เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 59
ตอนที่59 ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก
เหลียงเจียหมิงหนีไปแล้ว เหตุการณ์ที่ชุลมุนวุ่นวายก็ได้ คลี่คลายลง หน้าทางเข้าคณะแพทยศาสตร์ มีเพียงแค่อาจารย์ที่ยืนเขินอยู่
ที่มหาวิทยาลัยเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ พวกเขาก็ต้องถือครอบครัวของผู้ป่วยนั้นเป็นบรรพบุรุษและเหมือนเอาพวกเขาไว้บนหิ้ง แน่เลย แต่กลับมารู้ความจริงว่าพวกเขามาเพื่อหลอก…..
ถ้าเหลียงเจียหมิงเป็นฆ่าตกร งั้นพวกอาจารย์ก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไม่ใช่หรือ?
“คือว่า คุณเป็นผู้ปกครองของหลินจ้าวหยูนใช่มั้ย?” อาจารย์คนหนึ่งได้มาถามอย่างฝืนใจ
“ผมเป็นพี่เขยของเธอ”
ถังเฉาพูดอย่างจืดชืด “ได้ข่าวว่า จ้าวหยูนถูกไล่ออกเพราะเรื่องนี้หรือ?”
เมื่อได้ยีนคำพูดนี่แล้วใจของเขาตกลงไปในตาตุ่ม เขามาถามเรื่องนี้จริงๆ
“เหล่าหยาง เรื่องนี้เป็นเรื่องของนาย นายจัดการเองนะ”
ทุกคนได้หันไปมองที่ชายที่อ้วนลงพุง
ชายอ้วนลงพุงคนนี้ได้พูดอย่างลำบากใจว่า “พวกเราก็หมดหนทางเหมือนกัน เพราะเรื่องนี้เลวร้ายมาก ถ้าไม่จัดการขั้นเด็ดขาดมหาวิทยาลัยหมิงจูอาจจะถูกปิดก็ได้”
“ผมแค่จะถามว่า ยาที่เธอสั่งให้ผู้ป่วย มีปัญหาหรือ?” ถังเฉาถาม
“คือ……”
หยางกั๋วหรงแสดงสีหน้าที่เบื่อหน่าย “ไม่มีปัญหาครับ”
“แล้วทำไมเธอถึงถูกไล่ออก?”
น้ำเสียงของถังเฉาเย็นลง “หรือเพราะว่าความอยู่รอดของตัวเอง แล้วจะไม่รับผิดชอบนักศึกษาหรือ หรือให้เธอแพะรับบาปหรือ? พวกคุณมีจรรยาบรรณของอาจารย์อยู่อีกมั้ย?”
เสียงด่าที่ดัง ทำให้หยางกั๋วหรงและอาจารย์อีกหลายคนไม่กล้าพูดอะไรเลย
หลินจ้าวหยูนก็มองอาจารย์ของตัวเองด้วยแววตาที่สับสน และหมดหวัง
“ผมต้องการพบผู้อำนวยการ”
สีหน้าของหยางกั๋วหรงเปลี่ยนไป “ตอนนี้ผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัยกำลังประชุมอยู่ตอนนี้ยังเข้าไปไม่ได้……”
“หลบไปซะ”
เฟิ่งหวงจ้องมองไปที่พวกเขา และไม่มีใครกล้าเข้ามาขวางทาง
ในใจของเธอคิดว่า คนพวกนี้ต้องถูกลงโทษด้วยโทษประหารชีวิต และกรมศึกษาธิการคงมีงานต้องทำอีกแล้ว……
หลินจ้าวหยูนได้เดินตามหลังถังเฉา แววตาของเธอดู เคลิบเคลิ้ม
เธอและพี่เขยพึ่งรู้จักกันได้แค่สองวัน แต่เธอสามารถรู้สึกได้ถึงความปลอดภัยเมื่ออยู่กับเขา
ต้องรู้ว่า ความรู้สึกปลอดภัยแบบนี้ เกิดขึ้นเมื่ออยู่ใกล้คุณพ่อและพี่สาวเธอเท่านั้น
ปั้ง
ถังเฉาถีบไปที่ประตูของห้องผู้อำนวยการ และใช่สายตาที่เยือกเย็นมองไปที่ชายวัยกลางคนที่ทำงานอยู่ในห้อง “คุณคือซูเจี้ยนจง ผู้อำนวยการการซูใช่มั้ย?”
