เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 549
เย่หรูอี้อธิบายข้อดีข้อเสียในนั้นออกมา
“ตอนนี้แดนเหนือยังไม่เริ่ม สมาชิกที่เก่งกาจของแต่ละตระกูลที่จะมาเข้าร่วมคือใครตอนนี้ยังไม่ทราบ แต่ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ ทุกคนรู้ว่าตระกูลฉินมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับผู้พิทักษ์แดนตะวันตก พวกคุณกล้าพูดว่าไม่มีอะไรที่น่าสงสัยในเรื่องนี้เหรอ?”
“เมื่อตระกูลฉินเป็นผู้ชนะการประชุมแดนเหนือ ก็จะก้าวไปสู่ตำแหน่งอันดับหนึ่งของเก้าตระกูลใหญ่ ถึงตอนนั้น กองกำลังทั้งหมดที่เคยขัดแย้งกับตระกูลฉินจะถูกทำลายล้างเป็นตระกูลแรก!”
ลั่วเยนอวิ๋นพยักหน้าและเห็นด้วยกับคำพูดของเย่หรูอี้
ดวงตาของลั่วเย่นหัวหรี่ลงเล็กน้อย และเธอก็ได้กลิ่นความรู้สึกอันตรายจากตัวของเย่หรูอี้
“เก้าตระกูลใหญ่ ไม่มีใครอ่อนแอ และการทะเลาะวิวาทกันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่มันเกี่ยวอะไรกับลูกสาวของฉัน?”
ลั่วเย่นหัวถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และพบข้อบกพร่องในคำพูดของเย่หรูอี้ได้อย่างรวดเร็ว
เย่หรูอี้ยิ้ม “สมแล้วที่ได้ยกย่องว่าเป็นราชินีองค์แรก คุณพูดถูก หลินชิงเสว่กับตระกูลฉินไม่มีความขัดแย้งกัน แต่กับถังเฉา ความขุ่นเคืองระหว่างเขากับตระกูลฉินไม่ใช่น้อยเลยนะ!”
“ถังเฉา?”
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็เพ่งไปที่ถังเฉา
แม้แต่ถังเฉาเองก็หรี่ตาลง และมีประกายที่คมในดวงตาของเขา
“คุณรู้จักผม?”
ถังเฉาจ้องไปที่เย่หรูอี้ และถามอย่างมีประเด็น
เย่หรูอี้ยิ้มและส่ายหัว “ไม่ได้ตรวจสอบชัดเจน แต่หลังจากกลับมายังตระกูลเย่ ฉันมีอำนาจมากขึ้นและพบเบาะแสบางอย่าง”
“เล่ามาให้ฟังหน่อย”
ดวงตาของถังเฉาหดตัวลง
ซ่งหรูอี้ก่อนหน้านี้ เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับมันมากนัก
แต่เย่หรูอี้ของตระกูลเย่ เขาไม่สามารถไม่เห็นเธออยู่ในสายตาอีก
คนก็ยังคงเป็นคนเดิม แต่ตัวตนและภูมิหลังของเธอ แข็งแกร่งกว่าเก่ามาก
เย่หรูอี้ในตอนนี้ ทรงพลังพอๆกับเหมือนเสือติดปีก
เย่หรูอี้โยนกองเอกสารและรูปถ่ายเมื่อห้าปีที่แล้วออกมา “หลังจากอ่านแล้ว พวกคุณจะเข้าใจ”
ถังเฉาหยิบรูปถ่ายมาดู ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
การแสดงออกของหลินชิงเสว่และลั่วเยนอวิ๋นก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
อันที่จริงนี่เป็นภาพหมู่ของทหารที่มีผู้คนนับร้อย
แต่พวกเธอพบถังเฉาได้อย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่ายังมีผู่หยางแห่งตระกูลฉินด้วย
“ถังเฉากับผู่หยางเป็นรุ่นเดียวกัน?”
สีหน้าของหลินชิงเสว่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ลั่วเยนอวิ๋นเบิกตากว้าง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
ที่แท้ ถังเฉามีความเกี่ยวข้องกับตระกูลฉินตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว
“ใช่ พวกเขาอยู่รุ่นเดียวกัน”
เย่หรูอี้หัวเราะเบาๆ “พวกเขาทั้งสองรู้จักผู้หญิงคนเดียวกัน คนที่ชื่อเจียงไป๋เสว่ ทั้งสองชกต่อยกัน สุดท้ายขาของฉินผู่หยางหัก ผู้กระทำคือถังเฉา”
“ความแค้นนี้ เพียงพอหรือไม่?”
