เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 505
“มือข้างเดียว?”
หลังจากที่ถังเฉาพูดคำนี้ออกมา เกือบทุกคนถึงกับอึ้งไป
รวมทั้งนักบู๊ของสมาคมการต่อสู้คนนั้นด้วย
วิดพื้นมือเดียว อดทนห้านาที แล้วยังจะมากกว่าสี่ร้อยครั้ง
นี่แทบจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสำเร็จได้!
“เป็นไปไม่ได้!”
หนุ่มล่ำรีบส่ายหัว และยังมองถังเฉาอย่างตลก “ไม่ไหวก็ไม่ไหวสิ ยังจะทำให้มันแย่ขึ้นกว่าเดิมทำไมกัน?”
แม้แต่หลินฉ่ายเวยยังรู้สึกว่าถังเฉาบ้าไปแล้ว
เย่หรูอี้เองก็มองถังเฉาอย่างสงสัย “อย่าบังคับตัวเอง สองมือก็สองมือสิ”
ถังเฉาพูดอย่างเบื่อๆว่า “ฉันไม่ได้บังคับตัวเองนี่”
เห็นว่าถังเฉาดูไม่เหมือนพูดเล่น ทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังก้าวหนึ่ง เพื่อหลีกทางให้
“นี่นายเป็นคนพูดเองนะ พวกเราไม่ได้บังคับนาย!”
เริ่นจวินตงยิ้มเย็นชา รู้สึกมีความสุขที่จะได้เห็นสถานการณ์นี้
เขาตั้งหน้าตั้งตารอดูถังเฉาแพ้
ที่สำคัญคือ เขาไม่เชื่อว่าถังเฉาสามารถวิดพื้นด้วยมือข้างเดียวได้
แต่ว่าไม่นาน เขาก็อึ้งไปเลย
ถังเฉาใช้มือข้างเดียวยืดทั้งร่างไว้ และดูจากท่าทางของเขาแล้วผ่อนคลายมาก
ทุกครั้งที่ลงไปและขึ้นมานั้นไวมาก
เริ่นจวินตงอึ้งไปในทันที
หนุ่มล่ำของสมาคมการต่อสู้เองก็อึ้งไปแล้ว
หลินฉ่ายเวยยิ่งไปใหญ่ที่มองดูภาพนี้ด้วยสีหน้าตกตะลึง
แม้แต่เย่หรูอี้เองก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
นี่ยังเป็นพลังของคนอยู่มั้ย?
มีเพียงเย่อู๋เหินเท่านั้นที่สีหน้านิ่งเฉย ไม่ตกใจสักนิด
ยอดฝีมือของภายนอกยุทธภพและยอดฝีมือของภายในยุทธภพนั้นมีความแตกต่างอย่างมาก
คนแรกใช้กำลัง
เหมือนกับที่โลกจัดงานแข่งขันมวยปล้ำWWE ราชามวยปล้ำของในวงการ แข็งแกร่งมากแล้วใช่มั้ย?
แต่ก็ยังหยุดอยู่แค่ที่ขั้นตอนการใช้กำลังเหมือนเดิม
คนหลังใช้พลัง
พลังเปลี่ยนเป็นแรง นั่นก็คือแรงภายใน
วิดพื้นมือเดียว ง่ายมากจริงๆ
ทำจนถึงด้านหลัง ถังเฉาไม่ได้จำกัดแค่เพียงใช้มือข้างเดียววิดพื้นแล้ว
ทั้งร่างของเขา พึ่งพาห้านิ้วในการรองรับไว้
เมื่อเวลาผ่านไป นิ้วทั้งห้าก็ค่อยๆลดลงทีละนิ้วตามเวลา
เขาเองก็ใช้สถานการณ์นี้ถือเป็นการฝึกฝน
จนถึงสุดท้าย เหลือเพียงแค่นิ้วเดียวในการรองรับทั้งร่างกาย
ถังเฉาในตอนนี้ก็แค่หายใจอย่างเล็กน้อยก็เท่านั้น
ส่วนเริ่นจวินตง ยอดฝีมือสมาคมการต่อสู้ รวมทั้งหลินฉ่ายเวยและเย่หรูอี้ ต่างก็อึ้งไปแล้ว
มองตาไม่กะพริบเลย
ไม่นาน ห้านาทีผ่านไปแล้ว
ถังเฉาไม่ได้ล้มลงกับพื้นแบบที่ร่างกายอ่อนเพลีย แต่กลับยืนขึ้นอย่างเป็นปกติ
และขอกระดาษทิชชูหนึ่งแผ่นกับหลินฉ่ายเวยอย่างมีมารยาทเพื่อนำมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก
แค่เพียงเท่านี้
“1 1037ครั้ง?!”
เริ่นจวินตงเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วยังใช้แรงทุบนาฬิกาจับเวลา สงสัยว่านาฬิกาจับเวลานั้นเสียแล้ว
ได้ยินจำนวนตัวเลขนี้ ถังเฉาใส่เสื้อสูทแล้วส่ายหัว “อ่อนลงแล้ว”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลินฉ่ายเวยและเย่หรูอี้มองถังเฉาด้วยสีหน้าอย่างกับเห็นผี
นี่เนี่ยนะ?
ยังถือเป็นการอ่อนลง?
เมื่อก่อน จะต้องแข็งแกร่งขนาดไหนเชียว?
ในตอนนี้ เย่หรูอี้นึกถึงเรื่องเล็กเรื่องหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว
ตอนนั้นไม่ได้สังเกต ตอนนี้คิดดูแล้ว เธอถึงกับตัวสั่น!
ในตอนนั้นถังเฉาเพิ่งกลับเมืองหมิงจู ในตอนที่เธอยังชื่อซ่งหรูอี้ ก็เคยใช้เส้นสายและทรัพย์สินของตัวเอง เพื่อรวบรวมข้อมูลโดยละเอียดของถังเฉาตั้งแต่เกิดจนตอนนี้
ข้อมูลทุกอย่างล้วนมีหมดแล้ว ยกเว้นห้าปีนั้นที่ว่างเปล่า
หน่วยงานทุกหน่วยงานในระบบ ไม่ว่าจะตรวจสอบยังไงก็สืบไม่เจอ
เหมือนกับว่าห้าปีนั้นถังเฉาได้ระเหยไปกลางอากาศ!
ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว
ไม่ใช่เธอสืบไม่เจอ แต่ว่า ไฟล์ข้อมูลของถังเฉาถูกคนเก็บซ่อนดูแลไว้แล้ว!
ในเวลานี้ เย่หรูอี้เข้าใกล้กับความจริงมากแล้ว
ทั้งประเทศที่มีสิทธิ์ตรวจสอบไฟล์ข้อมูลของถังเฉา มีเพียงคนเดียวเท่านั้น!
ถังเฉามองไปที่เริ่นจวินตง พูดด้วยเสียงหัวเราะว่า “ด่านแรก ถือว่าฉันชนะแล้วใช่มั้ย?”
“……”
เริ่นจวินตงไม่พูดอะไร
หนุ่มล่ำคนนั้นของสมาคมการต่อสู้เองก็ไม่พูดอะไร
สีหน้ามืดครึ้มเหมือนกับก้นหม้อ
เริ่นจวินตงพูดกับหนุ่มล่ำคนนั้นว่า “ไอ้นั่นเคยเป็นทหาร การวิดพื้นคือสิ่งที่จำเป็นต้องฝึกในสนามรบ สามารถทำได้มากขนาดนี้ในห้านาทีไม่ยาก”
“ถัดมาด่านที่สอง ยิงปืน ถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก!”
เริ่นจวินตงทำท่าเหมือนรู้จักสนามรบดี แต่ถังเฉากลับฟังแล้วส่ายหัว
ถูกแล้วที่การวิดพื้นเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องฝึกในสนามรบ แต่ว่าทำได้ถึงจำนวนนี้
ถังเฉาสามารถมั่นใจได้ว่า แม้แต่เฟิ่งหวงก็ทำไม่ได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย
หนุ่มล่ำคนนั้นได้ฟัง สีหน้าที่เดิมทีนั้นแย่แล้วก็ค่อยๆดีขึ้น
ด่านที่สอง ยิงปืน เขานั้นฝึกอาวุธลูกดอกลับทุกวันนะ
อาวุธปืนเขาก็พอเข้าใจ
จะชนะถังเฉาถือว่าง่ายมาก
ถึงแม้ถังเฉาจะเคยเป็นทหาร แต่ก็เป็นแค่ทหารแนวหลัง เคยจับปืนมั้ยก็ไม่รู้…..
“ด่านที่สอง ยิงปืน ฉันบอกกติกาก่อน”
เริ่นจวินตงชี้เส้นหนึ่งแล้วพูดว่า “พวกนายยืนยิงที่ตรงนี้ ใครยิงเข้าตรงกลางคนนั้นชนะ ถ้าหากไม่โดนตรงกลาง ก็ตัดสินจากใครที่ใกล้เคียงตรงกลางมากที่สุด…..”
