เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 55
บทที่55 ก่อเรื่อง
เสียงที่เยือกเย็นและเย็นชาดังขึ้นถังเฉาและหลินจ้าวหยูนตกใจ และเงยหน้าขึ้น เห็นหลินชิงเสว่ที่มีสีหน้าเย็นชายืนอยู่ที่ประตู และข้างๆเป็นถังเสี่ยวลี้ที่เหมือนตุ๊กตา
อาจจะเป็นเพราะว่าได้ยินสิ่งที่ถังเฉาและหลินจ้าวหยูนคุยกัน สีหน้าของหลินชิงเสว่ดูหมองคล้ำมาก โดยเฉพาะสายตาของเธอ ดูเยือกเย็นจับใจมาก
แค่เหลือบตาไปมอง หลินจ้าวหยูนก็ได้ก้มหน้า และหัวเราะอย่างฝืดเคืองแล้วปลี่ยนเรื่องคุย“พี่ พี่กลับมาแล้วหรือ? เสี่ยวลี้! ”
หลินจ้าวหยูนเหมือนพบเจออะไรใหม่ๆ และตรงเข้าไปหาถังเสี่ยวลี้ทันที และย่อตัวลงไปบีบหน้าของถังเสี่ยวลี้ และยิ้มแล้วพูดว่า“คิดถึงจัง เสี่ยวลี้ คิดถึงน้ามั้ย?”
“คิด…… ”
แก้มของถังเสี่ยวลี้นุ่มมาก นุ่มเหมือนปุยฝ้าย และหลินจ้าวหยูนบีบที่แก้มของเธอ เป็นรูปร่างต่างๆ
บวกกับรูปร่างที่เล็ก ใบหน้าที่สวยงาม จะไม่ให้ชอบก็คงยาก
ใบหน้าของถังเสี่ยวลี้ เหมือนหลินชิงเสว่มาก ไม่แปลกเลย ถ้าโตไปแล้ว ต้องเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่งแน่นอน
เห็นน้องสาวตัวเองและถังเสี่ยวลี้เล่นกันอย่างเมามัน สีหน้าของหลินชิงเสว่ถึงได้ผ่อนคลายลง
เมื่อหลินจ้าวหยูนเล่นจนพอใจแล้ว หลินชิงเสว่ถึงลูบไปที่หัวของถังเสี่ยวลี้และพูดอย่างอ่อนโยนว่า“เสี่ยวลี้ไปเล่นในห้องก่อน ดีมั้ย?”
“ได้ค่ะ”
ถังเสี่ยวลี้พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง และดวงตาที่ใสมองถังเฉาด้วยความไม่สบายใจ“แต่คุณแม่ต้องสัญญานะว่า ห้ามแยกกับคุณพ่อ”
หลินชิงเสว่ตัวเริ่มสั่น สีหน้าของหลินจ้าวหยูนกลายเป็นสีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติ และรู้สึกลำบากใจมาก
ตอนนี้เสี่ยวลี้ห้าขวบแล้ว เธอก็เริ่มที่จะรับรู้เรื่องราวต่างๆ ได้แล้ว เธอคงได้ยินที่หลินจ้าวหยูนและถังเฉาคุยกันแน่เลย
ดูออกว่า เสี่ยวลี้ติดถังเฉามาก และเธอยังพูดให้ถังเฉาหย่ากับหลินชิงเสว่ ถึงจะเพราะความหวังดี แต่ทำแบบนี้ไม่โหดร้ายไปหน่อยหรือ
เงียบไปสักพัก ใบหน้าของหลินชิงเสว่ปรากฏรอยยิ้มและพูดว่า“ได้ แม่รับปากนะ จะไม่แยกกับพ่อ”
“คุณแม่ใจดีมาก”
ได้รับการยืนยันแล้ว ถังเสี่ยวลี้ถึงปรากฏสีหน้าที่ยิ้มแย้ม และไปเล่นคนเดียวอย่างสบายใจ
เมื่อถังเสี่ยวลี้ไปแล้ว ที่ห้องรับแขกก็เหลือเพียงถังเฉา หลินชิงเสว่และหลินจ้าวหยูนสามคน บรรยากาศดูแปลกๆ
“เธอมาที่นี่ได้อย่างไง?”
หลินชิงเสว่มองไปที่น้องสาวตัวเอง ถามด้วยน้ำเสียงที่จืดชืด“ตอนนี้ เธอควรอยู่ที่มหาวิทยาลัยไม่ใช่หรือ?”
ถังเฉามองไปที่ แววตาที่ดูขาดความมั่นใจของหลินจ้าวหยูน
ในแววตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ ความร้อนรน และความผิดหวังทุกความรู้สึกบวกเข้าด้วยกัน ถังเฉาเลยมองเธออยู่นาน
“ฉัน? ฉันจะมาทำอะไรได้ ก็มาเยี่ยมเยียนพี่นั่นแหละ” สีหน้าของหลินจ้าวหยูนกลับสู่สภาพเดิม และยิ้มออกมาอย่างสดใส
ต่างจากหลินชิงเสว่ น้องสาวเธอเป็นคนที่ร่าเริงสดใส
แต่ถึงจะเป็นแบบนี้คิดว่าจะปิดบังหลินชิงเสว่ได้หรือ?
หลินชิงเสว่พูดว่า“ทุกครั้งที่เธอมาที่นี่ ไม่มีเรื่องดีมาเลย ถ้าไม่ใช่เพราะมายืมเงินฉัน ก็ไปก่อเรื่องแล้วให้ฉันคอยแก้ปัญหาให้ หลินจ้าวหยูน เธอก็อายุยี่สิบสองแล้วนะเติบโตและใช้ชีวิตเหมือนผู้ใหญ่เถอะได้มั้ย?”
ถังเฉาที่อยู่ข้างๆ มองหลินจ้าวหยูนไม่หยุด คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กคนนี้ก่อเรื่องเก่งเหมือนกันนะ
หลินจ้าวหยูนก็ไม่ได้โกรธ และโอบไปที่แขนของหลินชิงเสว่ และพูดด้วยความอ้อนวอนว่า“ฉันมีพี่สาวแค่คนเดียวนะ ไม่พึ่งพาจะไปพึ่งใครละ?”
“แต่ครั้งนี้ ที่ฉันมาที่นี้ ฉันไม่มีจุดประสงค์อะไรนะ ฉันคิดถึงพี่จริงๆ”
หลินจ้าวหยูนชูสามนิ้วและสาบานว่า“ถ้าฉันโกหก ขอให้ฟ้า….. ”
คำว่าผ่าคำสุดท้ายยังไม่ทันออกจากปาก หลินชิงเสว่ได้เอามือไปปิดปากเธอไว้ ใบหน้าที่เย็นชา ปรากฏรอยยิ้มอ่อนๆ “วันนี้เธออยู่ที่นี่แหละ”
“ขอบคุณนะพี่”
หลินจ้าวหยูนมีสีหน้าที่ยิ้มกริ่มและไม่ลืมที่จะพาถังเฉาไปด้วย“พี่ พี่ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบมากินข้าวกันเถอะ พี่เขยได้ทำกับข้าวไว้เต็มโต๊ะเลย น่าจะอร่อยนะ ถ้าพี่มาช้ากว่านี้ อาหารไม่เหลือแน่ๆ
หลินชิงเสว่มองไปที่อาหารบนโต๊ะ และใช้สายตาที่ตะลึงหันไปมองที่ถังเฉา
ไม่ว่าอย่างไงก็ตาม ผู้ชายที่ทำกับข้าวเป็นมีคะแนนเพิ่มอยู่แล้ว
ถังเฉาได้ยิ้ม และแววตาที่มองหลินจ้าวหยูนก็ได้ผ่อนคลายลง
เพราะมีถังเสี่ยวลี้อยู่ทุกคนเลยไม่ได้คุยกันเรื่องการหย่านั้น ทุกคนอยู่สนิทกัน และถังเฉาก็ได้อุ้มถังเสี่ยวลี้มากินข้าวด้วย
เพราะมีหลินจ้าวหยูนกินข้าวด้วย บรรยากาศเลยไม่เงียบเชียบเหมือนที่ผ่านมา และมีเสียงหัวเราะเพิ่มเติมเข้ามา
นอกจากที่หลินชิงเสว่ที่กินข้าวแล้วไม่พูดอะไร หลินจ้าวหยูนได้คุยกับถังเฉาไม่หยุด แต่เรื่องที่คุยกันเป็นเรื่องของการงาน ครอบครัวหมดเลย เห็นได้ชัดว่าการพูดของเธอได้ระมัดระวัง
เมื่อได้รู้ว่าถังเฉาไม่มีงานทำ และมีครอบครัวที่ไม่ได้มีชื่อเสียง ทำให้หลินจ้าวหยูนรู้สึกผิดหวังมาก
ถังเฉาก็ไม่ได้สนใจ เพราะถังเฉาก็รู้ข้อมูลของหลินจ้าวหยูนเหมือนกัน
