เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 569
ห้ะ!
พอเฟิ่งหวงเดินเข้ามา อุณหภูมิในห้องก็ลดลงไม่น้อย
นักฆ่าอันดับหนึ่งของโลก ของแท้แน่นอน
โดยเฉพาะดวงตาสีเลือดที่ราวกับโชกไปด้วยเลือดคู่นั้นของเธอ ยิ่งทำให้น่ากลัวมากขึ้น
“ใช่ ใช่เธอจริงๆด้วย?!”
พอเห็นเฟิ่งหวง หลินโป๋หลายสีหน้าก็ซีดขาวทันที ร่วงตกจากโซฟาล้มลงบนพื้น แทบจะเป็นลมล้มทับไป!
ไม่ใช่ว่าเขารักตัวกลัวตายอะไร แต่เขาเคยมีประสบการณ์อันเลวร้ายกับเฟิ่งหวงมาแล้ว
ถึงยังไง เมื่อก่อนเขาก็เคยถูกเฟิ่งหวงตามไล่ฆ่า
ถ้าไม่ได้ชายค้างคาวช่วยเขาเอาไว้ เขาก็คงตายคาดาบของเฟิ่งหวงไปแล้ว
ชายค้างคาวกลับรั้งเขาเอาไว้“ใจเย็นก่อน ตอนนี้เธออยู่ฝ่ายของพวกเรา”
“หือ?”
พอได้ฟังแบบนั้น
หลินโป๋หลายจึงวางใจลงได้ แต่ก็ยังถามขึ้นอย่างไม่วางใจ“เธอ อยู่ฝ่ายเราแล้วเหรอ? ”
เฟิ่งหวงยิ้มอย่างเยาะเย้ย“คิดไม่ถึงว่าคนที่ฉันต้องร่วมงานด้วยก็คือคุณ ถ้ารู้ก่อน ตอนนั้นน่าจะฆ่าคุณให้รู้แล้วรู้รอดไปซะ”
หลินโป๋หลายสีหน้าโมโหทันที
แต่ ใจที่กังวลของเขาก็ปล่อยวางลงได้ เฟิ่งหวง ในตอนนี้ อยู่ฝ่ายตนเองจริงๆ
จู่ๆสีหน้าของหลินโป๋หลายก็เผยให้เห็นถึงความเย้ยหยัน มองเฟิ่งหวงพร้อมกับพูดขึ้น“ฉันจำได้ ว่าเธอเป็นบอดี้การ์ดของถังเฉา ไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงทรยศหักหลังเขา?”
เฟิ่งหวงสีหน้าเย็นชา ไม่ได้พูดอะไร
พอเฟิ่งหวงแสดงความอ่อนแอ หลินโป๋หลายก็เริ่มมีความกล้ามากขึ้น ยิ้มกว้างมากขึ้น
“ถังเฉารู้ว่าเธอหักหลังแล้วยัง? น่าจะไม่รู้สินะ ถ้ารู้ เขาจะโกรธไหมนะ?”
เฟิ่งหวงในตาแฝงไปด้วยความอำมหิต วินาทีต่อมา เธอก็โผล่ขึ้นมาตรงหน้าของหลินโป๋หลาย
ในมือถือดาบหนึ่งด้าม จ่อตรงคอของหลินโป๋หลายอย่างเฉียบคม
“ถ้าคุณพูดมาอีกคำเดียว เชื่อไหมฉันจะฆ่าคุณซะ?”
เฟิ่งหวงน้ำเสียงเย็นชา ดูไม่เหมือนกำลังพูดล้อเล่นอยู่เลยสักนิด
หลินโป๋หลายก็ตกใจเหมือนกัน แต่รู้ว่าเฟิ่งหวงไม่กล้าฆ่าตัวเองแน่นอน จึงกัดฟัน มองไปยังเย่หรูอี้พร้อมกับพูดขึ้น“หรูอี้ เธอเป็นนกสองหัว ถ้าวันนี้เธอสามารถหักหลังถังเฉาได้ ต่อไปก็สามารถหักหลังคุณได้เหมือนกัน คุณเชื่อเธออย่างนั้นเหรอ?”
