เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 584
หมัดนี้ซัดออกมาสุดเหี้ยมอย่างยากหาที่เปรียบได้ ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่ถังเฉาได้พบมาหลังจากกลับจากเมืองหลงเฉี่ยนแห่งแดนเหนือ ซึ่งก็พอจัดได้ให้อยู่ในห้าอันดับต้น
พื้นที่ภายในรถคับแคบ อีกทั้งถังเฉากับฉินกวนฉีก็นั่งหันหน้าชนกัน ฉะนั้น ระยะห่างของทั้งสองคนมีเพียงไม่กี่ฟุต
ฉินกวนฉีปล่อยหมัดไปอย่างกะทันหัน พุ่งตรงใส่หน้าของถังเฉา เป็นคนทั่วไปคงไม่มีทางหลบได้
ยิ่งไปกว่านั้นฉินกวนฉีก็คงมองเห็นแล้วว่าถังเฉาไม่มีทางหลบพ้นหมัดนี้แน่ ฉะนั้นในขณะที่ปล่อยหมัดออกไป ที่มุมปากเต็มไปด้วยรอยยิ้มกระหยิ่ม ดั่งเหมือนว่าได้มองเห็นภาพที่ถังเฉาโดนหมัดเข้าเต็มหน้าสลบเหมือดไปแล้ว
แต่ทว่า ถังเฉามีปฏิกิริยาตอบโต้ได้รวดเร็วมาก ย้อนให้เริ่มตั้งแต่ฉินกวนฉีกำลังปล่อยพุ่งหมัดออกมา ก็ได้ขยับตัวแล้ว
เขาแหงนตัวไปข้างหลังก่อน แนบติดแน่นกับหมอนไหมแท้ที่พนักพิงเบาะนั่งหลัง
หมัดที่ตามพุ่งตามเข้ามา ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วบนจอรับภาพในตาของถังเฉา
ในชั่วขณะที่กำลังจะกระทบถูก ถังเฉาเอี้ยวหัวไปเล็กน้อย
และแล้วหมัดของฉินกวนฉีก็ซัดเข้าไปกับความว่างเปล่า
แรงเฉื่อยที่หนักหน่วงพาหมัดนี้ทุ่มทิ้งไปข้างหลัง
ปุ!
ไม่มีเสียงหนักหน่วงของการกระทบกระแทก ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีเสียงโอดโอยพาสยองขวัญ
เพราะว่าหมัดของฉินกวนฉีนั้นทุ่มทิ้งใส่ลงไปกับที่นั่งเบาะหลัง
แขนทั้งแขนจมหายไปในพนักพิงหลังเบาะผ้าไหมแท้ พอขยับถอนมือออกนั้นเอง ปุยนุ่นเป็นขยุ้ม ๆ ทะลักออกมา ปลิวฟุ้งกระจายว่อนภายในรถ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอยู่ในช่วงพริบตาเดียว สั้น ๆ แค่ชั่วพริบตา อันเป็นภาพรวมของรายละเอียดการห้ำหั่นกันของสองชายหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่
ไม่ว่าจะเป็นถังเฉา หรือฉินกวนฉี ล้วนหากมีพลาดไม่ระวัง ก็จะต้องบาดเจ็บจากฝ่ายตรงข้าม
ครืดดด..!
ความเงียบภายในรถ ถูกเสียงการหยุดรถกระทันหันทำลาย
ก็เพราะการเหยียบเบรกของชายฉกรรจ์หุ่นเจดีย์ยักษ์ที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ พารถจอดเข้าข้างทาง
ด้วยสีหน้าตื่นกลัวเขามองหน้าถังเฉาและฉินกวนฉี
กระบวนท่าที่ปล่อยออกมาของทั้งสอง เขย่าขวัญสะท้านลึกลงไปสุดขั้วหัวใจ
ตัวเขาเองก็พอคุยได้ว่าเป็นยอดฝีมือของผู้ฝึกวิชาแรงภายในแล้ว แต่เทียบกับถังเฉาเขาเก่งกาจกว่าอีกมาก และดูความต่างของฝีมือทั้งสองคนนั้น เทียบระยะห่างกันก็เพียงแค่เส้นขีด
แต่ทว่า ฉินกวนฉีกลับยิ่งทำให้ชายฉกรรจ์หุ่นเจดีย์ยักษ์ต้องตกใจยิ่งกว่า
มิน่าเล่า ถูกคนเอาเศษแก้วคมจี้คอหอยไว้ยังสงบนิ่งแบบคลื่นไม่กระฉอก ก็เพราะโดยตัวเอง ก็เป็นยอดฝีมืออยู่แล้วนี่เอง !ยอดฝีมือแล้วทำไมถึงยังต้องใช้บอดี้การ์ด ?