เริ่นจวินตงเพิ่งพูดจบ หนุ่มล่ำคนนั้นก็ยิ้ม แล้วพูดตามคำพูดของถังเฉาเมื่อกี้ว่า “ง่ายมาก ฉันเองก็มาเพิ่มระดับความยากสักหน่อย”
พูดจบ ก็ถอยหลังอีกสิบเซนติเมตร แล้วก็หยิบปืนพกจำลองขึ้นกระบอกหนึ่ง แล้วยิงไปโดยไม่มอง
ปัง!
กระสุนทรายด้านในตรงเข้าที่ตรงกลาง
ซ่า!
ขณะนั้นรอบตัวก็มีเสียงสูดลมเข้าของแอร์ดังออกมา
หลินฉ่ายเวยตาเบิกกว้าง ยิงโดยไม่มองเลยด้วยซ้ำ เขามั่นใจขนาดไหนกันเชียว?
หนุ่มล่ำคนนั้นยักไหล่ “นักบู๊คนไหนก็สามารถทำได้”
ด้านหลังเย่หรูอี้ เย่อู๋เหินพยักหน้า
ก็จริง สายตาคือประกอบสำคัญของนักบู๊
และนักบู๊ทุกคนที่ผ่านเกณฑ์ก็สามารถทำได้
แต่ถังเฉากลับพูดออกมาว่า “ยังพอได้”
เริ่นจวินตงและหนุ่มล่ำคนนั้นก็มีสีหน้าโมโหในทันที
“แม่งเอ้ย นายทำได้นายก็มาสิ?”
ถังเฉาเองก็หยิบปืนจำลองขึ้นมากระบอกหนึ่ง จับขึ้นมาดูสักพัก แล้วก็วางลง
หนุ่มล่ำคนนั้นอดไม่ได้พูดเยาะเย้ยว่า “ไม่เคยจับปืนละสิ? ไม่รู้ว่าใช้ยังไงละสิ? มา ฉันสอนนาย”
ถังเฉายิ้ม “ปืนนี้แรงสะท้อนหนักเกินไป ฉันกลัวว่าจะเสียงดังไป”
ทันใดนั้น สีหน้าทุกคนแปลกใจ
นี่มันเหตุผลอะไรกัน?
เห็นเพียงถังเฉาหยิบเอาธนูขึ้นมาและยิ้ม “ฉันใช้อันนี้”
ธนู?
เห็นอย่างนั้น หนุ่มล่ำก็ยิ่งหัวเราะหนักกว่าเดิม
“ไอ้หนุ่ม อย่าโทษที่ฉันเตือนนายนะ ธนูยากกว่าปืนอีก ไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลัง หรือความแม่นยำ ความยากต่างก็สูงมากขึ้นอีกระดับ”
ฉึก!
เพิ่งพูดจบ ถังเฉาก็ยิงธนูออกไป
ลูกดอกธนูไม้ยิงผ่านหน้าของทุกคนไปความเร็วสูงมาก
แต่ว่า ลอยออกไปที่ตรงหน้าต่างด้านข้าง
อย่าว่าจะเล็งเข้าตรงกลางเลย แม้แต่แป้นก็แตะไม่โดนสักนิด
“ฮ่าๆๆ……”
เริ่นจวินตงและหนุ่มล่ำคนนั้นหัวเราะลั่น
“ฉันว่า นายจะใช้ธนูไม่เป็นยังไง แต่ก็แตะโดนแป้นสักหน่อยมั้ยละ? ถึงกับตรงออกแบบนั้นคืออะไร? ตกลงไปโดนคนแล้วจะทำยังไง?”
หนุ่มล่ำสมาคมการต่อสู้พูดเยาะเย้ย
สีหน้าของเย่หรูอี้ไม่ดีนัก
แล้วก็มีความสงสัยการคาดเดาของตัวเอง
เคยเป็นทหาร การเล็งยังไงก็ไม่มีทางแย่ขนาดนี้
เริ่นจวินตงพูดกับถังเฉาทา “การยิงปืน นายแพ้”
แต่ถังเฉากลับโยนธนูไปด้านข้าง แล้วพูดกับเริ่นตงจวินว่า “ก็ยังพอได้ บอกให้คนของนายไปเก็บของด้านล่างกลับมาเถอะ”
เริ่นจวินตงอึ้งไปเล็กน้อย “ของอะไร?”
“นกพเนจรนอกหน้าต่าง”
ถังเฉานั่งไขว่ห้างแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม