: “ดูเหมือนว่า ฉันส่งเธอไปเป็นการตัดสินที่ถูกจริงๆ เธอไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังเลย”
ฟางหย่ากลับส่ายหัว ลังเลไปครู่หนึ่ง บอกความจริงจะดีกว่า:“ที่จริง ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
หลินชิงเสว่อึ้งไปสักพัก ถามว่า:“หมายความว่าอะไร?”
“ก่อนหน้าฉัน ก็มีคนล่วงหน้าฉันก้าวหนึ่งไปทวงหนี้กับหวางหมิ่นเหมินในนามบริษัทลี่จิงแล้ว”
ฟางหย่ากล่าวอย่างจริงจัง:“และก็ ยังไปทุบไนต์คลับชั้นใต้ดินที่สองของบริษัทการบันเทิงฮุยหวงอีก”
“อะไรนะ?”
ฟังข่าวนี้แล้ว หลินชิงเสว่อยู่ไม่สงบแล้ว
“ประธานหลิน คุณว่า ไอ้คนที่ทำความดีแล้วไม่ทิ้งชื่อไว้เป็นใครกัน ทำไมต้องช่วยเหลือพวกเราด้วย?” ฟางหย่าจ้องไปที่หลินชิงเสว่ กลับสังเกตว่าหลินชิงเสว่เข้าสู่โหมดนิ่งไปละ
ฟางหย่าจ้องสักพัก จู่ๆก็ถามขึ้น:“ประธานหลิน คุณรู้อะไรมาใช่ไหม?”
สีหน้าผิดปกติบนใบหน้าของหลินชิงเสว่ได้หายวับไป กลับสู่ปกติทันที:“ไม่ว่ายังไง เงินตามคืนได้แล้ว ความดีนี้ ต้องยกให้เธอ”
ฟางหย่าก็ไม่ได้คาดเดาความคิดของหลินชิงเสว่มากไป แค่เพิ่มความจับตามอง หาข้ออ้างมั่วๆ แล้วก็จากไป
ห้องท่านประธานที่มีขนาดใหญ่ก็เหลือเพียงแต่หลินชิงเสว่ผู้เดียว ใบหน้าที่สวยเต็มไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ
เธอนึกถึงคำสัญญาที่ถังเฉาให้ไว้กับเธอ พูดอยู่คนเดียว:“ถังเฉา ใช่คุณหรือเปล่า……”
แน่นอน เธอต้องนึกไม่ถึงแน่ หลังที่ฟางหย่ากลับไปห้องทำงานของตัวเองนั้น ก็ไม่กะจิตกะใจทำงานเลย สมองเต็มไปด้วยคนที่เดินกระทบไหล่กับเธอ ผู้ชายที่เห็นหน้าไม่ชัด
“ใช่เขาหรือเปล่า……”
ดูเหมือนท้องฟ้าจะแตกเป็นรูใหญ่ ฝนตกเหมือนไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
เมืองหมิงจู คฤหาสน์ส่วนตัว
นี่เป็นคฤหาสน์ส่วนตัวของผู้ระดับสูงในรูปแบบจีนโบราณหัวเซี่ย ลักษณะเหลี่ยมไม่คดงอ สี่ทิศขนานกัน
ภายในคฤหาสน์ส่วนตัวหรูหรามาก สวนหย่อมสีเขียวที่ตกแต่งได้ดีสวยงาม ข้างในปลูกเต็มไปด้วยดอกไม้แปลกนานาชนิดที่มาจากทั่วทั้งโลก ลำพังแค่ดอกไม้ต้นหญ้านี้ ค่าดูแลต่อเดือน เป็นราคาที่สูงมาก สวนข้างหน้าคือสระว่ายน้ำ ที่ตั้งของสี่ทิศทิศตะวันออกทิศใต้ทิศตะวันตกและทิศเหนือ ต่างมีรูปปั้นแกะสลักของสัตว์จีนโบราณทั้งสี่ของหัวเซี่ยตามลำดับคือมังกรเขียว เสือขาว นกยูงและงู น้ำใสๆถูกพ่นออกจากปากพวกมันอย่างต่อเนื่อง ตรงประตูใหญ่เป็นประตูวงแหวนทองแดง ส่วนสองข้างประตู คือรูปปั้นปี่เซียะขนาดใหญ่สองตัวนั่งนอนอยู่