เหมือนกับหลินชิงเสว่ พวกเธอเป็นคนเยี่ยนจิง และตอนเรียนมัธยมต้นถึงปลายก็เรียนที่เยี่ยนจิง หลินจ้าวหยูนเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่ายและวิสัยทัศน์ก้าวไกล ผู้หญิงที่อายุเท่ากันกับเธอเมื่อเห็นรถลัมโบร์กีนีแล้วก็จะอดอิจฉาไม่ได้ แต่เธอไม่รู้สึกอะไรเลย รถแบบนั้นไม่เข้าตาเธอแม้แต่น้อย
เพราะพี่สาวอยู่ที่หมิงจู เธอเลยเรียนที่มหาวิทยาลัยหมิงจู ตอนนี้อยู่ชั้นปีที่สอง คณะแพทยศาสตร์
แต่สิ่งเล็กๆ ที่ทำให้ถังเฉาแปลกใจคือ เมื่อกี้ที่หลินจ้าวหยูนพูด ว่าหลินชิงเสว่และครอบครัวความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีและเธอได้ไปเรียนที่ต่างประเทศ แต่ดูความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้ ก็ไม่เลวนะ
ถังเฉาก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ถ้าชิงเสว่ไม่อยากพูด เขาก็จะไม่บังคับ
ไม่นาน ยามดึกได้มาถึง
บรรยากาศทั่วทั้งบ้านเงียบสงัด ไม่มีเสียงอะไรเลย
ถังเฉากลับลืมตาและสายตาที่แฝงไปด้วยความไม่สบายใจ
ถังเฉาได้ยินเสียงฝีเท้า
ถึงคนที่เดินจะระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียงแล้ว แต่เสียงก็ไม่สามารถหลุดพ้นหูที่ดีของถังเฉาได้
ถังเฉาเปิดประตูและมองไป เห็นเงาดำที่กำลังเดินขึ้นบันไดไป
เงาดำนั้นเมื่อไปถึงตรงหน้าห้องของหลินชิงเสว่ ถึงได้โล่งใจ และกำลังที่จะเปิดประตู…..
เพี๊ยะ
ไฟได้สว่างขึ้น
คนคนนั้นตกใจเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง สัญชาตญาณของเธอกำลังที่จะตะโกนออกมา แต่ก็ได้รีบปิดปากตัวเองไว้
เมื่อได้สติ ได้หันกลับไปเห็นถังเฉาที่จับบันไดอยู่ และมองมาที่ตัวเอง
“ถังเฉา นายเองหรือ?!”
ทันใดนั้น สีหน้าของหลินจ้าวหยูนขาวซีด ไม่กล้าที่จะกระดุกกระดิกเลย
“เธอมีเรื่องที่ปิดบังฉันอยู่จริงๆ” ถังเฉาพูดและหรี่ตามอง
หลินจ้าวหยูนรีบลงบันไดไป และหันไปมองที่ห้องของหลินชิงเสว่อีกครั้ง เมื่อรู้ว่าไม่ได้ทำให้หลินชิงเสว่ตื่น ถึงพูดออกมาอย่างร้อนรนว่า“พี่เขย อย่าบอกพี่สาวฉันเลยนะ ฉันขอร้อง ฉัน ฉัน ฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว”
ถังเฉาไม่แสดงท่าทีอะไรและพูดกับหลินจ้าวหยูนว่า“ดึกๆ ดื่นๆ แอบเข้าไปในห้อง จะไปขโมยของหรือ?”
“ฉัน….. ”
หลินจ้าวหยูนสีหน้าขาวซีด หายใจถี่ และตัวเธอเริ่มสั่น
“ทำไมถึงทำแบบนี้?” ถังเฉาพยายามพูดให้เสียงเบาที่สุด เพื่อไม่รบกวนหลินชิงเสว่
เขาคิดไม่ออกเลยว่า คนอย่างหลินจ้าวหยูนเป็นลูกคุณหนูบ้านคนรวย เงินใช้มีแน่นอนแต่ทำไมถึงมาทำแบบนี้?
“ฉัน ฉันก็หมดหนทางเหมือนกัน….. ”
ด้วยความดุดันของถังเฉา ใจของหลินจ้าวหยูนด้พังทลาย เธอได้คุกเข่าและก้มหน้า เสียงพูดของเธอแฝงไปด้วยเสียงร้องไห้
“พี่เขย ฉันก่อเรื่องอีกแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะรักษาคนจนคนตาย..