เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 604
ถังเฉาก็คิดไม่ถึงว่าตัวเองแค่พูดไปเล่นๆ แต่กลับทำให้เย่หรูอี้ยิ้มออกมาได้
รอยยิ้มนั้นสดใสราวกับดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ
ต่อให้เป็นถังเฉา ก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งตะลึงไป
ผู้หญิงที่เย่อหยิ่งเย็นชาไม่ค่อยยิ้มไม่ค่อยพูดมาตลอดจู่ๆก็ยิ้มออกมา มันมีผลกระทบอย่างมาก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เย่หรูอี้หน้าตาดูสวยดูแพงแบบคลาสสิค ถ้าอยู่ในสมัยโบราณ ก็ถือว่าเป็นนางสนมที่ถูกต้องและเหมาะสมแน่นอน
บวกเข้ากับเย่หรูอี้ที่เกือบจะได้เป็นภรรยาของตัวเองแล้ว ถ้าจะบอกว่าในใจของถังเฉาไม่สั่นไหวเลยก็โกหกแล้ว
“มองอะไร?”
พอสังเกตเห็นถึงสายตาของถังเฉา รอยยิ้มบนใบหน้าของเย่หรูอี้ก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
กลับมาท่าทีหยิ่งยโสเย็นชาตามเดิม
ในตอนนี้ถังเฉาก็ดึงสติกลับมา ใบหน้าอึดอัด“เปล่า ไม่มีอะไร”
ในใจคิดว่าตัวเองก็มีครอบครัวแล้ว การที่ไปมองผู้หญิงคนอื่นด้วยความรู้สึกหลงใหลแบบนี้
ในใจของถังเฉาก็รู้สึกผิดไม่น้อย
จากนั้นทั้งสองคนก็เข้าไปด้วยกัน
คนที่ตรวจตั๋วอยู่ตรงประตูก็ยังคงเป็นรปภ.สองคนนั้น
แต่พอรู้แล้วว่าถังเฉาเป็นเพื่อนของคุณเย่ พวกเขากล้าไปขวางรั้งที่ไหน?
เย่หรูอี้ก็ยื่นตั๋วไปแค่ใบเดียว แสดงถึงตัวเธอแค่คนเดียว
แต่เธอก็พูดอธิบาย
“เขาเป็นตัวแทนผู้เข้าแข่งขันของตระกูลเย่ ดังนั้นไม่ต้องตรวจตั๋ว”
“ครับ ได้ครับ……”
รปภ.ทั้งสองคนก็ปล่อยเข้าไปโดยตรง จนกระทั่งพวกเขาเดินไปไกลแล้ว จึงมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา
“เมื่อตะกี้คุณเย่พูดว่าอะไรนะ?”
“เป็นตัวแทนผู้เข้าแข่งขันของตระกูลเย่?”
“พูดขนาดนี้ แสดงว่าสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ เขาเป็นยอดฝีมือตัวแทนของตระกูลเย่?”
ใบหน้าของรปภ.ทั้งสองคนตกตะลึง ในใจก็เกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ ถังเฉาก็บอกแล้วว่าเขาเข้าไปได้โดยที่ไม่ต้องใช้ตั๋ว เพราะว่าเขาเป็นผู้เข้าแข่งขันที่เข้าร่วมการประชุมแดนเหนือ
ผลที่ได้พวกเขากลับหัวเราะเยาะ ไม่มีใครเชื่อแม้แต่คนเดียว
ตอนนี้พวกเขากลับอึ้งตะลึง พวกเขาเกือบจะไปก้าวก่ายยอดฝีมือในการต่อสู้เข้าแล้ว!