ซูเจี้ยนจงใส่แว่นตา ดูเหมือนคนเป็นผู้ใหญ่มากๆ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณคือ?”
หยางกั๋วหรงไล่ตามมาอย่างหอบเหนื่อย “ขอโทษครับ ผู้อำนวยการซู ผมห้ามเขาไว้ไม่ทัน……”
ซูเจี้ยนจงมองไปที่เขา และพยักหน้าเบาๆ “นายออกไปก่อน”
หยางกั๋วหรงยังมีอะไรจะพูด แต่ด้วยสายตาของซูเจี้ยนจง เขาก็ได้ออกไปอย่างรวดเร็ว
“ผมชื่อถังเฉา”
ถังเฉามองซูเจี้ยนจงด้วยสายตาที่เย็นชา “ได้ข่าวว่าคุณไล่หลินจ้าวหยูนออก?”
“ผมก็คิดว่าคุณมาเพื่อเรื่องอะไร ที่จริงแล้วมาเพื่อเรื่องนี้หรือ”
ซูเจี้ยนจงยิ้มสีหน้าของเขาไม่มีความกังวลใดๆ เลย “ผมทำแบบนี้ ผิดด้วยหรือ?”
“เธอเรียนไม่เก่ง ยังรักษาคนจนคนพิการ ผมก็ไล่เธอออก ก็สมเหตุสมผลแล้ว ไม่งั้นจะทำให้ครอบครัวของผู้เสียหายยอมความได้ไง?”
เขาพูดอย่างไม่ละลายอะไร เหมือนสิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องที่ถูก ทำให้แววตาของถังเฉาเย็นชากว่าเดิม “สิ่งที่ผมรู้มา คือยาที่เธอจ่ายไป ก็ไม่ผิดนะ”
“แต่ประเด็นอยู่ที่ เธอก็ทำให้ผู้ป่วยอาการหนักขึ้นจริง”
ซูเจี้ยนจงพูดด้วยสีหน้าที่แน่วแน่ “นี่เป็นความจริงที่ลบเลือนไม่ได้”
ถังเฉาไม่รู้จะทำอย่างไงดี ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้แก้ตัวเลย เขาใช้เรื่องที่หลินจ้าวหยูนรักษาคนจนตายมาเป็นประเด็น
แต่ก็เป็นเรื่องจริง หลินจ้าวหยูนทำให้อาการของผู้ป่วยแย่ลง เป็นความจริงที่ต้องยอมรับ
“ถ้าคุณอยากให้หลินจ้าวหยูนกลับไปเรียนต่อ พวกคุณต้องหาหลักฐานมายืนยันมาหลินจ้าวหยูนเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่งั้นละก็ทุกอย่างก็เป็นไปไม่ได้”
ซูเจี้ยนจงพูดเบาๆ ว่า “ยังมีเรื่องอะไรอีกมั้ย?”
“เพียงแค่ฉันหาหลักฐานมายืนยันว่าหลินจ้าวหยูนบริสุทธิ์ เธอก็สามารถเรียนต่อได้แล้วใช่มั้ย?” สีหน้าของถังเฉาดูนิ่งเฉย
“แน่นอน”
ซูเจี้ยนจงหัวเราะและพูดว่า “ถ้าทางเราเป็นฝ่ายผิด ทางเราก็จะขอโทษเธอเอง”
“ผมกลัวว่าเก้าอี้ที่คุณนั่งอยู่ คุณอาจจะได้นั่งอีกไม่นานนะ”
พูดจบถังเฉาได้พาหลินจ้าวหยูนออกจากห้องผู้อำนวยการ
เห็นสีหน้าที่หมองคล้ำของถังเฉา หลินจ้าวหยูนทนไม่ไหวและถามว่า “พี่เขย ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้เรียนที่มหาวิทยาลัยหมิงจู แต่ยังไปเรียนที่มหาวิทยาลัยอื่นๆได้ ถ้าไม่ได้จริงๆ ฉันจะไปที่เยี่ยนจิง”
“เธอคิดว่าเปลี่ยนมหาวิทยาลัยง่ายขนาดนั้นหรือ?”
ถังเฉาพูดว่า “เรื่องนี้ของเธอ จะถูกบันทึกไว้ และจะตามติดเธอไปตลอดชีวิต”
“อ้า?”
หลินจ้าวหยูนตกใจจนหน้าขาวซีด
“เธอสบายใจได้ เรื่องนี้ไม่เพียงเป็นเรื่องของเธอนะ ตอนนี้ยังเป็นเรื่องของพี่ด้วย”
สีหน้าของถังเฉาผ่อนคลายลง ยิ้มให้หลินจ้าวหยูน “ลุงเหลียงมีบุญคุณกับพี่ พี่จะสืบความจริงของเรื่องนี้ และคืนความยุติธรรมให้เธอ”
หลินจ้าวหยูนกัดไปที่ริมฝีปาก และเงียบอยู่สักพักถึงได้พูดว่า “พี่เขย ฉันขอโทษ”
“ขอโทษเรื่องอะไร?” ถังเฉางงงวย
“เพราะฉันคนเดียวเลย ถึงทำให้ญาติพี่ต้องเดือดร้อน” สีหน้าที่โทษตัวเองของหลินจ้าวหยูน
“พี่ไม่โทษเธอ”
ถังเฉาหัวเราะและตีไปที่ไหล่ของหลินจ้าวหยูนและพูดว่า “เธอกลับไปก่อน เรื่องที่เหลือเดียวพี่จะสืบเอง”
ใครจะรู้ว่าหลินจ้าวหยูนจะกัดฟัน ดวงตาที่แฝงไปด้วยความแข็งแกร่ง “
ฉันเป็นคนก่อเรื่องนี้ขึ้นมา ฉันก็จะแก้ปัญหานี่เอง”
ถังเฉามองหลินจ้าวหยูนด้วยแววตาที่เลื่อนลอยแล้วยิ้ม “ได้ งั้นเธอก็ม่ช่วยพี่ก็แล้วกัน”
“ได้เลย”
อารมณ์ที่ไม่ได้ของหลินจ้าวหยูนหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็กลับสู่สภาพที่ร่าเริงสดใส “พี่เขย ตอนนี้มุมมองที่ฉันมีต่อพี่ได้เปลี่ยนไปแล้ว พี่สาวฉันที่เลือกพี่ อาจจะเลือกถูกแล้ว”
ถังเฉายิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร
หลินจ้าวหยูนตีไปที่หน้าอกของตัวเองและพูดโดยยึดหลักคุณธรรมว่า “พี่เขย พี่สบายใจได้เลย พี่ช่วยฉันแบบนี้แล้ว ฉันจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง ถ้าพ่อของฉันถามเรื่องพี่ฉันก็จะช่วยพูดให้พี่ดูดีเอง”
“งั้นก็ต้องขอบคุณเธอด้วยนะ” ถังเฉาวหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
“ต่อไปเราจะไปไหนกันต่อ”
ถังเฉายิ้มและพูดออกมาสามคำ
“บ้านลุงเหลียง”
—-
ทันใดนั้นนั้น มีรถบิวอิคก์วิ่งอยู่บนถนน และคอยแซงรถทีละคันๆ
ดูออกว่าคนที่ขับอารมณ์ไม่ค่อยดี
“ถังเฉา ถังเฉา”
เหลียงเจียหมิงขับรถด้วยความเร็ว และปากได้พูดชื่อของถังเฉาไม่หยุด สีหน้าของเขาดูดุร้าย “เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนายเลย ทำไมนายต้องมายุ่งด้วย ตอนนี้ฉันจะไปรายงานกับประธานฉางอย่างไงดีละ……”
กริ๊ง…กริ๊ง..
ขณะนี้ เสียงโทรศัพท์ที่ที่แสบหูได้ดังขึ้น
เห็นผู้ชื่อคนที่โทรมาแล้ว เหลียงเจียหมิงหน้าถอดสี หางตาของเขาเป็นตะคริวอย่างรุนแรง
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
“ฮัลโหล ประธานฉาง มีเรื่องอะไรถึงโทรมาหาผมหรือ?” เมื่อรับสายโทรศัพท์สีหน้าของเหลียงเจียหมิงได้เปลี่ยนไป เป็นสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
“อย่าพูดมาก เรื่องของคุณหลินจ้าวหยูนมีความคืบหน้าอะไรมั้ย?”
เสียงในสายเป็นเสียงผู้ชายที่เสียงดังฟังชัด
คำพูดประโยคนี้ออกมา สีหน้าของเหลียงเจียหมิงดูแย่ลง ไม่รู้จะตอบประธานฉางอย่างไง
“คือว่า ประธานฉาง เรื่องนี้มีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นนิดหน่อย……”
“อะไรนะ?!”
เสียงในสายเริ่มดังขึ้น “ไอคนนามสกุลเหลียง ที่ฉันให้นายดูแลจัดการเรื่องนี้เพราะฉันเห็นความสามารถในตัวนายนะ ถ้านายกล้าทำเรื่องนี้พัง ฉันจะควักสมองนายออกมา”
“ครับครับครับ……” เหลียงเจียหมิงรีบตอบรับแสดงความเข้าใจ
ประธานฉางใช้น้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรพูดว่า “สิ่งไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นคืออะไร?”
เหลียงเจียหมิงถึงได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ให้เขาฟัง
เหลียงพยายามเล่าให้ดูเหมือนว่าตัวเองก็เป็นผู้เสียหาย แต่ก็ยังถูกประธานฉางด่าอย่างหนัก
“เหลียงเจียหมิง ฉันว่าสมองของนายมีปัญหาใช่มั้ย? ห้าล้านยังไม่พอกินหรือ ยังจะไปเรียกร้องค่าชดเชยจากโรงพยาบาล ที่นี้เป็นอย่างไงละ ทุกอย่างพังแล้วไม่ใช่หรือ?”
ประธานฉางด่าอย่างไม่ปรานี ดูจากน้ำเสียงแล้ว เขาไม่รู้เรื่องที่ไปเรียกร้องค่าชดเชยจากโรงพยาบาลในครั้งนี้ด้วยซ้ำ
เป็นเพราะเหลียงเจียหมิงที่เป็นคนโลภมาก เขาได้ ไปเรียกร้องค่าชดเชยจากโรงพยาบาลขึ้นมานอกเหลือคำสั่ง
“เหลียงเจียหมิง นายทำความเข้าใจใหม่นะ หญิงสาวที่ชื่อหลินจ้าวหยูนคนนี้ฉันจีบตามองเธอมานานแล้ว แต่ยังทำอะไรเธอไม่ได้ ฉันอยากใช้โอกาสนี้ทำให้เธอหมดหนทางและมาขอความช่วยเหลือจากฉัน นายมาพังทุกอย่าง ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก”
เหลียงเจียหมิงไม่กล้าจะพูดอะไร ประธานฉางด่าอยู่นาน ความโกรธถึงได้หาย
“แต่ยังดี เรื่องพังยังไม่ถึงจุดที่กู้คืนไม่ได้”
ประธานฉางพูดว่า “วันนี้เป็นวันที่นัดจ่ายเงินใช่มั้ย นายก็ใช้เรื่องค่าชดเชยห้าล้านไปขู่เธอ ถ้าเธอหาเงินมาไม่ได้ ก็จ่ายด้วยร่างกาย และจับเธอมาหาฉัน!”
“ได้ครับ ประธานฉาง ครั้งนี้ฉันจะทำให้ดีที่สุด จะไม่ให้ท่านผิดหวังครับ”
“อืม ไปเถอะ”