เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 463
ทั้งห้องประชุมเงียบสงัด เงียบจนน่ากลัว
ทุกคนต่างเบิกตากว้างมองไปที่หูอีซานอย่างเหลือเชื่อ
ไม่มีใครคาดคิดว่า หูอีซานจะกล้าเผชิญหน้ากับหูจิ้งจู๋จริงๆ
คนหนึ่งเป็นคุณชายจากตระกูลหูที่ร่ำรวย เรียนจบจากเมืองนอกกลับมา มีภูมิหลังทางด้านการเงิน อีกทั้งเมื่อกลับมาก็ยังได้รับคำเชิญจากสมาคมการค้าเจียงผิงให้ไปเข้าร่วมอีกต่างหาก
ส่วนอีกคนเป็นลูกชายที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลหู ในอดีต รู้จักเรื่องของเขาในด้านของความอ่อนแอและไร้ซึ่งความสามารถ แม้แต่ภรรยาก็ไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ ตกเป็นเหยื่อของคนในตระกูลหู การที่ปีนป่ายไต่ระดับมาได้จนถึงทุกวันนี้ เมื่อนำมาเทียบกับตระกูลหู มันก็ยังเป็นแค่หยดน้ำในมหาสมุทรเท่านั้น
พวกเขาล่ะคิดไม่ออกเลยจริงๆว่าหูอีซานกล้าทำได้อย่างไร?
สมาคมการค้าเจียงผิงเองก็จะให้หูจิ้งจู๋ หูจิ้งซูและคนอื่นๆเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการในจวี้เฟิงกรุ๊ป ซึ่งจุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือการค่อยๆทำลายล้างหูอีซาน
ประธานกรรมการบริหารอย่างเขาก็เป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น ไม่มีใครฟังเขาเลย
เขาจะใช้อะไรมาสู้กับหูจิ้งจู๋?
ฟางหย่าและหลินฉ่ายเวยเองก็ยืนข้างกันเดียวกันในเวลานี้ ไม่แม้แต่เอ่ยปากถึงเรื่องการร่วมมือทำงานแต่อย่างใด
พวกหล่อนเข้าใจว่าพวกหล่อนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการต่อสู้ระหว่างคณะกรรมการแล้ว
ข้อพิพาทเช่นนี้ ที่ลี่จิงกรุ๊ปเองก็มี ฟางหย่าเคยประสบพบเจอมาก่อน
อดีตรองประธานาธิบดีทั้งสามคน เธอ ซุนเสว่ เฉิงเพ่ย และท้ายที่สุดมีเธอเพียงคนเดียวที่รอดมาได้ ดังนั้นเธอรู้ดีถึงความโหดร้ายของมัน
หูจิ้งจู๋นั้นดูตกตะลึงเล็กน้อย ความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันที
“ฉันโตมาป่านนี้ นายเป็นคนแรกที่กล้ามาพูดกับฉันขนาดนี้!”
ฟันของหูจิ้งจู๋กัดเป็นเสียงกรอดๆ เขากัดฟันเพื่อที่จะพูดประโยคนี้ออกมา
ทุกคนต่างรู้ดีว่าหูจิ้งจู๋นั้นกำลังโกรธ
ก็แค่คนไร้ค่าที่ถูกทอดทิ้ง กล้าดียังไงมาเผชิญหน้ากับเขา ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วล่ะสิ!
แม้ว่าอำนาจของหูอีซานจะไม่ได้ด้อยค่าไปกว่าหูจิ้งจู๋ แต่ภายในจิตใจของเขาก็ยังคงไม่แน่ใจ
ด้านหลังนั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อที่เย็นเฉียบ
ความมั่งคั่งไม่ได้เป็นสิ่งที่เขาอาศัยพึ่งพิงมากที่สุด ไม่ใช่แม้แต่ตำแหน่งของเขาด้วย แต่มันคือ–ถังเฉานั่นเอง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีในตอนนี้ล้วนมาจากถังเฉา แม้แต่ศักดิ์ศรีและชะตากรรมก็รวมอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เขากลับรู้เรื่องของถังเฉาน้อยมาก กล่าวได้ว่าแทบจะไม่รู้อะไรเลยเสียมากกว่า
เขารู้เพียงแค่ ประธานหลัวจากสมาคมการค้าหงยิงเรียกถังเฉาว่า‘นายใหญ่’
นอกเหนือจากนั้น ก็ไม่มีอะไรแล้ว!
สมาคมการค้าหงยิงติดอันดับหนึ่งในแปดหอการค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสมาคมการค้าเจียงผิงที่แข็งแกร่งกว่า คุณถังจะสามารถยืนหยัดต่อได้หรือไม่?
