เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 590
บางแห่งในเมืองเจียงเฉิง ณ วิลล่าที่เงียบสงัดแห่งหนึ่ง
นายท่านใหญ่ฉินโช่ววงกำลังถือคันเบ็ดอันหนึ่งแล้วตกปลาโดยที่เขาตกปลาไปด้วย พร้อมกับคุยโทรศัพท์ด้วยไป
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าปลายสายนั้นพูดอะไรไป ใบหน้าที่เดิมทีเต็มไปด้วยรอยยิ้มนั้นของฉินโช่ววงแค่ครู่เดียวก็เริ่มแข็งทื่อขึ้นมาทันที
มือที่จับคันเบ็ดก็สั่นไปพักหนึ่ง และปลาที่อยู่ก้นทะเลสาบก็ตกใจ
“อะไรนะ? พันธมิตรเจียงเฉิงพังพินาศงั้นเหรอ?”
ฉินโช่ววงก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาอย่างเสียงหาย
“ใช่แล้วครับ ผู้นำตระกูลฉิน แค่ครู่เดียวเมืองหมิงจูก็มีคนจำนวนมากมาที่นี่ แม้แต่ตระกูลซ่งกับตระกูลต่งที่ยักษ์ใหญ่ขนาดนั้นยังมาเลยครับ และตอนนี้บริษัทของพวกเราก็ล้มละลายแล้วครับ”
จากนั้นก็มีเสียงร้องของหยางอี้เฉินมาจากในสาย
ครู่เดียวการแสดงออกของฉินโช่ววงก็เริ่มเคร่งครึ้มขึ้น “เป็นไปไม่ได้ ฉันรู้แค่ว่าเบื้องหลังของบริษัทลี่จิงกรุ๊ป มีแค่หลินชิงเสว่คนเดียวเท่านั้นที่พอมีภูมิหลัง!”
หลินชิงเสว่เป็นแค่คุณหนูของตระกูลหลินคนเดียว ที่มีความสามารถจำกัด แล้วคนคนเดียวจะไปแก้ไขปัญหาใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไง?
“หรือว่าจะเป็นหลินรั่วหวีผู้นำตระกูลหลิน ที่ลงมือโจมตี?”
ฉินโช่ววงพูดคาดเดา
แต่พอลองมาคิดดูแล้ว ก็มีแค่เหตุผลนี้เท่านั้นที่จะเป็นไปได้ และน่าจะเกิดขึ้นได้มากที่สุด
หลินชิงเสว่เป็นลูกสาวของหลินรั่วหวี
แม้ว่าหลินรั่วหวีมักจะทำอะไรไปโดยไม่สนใจความคิดของคนอื่นตลอด และแม้จะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองตกลงจะไปทำนั้นจะทำร้ายจิตใจลูกสาวของตัวเองเขาก็ยังจะไปทำ แต่พอเกิดเรื่องขึ้นหน่อย เขาก็ยังทำดีกับลูกสาว
ถ้าหลินรั่วหวีเป็นคนลงมือโจมตี พันธมิตรเจียงเฉิงมันไม่ใช่คู่ต่อสู้อยู่แล้ว!
“ไม่ใช่ครับ! มันเป็นเพราะสามีของหลินชิงเสว่ชายหนุ่มที่ชื่อว่าถังเฉา!”
หยางอี้เฉินพูดรายงาน
ฉินโช่ววงขมวดคิ้วอย่างหนาแน่นขึ้นมาทันที และใบหน้าที่แก่หง่อมของเขานั้น เหมือนกับเปลือกส้มแห้ง
หลังจากที่เงียบอยู่นาน ฉินโช่ววงก็พูดค้านไปประโยคหนึ่ง “พวกแกแน่ใจเหรอว่า เป็นคนที่ชื่อว่าถังเฉา?”
“ใช่ครับ ผมแน่ใจ!”
ดังนั้น ฉินโช่ววงจึงไม่ได้พูดอีก จากนั้นเจตนาฆ่าที่รุนแรงก็ฉายประกายขึ้นในดวงตาที่สกปรกของเขา
เขารู้สึกคุ้นเคยกับ ไอ้ชื่อถังเฉานี้อย่างมาก!