เย่หรูอี้นิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไร แต่หันมองไปหาชายค้างคาว
ชายค้างคาวมองออกว่าหลินโป๋หลายเคียดแค้น แต่ก็ไม่ได้ห้ามปามอะไร พูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“แล้วคุณจะเอายังไง?”
แผนการนี้หลินโป๋หลายเป็นตัวแปลสำคัญมาก ดังนั้นจะให้ผิดพลาดไม่ได้
การที่จะข่มเฟิ่งหวงลงหน่อยมันก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่เหมือนกัน
หลินโป๋หลายยิ้มๆ“เธอเอะอะก็จะฆ่าผมตลอดเวลา ทำให้ผมรู้สึกหวาดกลัว”
ชายค้างคาวโยนปลอกคอเหล็กมาหนึ่งอัน“ใส่สิ่งนี้ให้กับเธอสิ”
“นี่มันอะไร?”
เฟิ่งหวงสีหน้าเปลี่ยนไป พูดถามขึ้น
“ไม่มีอะไร ก็แค่อุปกรณ์ที่เอาไว้ยับยั้งเธอก็เท่านั้น”
ชายค้างคาวพูดขึ้นนิ่งๆ“เขาพูดถูก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เธอทรยศพวกเรา ก็ต้องใส่สิ่งนี้ให้กับเธอชั่วคราวไว้ก่อน”
“รีโมทอยู่ในมือของหลินโป๋หลาย ถ้าเธอใช้กำลัง หรือว่าคุณรู้สึกว่าเธอทำผิดอะไร ก็กดปุ่มนี้ได้เลย ปลอกคอก็จะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมา”
ห้ะ!
พอคำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
เฟิ่งหวงหันตัวจะเดินจากไป แต่ชายค้างคาวควบคุมเธอเอาไว้
เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายค้างคาวเลยสักนิด
แกร๊ก
ที่คอของเฟิ่งหวง ถูกสวมปลอกคอเหล็กเอาไว้แล้ว
“ปล่อยฉัน!”
เฟิ่งหวงสีหน้าโมโห พยายามกระชากปลอกคออย่างสุดชีวิต แต่ไม่ได้ผลแม้แต่น้อย
ชายค้างคาวพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“เสียแรงเปล่า ปลอกคอนี้เธอแกะมันไม่ออกหรอก ต้องใช้กุญแจโดยเฉพาะเท่านั้นถึงจะเปิดออกได้ ถ้าเกิดใช้วิธีอื่นล่ะก็ ถ้าเกิดถูกทำลายจากแรงภายนอก มันก็จะปล่อยกระแสไฟฟ้าหนึ่งล้านโวลต์ออกมาทันที เธอก็จะถูกช็อตตายทั้งเป็น”
เฟิ่งหวงหยุดขัดขืน นั่งฟุบลงไปที่พื้นด้วยใบหน้าซีดขาว
หลักการของปลอกคอนี้ เหมือนกับของบางอย่างมาก
“ฮ่าๆๆ……”
หลินโป๋หลายยิ้มอย่างบ้าคลั่ง สำหรับเขาแล้ว นี่มันเป็นอุปกรณ์ที่ดีมากๆ
เขากดปุ่มนั้นไปโดยตรง
จี๊ดๆๆ!
ปลอกคอก็ปล่อยไฟฟ้าออกมาทันที
กระแสไฟฟ้าเดินไปทั่วร่างกายของเฟิ่งหวง
“โอ้ย……”
เฟิ่งหวงเหมือนกับกล้ามเนื้อเกร็งชักกระตุก ล้มกองลงไปที่พื้นทันที
เสียงร้องของเธอดังก้องไปทั่วห้อง
“ฮ่าๆๆๆ!”
หลินโป๋หลายรู้สึกตื่นเต้นสุดๆ ยิ้มอย่างบ้าคลั่ง
ไม่รู้ว่าทำไม พอเห็นเฟิ่งหวงคนที่อยากจะฆ่าตัวเองนอนกองอยู่กับพื้นอย่างไม่มีแรงขัดขืน ถูกคนรังแกโดยที่ไม่สามารถต่อต้านกลับได้ หลินโป๋หลายในใจก็รู้สึกพออกพอใจแปลกๆ
“มาฆ่าฉันสิ มาสิ!เธออยากจะฆ่าฉันใจจะขาดไม่ใช่หรือไง?”
