เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 453
การซักถามของหลินชิงเสว่ทำให้จังหวะการก้าวของลั่วเย่นหัวหยุดลง หันกลับมามองเธออย่างประหลาดใจ
บนใบหน้าของหลินชิงเสว่ยังคงมีความโกรธ แต่นอกจากความโกรธแล้วยังมีความรู้สึกอื่นเพิ่มขึ้นมาอีก
ถังเฉาอุ้มถังเสี่ยวลี้อยู่อีกด้านหนึ่ง มองออกว่านี่คือความอาลัยอาวรณ์
คำพูดนั้นของถังเฉาโน้มน้าวใจของเธอ ไม่มีความรักแล้วความเกลียดจะมาจากไหน?
รักกับเกลียดเดิมก็แลกเปลี่ยนกันได้ตั้งแต่แรก
ลั่วเย่นหัวเงียบไปพักหนึ่ง มุมปากยิ้มด้วยความขมฝาด “ฉันในตอนนี้ยังมีคุณสมบัติจะเป็นแม่เธอได้อยู่ไหม?”
“ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีฉันก็ไม่มีสมรรถภาพในการให้กำเนิดบุตร เธอเป็นเพียงสิ่งที่ใช้ปิดบังความอัปยศที่ฉันไปแย่งชิงมาก็เท่านั้น”
“ฉันไม่สนใจเรื่องพวกนี้!”
หลินชิงเสว่จ้องเธอเขม็ง “ในเมื่อคุณแย่งชิงฉันมาแล้ว ก็จะต้องพยายามรับผิดชอบหน้าที่แม่คนหนึ่งให้เต็มที่ เดินจากไปง่าย ๆ แบบนี้ คุณเป็นแม่ประสาอะไรกัน?”
ถังเฉาเองก็เดินหน้ามาหนึ่งก้าว ยิ้มให้กับลั่วเย่นหัวแล้วเอ่ยว่า “คุณป้าครับ ผมขอถามคำถามคุณเพียงข้อเดียว หนีไปอยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์มายี่สิบปี ท่านมีความเสียใจในภายหลังบ้างไหมครับ?”
เสียใจในภายหลังไหม?
ลั่วเย่นหัวเงียบ รอยยิ้มเจื่อน ๆ บนใบหน้ายิ่งชัดขึ้น
จะไม่เสียใจในภายหลังได้อย่างไร?
ยี่สิบปีมานี้ เธอแทบจะไม่เคยนอนหลับด้วยความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยแม้แต่ครั้งเดียว ตอนกลางวันยังสามารถอาศัยการเคาะปลาไม้สงบจิตใจได้ แต่พอถึงกลางคืน ความคิดถึงเป็นดั่งไฟที่แผดเผาเธอ
ถังเฉาจ้องมองเธอแล้วเอ่ยต่อไปว่า “ผมเปลี่ยนอีกคำถาม นับถือพุทธมายี่สิบปี ได้เข้าใจคำว่า ‘รัก’ อย่างทะลุปรุโปร่งไหมครับ? สามารถจะละจากเรื่องทางโลกได้จริงบ้างไหมครับ? คุณป้าไว้ผมยาว กล้าที่จะปลงผมออกทั้งหมดไหมครับ?”
สอบปากคำจิตใจติด ๆ กันสามคำถาม ถามจนลั่วเย่นหัวพูดไม่ออก สีหน้าไร้จิตวิญญาณ
ดวงตาทั้งคู่ของหลินชิงเสว่แดงก่ำ จ้องมองเธอนิ่ง ๆ
รอว่าเมื่อไหร่ที่ลั่วเย่นหัวจะสามารถจ้องมองดวงตาของเธอได้โดยไม่มีความละอายใจแม้แต่น้อย ความแค้นในใจของเธอก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ภายในความเงียบงัน สายตาของลั่วเย่นหัวทอดอยู่บนผมยาวราวกับน้ำตกของตัวเอง
ความกังวลนับไม่ถ้วนดุจดังเส้นผม เธอตัดใจทิ้งได้ไหม?
จะไม่เสียใจทีหลังใช่ไหม?
ตัดทิ้งไปแล้วก็แสดงว่าเธอก้าวเข้าไปยังพุทธศาสนาแล้ว ไม่รับรู้เรื่องทางโลก
ผมยาวทั้งศีรษะของเธอ ไม่ใช่เพียงแค่เส้นผมยาว แต่ยังเป็นความยึดติดของเธอ
“แม้แต่ลูกสาวของตัวเองคุณก็ยังไม่มีความกล้าที่จะเผชิญหน้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเยี่ยนจิงสถานที่ที่ทำให้คุณเสียใจ”
หลินชิงเสว่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น “ฉันขอถามคุณเพียงครั้งเดียว สึกไม่สึก?”
“ถ้าหากว่าครั้งนี้คุณไปแล้ว ต่อไปพวกเราก็ไม่ต้องมาเจอกันอีกแล้วจริง ๆ!”
ลั่วเย่นหัวนิ่งไป มองหลินชิงเสว่ด้วยสายตาไร้จิตวิญญาณ
บนใบหน้าของถังเฉามีรอยยิ้มฝืดเฝื่อน “คุณป้าครับ เมื่อห้าปีก่อนผมก็จากเธอไปเหมือนกันกับคุณ ความเจ็บปวดของคุณ ผมเข้าใจดี ดังนั้นผมจึงกลับมาแล้ว สละทุกสิ่งทุกอย่างมาอยู่ข้างกายเธอ รู้ทั้งรู้ว่าติดค้างเธอเอาไว้ ทำไมถึงไม่ชำระกันให้เสร็จสิ้นล่ะครับ ใช้บั้นปลายของชีวิตอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
“ผมที่เดิมเป็นคนนอกคนหนึ่งก็ยังเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงท่านที่เป็นแม่คนหนึ่ง”
ลั่วเย่นหัวมองอย่างเหม่อลอย ดวงตาแดงก่ำ
นาทีต่อมาในดวงตาของเธอก็มีน้ำตาเม็ดโตไหลออกมา
“ฉันสึก… ฉันสึก!”
เสียงของลั่วเย่นหัวมีความสะอึกสะอื้น ในที่สุดก็ส่งเสียงร้องไห้ออกมา
มองดูฉากนี้แล้ว ในที่สุดถังเฉาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
หลินชิงเสว่มองอยู่นานด้วยดวงตาแดงก่ำ หมุนตัวอย่างกะทันหัน กลับห้องไป
ลั่วเย่นหัวยังคงน้ำตาไหล แต่ทว่ามุมปากของเธอกลับยกขึ้นน้อย ๆ นั่นเป็นรอยยิ้มหนึ่งที่ออกมาจากใจ
ถังเฉาเดินมายิ้มให้กับลั่วเย่นหัว “ยินดีต้อนรับกลับมาครับ คุณป้า”
บนใบหน้าของลั่วเย่นหัวเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ เดินไปอยู่ตรงหน้าของถังเฉา กอดถังเฉาเบา ๆ อยู่พักหนึ่ง
“ถังเฉา ขอบใจนายนะ!”
ลั่วเย่นหัวอาศัยอยู่บ้านของหลินชิงเสว่สองวัน ในสองวันนี้ถึงแม้ว่าหลินชิงเสว่จะยังไม่สนใจไยดีต่อลั่วเย่นหัว แต่ว่าท่าทีก็ดีขึ้นมากแล้ว
นี่ก็ยังพอนับได้ว่าเป็นความก้าวหน้าอย่างหนึ่ง
พรุ่งนี้ลั่วเย่นหัวก็จะกลับเยี่ยนจิงแล้ว
คืนวันเดียวกันนี้ถังเสี่ยวลี้หลับสนิทไปแล้ว ถังเฉายิ้มให้กับหลินชิงเสว่ “คุณป้าจะกลับบ้านแล้ว คุณไม่ไปส่งหน่อยหรือครับ?”
“ส่งอะไรคะ คุณไปส่งก็พอแล้วไม่ใช่หรือคะ?”
หลินชิงเสว่พูดอย่างสบาย ๆ หนึ่งประโยค “สองวันมานี้ฉันว่าเธอชอบคุณมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะคะ”
“ที่ไหนกัน…”
เดิมทีประโยคนี้หลินชิงเสว่ฟ้องออกมาว่าไม่พอใจที่ถังเฉามีพฤติกรรมที่เอาอกเอาใจลั่วเย่นหัว แต่ถังเฉากลับฟังไม่ออก กลับยังจะลูบศีรษะอย่างเขิน ๆ
หลินชิงเสว่เคืองขึ้นมาทันที “ถ้างั้นต่อไปถ้าฉันทะเลาะกับเธอ คุณช่วยใครคะ?”
ถังเฉาอึ้ง นึกไม่ถึงว่าหลินชิงเสว่จะถามคำถามที่ไม่มีประโยชน์เลยสักนิดได้ อดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อน ๆ แล้วเอ่ยว่า “ผมช่วยฝ่ายเหตุผลครับ”
“ถังเฉา…”
หลินชิงเสว่มีใบหน้าเดือดดาล จ้องถังเฉาเขม็ง
ถังเฉาขอให้ยกโทษให้ติด ๆ กัน ครั้นแล้วก็พูดด้วยใบหน้าตั้งใจว่า “แต่ผมก็ยังคิดจริง ๆ ว่าแม่ยายทั้งคุยง่ายกว่าพ่อตาของผมนิดหนึ่งนะครับ”
หลินชิงเสว่ยิ้มเย็น “นั่นคือเธอที่คุณไม่เคยเจอมายี่สิบปีค่ะ”
พูดจบก็หันกลับไปนอน
เพื่อที่จะลงโทษถังเฉาที่ไม่คำนึงถึงตน เธอจึงขโมยผ้าห่มไปทั้งผืน
ถังเฉาเพิ่งจะนึกขึ้นได้ในทันที ลั่วเย่นหัวเมื่อยี่สิบปีก่อนนั้นถูกเรียกว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองเยี่ยนจิง ชื่อเสียงขจรขจายไม่มีที่สิ้นสุด
ตอนที่เธอยังสาวสามารถอ้างอิงได้จากหลินชิงเสว่ในปัจจุบัน นิสัยร้ายกาจยิ่งกว่า
ถังเฉายิ้ม เขาไม่เคยเห็นลั่วเย่นหัวตอนยังสาว แต่เขาโชคดีที่ได้พบหลินชิงเสว่
นี่ก็เพียงพอแล้ว
เช้าวันต่อมา เพิ่งจะฟ้าสาง
ลั่วเย่นหัวตั้งใจจะไปจากบ้านของหลินชิงเสว่โดยไม่รบกวนพวกเธอ
ทว่าเพิ่งจะเดินออกไป ด้านหลังก็มีเสียงของถังเฉาส่งมา
“คุณป้าครับ ผมไปส่งท่านนะครับ?”
ลั่วเย่นหัวตะลึง จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ทำไมถึงตื่นเช้าขนาดนี้ล่ะ?”
ถังเฉายิ้มแล้วเดินขึ้นมา “เมื่อก่อนตอนเป็นทหารตื่นเช้ากว่านี้เยอะครับ”
“ที่นี่ห่างจากสนามบินอยู่บ้าง ให้ผมขับรถไปส่งท่านนะครับ?”
ลั่วเย่นหัวยิ้มแล้วส่ายศีรษะ เอ่ยอย่างเงียบสงบ “อากาศดีขนาดนี้ ไม่เดินเล่นสักหน่อยก็น่าเสียดายนะ”
ถังเฉามึนน้อย ๆ จากนั้นก็ยิ้มแล้วพยักหน้า “ก็จริงครับ”
ทั้งสองคนเดินเรียงหน้ากระดานแบบนี้ เดินไปตามทางไปสนามบิน
ลั่วเย่นหัวสึกแล้ว เปลี่ยนเป็นชุดกี่เพ้าลายพื้นขาวลายครามทั้งตัว เสน่ห์ของทั้งร่างก็เปลี่ยนไปในทันที
สวยล้ำค่า สุภาพเยือกเย็น ตัวอย่างมารดาของโลก
ในเวลาเดียวกัน ยังโกนผมไปนิดหน่อย แสดงถึงการทิ้งปณิธานหนึ่งไป
จะทำเรื่องใหญ่ ต้องเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างหน้าก่อน
พวกเขามาถึงสนามบินหมิงจูด้วยความรวดเร็ว
“ถึงแค่นี้เถอะ”
ลั่วเย่นหัวยิ้มแล้วพูดกับถังเฉาว่า “ป้าเป็นคนที่ออกบวชคนหนึ่ง ไม่มีอะไรที่จะให้นายได้ เช่นนั้นขอมอบประคำเส้นนี้ให้นายก็แล้วกันนะ”
“ประคำเส้นนี้อยู่กับฉันมายี่สิบกว่าปีแล้ว หลังจากนี้พอนายกับหลินชิงเสว่กลับเยี่ยนจิง น่าจะช่วยเหลืออะไรบางอย่างได้”
ถังเฉาก็ไม่เกรงใจ ยิ้มแล้วรับเอาไว้ “เช่นนั้นก็ขอบพระคุณคุณป้านะครับ”
ลั่วเย่นหัวส่ายศีรษะยิ้ม ๆ “เด็กดี คนที่จะขอบคุณควรจะเป็นป้านะ”
“ต่อไปมาเยี่ยนจิงแล้วก็บอกป้าสักคำ เจอเรื่องอะไรก็มาบอกกับป้า ในเยี่ยนจิงยังไม่มีใครที่ป้าล่วงเกินไม่ได้”
ถังเฉามึนงงเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า “ครับ”
ลั่วเย่นหัวมองเขาอย่างล้ำลึกแวบหนึ่ง จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินไปทางสนามบิน
ถังเฉาเงยหน้ามองท้องฟ้า พระอาทิตย์ยามเช้าขึ้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าฝนไม่ได้ตก แต่ขอบฟ้ากลับมีสายรุ้งเจ็ดสีอยู่
คนมีชื่อเสียงมีวิสัยทัศน์กว้างไกล คำพูดนี้ไม่ปลอมแม้แต่น้อย
เขารู้ว่าลั่วเย่นหัวกลับเมืองหลวงครั้งนี้ จะต้องสร้างคลื่นยักษ์เทียมฟ้าในเยี่ยนจิงแน่
ยี่สิบปีก่อนเธอเป็นเจ้าของเมืองเก่าเยี่ยนจิง
ยี่สิบปีให้หลัง คนทั่วไปยังไม่เคยลืมเธอ เธอยังคงเป็นประมุขของตระกูลหลวงในเยี่ยนตู
ส่งแม่ยายเสร็จ ถังเฉาก็ตั้งใจจะกลับอาคารกั๋วจี้
ทันใดนั้นก็ได้รับข้อความหนึ่งข้อความ
เจียงไป๋เสว่เป็นคนส่งมา
เนื้อหาในข่าวสารเรียบง่ายมาก มีน้อยไม่กี่ตัวอักษร แต่กลับทำให้หัวใจของถังเฉาเต้น
“หลี่เห้ายังมีชีวิตอยู่”