เมื่อห้าปีก่อน ชายผู้ทำลายอนาคตที่สดใสของฉินผู่หยางหลานชายของเขา คือชายหนุ่มที่มีชื่อว่าถังเฉาเช่นกัน
ในตอนนั้น เดิมทีที่เขาต้องการใช้กำลังของตระกูล เพื่อทำลายถังเฉา
แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถังเฉาถึงได้เหมือนกับระเหยหายไปจากโลกมนุษย์ยังไงอย่างงั้นเลย ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ตระกูลฉินก็หาไม่เจออีกเลย
แม้แต่เอกสารของเขา ก็ยังถูกรัฐบาลบล็อก และฉินโช่ววงเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะสอบถามด้วย
จนห้าปีต่อมา ตระกูลฉินถึงหาเบาะแสของถังเฉาได้
ซึ่งข่าวที่ได้รับนั้นกลับเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจของฉินโช่ววงตกต่ำลง
ถังเฉาและหลินชิงเสว่เจ้าหญิงคนโตของตระกูลหลินอยู่ด้วยกันสะแล้ว ทั้งยังได้แต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้วด้วย!
แม้ว่าตระกูลฉินจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากจนกล้าที่จะไปเปิดฉากทำสงครามกับตระกูลหลินที่เห็นต่างไปคนละทางและไม่ได้อ่อนแอไปกว่าตัวเขาเอง
แม้ว่าหลินรั่วหวีจะไม่ยอมรับลูกเขยคนนี้ แต่ตราบใดที่หลินชิงเสว่ปกป้องเขา ตระกูลฉินก็ไม่มีวันสามารถทำอะไรได้
แม้ว่าฉินโช่ววงจะโกรธแค้น แต่สำหรับคนอย่างถังเฉาคนนี้แล้ว เขาก็ยังได้ข้อสรุปพื้นฐานที่แน่นอนว่า พึ่งพาภรรยา
ถ้าไม่มีหลินชิงเสว่ ถังเฉาจะไม่มีอะไรทั้งนั้น
แต่กับคนแบบนี้ มันจะไปช่วยแก้ปัญหาที่แม้แต่หลินชิงเสว่เองก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ล่ะ?
หยางอี้เฉินพูดอีกครั้ง
“พวกเราไม่เคยเห็นเขามาก่อน แต่เป็นเพราะเขา ตระกูลส่วนใหญ่ของเมืองหมิงจูจะช่วยกันปกป้องบริษัทลี่จิงกรุ๊ป โดยมีทั้งตระกูลเซี่ย ตระกูลหู และตระกูลลู่ทั้งสามตระกูลต่างไม่ยินยอมเข้าร่วมพันธมิตรเจียงเฉิงของเรา เพราะพวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้!”
หยางอี้เฉินพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ซึ่งดูเหมือนเขาไม่ได้โกหก
“ได้ ฉันเข้าใจแล้ว บริษัทของพวกคุณ ตระกูลฉินของฉันจะสนับสนุนด้วย จำไว้ อย่าพูดเรื่องนี้ออกไปเด็ดขาด และยิ่งไม่ต้องพูดแพร่ออกไปด้วย เข้าใจไหม?”
ฉินโช่ววงพูดกำชับ ด้วยสีหน้าที่ดูแย่อย่างขีดสุด
“ครับนายท่านใหญ่ ผมเข้าใจแล้ว!”
หยางอี้เฉินพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
ฉินโช่ววงขมวดคิ้ว และลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะกดโทรอีกเบอร์
ตุ๊ดตู๊ด…
ไม่นาน ก็ติดต่อได้ จากนั้นก็มีเสียงเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา
“ผู้นำตระกูลฉิน”
ฉินโช่ววงพูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “ตงเฟิง คุณจะมาถึงเมืองเจียงเฉิงเมื่อไหร่?”
“ช่วงเย็น ทำไมเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
มู่ตงเฟิงพูด
“เกิดเรื่องขึ้นแล้ว วิธีของคุณ ถูกคนทำลายแล้ว”
ฉินโช่ววงพูด
“ทำลาย?”
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่ตงเฟิงที่อยู่ปลายสายประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
บริษัทตั้งหลายแห่งรวมตัวกันเป็นพันธมิตรเพื่อกดขี่แค่บริษัทเดียว เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่วิธีการที่เปิดเผยบริสุทธิ์เอาสะเลย
ในเรื่องของธุรกิจมู่ตงเฟิงก็ไม่เข้าใจ เขาจึงคิดได้แค่วิธีนี้
แต่ชัยชนะนั้นเรียบง่าย และเลือดเย็นนะ!