หลินโป๋หลายพลิกกลับขึ้นมาเป็นฝ่ายกระทำ เดินมาข้างๆเฟิ่งหวง เตะเข้าไปที่ตัวเธออย่างแรง
ในห้องมีเสียงตบตี“ตุบๆๆ”ดังขึ้นมาไม่หยุดไม่หย่อน
ตอนนี้เฟิ่งหวงไร้ซึ่งเรี่ยวแรง เนื่องจากโดนไฟฟ้า หน้าผากของเธอโชกไปด้วยเหงื่อ
เธอพยายามประคองตัวเองค่อยๆคลานออกไปข้างนอกประตู
เธออยากที่จะหนีไปจากที่นี่
หลินโป๋หลายกระชากผมของเฟิ่งหวง ดึงเธอกลับเข้ามา
“คิดจะหนีเหรอ เธอหนีได้อย่างนั้นเหรอ? เธอดูสภาพตัวเองให้ดีๆ สภาพเยี่ยงสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง สัตว์เลี้ยงของฉัน เข้าใจไหม?”
หลินโป๋หลายหยิบกระจกมา วางไว้ตรงหน้าของเฟิ่งหวง ให้เธอส่องดูสภาพของตัวเอง
เย่หรูอี้นั่งอยู่ข้างๆพยายามทำเป็นสงบเสงี่ยม มองภาพตรงหน้า
ในใจของเธอหวาดกลัวถึงขีดสุด
เธอรู้สึกขึ้นมาได้ทันทีว่า การมาปฏิสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกับคนอันตรายแบบนี้ เท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ
แต่เธอหันหลังกลับไม่ได้แล้ว
ชายค้างคาวขมวดคิ้ว“พอแล้ว แค่จัดการให้พอเหมาะพอควรก็พอ ถ้าคุณจงใจจะระบายความโกรธแค้นของตัวเอง อย่ามาว่าผมแล้วกันถ้าผมจะเอารีโมทคืน”
หลินโป๋หลายไม่กล้าข่มเหงเฟิ่งหวงต่อ ปฏิเสธด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“เป็นไปได้ยังไง? ผมก็แค่จะทำให้เธอเคารพผมต่อจากนี้ไปก็เท่านั้นเอง”
เฟิ่งหวงนอนที่พื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง ในตามีน้ำตาไหลออกมาด้วยความอัปยศ
ต่อมาพวกเขาก็เริ่มปรึกษาพูดคุยแผนการกัน
ขณะที่ฟังไม่ค่อยชัด เฟิ่งหวงก็ได้ยินว่า‘ประชุมแดนเหนือ’
ประชุมแดนเหนือ สำหรับพวกเขาแล้ว เป็นช่องทางที่สำคัญมากๆ
ไม่นาน ชายค้างคาวก็ลุกขึ้นยืน
“ผมต้องใช้เธอ”
ชายค้างคาวพาเฟิ่งหวงมาข้างในห้อง
ในตอนนี้เฟิ่งหวงเริ่มมีเรี่ยวแรงกลับมาบ้างแล้ว เธอตระหนักได้อย่างชัดเจนว่า ชายค้างคาวก็คือยอดฝีมือที่ทำร้ายเธอจนบาดเจ็บสาหัสเมื่อครั้งก่อน
ตอนนั้นมีโอกาสที่จะฆ่าเธอ แต่กลับเมตตาไม่ลงมือฆ่าเธอ
“คุณเป็นใครกันแน่?”
เฟิ่งหวงหายใจหอบพร้อมกับพูดถามเขา
ชายค้างคาวยิ้มนิ่งๆ“ผมก็เหมือนกับคุณนั่นแหละ เป็นคนที่น่าสมเพช”
“หรือบอกว่า ผมมันน่าสมเพชมากกว่าคุณก็ได้”
เฟิ่งหวงไม่ได้พูดอะไร เธอรู้สึกได้ว่าชายค้างคาวไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าเธอ
เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ“ยังมีอีกหนึ่งจุดที่ผมเหมือนกับคุณ นั่นก็คือในหัวขอพวกเรา มีระเบิดฝังเอาไว้ แค่ประมาทนิดเดียว ตู้ม ระเบิดนี้ก็จะระเบิดออกมาทันที”