เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 588
ผู้นำตระกูลยักษ์ใหญ่สามตระกูล ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ปฏิเสธไปทั้งหมด
ทันใดนั้น ภายในห้องประชุมก็เงียบกริบ ทุกคนต่างก็พากันเบิกตากว้างอย่างไม่น่าเชื่อ
หยางอี้เฉินหัวหน้าธุรกิจของพันธมิตรเจียงเฉิงยิ่งตากระตุกไปใหญ่ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ
แม้ว่าฐานะของเขาจะเทียบกับผู้นำตระกูลยักษ์ใหญ่สามตระกูลนั้นไม่ได้ แต่ก็ยังนับว่าเขาเป็นประธานของบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่มีมูลค่ามากกว่าพันล้านหยวน
ผู้นำตระกูลยักษ์ใหญ่สามตระกูลนั้น ถึงกับกล้าไม่ไว้หน้าเขาขนาดนี้เชียวเหรอ!
หยางอี้เฉินมองไปที่เซี่ยสิงจู๋พวกเขาทั้งสามคน และพยายามระงับความโกรธในใจของเขา แล้วถามว่า “ผู้นำตระกูลยักษ์ใหญ่ทั้งสามครับ ผมขอฟังเหตุผลที่พวกคุณปฏิเสธได้หรือไม่?”
สมาชิกคนอื่นๆ ของพันธมิตรกลับมามีสติอีกครั้ง และต่างพากันจ้องไปที่พวกเขาอย่างหนาแน่น
สำหรับพวกเขาแล้ว ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ก็คือการที่ทั้งตระกูลเซี่ย ตระกูลหู และตระกูลลู่ต่างก็เข้าร่วม พันธมิตรเจียงเฉิงด้วย เพราะเช่นนั้นแล้วพวกเขาก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ถ้าไม่ได้จริงๆ ขอแค่สองตระกูลเข้าร่วม หรือแค่ตระกูลเดียว ก็ดีทั้งนั้น
แต่พวกเขากลับไม่เคยคิดเลยว่า ตระกูลยักษ์ใหญ่ทั้งสามนี้ จะเหมือนกับว่าได้สมรู้ร่วมคิดเป็นการส่วนตัวแล้ว จึงได้ปฏิเสธพร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม เซี่ยสิงจู๋กลับยิ้มเจื่อนๆ และยกชาร้อนที่อยู่ตรงหน้าแล้วจิบไปคำหนึ่ง “ปฏิเสธก็คือปฏิเสธ แล้วจะไปมีเหตุผลมากมายอะไรขนาดนั้นกันล่ะ?”
“นี่คุณ!”
รูม่านตาของหยางอี้เฉินหดเล็กลง ซึ่งเขาก็คิดไม่ถึงเลยว่าเซี่ยสิงจู๋จะไม่เจียมตัวขนาดนี้
เขาพูดแฝงด้วยอารมณ์โกรธว่า “ผู้นำตระกูลเซี่ยครับ ไม่อาจไม่พูดว่าคุณควรให้ความสำคัญกับเราหน่อย แม้ว่าตระกูลเซี่ยจะแข็งแกร่ง แต่พันธมิตรเจียงเฉิงขิงเรา ไม่ใช่พวกที่ชอบฆ่าแกงกันหรือใช้ความรุนแรง คุณแน่ใจเหรอว่าต้องการไปอยู่ฝั่งศัตรูของเรา?”
ประธานคนอื่นต่างก็พากันมองไปด้วยความโกรธ โดยอยู่ตรงหน้าเซี่ยสิงจู๋อย่างไม่มีความเกรงกลัวใดๆ
ตามที่หยางอี้เฉินพูดเช่นนั้นเลย แม้ว่าตระกูลเซี่ยจะเป็นตระกูลยักษ์ใหญ่ แต่เมื่อต้องเผชิญกับพันธมิตรเจียงเฉิง ก็ยังอ่อนแอเช่นกัน
เซี่ยสิงจู๋ยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง และมองไปรอบๆ ทุกคน “แค่กลุ่มคนอย่างพวกคุณ ก็คู่ควรกับการที่พวกเราสามคนต้องไปอยู่ข้างฝ่ายศัตรูด้วยงั้นเหรอ?”
ตูม!
ทันทีที่พูดออกไป เหล่าประธานธุรกิจทั้งหมดที่ให้หยางอี้เฉินเป็นผู้นำ ต่างก็พากันเปลี่ยนสีหน้ากันไป และพวกเขาต่างก็พากันทั้งประหลาดใจทั้งโกรธ
พวกเขาคิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่า เซี่ยสิงจู๋ไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน?
ขณะที่เซี่ยสิงจู๋กำลังจะตะโกนออกไปด้วยความโกรธนั้น เขาก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง
เพราะเขาสังเกตเห็นถึงรายละเอียดในคำพูดของเซี่ยสิงจู๋
และมันคู้ควรแก่เราสามคนเท่านั้น
เขาพูดว่า ‘เราสามคน’ ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว!
ดวงตาของหยางอี้เฉินก็เพ่งไปที่หูเซียวและลู่เจียงไห่ทันที “ผู้นำตระกูลหู และผู้นำตระกูลลู่ พวกคุณจะไม่พูดถึงเหตุผลเลยใช่ไหม?”
ผู้นำตระกูลลู่และหูเซียวได้ยินดังนั้น ต่างก็พากันหัวเราะ
รอยยิ้มแบบนั้นช่างดูน่าอัปยศอย่างยิ่ง และใบหน้าของหยางอี้เฉินก็เต็มไปด้วยความโกรธทันที
“ถ้าต้องการให้พูดเหตุผลจริงๆ คงจะมีเพียงเหตุผลเดียว ซึ่งนั่นคือพวกคุณน่ะมันโง่เกินไป!”
ลู่เจียงไห่หัวเราะเสียงดังลั่น แล้วมองดูคนเหล่านั้นของหยางอี้เฉินพูด
“คุณพูดเรื่องอะไร!”
“ไม่ใช่เพราะพวกคุณเป็นตระกูลใหญ่ แล้วจะสามารถทำได้ตามอำเภอใจโดยไม่ต้องเกรงกลัวใครได้!”
คนเหล่านั้นของหยางอี้เฉินก็ลุกขึ้นมาทีละคน แล้วจ้องมองไปที่เขาด้วยความโกรธ
เพราะพวกเขามีผู้อยู่เบื้องหลังที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีความเกรงกลัวใดๆ เลย
“หรือว่าจะไม่ใช่?”
เซี่ยสิงจู๋ยิ้ม “พวกคุณน่ะ ที่แท้แค่ต้องการให้เราเข้าร่วมกับพวกคุณ เพื่อกดขี่บริษัทลี่จิงกรุ๊ป มันช่างน่าขำเสียจริง!”
“ใช่แล้ว พวกคุณต้องรู้ว่า บริษัทลี่จิงกรุ๊ปเป็นบริษัทของใคร?”
หูเซียวกับลู่เจียงไห่ พากันมองไปที่หยางอี้เฉินพวกเขาด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม และถามกลับอย่างเย็นชา
การแสดงออกของหยางอี้เฉินเย็นชา “ไม่ใช่กลุ่มของคุณหนูตระกูลหลินงั้นเหรอ? และผู้บังคับบัญชาคนที่สองก็คือสามีขยะคนนั้นของเธอ ซึ่งตระกูลหลินยังไม่ยอมรับเป็นลูกเขยเลย แล้วยังจะมีใครอีก?”
หยางอี้เฉินไม่ได้ให้ความสำคัญกับถังเฉาและหลินชิงเสว่เลยสักนิด
หลังจากได้ยินดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเซี่ยสิงจู๋ หูเซียว และลู่เจียงไห่พวกเขาทั้งสามคนนั้นก็ยิ่งหยอกล้อมากขึ้น
“พวกคุณทุกคนต่างตั้งเป้าไว้ที่ประธานของบริษัทลี่จิงกรุ๊ป แต่ตัวคุณหลินนั้น กลับไม่ได้สนใจในตัวผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริง!”
เซี่ยสิงจู๋ หูเซียวและลู่เจียงไห่พวกเขาทั้งสามก็พากันหัวเราะดังลั่น เพราะในสายตาของพวกเขาทั้งสามคนเหล่านี้ของหยางอี้เฉินก็เป็นแค่พวกที่ชอบเอาไข่ไปกระทบหิน และรนหาที่ตายให้ตัวเองเท่านั้น
หยางอี้เฉินขมวดคิ้ว และจ้องที่เซี่ยสิงจู๋พวกเขาทั้งสามคนอย่างหนาแน่น
และเขาเองก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติเล็กน้อย
คนที่ใหญ่ที่สุดในบริษัทลี่จิงกรุ๊ป ก็คือหลินชิงเสว่ แต่ก็เป็นเพียงคุณหนูของตระกูลหลินเท่านั้น
ดังคำกล่าวที่ว่า แม้จะเป็นคนที่มีอำนาจแต่ก็ไม่สามารถปราบปรามกองกำลังที่ฝังรากอยู่ในพื้นที่ได้ เพราะเก้าตระกูลยักษ์ใหญ่ในเยี่ยนตู ก็มีอิทธิพลในเมืองเยี่ยนตู และที่นี่ก็เป็นเจียงเฉิง ถ้ามีการขัดแย้งกันขึ้นมาจริงๆ ตระกูลเซี่ย ตระกูลหู และตระกูลลู่ทั้ง 3 ตระกูลนี้ร่วมมือกัน บางทีพวกเขาอาจกลัวผู้นำตระกูลหลวงของตระกูลหลินก็เป็นได้
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้นำของทั้งสามตระกูลนี้กลับสุภาพต่อหลินชิงเสว่อย่างมาก
กระทั่ง…หวาดกลัว!
หรือว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังหลินชิงเสว่ จะมีคนที่น่ากลัวอยู่งั้นเหรอ?
“หรือว่าที่พวกคุณพูดถึงคือสามีคนนั้นของหลินชิงเสว่ ถังเฉางั้นเหรอ?”
หยางอี้เฉินส่งเสียงถามอย่างเย็นชา
“ใช่แล้ว! เป็นคุณถังเองครับ!”
เซี่ยสิงจู๋ส่งเสียงตะโกนอย่างดัง และแค่ครู่เดียวก็ออร่าอันหยิ่งใหญ่ก็พุ่งอกมา ดังนั้นทุกคนจึงใจเต้นอย่างแรง
“นึกไม่ถึงเลยว่าพวกคุณจะต้องการกดขี่บริษัทของภรรยาของคุณถัง พวกคุณน่ะยังไม่รู้อีกเหรอว่าตัวเองจะตายยังไงยัง!”
ไม่เพียงแต่เซี่ยสิงจู๋คนเดียวเท่านั้น ทั้งหูเซียวและลู่เจียงไห่ก็เป็นแบบนี้ และบนใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยการหัวเราะเยาะเย้ย
โดยเฉพาะหูเซียว
เพราะเขาไม่ใช่ผู้นำตระกูลหูอีกต่อไปแล้ว
เมื่อก่อนเป็นเพราะสาเหตุของหูอีซาน จีงมีความบาดหมางครั้งใหญ่กับถังเฉา ยิ่งเขายังได้ขับรถชนหูอีซาน จนทำให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ และยังได้กักขังถังเสี่ยวลี้ลูกสาวของถังเฉาไว้อีกด้วย
ผลคือ ถังเฉาจึงเปิดเผยกำลังออกมา โดยโทรไปหาหลี่หงกังผู้นำของสนามรบแห่งเมืองเจียงเฉิง
คืนวันนั้น ตระกูลหูเกือบจะถูกโจมตีด้วยกระสุนเจาะเกราะและรถถังแล้ว
ในตอนนั้นเองหูเซียวถึงตระหนักได้ถึงว่ากำลังของถังเฉานั้นน่ากลัวขนาดไหน โดยที่ตระกูลหู ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขา มันเป็นอะไรที่โง่เขลาอย่างมาก
ดังนั้น เขาจึงยอมจำนนต่อถังเฉาอย่างไม่มีเงื่อนไข และมอบตำแหน่งเจ้าของตระกูล พร้อมกับตัวหูอีซาน ให้เขา
ลู่เจียงไห่ไม่ได้รู้สึกถึงความหวาดกลัวของถังเฉาเลย เพราะตระกูลลู่ของเขาก็ยอมจำนนต่อถังเฉาแล้วด้วย ดังนั้นการพัฒนาอย่างรวดเร็วของตระกูลลู่นั้น จึงเป็นเพราะตามถังเฉาโดยสิ้นเชิง
และในตอนนี้ ตระกูลลู่ของเขาก็ได้ลงนามในความสัมพันธ์แบบมีส่วนร่วมกับตระกูลส่วนใหญ่ของเมืองหมิงจูแล้ว ซึ่งมันกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วมาก
ก่อนที่ตระกูลลู่จะรับผลประโยชน์ได้เพียงพอ เขาจะไม่ยอมทรยศต่อถังเฉาเด็ดขาด
“ฮ่าๆ…”
หยางอี้เฉินและประธานกลุ่มของพันธมิตรเจียงเฉิงก็หัวเราะอย่างดังขึ้นมา
ใบหน้าของหยางอี้เฉินเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียบหยาม และหัวเราะจนน้ำตาไหล
“พวกคุณน่ะกำลังพูดถึงอะไรกัน ถังเฉาต่างหากล่ะถึงจะเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่งั้นเหรอ? มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?”
“ผู้นำตระกูลเซี่ย ผู้นำตระกูลหู และผู้นำตระกูลลู่ พวกเขาล้วนเป็นผู้นำตระกูลยักษ์ใหญ่แล้วทำไมถึงยังแยกแยะไม่ออกล่ะ?”
“เขาก็เป็นลูกเขยที่ตระกูลหลินไม่ยอมรับซึ่งการที่เขายังสามารถมีชีวิตอยู่ได้นั้น เป็นเพราะพึ่งพาหลินชิงเสว่ภรรยาของเขาโดยสิ้นเชิง! แล้วตัวเขาจะไปมีกำลังที่ไหนมาล่ะ!”
หยางอี้เฉินไม่เชื่อในสิ่งที่เซี่ยสิงจู๋พวกเขาพูดเลยสักนิด ในทางกลับกันกลับคิดว่าพวกเขาบ้าไปแล้ว!
“จริงเหรอ?”
มุมปากของเซี่ยสิงจู๋ยกขึ้นด้วยความหยอกล้อ แล้วพูดอย่างเฉยชาว่า “ดูเหมือนว่าพวกคุณจะยังไม่ได้ตระหนักถึงความรุนแรงของเรื่องนี้”
“เพราะพวกคุณก่อตั้งพันธมิตรเจียงเฉิง และโจมตีบริษัทลี่จิงกรุ๊ป ซึ่งมันก็ได้ทำให้ตระกูลส่วนใหญ่ของเมืองหมิงจูตื่นตระหนก โดยที่ตระกูลที่ยอมจำนนต่อถังเฉาเกือบทุกตระกูล ต่างก็รีบพากันมาที่เมืองเจียงเฉิงแล้วส่วนในหมู่พวกเขาไม่อ่อนแอกับตระกูลยักษ์ใหญ่อย่างตระกูลเซี่ยของฉันหรอก แล้วตระกูลต่ง กับตระกูลซ่งพวกคุณล่ะจะรับมือกับมันยังไงกันล่ะ?”
เสียงหัวเราะหยุดไปกะทันหัน สีหน้าของหยางอี้เฉินเปลี่ยนไปทันที และแม้แต่ขาของเขาก็อ่อนแรงลงเล็กน้อย
ใช่แล้ว ไม่ว่าจะทั้งเมืองหมิงจูและเมืองเจียงเฉิงล้วนเป็นเมืองพี่น้องกัน แล้วตระกูลยักษ์ใหญ่ของเมืองหมิงจู จะอ่อนแอลงงั้นเหรอ?
มันไม่แน่นอน!
ยกตัวอย่างเช่นตระกูลซ่ง เพราะมีซ่งหรูอี้ปีศาจสาวที่เกิดในตระกูลซ่ง ดังนั้นบริษัทตระกูลซ่งจึงพูดถึงแต่เรื่องของความสามารถส่วนบุคคล และการบดขยี้บริษัทของพวกเขา
และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการโจมตีตระกูลซ่งเลย เพราะมันเป็นกำลังเกินครึ่งของเมืองหมิงจูแล้ว?
กริ่ง!
ในขณะนั้นเอง มือถือของทุกคน ต่างก็มีข่าวส่งมาพร้อมๆ กัน
ทางด่วนทั้งสายของเมืองเจียงเฉิง ถูกครอบครองโดยรถหรูมูลค่ากว่าสิบล้านขึ้นไป!
เมื่อมองไปรอบๆ ล้วนเป็นโรลส์-รอยซ์ และรถเบนท์ลีย์ทั้งหมด!
อย่างเช่นแดเนียล ลัมโบร์กีนี มูร์เซียลาโก และตรีศูล ที่สามารถใช้เป็นได้แค่รถรอง
รถหรูเหล่านี้แล่นผ่านไปทีละคัน เป็นแนวยาวบนทางหลวง
พวกเขาวิ่งรถไปตามแนวถนนกันอย่างอุตลุด
และเจ้าของรถส่วนตัวเหล่านั้นต่างก็พากันหวาดกลัว เพื่อป้องกันไม่ให้ชนเข้ากับรถหรูเหล่านี้ พวกเขาทั้งหมดจึงจอดรถลงข้างๆ
แม้กระทั่งเจ้าของรถหลายคนต้องลงจากรถ แล้วมองดูฉากที่หาดูได้ยากนี้ด้วยความตกใจ
และทุกคนต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์จากนั้นแค่ครู่เดียวเหตุการณ์ของเมืองเจียงเฉิงในตอนนั้นก็กลายเป็นข่าวฮอตขึ้นมาทันที!
เมื่อดูข่าวนี้ เซี่ยสิงจู๋ หูเซียว และลู่เจียงไห่ต่างก็พากันหัวเราะอย่างเงียบๆ ขึ้นมา แล้วเหลือบมองหยางอี้เฉินไปแวบหนึ่ง
หยางอี้เฉินและพวกคนเหล่านั้นของพันธมิตรเจียงเฉิง ก็พากันกลัวจนสีหน้าซีดเผือด แม้แต่ยังไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ออกมา
รถหรูมากมายขนาดนี้ ต่างก็มีป้ายทะเบียนรถของเมืองหมิงจูแขวนไว้
หรือว่า ถังเฉาจะเรียกพวกเขามาจริงๆ ?
กำลังรวบรวมจากทั่วทั้งเมือง กำลังแบบนี้ อิทธิพลแบบนี้ ใครจะกล้าทำอะไรได้?
เมื่อมีการหยุดชะงักแบบนี้ หยางอี้เฉินพวกเขาก็รู้สึกเสียใจอยู่ครู่หนึ่ง ทำไมต้องเองถึงเอาแต่ฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เพื่อสร้างพันธมิตร เพื่อกดขี่บริษัทลี่จิงกรุ๊ปด้วยล่ะ?
“บังเอิญ นี่มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น…”
หยางอี้เฉินยังคงตะโกนออกไปอย่างเสียงดัง โดยไม่ยอมเชื่อความจริงข้อนี้
สีหน้าของเซี่ยสิงจู๋ยิ่งดูถูกเหยียดหยามมากขึ้น และในขณะเดียวกันก็เริ่มสงบลงแล้วเช่นกัน
“มันจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่นั้น อย่างมากสุดก็อีกแค่ไม่เกินยี่สิบนาที ก็จะถูกเปิดเผย”
เซี่ยสิงจู๋พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มองดูรถเมืองหมิงจูเหล่านี้ว่า ท้ายที่สุดพวกเขาจะจอดลงที่ไหน!”
ต่อมา มันก็เป็นการรอคอยที่ยาวนานและไม่มีที่สิ้นสุด
ซึ่งในยี่สิบนาทีนี้สำหรับหยางอี้เฉินพวกเขาแล้วมันกลับเป็นเหมือนการรอคอยที่ยาวนานจนเหมือนยี่สิบศตวรรษกันเลยทีเดียว
ตูม!
ทันใดนั้น ความเงียบในห้องประชุมก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงหวือ
แค่ครู่เดียว ก็ดึงดูดสายตาของทุกคน
จากนั้นก็เห็นแค่รถโรลส์-รอยซ์ที่อยู่ภายในเส้นระดับที่ไกลออกไป และมันก็ค่อยๆ แล่นมาทางนี้
จากนั้น ก็มีคันที่สอง และคันที่สามตามมา…
เมื่อมองดูออกไป มันล้วนเป็นรถหรู ที่ขับมาอย่างไม่จบไม่สิ้น
บนถนนใหญ่เมืองเจียงเฉิง ทั้งยานพาหนะและคนเดินเท้าทั้งหมดต่างก็พากันหลีกทางให้
ซึ่งทุกคนต่างก็มองดูกันจนโง่กันไปหมด!
“มันเป็นรถต่างเมืองทั้งหมด และรถต่างเมืองที่มากมายขนาดนี้ เข้ามาในเมืองเจียงเฉิงของเรา เมื่ออะไรกัน?
“ทะเบียนรถ A00000 ฉันจำได้ว่า มันเป็นทะเบียนรถของตระกูลซ่งเมืองหมิงจูนี่นา?”
“และทะเบียนรถ A88888 เป็นรถของชายที่รวยที่สุดในเมืองหมิงจูด้วยนิ!!”
“รถของตระกูลต่งก็มาด้วย และคนที่นั่งอยู่ข้างในก็คือต่งวี่ซู่ดาราชื่อดังนี่!”
“วี่ซู่ฉันรักคุณนะ! โอ๊ย!”
“……”
ผู้คนนับไม่ถ้วนที่อยู่ริมถนน ต่างก็ได้รู้เห็นเป็นพยานถึงช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ครั้งนี้แล้ว
ทุกคนอยากดูว่า อำนาจตระกูลเกินครึ่งของเมืองหมิงจู ที่แห่กันเข้ามาที่เมืองเจียงเฉิงแบบนี้ แท้ที่จริงแล้วต้องการจะทำอะไรกันแน่
ในที่สุด ภายใต้สายตาของผู้คนนับไม่ถ้วนนั้น รถหรูเหล่านี้ก็จอดอยู่ใต้อาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง
เนื่องจากมีรถมากเกินไป ลานจอดรถจึงไม่เพียงพอ ดังนั้นรถที่เดิมทีจอดอยู่แล้ว ก็ถูกบังคับให้ย้ายกลับไปที่เมือง!
และประตูรถก็เปิดออก ผู้นำตระกูลหลายคนก็เดินออกมาทีละคน ด้วยสีหน้าที่เย็นชา และแววตาที่เย็นชาเล็กน้อย
คนที่ตาแหลมก็สังเกตเห็นว่า ตอนที่ผู้นำตระกูลแต่ละคนเดินออกมานั้น ต่างก็ออกมาพร้อมกับบอดี้การ์ดที่ทรงพลังห้าหกคนข้างๆ
ซึ่งจำนวนคนทั้งหมด รวมมากกว่า 300 คน!
ใต้ตึกที่หนาแน่นมากนั้น ทำให้ฉากนี้ดูอลังการอย่างมาก!
“ไปกันเถอะ ไปที่การประชุมที่เรียกว่าพันธมิตรเจียงเฉิง”
เจิงเทียนเสียงผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหมิงจูในตอนนี้ทำหน้าทำตาเย็นชา พร้อมด้วยเจตนาฆ่าฟันแวบผ่านจากในตาของเขา “กล้าร่วมมือกันกดขี่ธุรกิจของเมืองหมิงจูเรา มันช่างไม่เห็นหัวเราเลยเสียจริง คิดจริงๆ เหรอว่าเราคนเมืองหมิงจูจะให้รังแกได้ง่ายๆ?”