เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 558
เสียงของเย่หรูอี้สั่น ดวงตาถึงขั้นมีหยาดน้ำตา
ตั้งแต่ต้นจนจบ สายตาก็ตกอยู่บนสายรัดข้อมือเรียบง่ายของเย่เทียนหลงมาโดยตลอด
“หืม?”
ความผิดปกติของเย่หรูอี้ดึงดูดความสนใจของถังเฉากับจ้าวเย็นหรานไป
ทั้งสองคนมองกันครั้งหนึ่ง มองความไม่แน่ใจและความประหลาดใจมาจากในดวงตานั้นออก
ถังเฉารู้นิสัยของเย่หรูอี้ น้อยมากที่อารมณ์ของเธอจะขึ้น ๆ ลง ๆ
ไม่เปลี่ยนสีหน้าต่อหน้าของญาติสนิทมิตรสหาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงต่อหน้าคนแปลกหน้าเลย
ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด เย่หรูอี้มองเห็นสิ่งที่ตนเองใส่ใจแล้ว
“สายรัดข้อมือ?”
เย่เทียนหลงเองก็ตะลึงไป ก้มศีรษะมองดูพักหนึ่ง ตัวเองก็ยิ้มขึ้น
“นี่น่ะ นี่เป็นสิ่งที่แม่ที่จากโลกนี้ไปแล้วของผมให้ผมมาน่ะ ถือว่าเป็นมรดกของผมเลย ผมสวมติดมือมาโดยตลอด ดูแลรักษาเป็นอย่างดี”
พอพูดถึงมารดาของตน บนใบหน้าของเย่เทียนหลงก็ปรากฎความอ่อนโยนและรอยยิ้มออกมา
ตอนที่เย่เทียนหลงพูดถึง ‘แม่ที่จากโลกนี้ไปแล้ว’ ร่างกายของเย่หรูอี้ก็สั่นไหวน้อย ๆ
หลังจากนั้น น้ำตาเม็ดโตก็ร่วงพราวลงมา ตัวเองก็นั่งลงบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง
“คุณซ่ง…. คุณเย่ คุณเป็นอะไรครับ?”
การตอบสนองของเย่หรูอี้ผิดปกติ และก็ดึงดูดความสนใจของเย่เทียนหลงไป บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความไม่แน่ใจ
ความทรงจำที่เกี่ยวกับเย่หรูอี้ เย่เทียนหลงยังคงหยุดอยู่ที่สาวงามของตระกูลซ่งแห่งเมืองหมิงจู จนกระทั่งตอนนี้ ทั้งสองคนเพิ่งจะได้พบกันอย่างเป็นทางการ
ถังเฉากับจ้าวเย็นหรานมองอย่างงง ๆ เนื้อหาเรื่องที่จะเป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุมแดนเหนือที่เดิมทีนัดมาคุยนั้น ก็ไม่ได้พูดออกมาสักคำ
เพียงเพราะว่าสายรัดข้อมือเส้นนี้บนข้อมือของเย่เทียนหลง
“เย่เทียนหลง ก็แซ่เย่…”
พอคิดถึงความสัมพันธ์ขั้นนี้ รูม่านตาของถังเฉากับจ้าวเย็นหรานก็หดลงในเวลาเดียวกันอย่างรวดเร็วทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ถ้าหากการคาดคะเนนี้ถูกต้อง นั่นก็เป็นไปได้เป็นอย่างมากว่าจะสามารถเปิดเผยความจริงของเย่หรูอี้ได้
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มองดูเย่หรูอี้ที่ร้องไห้อย่างไร้เสียงแล้ว ในใจของเย่เทียนหลงก็เจ็บโดยไม่มีเหตุผล
ปฏิกิริยาโต้ตอบที่พูดได้ไม่ชัดเจน ส่งเข้ามาภายในใจของเขา
ตุบ ๆ…
ตุบ ๆ ๆ!
หัวใจของเขาเต้นรัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน
รอจนอารมณ์ของเย่หรูอี้มั่นคงขึ้นบ้างแล้ว เย่หรูอี้ก็ล้วงเอาสายรัดข้อมือเส้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า
“นี่คือของฉันค่ะ”
เย่หรูอี้ส่งสายรัดข้อมือไปในมือของเย่เทียนหลง
มองดูสายรัดข้อมือที่สีซีดแล้ว ร่างกายของเย่เทียนหลงก็สั่นสะท้านทันที
“นี่ สายรัดข้อมือนี้คือ……”
รูม่านตาของเย่เทียนหลงขยายกว้าง มองดูสายรัดข้อมือสองสีนี้ ริมฝีปากก็ขมุบขมิบ แม้แต่ประโยคที่สมบูรณ์ประโยคหนึ่งกลับพูดได้ไม่จบ
สีของสายรัดข้อมือนั้นซีดจางไปแล้ว แต่ยังสามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจน
นึกไม่ถึงว่านี่จะเป็นชุดเดียวกันกับของที่เย่เทียนหลงสวมใส่ไว้ที่ข้อมือ
ชัดเจนว่ามาจากฝีมือของคนคนเดียวกัน!
“นี่เป็นสิ่งที่แม่ของฉันทิ้งไว้ให้ฉันในวันที่แยกจากฉันไป เธอสั่งให้ฉันรักษาไว้ให้ดี บอกกับฉันว่าถ้าหากภายภาคหน้ามีจริง ๆ ละก็ ให้ใช้สายรัดข้อมือนี้ตามหาน้องชายที่หายไป”
เย่หรูอี้เล่าเรื่องอย่างสงบ
ถึงแม้ว่าสภาพอารมณ์จะกลับคืนสู่ความสงบแล้ว แต่บนใบหน้ายังมีคราบน้ำตาอยู่
ถึงเฉามองดูอยู่ข้าง ๆ นี่เป็นเย่หรูอี้ที่มีอารมณ์หวั่นไหวที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา
คำพูดของเธอไม่หนักแน่น แต่พออยู่ในหูของเย่เทียนหลง กลับเทียบได้กับฟ้าร้อง
ตอนที่กำลังมองสายรัดข้อมือชนิดเดียวกันนั้น เขาก็รู้แล้วว่าเย่หรูอี้ก็คือพี่สาวแท้ ๆ ของเขา
แต่พอหลังจากที่เย่หรูอี้พูดออกมาเองกับปาก เย่เทียนหลงก็ยังคงหวั่นไหวอย่างถึงที่สุด
ลูกผู้ชายอกสามศอกน้ำตาไหลรินอย่างคาดไม่ถึง
“พี่ครับ!”
เย่เทียนหลงคุกเข่าลงตรงหน้าของเย่หรูอี้ดังตุบ
ถึงแม้ว่าเย่หรูอี้จะไม่ได้น้ำตาไหลเหมือนกับก่อนหน้านี้แล้ว แต่ดวงตาทั้งคู่ของเธอก็ชุ่มชื้น
“ที่แท้คนที่ฉันจะตามหาก็คือนาย เย่เทียนหลง แซ่เย่ ที่จริงฉันควรจะคิดได้ตั้งนานแล้ว…”
เย่หรูอี้พูดพึมพำกับตัวเอง รีบร้อนพยุงเย่เทียนหลงขึ้นมาทันที
และจ้าวเย็นหรานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ช็อกตาตั้งไปแล้ว
เหมือนกับที่พวกเขาคิด เย่หรูอี้เป็นพี่สาวของเย่เทียนหลง
“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าพวกเขาจะเป็นครอบครัวเดียวกัน…”
พอตั้งสติได้ ถังเฉาเองก็ทอดถอนใจเป็นอย่างมาก
จ้าวเย็นหรานเองก็ตื้นตันใจจนดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ดีใจแทนพี่ชายตัวเองจากใจ
“เดิมที่ฉันคิดว่าพี่เทียนหลงจะเป็นเพียงแค่ลูกนอกสมรสที่เสี่ยที่ไหนมาไข่ทิ้งไว้ นึกไม่ถึงเลยว่าพี่สาวของเขาจะเป็นซ่งหรูอี้…”
พอตั้งสติได้ จ้าวเย็นหรานก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาภายหลังในทันที
จ้าวเหล่าลิ่วพ่อของเธอ เมื่อตอนนั้นคนที่นอนอยู่หรือจะเป็นแม่ของซ่งหรูอี้!
ถ้าหากว่าเรื่องนี้ถูกซ่งอี้หรูรู้เข้าเร็วกว่านี้ละก็ ตระกูลจ้าวจะยังสามารถอยู่มาได้ถึงตอนนี้ไหม?
คงจะถูกซ่งหรูอี้ฆ่าล้างโคตรไปนานแล้ว!
แม้ว่าจะเป็นถังเฉา ก็ยังต้องใช้เวลานานมากถึงจะเคลียร์ความสัมพันธ์ภายในได้อย่างชัดเจน
เย่หรูอี้เป็นคนในตระกูลเย่ และเย่เทียนหลงเป็นน้องชายของเย่หรูอี้
ทั้งสองคนเป็นพี่น้องต่างพ่อกัน
ในนี้นึกไม่ถึงเลยว่าจะยึดโยงไปถึงอิทธิพลของตระกูลเย่ ตระกูลจ้าว ตระกูลซ่ง และตระกูลเย่สี่ตระกูลใหญ่ ซับซ้อนยิ่งกว่าเขาวงกตจริง ๆ
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ถังเฉาไม่แน่ใจนั่นก็คือ ในเมื่อพวกเขาเป็นพี่สาวน้องชายกัน แล้วทำไมจะต้องแยกกันด้วย?
และอีกอย่างตอนนั้นเย่หรูอี้เปลี่ยนชื่อเป็นซ่งหรูอี้ ทำไมไม่เป็น ‘จ้าวอี้หรู’ ล่ะ?
เย่หรูอี้เองก็เผยความจริงอย่างหาได้ยาก กระดาษทิชชูที่อยู่ตรงหน้ากองสุมกันราวกับภูเขา
ดวงตาทั้งสองข้างของเธอแดงก่ำ ดวงตาร้องไห้จนบวมเป่ง
เย่เทียนหลงเองก็ร้องออกมาแล้ว แต่ก็ไม่มีใครขำขันเขา
“เทียนหลง แม่ตายอย่างไร?”
เย่หรูอี้เอ่ยปากถาม น้ำเสียงเย็นชาถึงขีดสุด
จ้าวเย็นหรานที่อยู่ข้าง ๆ ถอยไปหนึ่งก้าวทันที สายตาหวาดผวาถึงขีดสุด
ใคร ๆ ก็รู้ว่าจุดประสงค์ที่เย่หรูอี้ถามคำถามนี้คืออะไร
แก้แค้นให้มารดา!
แถมเธอยังเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของจ้าวเหล่าลิ่ว ถ้าหากถูกเย่หรูอี้นึกถึงละก็ สิบชีวิตก็ไม่พอให้เธอใช้!
เย่เทียนหลงยิ้ม “แม่ฆ่าตัวตายครับ คนที่บีบบังคับให้แม่ต้องจบชีวิตก็ตายไปแล้วล่ะครับ”
“อย่างนั้นหรือ…”
รังสีสังหารบนร่างของเย่หรูอี้หายไปจนหมด
หันกลับไปมองจ้าวเย็นหรานทีหนึ่ง
สายตาเรียบนิ่งมาก แต่ก็ยังคงข่มขู่จนจ้าวเย็นหรานร้อนรนจนอยู่ไม่เป็นสุข
ในตอนที่เธอยังเป็นซ่งหรูอี้นั้นเธอก็รู้มาตั้งนานแล้วว่าตนเองมาจากตระกูลเย่แห่งเยี่ยนตู
เพียงแต่ว่าตอนนั้นสถานการณ์บีบบังคับ เธอตั้งใจเปลี่ยนนามสกุลเป็นตระกูลซ่งเป็นพิเศษเพื่อที่จะเอาอกเอาใจตระกูลซ่ง
เธอเคยค้นข้อมูลของเย่เทียนหลง รู้ว่าเขาเป็นลูกนอกสมรสของจ้าวเหล่าลิ่ว
เย่เทียนหลงซ่อนตัวอยู่ที่ตระกูลจ้าว เพื่อที่จะแก้แค้นแทนมารดาของเธอ
แม่ของเขาตายอย่างไร ในใจของเย่หรูอี้กระจ่างดีที่สุด
โชคดีเหมือนกันที่ตอนนี้จ้าวเหล่าลิ่วตายไปแล้ว ไม่อย่างนั้น หากตกอยู่ในกำมือของเย่หรูอี้ เขาจะต้องตายอย่างน่าเวทนายิ่งกว่า
เย่เทียนหลงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมาว่า “พี่ครับ ทำไมเมื่อก่อนพี่อยู่ที่ตระกูลซ่ง ไม่ใช่อยู่ด้วยกันกับผมล่ะครับ?”