ยอดฝีมือที่กล้าเข้าร่วมประชุมแดนเหนือทุกคน พละกำลังแข็งแกร่งทั้งนั้น
พวกเขาจะคิดยังไง เย่หรูอี้ไม่สนใจสักนิด ความคิดจิตใจของเธออยู่ที่ถังเฉาหมดแล้ว
แม้ว่าทั้งสองคนจะกำลังเดินอยู่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
แต่เย่หรูอี้แอบมองถังเฉาทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ
ไม่ว่ายังไง เขาก็คือผู้ชายเพียงคนเดียวที่ทำให้เธอยิ้มออกมาได้
แต่ว่า เขากลับเป็นของคนอื่นไปแล้ว
นี่เป็นสิ่งที่เย่หรูอี้รู้สึกเสียดาย แล้วก็รู้สึกลังเลที่สุด
“เย่หรูอี้ คุณมาแล้วเหรอ? ฉันนึกว่าเธอจะกลัว ไม่กล้ามาแล้วซะอีก!”
ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงคุ้นหูที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ยดังขึ้นมา
ถังเฉากับเย่หรูอี้ก็หันมองไปตามเสียง
เย่เซ่าเตี๋ยก็นั่งอยู่ตรงที่นั่งของตระกูลเย่แห่งตระกูลหลวงเรียบร้อยแล้ว
ข้างหน้ามีเมล็ดทานตะวันตั้งไว้หนึ่งถ้วย กำลังแทะอยู่
ต่างกับเย่หรูอี้ที่แบกรับความกดดันอันใหญ่หลวงของตระกูลเอาไว้ ประชุมแดนเหนือสำหรับเธอแล้ว ก็คือการมาเพลิดเพลินกับวันหยุดก็เท่านั้น
เธอไม่รู้เรื่องการต่อสู้ รู้จักแต่อาบแดด แทะเมล็ดทานตะวัน
หันมองดูผลต่อสู้แพ้ชนะบนเวทีเป็นครั้งคราว นี่ก็ถือว่าเป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่งเหมือนกัน
แต่ตอนที่สายตาของเธอหันมาเห็นถังเฉาที่อยู่ข้างหลังของเย่หรูอี้นั้น สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
“ถังเฉา? แก……แกเข้ามาได้ยังไง?”
เย่เซ่าเตี๋ยแววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เห็นๆอยู่ว่าเธอสั่งกำชับรปภ.ตรงทางเข้าไว้แล้ว ว่าอย่าให้ถังเฉาเข้ามา
แต่พอเห็นเย่หรูอี้ที่ยืนอยู่ด้วย เธอก็เข้าใจขึ้นมา สีหน้าท่าทีเปลี่ยนเป็นเยาะเย้ย
“เย่หรูอี้ เธอนี่มันลดค่าตัวเองจริงๆนะ เขาถือว่าเป็นสามีเก่าของเธอ เธอยังจะช่วยเขาขนาดนี้อีกเหรอ?”
เย่หรูอี้ไม่ได้โมโหเลยแม้แต่น้อย นั่งลงตรงที่นั่งอย่างสง่างาม ท่าทีแน่วแน่จริงจัง
“เรื่องของฉัน คุณไม่ต้องยุ่งหรอก”
“นี่เธอ……”
พอเห็นว่าเย่หรูอี้ไม่สนใจเธอ เย่เซ่าเตี๋ยก็โกรธสุดๆ
แต่ ไม่นาน ผู้ชายที่แข็งแกร่งทรงพลังคนหนึ่งก็มาอยู่ข้างๆของเย่เซ่าเตี๋ย
เขาคือน้องชายแม่เดียวกันของหงเทียนหยาแห่งสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิง หงเทียนเฉิน
เย่เซ่าเตี๋ยก็หัวเราะออกมา“เย่หรูอี้เธอภูมิใจไปเถอะ ประชุมแดนเหนือจะเริ่มขึ้นแล้ว แต่เธอกลับยังทำไม่เสร็จสักเรื่อง คนที่ให้ตระกูลเย่เข้าร่วมการแข่งขัน กลับเป็นฉัน”
“คุณหงจะเอาชัยชนะมาให้กับตระกูลเย่ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เป็นเครดิตของฉัน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเลย!”
“เรื่องนี้รอฉันกลับเยี่ยนจิงก่อน ฉันจะรายงานให้ท่านปู่ทวดทราบแน่นอน เธอรอเก็บข้าวของออกไปได้เลย!”
“เหอะ!”