มุมปากของเย่หรูอี้ยกขึ้นด้วยรอยยิ้มที่มีความหมายบนใบหน้าของเธฮ
สีหน้าของหลินชิงเสว่ไม่ค่อยดีนัก มีความรู้สึกหึงหวงเล็กน้อย แต่ยิ่งกว่านั้นคือ เธอตกใจกับเหตุการณ์นี้
“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าครั้งนั้นที่พวกคุณมาที่ตระกูลหลิน ตอนนั้นฉินผู่หยางก็อยู่ สายตาที่เขามองไปที่ถังเฉาก็ไม่ค่อยปกติ เหมือนว่าพวกเขารู้จักกันมานานแล้ว ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง…”
ลั่วเยนอวิ๋นเข้าใจในทันที
ทั้งสองคนมีความแค้นที่หนักหนาเช่นนี้นี่เอง
เมื่อศัตรูพบกัน พวกเขาก็ดุเดือดอย่างยิ่ง แน่นอนว่าฉินผู่หยางต้องเล่นงานถังเฉาให้หนัก
ถังเฉาเงียบไปนาน จากนั้นมองไปที่เย่หรูอี้ ดวงตาของเขาสงบลงอีกครั้ง “คุณสามารถสืบจนพบเรื่องนี้ได้ คุณไม่ธรรมดาจริงๆ”
“ใช่ ขาของฉินผู่หยาง ผมเป็นคนหักเอง”
ถังเฉายอมรับอย่างไม่ปิดบัง “แต่ขอแก้หน่อยนะ ตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเขาก็หักแล้ว และผมเป็นคนหักขาอีกข้างหนึ่งของเขาเอง”
ตูม!
เมื่อคำพูดเหล่านี้ออกมา ดวงตาของหลินชิงเสว่และลั่วเยนอวิ๋นก็เบิกกว้างอย่างไม่น่าเชื่อ พวกเธอพูดไม่ออกเลย
แม้แต่ดวงตาของลั่วเย่นหัวก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ และการแสดงออกของเธอก็เคร่งขรึมมาก
แม้แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าเรื่องใหญ่เกินไป แสดงให้เห็นว่าผลที่ตามมานั้นร้ายแรงเพียงใด
“มันเป็นงานเลี้ยงอาหารค่ำของครอบครัว ตอนที่เว่ยหมิงจวินแพ้พิษเกสร”
เมื่อเทียบกับพวกเขา ถังเฉาดูสงบมาก ราวกับว่าเขาไม่เห็นฉินผู่หยางอยู่ในสายตา
“เขาวางแผนมาใส่ร้ายผม แน่นอนว่าผมจะไม่ปล่อยเขาไปหรอก ระหว่างทางกลับไปยังตระกูลฉิน ผมก็ขับรถทับขาอีกข้างของเขาด้วย”
หลินชิงเสว่ตกใจมาก ตั้งนานเธอจึงค่อยพูดประโยคหนึ่งตามมา
“แล้วตอนที่คุณออกไปในวันนั้น คือคุณออกไปแก้แค้นฉินผู่หยางหรือ?”
“ใช่”
ถังเฉาพยักหน้า
และเป็นครั้งนั้น ที่เขาปราบหงโฝ
“แม่เจ้า หลานเขย คุณรู้ตำแหน่งของฉินผู่หยางในตระกูลฉินหรือไม่?”
ลั่วเยนอวิ๋นมองไปที่ถังเฉาอย่างเหลือเชื่อ
“ไม่ทราบ”
ถังเฉาตอบอย่างเรียบง่าย
ลั่วเยนอวิ๋นบอกตัวตนของฉินผู่หยางในตระกูลฉินให้ถังเฉาฟัง
“ก่อนที่ขาของเขาจะหัก เขาเหมือนกับฉินกวนฉี ได้รับการปลูกฝังให้เป็นผู้สืบทอดในอนาคตของตระกูลฉิน”
“แม้ว่าขาของเขาจะหัก เขาก็ละทิ้งศิลปะการต่อสู้และเข้าสู่วงการธุรกิจ และเขาก็ประสบความสำเร็จในด้านนี้ เขาเป็นคุณชายอันดับสองรองจากฉินกวนฉีในตระกูลฉิน”
“แล้วไง”
ถังเฉายิ้มจางๆอย่างไม่เกรงกลัว “บุคคลที่ผมอยากโจมตี แม้จะเป็นผู้นำของตระกูลฉิน ผมก็จะทุบตี”
ประโยคนี้พูดได้ว่าเย่อหยิ่งมาก แม้แต่เย่หรูอี้ก็รู้สึกขนลุกซู่เล็กน้อย
นี่มันหมายความว่า ถ้าทำให้เขาไม่พอใจจริงๆ เขาก็จะฆ่าแม้แต่หัวหน้าตระกูลเย่ด้วยใช่ไหม?
ลั่วเย่นหัวมองไปที่ถังเฉาด้วยสายตาที่ชื่นชม”ไม่ธรรมดา มีแววเหมือนฉันในอดีต”
หลินชิงเสว่จ้องมองเธออย่างดุเดือดทันที
เธอไม่ต้องการเงินและอำนาจ เธอแค่ต้องการให้ครอบครัวใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
“ในการประชุมแดนเหนือครั้งนี้ ฉินผู่หยางและฉินกวนฉีมาพร้อมกัน คนมีอำนาจอย่างพวกเขา พวกเขาจะไม่ลืมความแค้นระหว่างคุณกับตระกูลฉินแน่นอน”
เย่หรูอี้มองไปที่ถังเฉาอย่างจริงจัง และพูดอย่างจริงจัง “ตอนที่คุณเป็นทหาร พวกเขาไม่สามารถทำอะไรคุณได้ ตอนนี้คุณออกจากกองทัพแล้ว เป็นเพียงคนธรรมดา พวกเขาต้องการฆ่าคุณ มันง่ายมาก!”
ถังเฉาชำเลืองมองเธอและยิ้มจางๆ “ดูเหมือนคุณไม่อยากเห็นผมถูกตระกูลฉินฆ่าตายเลยนะ”
เย่หรูอี้คิดไม่ถึงว่าถังเฉาจะกล้าหยอกล้อเธอ และใบหน้าที่สวยงามของเธอก็กลายเป็นสีแดง
แต่หลังจากลังเลสักพัก เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ
เธอกัดฟันและพูดว่า “คุณเป็นคู่ต่อสู้และเป็นคนสนิทกับฉัน ฉันไม่ต้องการให้คุณตาย!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่หรูอี้แสดงอารมณ์ความรู้สึกของเธอต่อถังเฉาอย่างตรงไปตรงมา
หลินชิงเสว่มองดูอย่างเฉยเมย เธอไม่สนใจอีกแล้ว ไม่ว่ายังไงเย่หรูอี้ก็ยังเป็นคนที่พ่ายแพ้เธอ
“ดังนั้น ตระกูลฉินจึงไม่สามารถได้ที่หนึ่ง”
เย่หรูอี้กล่าว “ในหมู่พวกเขา ไม่ว่าจะเป็นตระกูลถัง หรือตระกูลหลินหรือตระกูลลั่ว มีผู้ที่แข็งแกร่งที่จะเป็นตัวแทนไปแข่งแล้ว แต่มีเพียงตระกูลเย่ของฉันยังไม่มี”
ถังเฉาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ดังนั้น คุณจองตำแหน่งที่ว่างนี้ให้ผมเป็นพิเศษหรือเปล่า?”
“ใช่ ฉันรอคุณมาโดยตลอด”
ดังนั้น ถังเฉาจึงมองไปที่หลินชิงเสว่
หลินชิงเสว่เงียบไปนาน และทันใดนั้นก็พูดกับถังเฉาด้วยท่าทางเรียบสงบ “คุณตัดสินใจด้วยตัวเองเลย แต่ฉันหวังว่าคุณจะรู้ว่าคุณมีครอบครัวอยู่แล้ว ควรทำทุกอย่างตามความสามารถของคุณ อย่าทำอะไรเกินกำลัง”
เธอรู้ว่าถังเฉานั้นทรงพลัง แต่โลกก็กว้างใหญ่และมีผู้คนที่แข็งแกร่งมากมาย เธอไม่ต้องการให้ถังเฉาเอาชีวิตไปเล่น
“ขอบคุณ”
ถังเฉาแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง จากนั้นมองไปที่เย่หรูอี้”คุณได้เกลี้ยกล่อมผมสำเร็จแล้ว ผมสัญญาว่าจะเข้าร่วมสงคราม”