เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 452
เพี๊ยะ!
นาทีนี้เสียงตบที่ดังกังวานดังขึ้น คล้ายกับหัวใจที่แหลกสลายดวงนั้น
ตอนที่เห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน รูม่านตาของหลินชิงเสว่ก็หดลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายสั่นสะท้านอย่างรุนแรงทันที
“โฮ…”
“ถังเสี่ยวลี้ก็ร้องไห้ขึ้นมาอย่างหนัก กอดขาของหลินชิงเสว่ไว้แน่น เอ่ยขอร้องว่า “คุณแม่อย่าตบคุณพ่อนะคะ”
ด้านหน้าของหลินชิงเสว่ ลั่วเย่นหัวยังคงยืนอยู่ดีดี แต่ตรงกลางของพวกเธอมีถังเฉาเพิ่มเข้ามา
เขาไม่หลบไม่หลีก รับฝ่ามือแทนลั่วเย่นหัวอย่างแข็งกระด้างไปหนึ่งที บนใบหน้าของเขาปวดแสบปวดร้อน แต่นาทีถัดมาเขากลับกอดหลินชิงเสว่เบา ๆ
ทันใดนั้น หลินชิงเสว่ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป น้ำตาไหลพรากลงมา
“ทำไมคุณจะต้องแทรกเข้ามาด้วย ทำไมคุณต้องรับตบแทนเธอ? นี่มันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับคุณเลย…”
หลินชิงเสว่แอบอิงอยู่ในอ้อมอกของถังเฉา น้ำตาเปียกชื้นเสื้อของเขาในพริบตา
“เสี่ยวลี้ไม่ร้องนะคะ พ่อไม่เป็นอะไรค่ะ”
ถังเฉาตบหลังของถังเสี่ยวลี้เบา ๆ หยอกล้อตลอดจนเธอหยุดร้องไห้แล้ว ตอนนี้ถึงได้เค้นรอยยิ้มออกมา ส่ายศีรษะให้กับหลินชิงเสว่
“คุณจะลงมือไม่ได้นะครับ ต่อให้เธอผิดไปแล้วก็ลงมือไม่ได้ เพราะว่าเธอคือแม่ของคุณ”
หลินชิงเสว่กัดริมฝีปากแน่น ไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา แต่น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่
“จากเธอไปเป็นความผิดของเธอ ไม่มาเยี่ยมเธอยี่สิบปีก็เป็นความผิดของเธอ แต่ว่านี่ไม่ใช่ความตั้งใจของเธอ คุณโทษเธอได้ แต่จะปฏิเสธเธอไม่ได้นะครับ”
“และคุณก็จะอกตัญญูไม่ได้ ถ้าหากคุณมีความโกรธในใจ จะต้องหาที่ระบายให้ได้ละก็ ผมจะรับแทนเธอเอง”
ถังเฉามองหลินชิงเสว่ อารมณ์บนใบหน้าจริงจังตั้งใจ “ผมเองก็จากคุณไปห้าปี ทำให้พวกคุณแม่ลูกต้องแบกรับความเจ็บปวดรวดร้าวไปมากมาย”
หลินชิงเสว่ตกอยู่ในความเงียบอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะยังร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่อารมณ์ก็ไม่ได้พลุ่งพล่านเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว”
ในตอนนี้เอง ถังเฉาเองก็มองลั่วเย่นหัวแวบหนึ่ง
และก็ไม่ได้รู้ว่าคำพูดพวกนี้สะเทือนในจิตใจของเธอ เบ้าตาของลั่วเย่นหัวแดงก่ำ สายตาที่มองไปยังถังเฉากับหลินชิงเสว่เต็มไปด้วยการโทษตัวเองด้วยความละอายใจ
พระธรรมคัมภีร์สามารถละจากรักโลภโกรธหลง แต่กลับไม่มีหนทางที่จะทำให้คนคนหนึ่งปล่อยวางรากเหง้าแห่งความรักได้อย่างแท้จริง
ก็เหมือนอย่างที่ลั่วเย่นหัวพูดไว้ก่อนหน้านี้ ตัดเรื่องทางโลกไม่ได้ จนปัญญาจะปลงผม
“ชิงเสว่ ลูกมีสามีที่ดีนะ”
เป็นเวลานาน ลั่วเย่นหัวมองหลินชิงเสว่ด้วยสายตาที่ซับซ้อนพลางเอ่ยขึ้น
หลินชิงเสว่ไม่ขานรับ ปมในใจนี้ไม่ได้แก้ง่ายขนาดนั้น
อย่างไรก็ตามถังเฉากลับมองเห็นสิ่งอื่นจากในดวงตาของเธอ
นั่นคือความอิจฉา
หลินชิงเสว่ตอนนี้เหมือนกับเธอตอนยังสาวอย่างเต็มเปี่ยม
แต่เธอมีช่วงชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลวเป็นอย่างยิ่ง หลินชิงเสว่กลับมีคนคนหนึ่งที่รักเธอและคิดเพื่อเธอเช่นนี้
คนที่น่ารังเกียจจะต้องมีส่วนที่น่าสงสาร
เธอทอดทิ้งหลินชิงเสว่มามากกว่ายี่สิบปีเต็ม ๆ ไหนเลยจะไม่เป็นเธอที่เป็นคนที่ล้มเหลวด้านความรัก?
ในตอนนี้ท้องฟ้าก็มีฝนตกปรอยลงมา
ถังเฉาถือโอกาสเอ่ยขึ้นว่า “ฝนตกแล้ว พวกเราเข้าบ้านกันเถอะครับ”
พูดจบก็เชิญลั่วเย่นหัวเข้าไป ในเวลาเดียวกันก็ลอบดูปฏิกิริยาของหลินชิงเสว่
ใบหน้าของหลินชิงเสว่ไร้ความรู้สึก เดินขึ้นชั้นบนไปเพียงลำพัง
เห็นฉากนี้แล้วถังเฉาก็ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เอ่ยกับลั่วเย่นหัวว่า “คุณป้าครับ ท่านมากะทันหันไปหน่อย ไม่ได้ให้เวลาชิงเสว่ได้เตรียมใจ ดังนั้นเธอถึงได้อารมณ์พลุ่งพล่านขนาดนี้…”
สายตาที่ลั่วเย่นหัวมองไปยังถังเฉาอ่อนโยนขึ้นไม่น้อย “รบกวนคุณด้วยจริง ๆ คุณยังเจ็บหน้าอยู่ไหม?”
ถังเฉายิ้ม “เจ็บแค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”
หลังจากเข้าบ้านแล้ว ถังเฉาก็เข้าไปในห้องครัว
หลินชิงเสว่โมโหอยู่ที่ชั้นบนเพียงลำพัง หน้าที่สำคัญในการทำอาหารเย็นของคืนนี้ก็ตกอยู่ที่ถังเฉาแล้ว
ก่อนจะเข้าห้องครัว เขายังไม่ลืมที่จะฝากฝังถังเสี่ยวลี้ให้พูดคุยเป็นเพื่อนกับคุณยายให้ดีดี
ถังเสี่ยวลี้ก็ฉลาดเฉลียว ปีนขึ้นอยู่ข้าง ๆ ของลั่วเย่นหัว เอาอัลบั้มรูปเล่มหนึ่งมาให้ลั่วเย่นหัว
ด้านในเป็นรูปของถังเฉากับหลินชิงเสว่ทั้งหมด เป็นรูปถ่ายของหลินชิงเสว่เสียส่วนใหญ่ ของถังเฉาถ่ายหลังจากเขากลับมา
เจ้าหนูน้อยชี้ที่รูปถ่ายแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงกุ๊กกิ๊กน่ารักว่า “นี่คือคุณแม่ นี่คือคุณพ่อ…”
ลั่วเย่นหัวมองภาพถ่ายพวกนี้ด้วยความตั้งใจเป็นอย่างมาก มองไปมองมาดวงตาของเธอก็ชุ่มชื้น
มองเห็นฉากนี้แล้ว ถังเฉาก็ผ่อนลมหายใจเฮือกหนึ่งแล้วตั้งใจทำอาหาร
เทียบกับความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดของเขากับพ่อตาแล้ว หลินชิงเสว่กับแม่ของเธอคลี่คลายง่ายยิ่งกว่า
ตัวชิงเสว่เองให้ความสำคัญกับเรื่องของความรักมาก ดังนั้นเธอถึงได้เห็นว่าอารมณ์ของลั่วเย่นหัวตื่นเต้นขนาดนี้ เป็นเรื่องดีอย่างพอดิบพอดี
พอเวลาผ่านไปนาน ยิ่งรวมกับระหว่างนั้นถังเฉาได้เกลี้ยกล่อมให้เข้าใจกัน การคืนดีกันดังเดิมจึงไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
กลัวแต่ว่าหลินชิงเสว่จะไม่สนใจ นั่นคือต่อให้เป็นเทพเทวดาก็ยากจะขอแล้วจริง ๆ
“กับข้าวเสร็จแล้ว”
ถังเฉายกกับข้าวด้วยสองมือออกมา
เพื่อที่จะเอาอกเอาใจรสชาติที่ถูกปากคนที่ออกบวชอย่างลั่วเย่นหัว เขายจึงทำอาหารมังสวิรัติเสียเป็นส่วนใหญ่
“ชิงเสว่ ทานข้าวครับ”
ถังเฉาก็ตะโกนไปทางชั้นบน
แต่ทว่ากลับไม่ได้รับเสียงขานรับแม้แต่น้อย
“ฉันไม่หิวค่ะ พวกคุณทานกันไปเถอะค่ะ”
ลั่วเย่นหัวดูออกว่ามีเธออยู่ที่นี่ หลินชิงเสว่ไม่มีทางลงมาแน่ เธอก็เลยลุกขึ้น ยิ้มน้อย ๆ
ถังเฉาขัดขวางเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม “คุณป้าครับ ท่านรออยู่ที่นี่สักครู่ ผมจะไปเรียกชิงเสว่ลงมา”
ว่าแล้วก็เดินขึ้นไปชั้นบน
มองเงาร่างของถังเฉาเดินขึ้นชั้นบนไปอย่างงง ๆ ลั่วเย่นหัวก็ยิ้มน้อย ๆ ทันที พูดพึมพำกับตัวเอง
“หลินรั่วหวี เขาเก่งกว่านายนะ”
ถังเฉาเคาะประตูเบา ๆ พบว่าประตูไม่ได้ล็อกก็เดินเข้าไปอย่างเงียบ ๆ
หลินชิงเสว่กำลังนั่งร้องไห้น้ำตาไหลออกจากดวงตาทั้งสองข้างอยู่บนเตียง ถึงแม้จะไม่ได้ร้องไห้แล้ว แต่บนใบหน้ายังมีคราบน้ำตาอยู่
เห็นถังเฉาขึ้นมาเธอก็รีบเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าทิ้ง เอ่ยว่า “พวกคุณไปกินกันเถอะค่ะ ฉันไม่หิว”
ถังเฉานั่งลงข้างกายเธอ ยิ้มแล้วตบบนมือของเธอ “รู้ไหม… ที่จริงแล้วผมอิจฉาคุณมากเลยนะ”
“คุณมีพ่อแม่สองคู่ที่รักคุณ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเคยทำร้ายคุณด้วยเหตุผลของแต่ละคน แต่อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาก็คิดที่จะชดเชยในส่วนที่ขาด นี่ก็เพียงพอแล้ว ไม่เหมือนกับผมที่ไม่รู้แม้กระทั่งว่าพ่อแม่ที่จริงของตัวเองเป็นใคร”
สีหน้าของหลินชิงเสว่เปลี่ยนไปนิด ๆ ลอบมองถังเฉาแวบหนึ่ง
พอพบว่าเขายกเรื่องนี้ขึ้นมา บนใบหน้าล้วนมีรอยยิ้ม เพียงแต่ในดวงตามีความเสียดาย
เรื่องที่ไม่คาดฝัน เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า “คุณไม่เกลียดพวกเขาหรือคะ?”
“ทำไมจะต้องเกลียดล่ะครับ?”
ถังเฉาเอ่ยอย่างสบาย ๆ ว่า “พวกเขาให้ผมมาเกิดบนโลกนี้ นี่ก็เพียงพอจะให้ผมซาบซึ้งตลอดชาติแล้วล่ะครับ คุณสามารถยอมรับผมที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแล้วยังทำร้ายคุณได้ แล้วทำไมไม่ลองยอมรับคุณป้าล่ะครับ?”
“ฉัน…”
หลินชิงเสว่คิดจะพูดอะไรแต่กลับพูดไม่ออก
ถังเฉายิ้มแล้วเอ่ยต่อไปว่า “แม่ของคุณถือศีลกินเจมายี่สิบปีแล้ว แต่ยังคงปล่อยวางคุณไปไม่ได้ เสี่ยงลงเขามาหาคุณให้คุณเกลียด นี่ก็อธิบายทุกอย่างแล้ว ทำไมถึงไม่ให้โอกาสเธอได้ชดเชยให้คุณล่ะครับ?”
หลินชิงเสว่เงียบอยู่นาน ไม่ได้เห็นด้วย และก็ไม่ได้คัดค้าน เพียงแค่อดไม่ได้ที่ถามคำถามที่โง่ ๆ ออกมา
“ทำไมคุณถึงใส่ใจเรื่องนี้มากกว่าฉันอีกล่ะคะ?”
ถังเฉาคิด ชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว
“เหตุผลมีอยู่สามข้อ ข้อหนึ่ง คุณคือภรรยาของผม ผมหวังว่าคุณจะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข
“ข้อสอง ความรักคือการอดทน แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังคาดเดาไม่ได้ คุณยอมรับผมได้ และก็สามารถยอมรับคุณป้าได้”
“ข้อสาม…”
ถังเฉายิ้ม “เอาใจแม่ยาย เป็นเรื่องที่ลูกเขยทุกคนล้วนควรทำ ผมล่วงเกินพ่อตาไปแล้ว จะล่วงเกินแม่ยายอีกได้อย่างไร?”
คิก!
หลินชิงเสว่หยุดร้องไห้แล้วยิ้มออก กอดถังเฉาเบา ๆ อยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ลงไปชั้นล่าง
“ชิง…”
เห็นถังเฉาเชิญหลินชิงเสว่ลงมาได้จริง ๆ ลั่วเย่นหัวก็ตื่นเต้นจนลุกขึ้นยืนทันที อยากจะร้องเรียกชื่อของหลินชิงเสว่ แต่ก็หยุดไปเสียดื้อ ๆ
“ทานข้าว ๆ”
ถังเฉาเรียกให้ทุกคนทานอาหาร
ถึงแม้ว่าหลินชิงเสว่จะนั่งที่โต๊ะแล้ว แต่ก็ยังมีใบหน้าเย็นยะเยือก และที่ยิ่งกว่านั้นก็คือป้อนอาหารถังเสี่ยวลี้ ไม่ใส่ใจลั่วเย่นหัวเลยสักนิด
แต่ลั่วเย่นหัวก็ยังดีใจเป็นอย่างยิ่ง ตอนที่รับประทานอาหารดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ
มื้อเย็นจบลง ลั่วเย่นหัวตั้งใจจะกล่าวลา
ได้พบลูกสาวแล้ว ทั้งยังได้ทานอาหารร่วมกันหนึ่งมื้อ เธอพึงพอใจแล้ว
แต่หลินชิงเสว่กลับลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน ร้องเรียกต่อด้านหลังของลั่วเย่นหัวว่า “คุณคิดจะจากไปเงียบ ๆ แบบนี้หรือคะ?”