ถังเฉานั่งอยู่ที่มุมห้อง รูดโทรศัพท์ไปมาราวกับว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย
สิ่งนี้ทำให้หูอีซานรู้สึกประหม่าขึ้นอีกครั้ง
“พวกคุณไม่ได้แค่มาสาย แต่คุณยังดูถูกคู่ค้าที่น่านับถือที่สุดด้วย นี่เป็นกิริยาท่าทางที่ดีของประธานกรรมการบริษัทหรือไงกัน?”
เขาจ้องมองไปที่หูจิ้งจู๋ ลมหายใจเร็วเร็วขึ้น
“คนมีระดับชั้นที่แตกต่างกันมากมาย บริษัทเองก็เช่นเดียวกัน บริษัทชั้นล่างเผชิญหน้ากับบริษัทชั้นสูงอย่างไร นี่ก็เป็นสิ่งที่พวกหล่อนควรได้เรียนรู้”
ทันใดนั้นก็มีเสียงที่ดูเย็นชาดังออกมา
ทุกคนมุ่งความสนใจไปที่หูจิ้งซู ผู้ที่ไม่ได้พูดอะไรมาก่อนหน้านี้
นี่เป็นประโยคแรกที่เธอพูดหลังจากเข้ามา
เธอเหลือบมองไปที่ฟางหย่าและหลินฉ่ายเวย ดวงตาของเธอนิ่งสงบ
“ฉันไม่ได้กำลังพูดว่าบริษัทของคุณเป็นกลุ่มที่ด้อยกว่า แต่เป็นความจริงมันก็เถียงไม่ได้ว่าจวี้เฟิงกรุ๊ปของฉันดีกว่า”
“คนที่อยู่ร่วมกัน ย่อมมีความรู้สึกเหนือกว่าอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้น จักรพรรดิก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป ขุนนางและข้าราชบริพารก็เหมือนกัน โลกก็จะวุ่นวาย มาช้าแค่สิบห้านาทีถึงกลับต้องไล่เราออก เอาความกล้านี้มาจากใครกัน?”
น้ำเสียงของหูจิ้งซูสงบ แม้กระทั่งตอนนี้เธอพูด เธอก็ยังคงเล่นกับผ้าไหมสีฟ้าที่พาดอยู่บนบ่าของเธอ
อย่างไรก็ตาม ทุกคนในที่แห่งนี้รู้สึกกดดันมากขึ้น
หลินฉ่ายเวยนั้นอดไม่ได้ที่ก้าวถอยหลังออกมา เย็นยะเยือกไปทั้งตัว
“ซ่งหรูอี้!เธอกับซ่งหรูอี้นั้นเหมือน…”
เธอพึมพำกับตัวเอง
หูอีซานรับรู้ได้ถึงแรงกดดันมหาศาล เขาทำหน้านิ่งไม่พูดจา
ทันทีที่หูจิ้งซูพูด ความมืดมนบนใบหน้าของหูจิ้งซูก็ลดลงในทันที เขามองไปที่หูอีซานด้วยความประชดประชัน “น้องสาวพูดถูก แค่เรื่องนี้ถึงกลับต้องไล่เราออก มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”
หูจิ้งซูไม่มีความสำนึกที่โดนไล่ออกเลยสักนิด เขาเหล่ตาไปมองหูอีซาน
“หูอีซาน นายจองหองขนาดนี้ เคยทำคุณงามความดีอะไรให้แก่บริษัทบ้างล่ะ?”
เมื่อรู้สึกว่าถึงเวลาแล้ว จ้าวอวี้ก็กระโดดออกมาพร้อมกับชี้ไปที่หูอีซานและพูดว่า “ก็แค่ประธานกรรมการบริหารที่ตกกระไดพลอยโจนมา มีคุณสมบัติอะไรมาสั่งพวกเรา?”
“ฉันว่า คนที่ควรจะไปมากที่สุด ควรเป็นนายมากกว่า!”
“ไม่สำคัญว่าสาขาลี่จิงจะให้ความร่วมมือหรือไม่ หากให้ความร่วมมือ ก็ให้ประธานสำนักงานใหญ่มาพูดคุยด้วยตนเอง ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องมาพูดกัน”
กรรมการทุกคนคุยกันด้วยความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม
ฟางหย่าและหลินฉ่ายเวยที่อยู่ด้านข้างหน้าตาดูน่าเกลียดขั้นสุด เดิมทีคิดว่าการเปิดสาขาจะเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่คาดคิดเลยว่าแค่ก้าวแรกก็ลำบากแล้ว
ทันใดนั้น เมื่อหูอีซานและคนของฟางหย่าถูกพูดถึง แรงกดดันครั้งก่อนได้มาถึงพวกเขาแล้ว
หูจิ้งจู๋เคาะนิ้วบนโต๊ะ “หูอีซาน มันคงไม่ง่ายเลยที่จะกลับไปทำงานที่เจียงเฉิง แต่ระวังเอาไว้ อย่าล้มละลายภายในชั่วข้ามคืนก็แล้วกัน”
หูอีซานกัดฟันแน่น ในใจของเขานั้นมีความคิดที่จะให้คุณถังช่วย
อย่างไรก็ตาม พอผ่านไปชั่วครู่ ความคิดนั้นก็หายไป
เขาต้องแก้มันด้วยตัวเอง
“เงียบให้หมด!”
หูอีซานตะโกนออกไปเสียงดัง
ปัง!
วินาทีต่อมา เขาโยนหนังสือหนาๆวางบนโต๊ะแล้วมองทุกคนด้วยแววตาที่แดงฉาน
“ลืมตาแล้วมองให้ชัด ตอนที่หูเข่อเฟิงอยู่ จวี้เฟิงแย่ลงทุกๆปี แต่พอหลังจากที่ฉันขึ้นตำแหน่ง กำไรต่างๆในแต่ละเดือนก็เพิ่มขึ้น”
“ฉันไม่ได้ให้เครดิตตัวเอง แต่อยากจะถามกลับไปว่าทำไมมันถึงเกิดเหตุการณ์ที่มันแย่ลงเรื่อยๆเลย นั่นก็เป็นเพราะกรรมการและประธานไร้ความสามารถเกินไปไงล่ะ!”
“อีกอย่าง จวี้เฟิงกรุ๊ปก็ไม่ได้เป็นของพวกนายตระกูลหูด้วย แต่เป็นของตระกูลเสินในหมิงจู ตอนนี้พวกนายก็แค่ดูแลแทน คนที่เข้าครอบครองโดยพลการก็เท่านั้น นี่คือหน้าตาท่าทางของพวกนาย ตั้งแต่ที่ฉันตัดสินใจไล่พวกนายออก แม้จะเอาเรื่องงานรับผิดชอบในสมาคมการค้าเจียงผิงมาพูด มันก็เปล่าประโยชน์!”
ใบหน้าของหูอีซานนั้นแดงก่ำ น้ำเสียงที่ตะโกนออกมานั้นแหบแห้ง เขาจ้องมองไปที่ทุกคน
ในขณะนี้ เขาดูเหนือกว่าหูจิ้งจู๋เป็นอย่างมาก แม้แต่หูจิ้งซูก็มองเขาดวงสายตาที่ประหลาดใจ
หูจิ้งจู๋มองไปที่หูอีซานด้วยความประหลาดใจ ในไม่ช้าใบหน้าของเขาก็กลับมามืดมนอีกครั้ง
“หูอีซาน ดูเหมือนว่านายจะตั้งใจแน่วแน่ที่จะสู้กับฉัน นายลองถามดูสิ ว่าในห้องนี้นอกจากนายแล้วมีใครอีกที่อยากให้ฉันออกไป?”
“ออกไป”
หูจิ้งจู๋พูดจบด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ไม่คิดว่าพอพูดจบ จะมีใครพูดคำนี้ออกมาเบาๆ
ในห้องนี้ มีอีกคนที่กล้าไล่เขาออกไป
ชวาชวาชวา!
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็เพ่งไปที่ถังเฉา
หูจิ้งจู๋ตกตะลึง
หูจิ้งซูตกตะลึง
ผู้บริหารระดับสูงทุกคนต่างตกตะลึงเช่นกัน
ฟางหย่าและหลินฉ่ายเวยมองไปที่ถังเฉาด้วยความประหลาดใจ
ไม่รู้ว่าถังเฉานั้นวางโทรศัพท์ลงเมื่อไหร่ เขาค่อยๆลุกขึ้น จ้องมองไปที่หูจิ้งจู๋อย่างสงบ
“คุณถัง!”
เมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาของหูอีซานแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น
คำว่าออกไปไม่ได้รุนแรงอะไร แต่มันกลับเป็นเหมือนค้อนที่กระทบใจของทุกคน ด้วยพลังที่ดูแข็งแกร่งเช่นนี้ ทำให้แม้แต่หูจิ้งจู๋ก็รู้สึกหายใจไม่ออก
“นายเป็นใคร?”
หูจิ้งจู๋ขมวดคิ้วและถาม
หากถังเฉาไม่พูดอะไร เขาคงไม่ทันสังเกตเห็นถังเฉาแน่ๆ
ถังเฉาพูดติดตลกว่า “จวี้เฟิงกรุ๊ปเป็นของฉันเอง นายคิดว่าฉันเป็นใครกันล่ะ?”