แม้จะมีฝนตก แต่ยังคงมีกลิ่นหอมจางๆของอโรมาที่ลอยอบอวลอยู่ในอากาศนอกจากนี้ยังมีเสียงดนตรีคลาสสิกจีนอันไพเราะมาจากในบ้าน ลองฟังดูดีๆ กลับเป็นเพลงจีนที่ติดอันดับหนึ่งในสิบ—-《เพลงกว่างหลิงส่าน》
ข้างนอกมีฝนตกเทลงมาหนักมาก ข้างในบ้านกลับเป็นสวรรค์ที่ห่างหายไปนาน
ท่ามกลางบทเพลงที่มีชื่อเสียงไพเราะ หญิงงามในชุดกี่เพ้าสีม่วงอ่อนกำลังชงชาอยู่
ผมยาวสลวยไหลผ่านพาดหัวบ่า แสดงให้เห็นใบหน้าด้านข้างที่สวยไร้ตำหนิ สีม่วงขึ้นชื่อในสีที่งามสง่า ผู้หญิงที่สามารถเข้ากับสีนี้ได้ก็มีไม่มากนัก บวกกับชุดกี่เพ้าที่ต้องมีความเหมาะกับหุ่นอย่างสูง มันยิ่งยากเข้าไปใหญ่
แต่ว่า ชุดถูกใส่ในหุ่นหญิงสาวคนนี้ มันกลับสมบูรณ์แบบเหลือเกิน ดูเหมือนว่าชุดนี้ตัดมาเพื่อหุ่นเขาโดยเฉพาะเลย
วิธีกางชงชาของหญิงสาว ก็เป็นดั่งระดับสุดยอด ชมการชงชา กลิ่นหอมของชา มันเป็นความสุขอย่างหนึ่งจริงๆ
บูมบูมบูม—-
และในเวลานี้ ข้างได้มีเสียงดังรถยนต์ ซ่งหมิงเวยรีบเข้าคฤหาสน์ผ่านกลางสายฝน
หลังเข้าถึงบ้าน เขาก็เห็นพี่สาวที่กำลังลงมือศิลปะการชงชาในแวบเดียว ทันใดนั้นก็ได้เดินเบาๆลดเสียงดังจากฝีเท้า
จนซ่งหรูอี้ชงชาสำเร็จไปหนึ่งแก้ว ถึงกล้าออกเสียง:“พี่สาว ผมกลับมาแล้ว”
ตอนพูดนั้น ซ่งหมิงเวยไม่กล้าที่จะมองซ่งหรูอี้—-ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิด แต่ เป็นการดูถูกตัวเองที่ด้อยกว่าคนอื่น
ยังไม่นับใบหน้าที่สวยนั้น เพียงแค่ความสง่าที่ไม่มีใครเหมือนของเธอ ก็ทำให้คนเกรงกลัวไปหมด
“อืม”
ซ่งหรูอี้พยักหน้าอย่างเบาๆ จากนั้นก็ดันชาที่เพิ่งชงเสร็จเมื่อกี้ ดันไปอยู่ตรงหน้าของซ่งหมิงเวย:“นายมาได้ถูกจังหวะพอดี ลองชิมชาที่ฉันเพิ่งชงเสร็จหน่อย”
กลิ่นหอมชาลอยมา แต่ซ่งหมิงเวยกลับไม่กล้ารับ นึกถึงคำพูดที่ถังเฉาที่เคยพูดกับเขา จู่ๆเขาก็ปรือตาขึ้น ครั้งแรกที่กล้าหาญจ้องไปที่ดวงตาฉลาดนั้น
“พี่สาวครับ มีเรื่องหนึ่งที่ผมจะสารภาพกับพี่—-”
ซ่งหมิงเวยพยายามพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมไปทุบบริษัทการบันเทิงฮุยหวงมา”
พูดจบ เขาก็มองไปที่ซ่งหรูอี้อย่างกังวล เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับบทลงโทษ
ดวงตาของซ่งหรูอี้ จ้องเขาทันที จ้องไปนานสองนาทีเต็มๆ
สำหรับซ่งหมิงเวยแล้ว นี่เป็นสองนาทีที่ยาวนานเหลือเกิน ในสองนาทีนี้ เขาก็เห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยบนใบหน้าของซ่งหรูอี้
จากเริ่มแรกที่แสดงให้เห็นถึงตัวเอง จนหยุดคิดนาน สุดท้ายก็เห็นแสงสว่าง
เธอยิ้มออกเบาๆ:“ทำได้ดี”
ซ่งหมิงเวยโล่งอกไปที ถูกถังเฉาเดาไว้ไม่มีผิดเลย
กำลังที่จะจากไป เสียงของซ่งหรูอี้ก็ดังขึ้น
“ฉันบอกให้นายไปแล้วเหรอ?”