บริษัทเดียว อยู่ภายใต้การกดขี่ของพันธมิตรธุรกิจ จะต้องพินาศแน่ มันไม่ง่ายเลยที่จะพลิกสถานการณ์ได้!
“เกิดอะไรขึ้น?”
น้ำเสียงของมู่ตงเฟิงทุ้มต่ำเล็กน้อย
แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังเป็นผู้พิทักษ์แดนตะวันตก ก็ยังถือว่าเป็นการวางกลยุทธ์ และวิธีที่เขาคิดสุดท้ายก็ถูกทำลายล้มลงแล้ว และสิ่งนี้ก็ทำให้มู่ตงเฟิงอับอาย ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
ฉินโช่ววงถอนหายใจเบาๆ “คนที่ทำลายวิธีของคุณ ไม่ใช่หลินชิงเสว่ แต่เป็นสามีของเธอ เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อว่าถังเฉา ซึ่งคนนี้ช่างเป็นคนที่มีพลังน่าเคารพเลื่อมใสเสียจริง… ”
เมื่อพูดถึงคนหนุ่มที่มีพลังน่าเคารพเลื่อมใส ดวงตาของฉินโช่ววงเป็นประกายด้วยความโกรธ
“ถังเฉา…”
มู่ตงเฟิงก็ไตร่ตรองกับชื่อนี้เช่นกัน และน้ำเสียงของเขาก็ทุ้มต่ำลง
เขารู้สึกคุ้นหูกับชื่อนี้อย่างมาก อย่างกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
แต่ก็นึกไม่ได้
ผู้พิทักษ์แห่งแดนเหนือใต้ออกตกสี่แดนนี้ นอกจากแดนเหนือแล้ว ยังมีอีกสามแดน ที่ชื่อของผู้พิทักษ์ต่างก็ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ
ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร
และเหลือไว้แค่แดนเหนือแดนเดียว
ทั้งชื่อ ฐานะ และข้อมูล ทั้งหมดล้วนเป็นความลับขั้นสูง
เพราะคนที่คอยปกป้องแดนเหนือก็คือเจ้ามังกร
ไม่ว่าใครทั้งนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ฐานะของเจ้ามังกร
และมู่ตงเฟิงเองก็ไม่รู้ว่าเจ้ามังกรคือถังเฉานั่นเอง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติมาก
หลังจากหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง มู่ตงเฟิงก็พูดอีกครั้งว่า “นายท่านใหญ่ครับ นายท่านอย่าเพิ่งกังวลไปเลย สำหรับทุกอย่าง รอให้ผมมาที่เจียงเฉิงก่อนค่อยคุยกันนะครับ”
ฉินโช่ววงทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ตอบรับ
“ได้!”
พันธมิตรเจียงเฉิงพังพินาศ และความกดดันของบริษัทลี่จิงกรุ๊ปก็หายไปในทันใด
เกี่ยวกับการพุ่งเป้าหมายไปยังพวกเธอ เรื่องการห้ามการใช้เครื่องสำอางก็ถูกยกเลิกแล้วเช่นกัน
บริษัทลี่จิงกรุ๊ปสามารถขนส่งได้ตามปกติ
หลังจากที่หลินชิงเสว่รู้เรื่องแล้ว เธอก็มองไปที่ถังเฉาอย่างกับปีศาจ
“คุณทำได้ยังไง?”
ดวงตาที่สวยงามของหลินชิงเสว่ก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
อย่างไรเสียสิ่งที่บริษัทลี่จิงกรุ๊ปล่วงเกินองค์กรเมืองเจียงเฉิงครั้งนี้ มันก็เป็นการตักเตือนตัวเองให้ทนกล้ำกลืนความอัปยศ ซึ่งจุดจบของการต่อสู้ก็คือคำว่าตาย
ถังเฉายิ้มพร้อมกับพูดว่า “มันง่ายมาก เพราะเลี้ยงคนพันวันเพื่อใช้งานวันเดียว ซึ่งรากฐานของเราอยู่ในเมืองหมิงจู เราก็ควรใช้กำลังของพวกเขาเป็นครั้งคราวด้วย”
หลินชิงเสว่ก็ดีใจมากเช่นกัน
เหตุผลที่ดีใจไม่ใช่เพราะว่าบริษัทรอดจากอันตราย แต่เป็นความสามารถของถังเฉา
เธอจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ผู้ชายที่เธอเลือกนั้น ไม่ได้แย่ไปกว่าหลินชิงเสว่
หรือแม้แต่ แข็งแกร่งมากขึ้น!