ถ้าหากจะพูดว่าคุ้มครองป้องกัน คงน่าจะฉินกวนฉีคุ้มครองป้องกันเขา
ตัวเขาเองนี่แหละจึงใช่คนที่อ่อนที่สุด
ฮูว์ ๆ ๆ……
ลมโชยราตรีรอบด้าน เป่าจนคนที่อยู่ผมเผ้าปลิวยุ่ง
ถังเฉายืดตัวขึ้นนั่งตรง มองไปที่ฉินกวนฉีด้วยแววตาเริ่มจากตื่นงง ค่อย ๆ ฉายให้เห็นแสงใยของความตื่นเต้นดีใจ
“แรงภายใน คุณใช้แรงภายในเป็น”
ถังเฉาจ้องเขม็งที่ฉินกวนฉี พูดอย่างตื่นเต้นดีใจ
ฉินกวนฉียิ้มเรียบ ๆ ไม่มีออกอารมณ์กระเพื่อมไหวใด ๆ
เอวของเขายืดตรงเป็นด้ามหอกทวน ไม่เคยงอคด
“เป็นเรื่องปกติมาก”
เขาหัวเราะหุ ๆ พูดว่า “ผู้พิทักษ์แดนตะวันตกผู้อาวุโสมู่ตงเฟิง กับท่านผู้เฒ่าตระกูลฉินของเราเป็นเกลอเก่ากัน ท่านได้นำมาซึ่งวัฒนธรรมแห่งวรยุทธ มวลชนในตระกูลฉินของเราล้วนชื่นชอบในการยุทธ ดุจปลาไนทะยานข้ามประตูมังกร ผมก็แค่เพียงหนึ่งในปลาไนเหล่านั้น บังเอิญโชคได้อำนวยให้มากหน่อย จึงกระโดดข้ามไปได้”
ถังเฉาเข้าใจได้แจ่มชัดในคำอุปมาที่เปรียบเทียบหมายถึงอะไร
ปลาไนทะยานข้ามประตูมังกร ไปทะยานหาอะไร ?
นั้นคือสุดยอดของวิชาแรงภายใน!
พวกที่ไม่ได้ฝึกถึงขั้นแรงภายใน ทั้งชั่วชีวิตก็เป็นได้แค่แค่นั้นเอง
หากแต่ผู้ที่ทะยานข้ามประตูมังกรแล้ว ก็จะเข้าสู่นภาฟ้าที่ยิ่งใหญ่ ทะเลกว้างให้พอใจปลาทะยาน นภาฟ้าสูงให้แล้วแต่นกจะบินถลา
ชงักหยุดนิดหนึ่ง ฉินกวนฉีสาดสายตามองไปที่ถังเฉาอีกแล้วพูดยิ้ม ๆ: “ผมคิดไม่ถึงว่าคุณจะลงมือกับผมจริง ๆ ยังไม่เคยมีใครสามารถกดดันให้ผมโชว์ไพ่ใบสุดท้ายของผมใบนี้เลย คุณเป็นคนแรก และก็หวังว่าเป็นคนสุดท้ายด้วย”
ถังเฉาถอนหายใจเบา ๆ อีกครั้ง
ฉินกวนฉี พูดได้ว่าในบรรดาเหล่าทายาทตระกูลยักษ์ที่เป็นศัตรูกับเขา ตอแยยากที่สุด มีบทบาทที่น่ากลัวที่สุด
ปัญญาหาไร้คู่เทียบ ความอดกลั้นสูงการแสดงออกแต่น้อย อีกวิชาแรงภายใน ทั้งฐาณะตระกูลเลื่องลือ รูปโฉมสำอางค์ชวนหลงใหล
พระเจ้าผู้สร้างโลกดูเหมือนเอาจุดเด่นต่าง ๆ เท่าที่มีใส่ไว้ที่คนคนนี้หมด
ยกประเด็นอื่นออกไม่พูดถึง ทุกสิ่งส่วนนำมาเปรียบเทียบ กวาดมองไปทั่วทั้งเยี่ยนจิง ก็คงมีแต่ฉินกวนฉี และหลินชิงเสว่ จึงจัดได้ว่าเป็นคู่สมตระกูลเหมาะที่แท้จริง
ฉินผู่หยาง ห่างไกลไม่มีทางเทียบ
“ฉินผู่หยางหนอฉินผู่หยาง แกนี่ช่างสรรหาดึงมาซึ่งคู่ต่อสู้ที่เหมาะกับข้าจริง ๆ”
ถังเฉาแอบนึกอยู่ในใจ
สายตาจ้องเขม็งที่ฉินกวนฉี ส่วนลึกในตาดูเหมือนฉายแสงบางอย่างที่แตกต่าง
แววตาถังเฉาที่มองฉินกวนฉี เป็นการมองที่ไม่เคยมองกับทายาทตระกูลยักษ์อื่น ๆ เลย
ไม่ได้หวาดกลัว ไม่ใช่หวั่นเกรง
แต่กลับเป็น………ชื่นชมใคร่ยินดี