บูม—-
หลังของซ่งหมิงเวยชาขึ้นมาทันที แข็งไปทั้งตัวอยู่ในที่เกิดเหตุ
“ดื่มชาสิ” ซ่งหรูอี้กล่าวเบาๆ
ซ่งหมิงเวยผ่อนคลายลงอีกครั้ง รีบเข้าไปรับแก้วชา กึกกึกดื่มหมดในหายใจเดียว
ฝาดๆหน่อย ไม่ค่อยน่าดื่มเท่าไหร่—-เขาชอบดื่มเหล้ามากกว่า มันได้แรงดี
ในระหว่างที่ซ่งหมิงเวยดื่มชานั้น ซ่งหรูอี้พูดขึ้นอีกว่า:“หมิงเวย ได้ยินว่าตำแหน่งงานของนาย แค่แผนกหัวหน้างานของบริษัทหลงเถิงใช่ไหม?”
“ใช่ครับ”ซ่งหมิงเวยตอบไป ในใจแน่นขึ้นอีกครั้ง
เป็นถึงคนรวยหนึ่งในสี่ของเมืองหมิงจู ทุกคนในแผนผังตระกูลซ่งต้องมีหน้าที่การงานที่เหมาะสม ซ่งหมิงเวยก็คือหัวหน้าแผนกของบริษัทหลงเถิงกรุ๊ป ว่าเป็นหัวหน้า ความจริงแค่ในนาม
“ลาออกซะ พรุ่งนี้มาทำงานที่ตระกูลซ่ง มาเป็นผู้ช่วยของฉัน” ซ่งหรูอี้ได้สั่งเบาๆ
“ได้ครับ พี่สาว”
ซ่งหมิงเวยไม่กล้าปฏิเสธ ออกไปจากที่นี่อย่างหัวทื้อๆ
พอกลับไปถึงในห้อง สีหน้าเขาดูไม่ได้เลย
ทุกอย่างเป็นไปตามที่ถังเฉาบอก พี่สาวไม่ได้โทษตัวเองเลย
ไม่เพียงแต่ไม่ถามโทษ กลับได้รับรางวัลอีก
จากหัวหน้าแผนกของบริษัทหลงเถิงกรุ๊ป กลายเป็นผู้ช่วยท่านประธานของตระกูลซ่งกรุ๊ป ไม่ใช่รางวัลแล้วคืออะไร?
แต่ว่า รางวัลนี้ซ่งหมิงเวยไม่อยากได้หรอก……
เขาเป็นสายสืบของถังเฉาที่ส่งมา!
ดูเหมือนเป็นรางวัล ความจริงคือ……โทษจำคุก!
ในตระกูลซ่งกรุ๊ปนั้นมีแต่คนของซ่งหรูอี้ ทุกที่เต็มไปด้วยสายตาของซ่งหรูอี้ สายสืบอย่างเขา ยากที่จะขยับ
“ถังเฉา กล้ายุยงน้องชายของฉัน ดูเหมือนว่า คุณไม่เหมือนห้าปีที่แล้วล่ะ……”
อีกฝั่ง มุมปากของซ่งหรูอี้ได้มีรอยยิ้มที่เหมือนแมวล่อหนู พูดอยู่คนเดียว
ตรงหน้าของเธอ มีเอกสารกองหนึ่งวางอยู่
หน้าบนสุด ก็ต้องเป็นรูปถ่ายถังเฉาที่ติดไว้ ส่วนด้านล่างเป็นข้อมูลส่วนตัวเล็กน้อยของถังเฉา
ตั้งแต่ที่เขาเกิดมาจนถึงตอนนี้ ก็จดละเอียดไว้ในนั้น
นอกจากช่วงกลางห้าปีที่ว่างเปล่า