เมื่อกลับไปถึงห้องสำนักงาน ถังเฉาก็โทรหาเจิงเทียนเสียง และพูดชมเชยว่า “ทำได้ดีมาก และไม่ได้ทำให้หมิงจูของเราถูกรังแกเลย!”
“ขอบคุณครับ คุณถัง!”
หลังจากได้รับคำชมจากถังเฉาแล้ว เจิงเทียนเสียงก็ดีใจอย่างมาก
“ฝากช่วยผมขอบคุณผู้นำตระกูลทุกท่านที่มาด้วยนะ”
ถังเฉาพูดว่า “ในเมื่อมาที่เมืองเจียงเฉิงแล้ว ก็อย่าเพิ่งกลับไปเลย อย่างน้อยก็รอจนกว่าการประชุมแดนเหนือสิ้นสุดลงก่อน ค่อยไป”
เจิงเทียนเสียงเห็นด้วยทันที และสิ่งแรกก็คือการไปหาหูอีซานและหลัวปู้
ฟิ้ว!
ทันใดนั้น ก็มีลมเย็นพัดมาจากข้างหลัง
ผู้หญิงในเสื้อหนังสีดำคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหลังถังเฉา
นั่นไม่ใช่เฟิ่งหวง แต่นั่นคือเจียงไป๋เสว่
“รายงานข่าวล่าสุดในอีก 5 ชั่วโมงมู่ตงเฟิงผู้ผู้พิทักษ์แดนตะวันตก ก็จะมาถึงเมืองเจียงเฉิงแล้วค่ะ”
เจียงไป๋เสว่พูด
ประโยคนี้ ทำให้ถังเฉาตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มจางๆ ขึ้นมา
“รอมานานขนาดนี้ในที่สุด ผู้ผู้พิทักษ์แดนตะวันตกของพวกเราก็จะมาแล้ว…”
เจียงไป๋เสว่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่รอสิ่งที่ถังเฉากำลังจะพูดต่อไป
ที่จริงแล้ว หลังจากการตั้งถิ่นฐานการประชุมแดนเหนือในเมืองเจียงเฉิงแล้ว ดูเหมือนว่าทุกคนต่างก็พากันลือถึงมู่ตงเฟิงผู้พิทักษ์แดนตะวันตก
ในตอนนี้ มู่ตงเฟิงเป็นผู้พิทักษ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด จากผู้พิทักษ์แดนเหนือใต้ออกตกทั้งสี่แล้ว
กระทั่งยังยิ่งใหญ่กว่าเจ้ามังกรคนนี้แล้ว
ถังเฉาหยุดชะงัก และพูดต่อว่า “ในเมื่อเพื่อนเก่าของเรามา แล้วจะไม่เตรียมการต้อนรับที่ดีได้ยังไง?”
คำพูดนี้ทำให้เจียงไป๋เสว่เลิกคิ้วไปทีหนึ่ง “คุณต้องการจะทำยังไงคะ?”
แม้ว่าเธอจะยังไม่รู้ถึงแผนการของถังเฉา แต่เธอก็รู้ดีว่า การต้อนรับที่ถังเฉาพูดถึงนั้น จะต้องทำให้มู่ตงเฟิงเสียหน้าจนไม่กล้าพบหน้าใคร
เห็นแค่ถังเฉาพูดอย่างเฉยชาว่า “ผมได้แจ้งไว้ล่วงหน้าแล้วว่าคนบ้าบู๊กำลังจะมา พอลองคำนวณเวลาแล้ว คงจะมาถึงเมืองเจียงเฉิงไม่ต่างกับมู่ตงเฟิงมาก”
สีหน้าของเจียงไป๋เสว่เปลี่ยนไปทันที “คนบ้าบู๊เหรอคะ?”
“ใช่แล้ว อู่ตงหยางคนบ้าบู๊คนนี้แหละ”
ถังเฉายิ้มเจื่อนๆ “ผมไม่รู้ว่าชื่อเสียงของคนบ้าบู๊ จะเอาชนะมู่ตงเฟิงได้หรือเปล่า?”
เจียงไป่เสว่เข้าใจในทันทีว่าถังเฉาต้องการทำอะไร และทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“คุณอยากทำตัวเฉยชากับมู่ตงเฟิงงั้นเหรอคะ?”