ถ้าหากตอนเด็ก ๆ เย่หรูอี้อยู่ด้วยกันกับเขา บางทีเขาอาจจะไม่ถูกความแค้นบังตาก็ได้
เย่หรูอี้มองไปที่ขอบฟ้า พูดอย่างช้า ๆ
“แม่ของพวกเรามีชื่อว่าเย่ซู เดิมทีเป็นแค่สาวรับใช้ธรรมดา ๆ ของตระกูลเย่คนหนึ่ง”
“แต่อยู่มาวันหนึ่ง คนตระกูลเย่คนหนึ่งที่ชื่อว่าเย่จงซือดื่มเหล้าเมามาย ทำให้เธอด่างพร้อย ดังนั้นจึงมีฉันขึ้นมา”
“ฉันกับแม่จะมีตัวตนอยู่กับตระกูลเย่ที่มีฐานะสูงส่งได้อย่างไร? แม่ซ่อนฉันมาห้าปี สุดท้ายก็ซ่อนไว้ไม่มิด ในคืนหนึ่งที่มีพายุฝน พวกเราโดนขับไล่ออกจากบ้านโดยที่ไม่มีอะไรติดตัวนอกจากเสื้อผ้า”
“พูดไปก็เป็นการเสียดสีนะ การที่ฉันมาอยู่บนโลกใบนี้เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุหนึ่ง แต่กลับมีสายเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุดจากทั้งตระกูลเย่ นี่ก็คือเหตุผลที่พวกเขาเชิญฉันกลับมา!”
ถังเฉากับเย่เทียนหลงล้วนแต่ฟังเรื่องราวในชีวิตของเย่หรูอี้อย่างเงียบ ๆ
ตอนที่ได้ยินชื่อของเย่จงซือนี้ หัวใจของเขาก็เต้นตุบตับ
ตอนที่หลินชิงเสว่กำลังแนะนำเย่เซ่าเตี๋ยนั้น ได้เคยพูดถึงผู้ชายอื่นอีกหนึ่งคน
เย่จงเวิ่น
เย่จงซือ หรือว่าจะเป็นพ่อของเย่จงเวิ่น?
เย่เทียนหลงก็ยิ่งเงียบอย่างเหนือความคาดหมาย ไม่ได้ตัดบท
“หลังจากมาถึงเมืองหมิงจู ฉันกับแม่ของฉันก็ร่อนเร่อยู่ข้างนอกมาโดยตลอด อดทนต่อการเดินทางที่ยากลำบาก ถึงขั้นที่แม่คุกเข่าอยู่หน้าร้านของคนอื่นทั้งคืนเพื่อที่จะให้ฉันได้กินอิ่ม ต่อมาคนใจดีคนนั้นก็ทนมองต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ เอาบะหมี่ร้อนให้ฉันกินชามหนึ่ง แม่ไม่ได้กินแม้แต่คำเดียว ให้ฉันกินทั้งหมด ในสายตาของฉัน เธอเป็นแม่ที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้”
เย่หรูอี้รำลึกอดีตแล้วเอ่ยขึ้น “แต่เรื่องแบบเดียวกันก็เกิดขึ้นอีก”
“แม่ทำงานข้างนอกเยอะมาก หนึ่งในนั้นก็คือเป็นสาวเชียร์เบียร์ในร้านคาราโอเกะร้านหนึ่ง คืนนั้นเธอไม่ได้กลับมา ฉันก็รู้แล้วว่าเกิดเรื่องขึ้น รอจนถึงตอนที่ฉันเร่งไปถึง แม่ของฉันก็นอนใกล้จะหมดลมหายใจอยู่บนพื้นแล้ว คนที่ข่มขืนได้จากไปแล้ว”
“หลังจากนั้นมา ท้องของแม่ฉันก็โตขึ้นทุกวัน ๆ หลังจากนั้นก็มีนาย”
เย่หรูอี้มองไปยังเย่เทียนหลง
ร่างกายของเย่เทียนหลงสั่นเบา ๆ คำรามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “จ้าวเหล่าลิ่ว แกตายไปก็ไม่อาจลบล้างความผิดทั้งหมดได้!”
ถังเฉาเงียบ ไม่มีความสงสัยเลยสักนิด คนที่ข่มขืนคนนั้นก็คือจ้าวเหล่าลิ่ว
จ้าวเย็นหรานยิ่งไม่มีความกล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา
บ้านของพวกเธอติดค้างเย่หรูอี้นี่!
“ต่อมาเทียนหลง นายเกิดออกมาแล้ว แต่ครอบครัวของเราสิ้นไร้ไม้ตอก เลี้ยงเด็กสองคนไม่ได้โดยสิ้นเชิง”
“วันนี้แม่พูดว่า จะต้องสละลูกไปคนหนึ่ง ฉันก็คือคนที่ถูกละทิ้งคนนั้น”
เย่หรูอี้พูดเรื่องนี้ออกมาอย่างสงบ
สีหน้าของถังเฉาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ในตอนนั้นเย่หรูอี้เพียงแค่ห้าขวบเองมั้ง?
ดวงตาทั้งคู่ของเย่เทียนหลงแดงก่ำ เอ่ยเสียงแหบแห้งว่า “พี่ครับ ผมผิดต่อพี่…”
ตอนนั้นแนวคิดเห็นผู้ชายดีกว่าผู้หญิงนั้นรุนแรงมาก บางทีเย่ซูอาจจะให้ความเสมอภาคเหมือนกันทุกคน
แต่ปัจจัยครอบครัวไม่มีหนทางที่จะไม่ยินยอม ท้ายที่สุดแล้วก็ละทิ้งเย่หรูอี้ที่เป็นลูกสาว
“ญาติห่าง ๆ คนหนึ่งของแม่ฉันแต่งเข้าไปในตระกูลซ่ง แล้วแม่ของฉันก็ยึดเอาความสัมพันธ์อันน้อยนิด ภายใต้การขอร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าของแม่ ตระกูลซ่งจึงยินยอมรับฉันไปเลี้ยง”
เย่หรูอี้พูดเบา ๆ ว่า “ตอนที่แยกจากกัน แม่เอาสายรัดข้อมือนี้ให้ฉัน บอกฉันว่าต้องรักษามันไว้ให้ดี ต่อไปโตขึ้นแล้ว ให้อาศัยสิ่งนี้ตามหาน้องชาย ฉันตามหานายมาตลอด ดีที่ตอนนี้หาเจอแล้ว น่าเสียดายที่ฉากนี้แม่มองไม่เห็นแล้ว”
ต่อไปก็เป็นยุคของซ่งหรูอี้แล้ว
เรื่องราวในชีวิตของเย่หรูอี้ได้เปิดเผยออกมาทั้งหมดแล้ว แต่ถังเฉาที่เข้าใจความจริงทั้งหมดแล้วก็เกิดความเห็นอกเห็นใจต่อเย่หรูอี้มากขึ้น
ไม่มีใครที่เกิดมาแล้วก็โหดเหี้ยมอำมหิตเลย เย่หรูอี้ผ่านอะไรมามากกว่าคนอื่น ดังนั้นถึงได้รู้กฎของการมีชีวิตที่ผู้ชนะได้เป็นราชาผู้แพ้เป็นผู้ร้ายนั้นดี
เย่เทียนหลงที่เป็นผู้ชายแมน ๆ คนหนึ่งได้ร้องไห้ฟูมฟายไปแล้ว
“พี่ครับ ตอนนี้พวกเราจำกันได้แล้ว พี่เป็นพี่สาวของผม ต่อไปใครจะมารังแกพี่ไม่ได้!”
เย่เทียนหลงกัดฟันพูด
เย่อี้หรูยกมุมปากขึ้น ยิ้มออกมา “งั้นต่อไปถ้าหากวันหนึ่ง ฉันกับคุณถังของนายไม่ใช่เขาตายก็เป็นฉันตาย นายจะช่วยใคร?”
“นี่…”
เย่เทียนหลงตกอยู่ในอันตรายทันที
“ล้อเล่นน่า”
เย่หรูอี้พูดทีเล่นทีจริง
ถังเฉากลับมองเย่หรูอี้หนึ่งครั้งด้วยสายตาเข้มงวด “ดังนั้น สาเหตุที่คุณกลับมาที่ตระกูลเย่ก็เพราะต้องการจะคุมอำนาจ จากนั้นก็แก้แค้นเย่จงซือนั่น ถูกไหม?”
“ใช่! ฉันจะล้างแค้น! แม่ฉันจะตายฟรีไม่ได้!”
เย่อี้หรูเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ในดวงตาทั้งคู่มีรังสีสังหารอยู่ทั่ว
บทที่ 558 เด็กกำพร้าตระกูลเย่