ถังเฉาชื่นชมใคร่ยินดีมานานแล้ว ในที่สุดก็ได้ปรากฏมีผู้เหมาะสมที่จะเป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควร
ฉินกวนฉี คุณสมบัติเพียงพอ
“คุณช่างทำให้ผมได้ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างยิ่งจริง ๆ”
ถังเฉาหัวเราะพลางพูดว่า “หากว่าคุณไม่ได้ทำร้ายคนบ้าดนตรี หากว่าคุณไม่ได้เกิดในตระกูลฉิน และหากว่าห้าปีที่แล้วผมไม่ได้ไปฟาดหักขาฉินผู่หยาง เราคงจะได้เป็นเพื่อนคู่หูที่ดีมาก ๆ เลยนะ”
“คุณก็เหมือนกัน”
ฉินกวนฉียิ้มตอบ “ถ้าหากคุณไม่รู้จักกับฉินเจียนเวย ถ้าหากคุณไม่ได้ฟาดขาของลูกพี่ลูกน้องผมหัก ถ้าหากว่า คุณไม่ใช่สามีของหลินชิงเสว่ มันก็เป็นอย่างที่คุณพูดจริง ๆ แหละ”
“เสียดายเพียงเพราะตัวคำว่าหากว่า”
ถังเฉาพูดอย่างสะท้อนใจ
ฉินกวนฉีหัวเราะ “ลูกพี่ลูกน้องผมคนนี้ ก็ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมันอะไร รู้ทั้งรู้ว่าพวกคุณเป็นตระกูลศัตรูคู่อริ ยังกลับคิดไปขอร่วมมือกับคุณ มันยังมีอะไรน่ากลัวกว่านี้อีกไหม ?”
ถังเฉาพูดด้วยมาดจริงจัง “คุณก็ทายถูกแล้วนี่ ทำไมยังต้องมาถามผมอีก ?”
ฉินกวนฉีไม่พูดต่ออะไรอีก เพียงแต่ค่อย ๆ ผ่อนคลายสภาพของตัวเอง
“ถึงที่พักของคุณแล้ว”
ถังเฉามองลอดออกไปข้างนอก จากที่นี่ไปถึงโรงแรมยังห่างอยู่ระยะหนึ่ง แต่เดินไปก็คงไม่เกินกำลังขาสักสิบนาที
ถังเฉาก็ไม่มีต้องเกรงใจ เปิดประตูรถเตรียมก้าวจากไป
ฉินกวนฉีพูดขึ้นอีกว่า “คำถามที่คุณถามผม ผมคิดว่าคงได้ตอบคุณไปแล้วนะครับ”
ถังเฉาหยุดชงักตัวที่กำลังขยับ หันกลับมองเขาอย่างใช้ความคิด
นิ่งขรึมอยู่พักใหญ่ ผงกหัว “เข้าใจละ”
โดยนิสัยของฉินกวนฉี ความจริงก็ได้เป็นการตอบคำถามของถังเฉาไปแล้ว
ความอดกลั้นสูงแสดงออกแต่น้อย หากเพื่อหวังบรรลุเป้าหมาย ย่อมใช้วิถีทุกรูปแบบโดยไม่เลือก
หากไม่ใช่ถังเฉาบีบบังคับ ฉินกวนฉีจะสำแดงวิชาแรงภายในอันเป็นไพ่ใบสุดท้ายหรือไม่ ?
กับฉินเจียนเวยก็คงเหมือนกัน คนบ้าดนตรี ก็เพียงแผ่นหินปูทางสู่ความสำเร็จของเขาเท่านั้น
ฉินกวนฉีควักผ้าเช็ดหน้าขาวสะอาดออกมาผืนหนึ่ง บรรจงเช็ดคอของเขาเอง
ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น ซึมซับเลือดสดแดงฉานอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ถังเฉาปิดประตูในฉับพลันนั้น ฉินกวนฉีพูดออกมาทันทีว่า “เที่ยวนี้ ผมจะส่งคืนสิ่งที่คุณให้มาในสภาพเดิม ๆ เหมือนปิดผนึกไว้เลยเชียว”
ถังเฉาสะอึกนิด แล้วก็เข้าใจในทันทีว่าหมายถึงแผลบาดตรงคอนั่นเอง
เขาก็ยิ้ม ๆ “ผมรออยู่”
ฟ้าวว…!
ฉินกวนฉีหมุนกระจกหน้าต่างรถขึ้น รถพุ่งออกจากไป
ถังเฉากลับไปถึงโรงแรมที่พัก
“คุณพ่อ!”
ถังเสี่ยวลี้รีบวิ่งเข้าไปหาอย่างตื่นเต้น
หลินชิงเสว่ก็เดินเข้ามา ถามว่า “ไม่ใช่ไปแค่ตรวจสอบเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ของเราเหรอคะ ทำไมไปเสียนานเชียว ?”
ถังเฉาหัวเราะ “เรียบร้อยทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่งครับผม บ่ายนี้บริษัทหยีเซียงน่าจะมีส่งเรื่องเกี่ยวกับการร่วมมือมา”
หลินชิงเสว่ผงกหัว “พวกเขาตกลงว่าจะปลดสินค้าของ ‘เหม่ยหมอ’ ลงทั้งหมด หน้าร้านในเครือจะนำสินค้า ‘angel’ ของเราขึ้นโชว์ เรื่องนี้ให้ฉ่ายเวยไปรับผิดชอบอยู่”
ถังเฉาผงกหัว สายตามองทอดออกไปเคลิ้มกับวิวยามราตรีของเจียงเฉิง
เขาก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่า เพียงแค่ตรวจสอบเรื่องราวของบริษัทหยีเซียง เบื้องหลังกลับพัวพันกับเรื่องเลวร้ายมากมายขนาดนี้
ไม่เพียงแต่ไปร่วมเป็นพันธมิตรฉินผู่หยาง ยังได้ไปรู้เรื่องวงในเกี่ยวกับเหนือเก้าตระกูลหลวงยังมีตระกูลราชวงศ์
เรื่องนี้ หลินชิงเสว่จะรู้ไหมนะ ?
สายตาถังเฉามองไปยังหลินชิงเสว่ที่กำลังเป็นเพื่อนทำการบ้านอยู่กับถังเสี่ยวลี้
แล้วก็ฉินกวนฉี……
มังกรซ่อนกับพยัคฆ์เร้นในเยี่ยนจิง
ฉินกวนฉียังมีวิชาแรงภายใน แล้วหลินรั่วหวีหละ ?
หลังจากรอจนถังเสี่ยวหลีหลับ หลินชิงเสว่มาที่ข้าง ๆ ถังเฉา มองวิวยามราตรีแล้วพูดขึ้นว่า
“พรุ่งนี้ ผู้พิทักษ์แดนตะวันตกมู่ตงเฟิงก็จะมาถึงเจียงเฉิงนี่ละ”
“ใช่มั้ย……..”
แววตาของถังเฉาพลันเปลี่ยนดูคมกริบ ข้างในตาแฝงด้วยกระแสเย็นจนเยือกแข็ง
“มู่ตงเฟิง ในที่สุดแกก็มาแล้ว……..”
ยามดึกของคืน ณ.โถงบ้านในวิลล่าแห่งหนึ่ง
ห้องโถงหลัง ผู้เฒ่าหุ่นบางเบานั่งอยู่ท่านหนึ่ง
เขาหยีตา อยู่ในภวังค์มองดาวที่ดาษเต็มบนท้องฟ้า
ขณะนั้นเอง รถคันหนึ่งจอดลงที่ลานโล่งหน้าสวน ชายหนุ่มสุดหล่อนายหนึ่งก้าวลงจากรถ
ฉินกวนฉีนั้นเอง
“คุณปู่ ดึกป่านนี้แล้ว ท่านทำไมยังไม่นอนอีกครับ ?”
ฉินกวนฉีเดินยิ้มเข้ามา นั่งลงข้าง ๆ ผู้เฒ่า
ผู้เฒ่าท่านนี้ ก็คือคุณปู่ของฉินกวนฉี และก็คือผู้กุมอำนาจตระกูลฉินแห่งเยี่ยนตู ฉินโซ่ววง
ขณะนั้นเอง ฉินโซ่ววงกลายดูเป็นเหมือนเฒ่าทารก หัวเราะจนปากไม่ยอมหุบ
“ปู่ดีใจมากอ่ะ ตงเฟิงพรุ่งนี้ก็จะมาแล้ว การประชุมแดนเหนือก็จะได้เปิดในเร็ววันนี้ เราตระกูลฉินคือผู้ที่ได้รับผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ที่สุดนี้อ่ะ”
“ข้าจะนั่งอยู่ตรงนี้ นิ่งนั่งรอหมดคืนรับฟ้าสว่างใส”
ฉินกวนฉีหัวเราะร่วน “ดีใจก็ส่วนดีใจนะครับ อย่าปล่อยให้เหนื่อยเพลียจนเสียสุขภาพนะครับ”
ฉินโซ่ววงยังคงรั้นนั่งอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าเรือนหลัง ทันใดนั้นมองไปเห็นรอยคราบเลือดของแผลตรงคอของฉินกวนฉี ตาที่พล่ามัวทั้งคู่พลันฉายแววประกาย ส่อเห็นความอหังการ์
แต่พอได้ดูอย่างละเอียด ก็กลับสู่ความขุ่นมัวเหมือนเดิม
“กวนฉี รอยแผลที่คอของคุณ มันเรื่องอะไรกัน ?”
ฉินกวนฉีคลำที่รอยแผล หัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่มีอะไรครับ เผลอไม่ระวังไปเฉียดบาดเอา ทำเอาคุณปู่กังวลเลย”
ฉินกวนฉีมีความหยิ่งในตัวเอง ย่อมให้คนอื่นรู้ถึงความเป็นมาของรอยแผลนี้ไม่ได้
แม้คุณปู่ตัวเองก็ไม่ได้
ได้ยินดังนั้น ฉินโซ่ววงก็หัวเราะตาม “มา กวนฉี เป็นเพื่อนวางหมากรุกกับปู่สักกระดาน”
ฉินกวนฉีลังเลนิดหนึ่ง ที่สุดก็นั่งลงวางหมากรุกกับฉินโซ่ววง
หนึ่งเฒ่าหนึ่งหนุ่ม ขบคิดกันคิ้วย่น เป็นเวลาผ่านไปสี่สิบนาที เกมหมากรุกจึงได้จบลง
“รุกกุนละ”
ฉินโซ่ววงขยับเบี้ยแดง มุ่งใส่ตัวขุนในห้องฝ่ายดำของฉินกวนฉี
ฉินกวนฉีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างแรง พยายามคิดหาทางแก้เกม แต่รอบด้านมองไม่เห็นทางออก
“มีแต่หมากตายแล้ว” ฉินโซ่ววงพูดด้วยเสียงหัวเราะ
ฉินกวนฉีจ้องมองอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็ต้องยอมวางมือ
หมากรุกเกมนี้ เป็นหมากตายหมดจริง ๆ
ฉินโซ่ววงมองหน้าเขา “ลูกกวนฉี เชิงหมากรุกของเจ้าไร้เทียมทาน ทำไม แพ้ฉันได้ ?”
ฉินกวนฉีอ้ำอึ้งครู่หนึ่ง “เพราะท่านอยู่ฝ่ายแดง ฝ่ายแดงได้สิทธิ์เดินก่อน ผมเองก็มองข้ามหมากเบี้ยของท่าน และยังไงมือวางของคุณปู่ก็เหนือชั้นกว่าผมขั้นหนึ่งอยู่แล้ว”
“ก็ใช่นั่นแหละ เธอแพ้ฉันเกมนี้ ก็เพราะเธอมองข้ามเบี้ยเล็ก ๆ ไปตัวหนึ่ง”
ฉินโซ่ววงพูดอย่างสะเทือนใจว่า “เบี้ยยังไม่ข้ามฟาก ได้แต่ขึ้นหน้า ไม่มีทางให้ถอยได้ แต่พอข้ามฟาก เดินซ้ายเดินขวาไปทางขวางได้ ยากจะระวังต้าน”
“เบี้ยหนึ่งตัว ก็สามารถทำเอาหมากทั้งกระดานวุ่นได้ เธอเข้าใจหรือยัง ?”
ฉินโซ่ววงจ้องมองฉินกวนฉีนิ่ง ว่าสอนไป
ในขณะนั้น ในตาของผู้เฒ่าฉายประกายสว่างแสงปัญญาออกมา ฉินกวนฉีถึงกับสะท้านไปทั้งตัว ยกมือคลำแผลที่คออย่างลืมตัว
ดึงเอาสติกลับมาได้ แววตาฉินกวนฉีสว่างวูบ โค้งคำนับด้วยความเคารพ
“ขอรับท่านปู่ กวนฉีน้อมรับคำสั่งสอน”
ส่งฉินกวนฉีจนลับตาไปแล้ว ฉินโซ่ววงค่อย ๆ หยิบต่อโทรศัพท์
“ตงเฟิงนะ ข้าเอง โซ่ววง หลานข้าได้รับบาดเจ็บละ”