หงเทียนเฉินเหมือนกับเสาเหล็ก นำมาซึ่งแรงกดดันอันมหาศาล
เขาสบถเหอะออกมาอย่างหนักหน่วง สายตาจับจ้องไปที่ถังเฉาเป็นพิเศษ
แต่ ถังเฉากับเย่หรูอี้ไม่ได้รู้สึกตื่นตกใจหรือโกรธเลยแม้แต่น้อย ยังคงนิ่งสงบราวกับสายน้ำ
“โหวกเหวกเสียงดัง หรือว่าท่านปู่ทวดไม่เคยสอนเหรอว่า‘ปลาหมอตายเพราะปาก’มันหมายความว่าอะไร?”
เย่หรูอี้ตอบกลับไปอย่างนิ่งๆ
เย่เซ่าเตี๋ยสำลักทันที
แข่งฝีปากกันเย่เซ่าเตี๋ยสู้เย่หรูอี้ไม่ได้อยู่แล้ว เธอก็เลยไม่พูดซะเลย
“รอประชุมแดนเหนือเริ่มก่อนเถอะ เธอได้ร้องไห้แน่ๆ!”
เย่หรูอี้ยังคงไม่รู้สึกตื่นตระหนกแต่อย่างใด แต่กลับหันมองไปยังถังเฉา ยิ้มเล็กน้อย“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพวกเราเจอกันนะ!”
“เจอกัน!”
ถังเฉาพยักหน้า จากนั้นก็เดินตรงไปยังที่นั่งของหลินชิงเสว่
เย่เซ่าเตี๋ยที่อยู่ข้างๆได้ยินแล้วก็อึ้งตะลึงไป
เดี๋ยวเจอกัน หมายความว่ายังไง?
สัญชาตญาณของเธอคิดไปถึงว่าทั้งสองคนกำลังคบชู้กันอยู่
“สามีของหลินชิงเสว่ คงจะไม่คบชู้กับเย่หรูอี้หรอกใช่ไหม?”
เย่เซ่าเตี๋ยพูดด้วยความอึ้งตะลึง
ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงตรง อีกหนึ่งชั่วโมงก็จะเริ่มเปิดประชุมแดนเหนือแล้ว
“พ่อ!”
พอถังเฉากลับมาตรงที่นั่งของหลินชิงเสว่ ถังเสี่ยวลี้ก็ตะโกนออกมาเสียงดัง วิ่งตรงเข้าไปหาถังเฉา
ถังเฉาอุ้มขึ้นมาอย่างยิ้มแย้ม“มามะ มาให้พ่ออุ้มหน่อย!”
จากนั้นก็นั่งลงข้างๆหลินชิงเสว่
“ทำไมถึงช้าขนาดนี้?”
หลินชิงเสว่พูดเชิงตำหนิ“ทุกคนมาถึงกันหมดแล้ว รอแค่คุณคนเดียว”
ตอนนี้ถังเฉาจึงสังเกตเห็นว่า พวกหลินฉ่ายเวย หลินเจิ้นสง ฟางหย่าแล้วก็หลินจ้าวหยูนมาถึงกันหมดแล้ว
“ขอโทษครับ เกิดเรื่องนิดหน่อย ก็เลยทำให้ช้า”
ถังเฉาพูดอธิบาย
จู่ๆ สายตาของเขาก็จ้องเขม็ง สังเกตเห็นคนสองคนที่ไม่ควรจะโผล่มาที่นี่
หลินรั่วหวีและเว่ยหมิงจวิน
พวกเขาก็สังเกตเห็นถังเฉาเช่นเดียวกัน ในแววตาต่างก็ตกใจ
พวกเขาคิดไม่ถึง ว่าถังเฉาจะเข้ามาจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้นชิงเสว่ พวกเราไปกันก่อนแล้วกัน”
หลินรั่วหวีกับเว่ยหมิงจวินกะที่จะออกไป
“ไม่ไปส่งนะ”
หลินชิงเสว่น้ำเสียงนิ่งเฉย ไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นส่งเลยแม้แต่นิดเดียว
“พ่อตาแม่ยายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ถังเฉาพูดถามหลินชิงเสว่
คำถามนี้ หลินชิงเสว่ไม่อยากจะตอบเลย
เป็นหลินจ้าวหยูนที่ตอบแทนหลินชิงเสว่
“พี่เขย พ่อแม่ของฉันมาหาพี่น่ะ”
หลินจ้าวหยูนดูเหมือนจะรู้ว่าหลินชิงเสว่กับพ่อแม่ของตนไม่ค่อยลงรอยกัน จึงพูดขึ้นด้วยความอึดอัด
ถังเฉาพยักหน้า พูดขึ้น“จะมาหาก็มาสิ ฉันก็ไม่ใช่คนที่ใจแคบอะไร ไหนจะจ้าวหยูนอีก เธอวางใจเถอะ เธอยังเป็นน้องสาวของฉันอยู่”
หลินจ้าวหยูนรู้สึกตื่นเต้นมาก สิ่งที่เธอกลัวที่สุดคือถังเฉาจะตีตัวเหินห่างเธอเพราะว่าพ่อแม่ของเธอ
“ถังเฉา!”
จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนด้วยความโกรธดังขึ้น ทำเอาแก้วหูของทุกคนสะเทือนจนรู้สึกปวดไปหมด
ถังเฉาหรี่ตาลง หันกลับไปมอง
เห็นหงเทียนหยาพาคนกลุ่มหนึ่งมุ่งตรงมาทางนี้
คนของสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิงมาแล้ว
“พวกคุณมาทำอะไร?”
ถังเฉาหรี่ตาลง มองสำรวจพวกหงเทียนหยา
พวกหลินชิงเสว่ หลินฉ่ายเวย หลินเจิ้นสง ก็ลุกขึ้นยืน สีหน้าระแวงสุดๆ
เพราะว่ามีกลุ่มคนจำนวนมากยืนอยู่ข้างหลังของหงเทียนหยา
พวกเขาสวมชุดศิลปะการต่อสู้สีดำบ้างขาวบ้าง ทุกคนล้วนแต่สีหน้าเย็นชา หายใจหนักหน่วงรุนแรง
เป็นพวกยอดฝีมือที่อยู่ในสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิงอย่างแน่นอน
ประชุมแดนเหนือเป็นงานขนาดใหญ่ ดังนั้นพวกสมาชิกของสมาคมการต่อสู้จึงมากันหมด
ในตอนนี้มายืนรวมกัน พ่นลมหายใจที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
แม้แต่คนที่ไม่รู้เรื่องการต่อสู้แบบหลินชิงเสว่ หลินฉ่ายเวยก็ยังรู้สึกถึงความอันตรายไม่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถังเฉา
“ถังเฉา แกฆ่าอัจฉริยะของสมาคมการต่อสู้ของฉัน เรื่องนี้ไม่มีทางปล่อยไปแบบนี้แน่นอน ความแค้นของพวกเรา รอหลังจากที่ประชุมแดนเหนือเสร็จสิ้นลงแล้ว ค่อยมาคิดบัญชีกัน!”
หงเทียนหยาจ้องมองถังเฉาด้วยความโกรธ น้ำเสียงเยือกเย็นถึงกระดูก
พอคำพูดนี้ออกมา พวกหลินชิงเสว่ หลินฉ่ายเวยก็สะดุ้งตกใจทันที
เพราะว่ามันช็อคตกใจมากไป ถังเฉาไปฆ่าอัจฉริยะของสมาคมการต่อสู้อย่างนั้นเหรอ?
ถังเฉารู้ดีว่าที่หงเทียนหยาพูดถึงก็คือหลัวจวินอัจฉริยะอายุน้อยที่ไม่รู้ว่าถูกใครแอบลอบฆ่า
จู่ๆสายตาของเขาก็หันมองไปยังชายชราผมขาวคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลัง
“ท่านอาวุโสหลัวเฉิง คุณต่อสู้กับผม ผลลัพธ์ออกมาแล้ว ผมได้ฆ่าหลานชายของคุณหรือไม่นั้น คุณก็รู้คำตอบอยู่แล้ว ทำไมถึงยังไม่ยอมปล่อยไปสักที?”
