เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 557
“หรูอี้ หน้าของเธอ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
พอเย่เซ่าเตี๋ยจากไป ถังหลินก็เดินมาอยู่ข้างเย่หรูอี้ทันที ถามด้วยความเป็นห่วง
เย่หรูอี้มองเขาทีหนึ่งอย่างเย็นชา “เมื่อกี้ตอนที่ยัยผู้หญิงชั่วคนนั้นตบฉัน คุณไม่หือไม่อือ ตอนนี้เธอจากไปแล้ว คุณถึงจะมีปากมีเสียงได้?”
“นั่นเป็นเพราะว่า…”
ถังหลินชะงัก อารมณ์บนใบหน้าเต็มไปด้วยความอึดอัดวางตัวไม่ถูก
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถพูดว่าเขากลัวเย่เซ่าเตี๋ยใช่ไหม?
แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนที่ดีเลิศที่สุดในของทุกตระกูลถึงจะสามารถเป็นตัวแทนตระกูลไปเข้าร่วมประชุมแดนเหนือ
ถังหลินไม่ใช่คนที่ดีเลิศที่สุดของตระกูลถัง สาเหตุที่สามารถมาเมืองเจียงเฉิงได้ก็เพราะว่าเป็นโอกาสที่เขาหน้าด้านไปขอร้องคุณปู่มา
ใครใช้ให้คนที่เป็นตัวแทนตระกูลเย่เป็นเย่หรูอี้ล่ะ?
พูดตามจริง คู่สาวงามตระกูลเย่ต่อสู้แย่งชิงอำนาจกัน ถังหลินไม่รู้สึกว่าเย่หรูอี้จะสามารถเอาชนะได้เลยแม้แต่น้อย!
ถึงขั้นที่ทำไม่ได้แม้แต่การเหนือกว่า
ถึงอย่างไรเสียเย่หรูอี้ก็เพิ่งจะกลับเข้าสู่ตระกูล ไม่ว่าจะเป็นสายเลือด รากฐาน อำนาจเงินตรา ทุก ๆ ด้านล้วนแต่เทียบเย่เซ่าเตี๋ยไม่ได้
ทุก ๆทิศทางล้วนอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบ เย่หรูอี้เหลือเพียงสายเลือดบริสุทธิ์ กลับเป็นภัยพิบัติเสียด้วยซ้ำ
ถังหลินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาว่า “หรูอี้ ผมรู้ว่าคุณอยากจะกดหัวเย่เซ่าเตี๋ย แต่ตอนนี้คุณจะแข็งชนแข็งไม่ได้นะ!”
“หา? ถ้าอย่างนั้นคุณมี ‘ความคิดเห็นที่ยอดเยี่ยม’ อะไรบ้าง?”
เย่หรูอี้มองเขาด้วยสีหน้าถากถาง
ถังหลินรีบพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกมาทันที “ตอนนี้สิ่งที่คุณควรจะทำที่สุดก็คือรีบหมั้นกับผม พอพวกเราแต่งงานกันแล้ว รวมกับความสามารถของตระกูลถังของผม ถ้าคุณอยากจะกดดันเย่เซ่าเตี๋ยมันก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก ๆ”
เย่หรูอี้ฟังดูแล้วไม่เพียงแต่ไม่ยินดี สายตากลับยิ่งหนาวยะเยือกขึ้น
“ไสหัวไป!”
เธอตวาดใส่ถังหลินด้วยความเดือดดาล
ถังหลินตกใจกลัว เห็นเย่หรูอี้กำลังอารมณ์เสีย เขาเองก็ไม่กล้าจะไปยุแหย่ พาตัวห้าคนที่ได้รับบาดเจ็บจากไป
ก่อนที่จะจากไป ยังไม่ลืมที่จะจ้องถังเฉาอย่างดุดันทีหนึ่ง
มองดูเงาด้านหลังของถังหลินที่จากไป ในดวงตาของเย่หรูอี้ก็มีรังสีสังหารที่น่าสะพรึงกลัววาบขึ้นมาทันที อยากจะสังหารขึ้นมา
นึกไม่ถึงว่าจะให้ตนกับเขาแต่งงานกัน หาเรื่องตายจริง ๆ!
เขาถึงขั้นที่ยังสู้หลินโป๋หลายไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ขอบคุณนะคะ”
รอจนหลังจากถังเฉากับหลินชิงเสว่เดินเข้ามาแล้ว เย่หรูอี้ก็แสดงความขอบคุณต่อถังเฉา
ถังเฉาโบกไม้โบกมือ “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก จะขอบคุณก็ต้องขอบคุณภรรยาของผม”
เย่หรูอี้ยิ้มแย้ม “ฉันรู้ค่ะ”
แต่ว่าเธอเผชิญหน้ากับหลินชิงเสว่ กลับไม่ได้กล่าวขอบคุณ แต่เป็นพูดประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา “ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะออกหน้าให้ฉัน”
รอยยิ้มของหลินชิงเสว่มีแววเสียดสีอยู่บ้าง “หรือว่าฉันในสายตาของคุณจะมีจิตใจคับแคบขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เย่หรูอี้ตกใจเล็กน้อย ส่ายศีรษะประเดี๋ยวหนึ่ง “เปล่าค่ะ ฉันคิดว่าคุณจะยังเจ็บแค้นฉันอยู่ เพราะว่าฉันทำกรุ๊ปของคุณพัง…”
“นั่นเป็นความสามารถของคุณ ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ”
คิดไม่ถึงว่าหลินชิงเสว่จะตัดบทของเธอไปตรง ๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ความเสียหายนี้อาจเป็นของคุณในภายหลังก็ได้ เรื่องร้าย ๆ อาจจะกลายเป็นเรื่องดี ๆ ก็ได้ ตอนนี้บริษัทของฉันพังกฎเก่าแล้วสร้างกฎขึ้นมาใหม่ พัฒนาได้ดียิ่งขึ้น”
ได้ยินอย่างนั้นแล้วเย่หรูอี้ก็ยิ้ม ถือโอกาสไม่พูดจา
“ตอนนี้คุณตั้งใจจะทำยังไง?”
ลั่วเยนอวิ๋นไม่รู้เอาหมากฝรั่งมาจากไหน เป่าลมไปด้วยเอ่ยถามไปด้วย
เย่หรูอี้ขมวดคิ้วแน่นทันที
การประชุมในวันนี้ ควรจะสามัคคีกันมากขึ้น กลับถูกเย่เซ่าเตี๋ยทำลายไปแล้ว
เธอสูญเสียอำนาจในการเป็นตัวแทนตระกูลเย่ไปเข้าร่วมประชุมแดนเหนือไปแล้ว อีกทั้งยอดฝีมือห้าคนของถังหลินก็ล้วนแต่ถูกถังเฉาทำให้บาดเจ็บในระดับที่แตกต่างกัน
สภาพการณ์เช่นนี้ ถือได้ว่าระเนระนาดแล้ว
“เย่เซ่าเตี๋ย เธอสมควรตาย…”
เย่หรูอี้กำหมัดแน่น บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธอย่างรุนแรง
“บางทีอาจจะยังไม่แย่ขนาดนั้นนะ”
ถังเฉาเอ่ยปากกะทันหัน ทันใดนั้นก็ดึงดูดสายตาของทุกคนได้
“คุณมีวิธีหรือคะ?”
เย่หรูอี้เอ่ยถาม
หลินชิงเสว่ขมวดคิ้ว ถังเฉาถูกสมาคมการต่อสู้แบนไปแล้ว เขาจะยังมีวิธีอะไรอยู่อีก?
ถังเฉายิ้มอย่างเย็นชา “ง่ายมาก ผมลงสนามไม่ได้ เปลี่ยนคนลงสนามแทนก็จบแล้วไหม?”
พอคำนี้ลั่นออกมา ทุกคนที่เดิมทีหูผึ่งกันอยู่ก็ย้ายสายตาไปทันที
พวกเธอยังนึกว่าถังเฉาจะมีวิธีดี ๆ อะไร
พูดไปก็เหมือนไม่ได้พูด!
“คิดว่าฉันไม่เคยคิดหรือคะ? แต่ตอนนี้ยอดฝีมือและผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ก็ต่างมีนายเป็นของตัวเองแล้ว ประชุมแดนเหนือก็ใกล้จะเริ่มแล้ว ฉันจะไปหาได้จากไหนคะ?”
เย่หรูอี้เอ่ยอย่างจนปัญญา
ต่อให้เก่งสักแค่ไหน แต่ถ้าขาดปัจจัย ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ สถานการณ์แบบนี้ เธอเองก็ไร้หนทางแล้ว
เดิมทีหลินชิงเสว่ก็ไม่สนับสนุนให้ถังเฉาขึ้นต่อสู้อยู่แล้ว สถานการณ์ในตอนนี้ กลับทำให้เธอสมใจปรารถนาด้วยซ้ำไป
“ในเมื่อคุณไม่ร่วมการแข่งขันแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เป็นผู้ชมอย่างตรงไปตรงมาเถอะ พยายามทำเรื่องที่มนุษย์จะทำได้ เชื่อฟังชะตาลิขิต!”