ถังเฉายิ้มพร้อมกับชำเลืองมองเธอไปแวบหนึ่ง “นี่จะดูเป็นการทำตัวเย็นชาได้ยังไงเล่า? ไม่ว่าคนบ้าบู๊จะพูดยังไงก็เป็นที่เคารพเลื่อมใสของทุกคนเช่นกัน ถ้าเทียบกับมู่ตงเฟิงที่ร้อนแรงไม่ได้ มันคงจะไร้เหตุผลเกินไป”
เจียงไป่เสว่ส่งเสียงเย็นชา “คุณคิดว่าอยู่ในเมืองมาเป็นเวลานาน ก็จะกลายเป็นคนหน้าซื่อใจคด”
หน้าซื่อใจคดงั้นเหรอ?
ถังเฉาตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ผมก็ถือเอาสะว่านี่เป็นคำชมของคุณแล้วกัน”
เจียงไป่เสว่ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง
คำว่าหน้าซื่อใจคดมันกลายเป็นคำชมตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย?
เป็นเพราะสังคมก้าวหน้า หรือเพราะคนไม่รู้จักพอ?
“ถังเฉา”
อยู่ๆ เจียงไป่เสว่ส่งเสียงออกมา แต่เธอกลับไม่ได้หันกลับมามอง ดวงตาของเธอยังคงมองไปที่เมฆที่เป็นชั้นๆ บนขอบฟ้า
“หลี่เห้ากับเฟิ่งหวงคงจะไม่เป็นไร ใช่ไหม?”
การแสดงออกของถังเฉาเริ่มเอาจริงเอาจังขึ้นมา พร้อมกับพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “จะไม่เป็นไร ผมจะไม่ปล่อยให้พวกเขาต้องตายสักคนเดียว”
น้ำเสียงของถังเฉาทุ้มต่ำอย่างมาก แต่มันกลับซ่อนไปด้วยความแน่วแน่ของเขา
ดังนั้น เจียงไป่เสว่ก็ยิ้มแย้มขึ้นมา
“คุณกลายเป็นคนหน้าซื่อใจคดไปแล้ว แต่บางที่ คุณก็ยังเหมือนเดิม”
ถังเฉายิ้ม “นี่สิถึงว่าเป็นคนมีเลือดมีเนื้อ และเป็นมนุษย์ที่แท้จริงไงล่ะ”
ต่อจากมู่ตงเฟิงผู้พิทักษ์แดนตะวันตกแล้ว ก็มีข่าวที่รุนแรงรั่วออกมา
อู่ตงหยางคนบ้าบู๊ก็กำลังเดินทางมาที่เมืองเจียงเฉิงเช่นกัน
หลังจากได้รู้ข่าวนี้ ผู้คนในสมาคมการต่อสู้ทั่วทุกแห่งก็บ้าคลั่ง
ไม่เพียงแต่จากเมืองเจียงเฉิงเท่านั้น ยังมีสมาคมการต่อสู้จากเมืองหมิงจู เมืองเจียงเจ้อและเมืองหลินเฉิง ที่จะส่งคนมาต้อนรับคนบ้าบู๊ด้วย
ฐานะของคนบ้าบู๊ในโลกการต่อสู้ก็เหมือนกับฐานะของคนบ้าดนตรีในวงการบันเทิง และฐานะของบ้าการค้าในโลกธุรกิจ ซึ่งมันก็เป็นเหมือนกับพวกระดับเจ้าพ่อ
โดยเฉพาะคนบ้าบู๊ที่ได้ก่อตั้งนิกาย ที่คนในวงการเรียกว่า…
สายเลือดนักรบเทพ!
ถ้าโชคดีได้รับคัดเลือกจากสายเลือดนักรบเทพเช่นนั้นคงมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับการสอนจากอาจารย์คนบ้าบู๊
ซึ่งคนบ้าบู๊ก็มีอาจารย์เช่นกัน
แต่มันเหมือนจะเรียกว่า อายุเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครรู้
ณ สนามบินนานาชาติตะวันออกของเมืองเจียงเฉิง
ซึ่งเมืองเจียงเฉิงมีสนามบินอยู่สองแห่ง โดยแบ่งตามเมืองทิศตะวันออกและเมืองทิศตะวันตก
จุดหมายปลายทางของมู่ตงเฟิงลงจอดที่สนามบินเมืองทิศตะวันออก
อย่างไรก็ตาม ยังเหลือระยะเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนที่เครื่องบินจะลงจอด
สนามบินเมืองตะวันตกนั้นเปล่าเปลี่ยว!