ถังเฉายังคงนั่งอยู่ตรงที่นั่งด้วยสีหน้าท่าทีนิ่งเฉย แต่น้ำเสียงกลับชัดแจ๋ว
ชายชราผมขาวคนนั้นก็คือปู่ของหลัวจวินและหลัวเฉิงที่รู้จักในนามของนักรบเทพ
แต่แค่ว่า การสู้ในครั้งนั้นถังเฉาเอาชนะหลัวเฉิงได้ด้วยแรงบดขยี้
ถ้าเกิดอยู่ในสนามรบ หลังเฉิงก็คงตายไปเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้นหลัวเฉิงรู้ดีว่าถังเฉาไม่มีทางเป็นฆาตกรที่ฆ่าหลานชายของตัวเองแน่นอน
แต่ว่า นั่นมันเป็นสิ่งที่เขาคิดเท่านั้น ไม่ได้แสดงถึงเจตจำนงของสมาคม
หน้าตาของสมาคม สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของหลัวจวิน
“หัวหน้า ฆาตกรที่ฆ่าจูนเนอร์ อาจจะไม่ใช่เขา……”
หลัวเฉิงพูดอธิบายขึ้นมาด้วยสีหน้าซับซ้อน
แต่กลับถูกหงเทียนหยาพูดดุออกมาด้วยความโกรธ
“หุบปาก!ไม่ใช่มันแล้วจะเป็นใครอีก?”
หงเทียนหยาชำเลืองมองหลัวเฉิงด้วยความโกรธ“หลัวเฉิง คุณต้องเข้าใจ หลัวจวินเป็นหลานของคุณ หลานชายของคุณถูกทำร้าย คุณกลับปล่อยไปโดยที่ไม่แก้แค้น คุณไม่รู้สึกละอายใจต่อวิญญาณที่อยู่บนฟ้าของหลานชายของคุณเหรอ คุณไม่รู้สึกละอายใจต่อจิตใจนักสู้ที่บริสุทธิ์นี้ของคุณเหรอ?”
หลัวเฉิงก้มหน้าลงทันที
ถังเฉาหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคมกริบ
“ดูท่า สมาคมการต่อสู้ของคุณกะที่จะเอาชีวิตนี้มาลงที่ผมใช่ไหม?”
ถังเฉาน้ำเสียงแฝงไปด้วยอันตราย
ถ้าเกิดเป็นสิ่งที่เขาทำ เขาก็จะยอมรับอย่างตรงไปตรงมา แต่ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนทำ คนอื่นดึงดันจะคิดบัญชีกับเขาให้ได้ เขาจะทำให้อีกฝั่งได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าการชดใช้ตอบแทน
“แกเป็นคนฆ่าแท้ๆ ยังจะมาเล่นลิ้นอีกอย่างนั้นเหรอ?”
หงเทียนหยาพูดขึ้นอย่างน่ากลัว“จำไว้ ชีวิตของแก เป็นของสมาคมการต่อสู้ของพวกเรา”
พอคำพูดนี้ออกมา สายตาของหลินชิงเสว่ หลินฉ่ายเวยก็หันมองถังเฉาด้วยความเป็นห่วงทันที
ถังเฉายิ้มๆ ไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย
อย่างอื่นไกลไม่พูดถึง ภายในต้าเซี่ย คนที่สามารถคร่าชีวิตเขาได้ จะมีสักกี่คนกันเชียว?
“ประธานหง เมื่อตะกี้คุณ จะคร่าชีวิตของใครนะ?”
ในตอนนี้เอง ข้างหลังจู่ๆก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมา แถมยังเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาต
หงเทียนหยาสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หันหน้ากลับไปทันที
เห็นเย่เทียนหลงพุ่งตรงเข้ามาพร้อมกับผู้คนจำนวนมาก แรงอาฆาตในตาก่อตัวกัน
“สมาคมการต่อสู้หมิงจู?”
หงเทียนหยารูม่านตาหด
เย่เทียนหลงยิ้มอย่างเย้ยหยัน“คุณคิดจะคร่าชีวิตของคุณถัง ถามสมาคมการต่อสู้หมิงจูของพวกเราแล้วยัง?”