หลินชิงเสว่เอ่ยกับถังเฉาอย่างจริงจัง
โป๊ะ!
ลั่วเยนอวิ๋นเป่าฟองหมากฝรั่งจนแตก เหนียวติดไปทั้งปาก “หรือบางที การสมาคมตระกูลหลวงหลาย ๆ ตระกูลพวกนี้เดิมก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”
ถังเฉาเห็นด้วยกับวิธีพูดนี้
เก้าตระกูลหลวงในเยี่ยนตูที่ยิ่งใหญ่ ทุกตระกูลล้วนเห็นประโยชน์เป็นสำคัญ จัดตั้งสมาคม ใครได้ประโยชน์มาก ใครได้ประโยชน์น้อย คงจะต้องโต้เถียงกันไม่หยุดแน่ ๆ
ผลประโยชน์นี้ได้แบ่งสันปันส่วนปัญหากันไป เดิมทีก็ต้องแก้ไขกันในวันนี้
แต่ในตอนนี้ก็ใกล้จะวงแตกแล้ว จะพูดเรื่องประโยชน์อะไร?
“ไม่ได้!”
เย่หรูอี้เอ่ยอย่างมุ่งมั่น “สำหรับพวกคุณแล้วอาจจะไม่กระทบกระเทือนอะไร แต่สำหรับฉันแล้ว ฉันจำเป็นจะต้องคว้าเอาที่หนึ่งของงานประชุมครั้งนี้มาให้ได้!”
“เพราะอะไร?”
ถังเฉาเอ่ยถาม
เย่หรูอี้ลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายก็บอกเหตุผลออกมา
“เมืองเจียงเฉิง ฉันมาที่นี่ก็เพื่อคุณ แต่ก็มีเย่เซ่าเตี๋ยริเริ่ม ร่วมกันต่อต้านฉัน ฉันแต่งตั้งคำสั่งทหารแล้ว ถ้าเอาแชมป์ที่หนึ่งประชุมแดนเหนือมาไม่ได้ ฉันก็จะถูกขับไล่ออกจากตระกูลเย่”
“…”
ได้ยินอย่างนั้นสีหน้าของถังเฉาก็เปลี่ยนไปในทันที ไม่พูดอะไรอีก
หลินชิงเสว่ก็ชินแล้ว เกรงว่าชาตินี้ทั้งชาติ เย่หรูอี้จะไร้หนทางที่จะลบฐานะ ‘ภรรยาเก่า’ ออกไปจากใจได้
แน่นอนว่าไร้หนทางจะกลับมาเป็นภรรยาได้
เพียงแต่เหตุผลนี้ทำให้ลั่วเยนอวิ๋นไม่พอใจอยู่บ้าง
“ฉันก็ว่าทำไมเธอถึงมีความตั้งใจดี จะรวมตัวตระกูลหลวงอื่น ๆ มาลอบจู่โจมตระกูลฉินได้ขนาดนี้ ที่แท้ก็ทำเพื่อตัวเธอเอง!”
ลั่วเยนอวิ๋นพูดด้วยความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “นั่นเป็นคำสั่งทหารที่เธอตั้งขึ้นมาเอง เกี่ยวอะไรกันกับพวกเราด้วย? ฉันขอถอนตัว!”
เดิมทีลั่วเยนอวิ๋นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรอยู่แล้ว แน่นอนว่าจะต้องไม่ยินดีที่จะก่อเรื่องเป็นเพื่อนเย่หรูอี้
เห็นทุกคนล้วนแต่ต่อต้านตนเอง เย่หรูอี้ก็กลับไปนั่งยังที่นั่ง
เธอไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าใคร ๆ ก็รับรู้ได้ถึงเงียบเหงาและไม่ยอมเพียงลำพัง
หลินชิงเสว่ถอนหายใจยาว ๆ เฮือกหนึ่ง
ที่จริงแล้วเธอกับเย่หรูอี้เป็นคนประเภทเดียวกัน
เดิมทีเธอเองก็ควรจะเปลี่ยนไปชั่วร้ายเหมือนกับเย่หรูอี้ แต่เธอก็ไม่
เพราะว่าข้าง ๆ เธอมีหลินจ้าวหยูน มีถังเสี่ยวลี้
และก็มีถังเฉา
เธอกลับไม่มีอะไรเลย
ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนแต่โดดเดี่ยวตัวคนเดียว
ถังเฉาก็เหมือนกับพระอาทิตย์ดวงหนึ่งที่เต็มไปด้วยแสงสว่างและความร้อน ดึงดูดเธอที่ตกอยู่ในความมืดขึ้นมา
มักจะมองดูเย่หรูอี้โผเข้ามาราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ เธอล้วนแต่รู้สึกอย่างหนึ่งว่า ดูเหมือนว่าตัวเธอเองนั่นแหละที่เป็นบุคคลที่สามคนนั้น
ถึงอย่างไรเสีย ถ้าหากไม่มีการพบกันหลังจากไม่ได้เจอมานานที่ไม่ค่อยน่ายินดีเมื่อห้าปีก่อนนั่น ถังเฉาก็ไม่มีทางโผล่มาอยู่ในชีวิตเธอ
ภรรยาของเขาชื่อว่าซ่งหรูอี้ เขาเป็นลูกเขยแต่เข้าบ้านตระกูลซ่ง
บางทีในช่วงเวลาห้าปี ความจริงใจและการปกป้องของถังเฉาอาจจะสามารถทำให้เย่หรูอี้ทลายกำแพงของตัวเองได้
แต่ว่าเรื่องของความรัก ใครจะสามารถพูดได้อย่างชัดเจนกันล่ะ?
ต่อให้เห็นใจเธอ สงสารเธอมากกว่านี้ หลินชิงเสว่ก็ไม่มีทางยอม
“ช้าก่อน! ที่ผมยังมีคนอยู่”
ถังเฉาที่เงียบมาโดยตลอดเอ่ยปากพูดออกมากะทันหัน
เย่หรูอี้ที่เดิมอารมณ์ดิ่งอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาทันที
แม้แต่หลินชิงเสว่กับลั่วเยนอวิ๋นก็ล้วนแต่มองมาด้วยความประหลาดใจ
“คุณยังมีใครอีกคะ?”
ถังเฉาหรี่ตาลงน้อย ๆ พิจารณาเย่หรูอี้แล้วเอ่ยว่า “ผมยังมีคนที่สามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้อยู่”
“ใครคะ?”
เย่หรูอี้เอ่ยถาม
ถังเฉาเล่าสถานการณ์ของสมาคมการต่อสู้หมิงจูออกมา
“ตอนนี้สมาคมการต่อสู้หมิงจูเป็นของผม ประธานสมาคมในตอนนี้คือเย่เทียนหลงจากตระกูลเย่ในเมืองหมิงจู สรุปแล้วศักยภาพไม่แตกต่างกับสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิงสักเท่าไหร่ ถ้าหากคุณไม่รังเกียจ ผมสามารถให้พวกเขามาที่นี่ได้”
บึ้ม!
พอประโยคนี้ลั่นออกมา ไม่เพียงแต่เย่หรูอี้ แม้แต่หลินชิงเสว่กับลั่วเยนอวิ๋นก็มองถังเฉาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ตอนนี้พวกเธอรู้เพียงว่าอำนาจอิทธิพลส่วนใหญ่ในเมืองหมิงจูล้วนแต่สวามิภักดิ์ต่อถังเฉา ไม่ได้คิดถึงเลยว่าแม้แต่สมาคมการต่อสู้ก็ยังอยู่ในอำนาจของเขา
“เย่เทียนหลง…”
เย่หรูอี้ขมวดคิ้ว เธอเคยได้ยินชื่อนี้ แต่ไม่เคยพบ
เงียบอยู่เป็นนาน เธอก็เอ่ยกับถังเฉาว่า “เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว ไม่มีหนทางแล้ว พยายามทำทุกวิถีทางเถอะ คนที่คุณพามา ฉันเชื่อมั่นค่ะ!”
ถังเฉายิ้ม “ดี ผมจะรีบเรียกเขามาทันที”
“ชิงเสว่ คุณกับคุณน้าไปจากที่นี่เถอะ รอแก้ไขเรื่องจบแล้วผมค่อยมาใหม่”
“ค่ะ”
หลินชิงเสว่กับลั่วเยนอวิ๋นไปจากที่นี่ด้วยความรวดเร็ว
ห้องทำงานก็เหลือเพียงถังเฉากับเย่หรูอี้สองคน
“ขอบคุณค่ะ”
เย่หรูอี้พูดขอบคุณถังเฉาอีกครั้ง
ถังเฉามองเธอครั้งหนึ่ง “คุณไม่ต้องขอบคุณผม ผมไม่ได้ช่วยคุณเพราะเห็นแก่เรื่องเมื่อก่อน แต่ว่า ช่วยคุณรับมือกับเรื่องของตระกูลก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“ขอบคุณค่ะ”
ดวงตาของเย่หรูอี้มีน้ำตาไหลออกมาทันที เธอหลั่งน้ำตาไปด้วยยิ้มไปด้วย
“คุณร้องไห้ทำไม?”
สีหน้าของถังเฉาเปลี่ยนไป
เย่หรูอี้ไม่ได้ตอบคำถามของถังเฉา กลับมองเขาแล้วพูดว่า “ถังเฉา คุณเพียงแค่ต้องรู้เอาไว้เรื่องหนึ่ง ว่าไม่ว่าฉันทำเรื่องอะไร ฉันล้วนแต่ไม่ทำร้ายคุณก็พอแล้ว”
“หมายความว่ายังไง?”
สีหน้าของถังเฉาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม
ครั้งที่แล้วเย่หรูอี้ก็เคยพูดประโยคลึกลับซับซ้อนไม่ต่างกับตอนนี้ ไม่นาน เธอก็ทำบริษัทของหลินชิงเสว่พัง
ตอนนี้ได้ยินคำพูดแบบนี้ ในใจของถังเฉาก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง
เย่หรูอี้กลับไม่ยินดีจะพูดอะไรออกมา
ถังเฉาเก็บความสงสัยเอาไว้ รอการมาของเย่เทียนหลง
หลังจากราว ๆ สี่สิบนาทีผ่านไป เย่เทียนหลงก็เดินก้าวยาว ๆ เข้ามาในห้องทำงาน
“คุณถัง ไม่ได้เจอกันนานนะครับ!”
ด้านหลังมีจ้าวเย็นหรานตามมา ยังคงสวมชุดกระโปรงยาวสีแดงทั้งตัว พอมองเห็นถังเฉาใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ได้เจอกันนาน”
ถังเฉาทักทาย จากนั้นก็เดินไปอยู่ตรงหน้าของเย่เทียนหลง ชกเข้าไปที่กล้ามเนื้อล่ำ ๆ ของเย่เทียนหลง ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ดูเหมือนช่วงนี้จะไม่ได้อู้ ผลงานเป็นที่น่าชื่นชมนี่”
เย่เทียนหลงแสยะปากยิ้ม “คุณถังครับ ผมไม่กล้าอู้หรอกครับ ช่วงนี้ฝึกตามวิธีของครูผู้ฝึกเจียงมาโดยตลอดเลยล่ะครับ ฝึกจนมีแรงภายในแล้วครับ”
“อย่างนั้นหรือ?”
ถังเฉาหรี่ตาลง “มา ต่อยฉันเต็มแรงหมัดหนึ่ง”
เย่เทียนหลงไม่ได้ปฏิเสธ รวมกำลังทั้งหมดอย่างเต็มที่ อัดเข้าไปที่ถังเฉาอย่างแรง ๆ หนึ่งหมัด
พลัก!
ถังเฉาเอาฝ่ามือสกัดไว้ สัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งอย่างคาดไม่ถึง
บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ไม่เลว เป็นแรงภายในจริง ๆ”
ได้รับการยืนยันจากถังเฉา เย่เทียนหลงก็ตื่นเต้นสุดประมาณ
“ที่ผมเรียกคุณมา เพื่อให้คุณมาเป็นตัวแทนตระกูลเย่เข้าร่วมประชุมแดนเหนือ เธอเป็นตัวแทนของตระกูลเย่ในครั้งนี้”
ถังเฉาชี้ไปที่เย่หรูอี้แล้วเอ่ยขึ้น
“ซ่งหรูอี้?”
เย่เทียนหลงกับจ้าวเย็นหรานสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
เย่หรูอี้เองก็มองเย่เทียนหลงนิ่ง ๆ ทันใดนั้นก็เดินไปใกล้ ๆ เขา เอ่ยถามว่า “คุณคือเย่เทียนหลงใช่ไหมคะ?”
ใบหน้าของเย่เทียนหลงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ใช่สิครับ ทำไมหรือครับ?”
“สายรัดข้อมือเส้นนี้ คุณได้มาจากไหนคะ?”
เย่หรูอี้จ้องสายรัดข้อมือเรียบ ๆ เส้นหนึ่งบนข้อมือของเย่เทียนหลงเขม็ง เอ่ยถามเสียงสั่น