เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 606
หลังจากการปรากฏตัวของตระกูลยักษ์ใหญ่ของหมิงจู ตระกูลยักษ์ใหญ่ของเมืองเจียงเฉิงก็ปรากฏตัวตามมาเหมือนกัน
แต่พวกเขาไม่ได้ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับหงเทียนหยา ตรงกันข้าม กลับมาอยู่ข้างกายของถังเฉา เข้ามาทักทายกันอย่างสนิทสนม
แล้วก็ถือโอกาสทักทายพวกหลินฉ่ายเวย ฟางหย่า หลินจ้าวหยูนด้วย
หลินฉ่ายเวยกับฟางหย่าก็อึ้งตะลึงไปไม่น้อย
โดยเฉพาะฟางหย่า
ทั้งสองคนยังคงจำได้ดี เมื่อครั้งที่มายังเมืองเจียงเฉิง ถังเฉาเคยบอกว่ารู้สึกไม่คุ้นชินกับเมืองเจียงเฉิงเท่าไร
ตอนนั้นฟางหย่าดีใจมาก เพราะว่าเธอก็เป็นพลเมืองของเมืองเจียงเฉิง แถมยังได้แนะนำโครงสร้างอำนาจอิทธิพลของเมืองเจียงเฉิงให้กับถังเฉาด้วยความกระตือรือร้นอีกด้วย
ผลที่ได้ คนใหญ่คนโตระดับสูงของเมืองเจียงเฉิงที่ยืนรวมตัวกันเหล่านั้น กลับมีความเกรงใจต่อถังเฉาเป็นพิเศษเนี่ยนะ?
ตอนนี้ฟางหย่าถึงเข้าใจขึ้นมา ไม่ทันได้ตั้งตัว ถังเฉาก็กลับมาทำตัวค้อมต่ำไม่เป็นจุดสนใจอีกครั้ง
หงเทียนหยาสีหน้าดูไม่ได้ถึงขีดสุด
อิทธิพลของหมิงจูเข้ามาช่วยสนับสนุนถังเฉาเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ไม่คิดว่าอำนาจอิทธิพลของเมืองเจียงเฉิงก็หันมาสนับสนุนถังเฉาเช่นกัน
อำนาจอิทธิพลมากมายขนาดนี้ หงเทียนหยาก็ไม่กล้าเข้าไปปะทะตรงๆ!
“ประธานหง ยังจะลงมือกับผมอีกไหม?”
ถังเฉากางสองขา มองหงเทียนหยาด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
ในตอนนี้ หงเทียนหยาสีหน้าก็เต็มไปด้วยความหนักอึ้งตึงเครียด
คราวนี้เขาเข้าใจความหมายของหลัวเฉิงขึ้นมาแล้ว
คนที่มีผู้นำตระกูลมาติดตามมากมายขนาดนี้ ไม่มีทางไปลงมือกับพวกคนระดับล่างของสมาคมการต่อสู้แน่นอน
เขาก็มีศักดิ์ศรีความทะนงตัวของเขาเหมือนกัน
แต่ว่า คนของสมาคมการต่อสู้ตายไปทั้งคนแบบนั้น มันจะต้องมีฆาตกรที่ฆ่าอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องที่ว่าฆาตกรเป็นใครนั้น ก็ไม่สนใจแล้ว
“ได้ ถังเฉา พวกเราค่อยมาคิดบัญชีนี้ก็แล้วกัน!”
หงเทียนหยาพาคนจากไปด้วยสีหน้าดำมืด
มองเงาหลังของหงเทียนหยา เย่เทียนหลงก็พูดกระซิบเบาๆ
“คุณถัง คุณต้องระวังนะครับ มีความเป็นไปได้มากว่าสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิงอาจจะลงมือกับคุณในการประชุมก็ได้”
คำพูดนี้พูดอย่างคลุมเครือมาก ผู้คนมากมายตรงนั้นต่างก็ไม่ได้ยิน
ถังเฉากลับยิ้มนิ่งๆ ไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว“ลงมือในการประชุมแล้วจะยังไง? ไม่สมดั่งหวังหรอก”
พอได้ยินประโยคนี้ เย่เทียนหลงกลับวางใจลงไปเยอะ
ถังเฉาแข็งแกร่งอย่างมาก ไม่มีทางทำเรื่องอะไรที่ตัวเองเอาไม่อยู่แน่นอน
ในเวลานี้ ข้างกายของถังเฉามีคนใหญ่คนโตมีหน้ามีตามากมายมารวมตัวกัน ทำให้ได้รับความสนใจจากผู้คน
นอกจากพวกตระกูลอำนาจที่เข้าร่วมประชุมแดนเหนือแล้ว พวกคนดูเหล่านั้น ก็ล้วนแต่เป็นประชาชนคนธรรมดาทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นพวกเซี่ยสิงจู๋ หรือว่าต่งวี่ซู่ ก็ล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตที่ได้แต่มอง แต่ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆทั้งนั้น
จะรู้สึกตกใจก็เป็นเรื่องปกติ
“ชิงเสว่ ไม่ได้เจอกันนาน เธอโตขนาดนี้แล้วเหรอ?”
ที่ไม่ไกล มีเสียงคนแก่ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง
คนชราคนหนึ่ง ค้ำไม้เท้าเดินเข้ามา
ข้างหลัง มีคนอายุประมาณสามสิบเดินตามมาด้วยสองคน
แต่หนึ่งในนั้นถือไม้ค้ำสองข้าง เพราะขาขาดไปแล้ว
ว้าว!
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังกระหึ่มไปทั่ว
“ผู้นำตระกูลฉินแห่งตระกูลหลวงในเยี่ยนตู ในที่สุดก็มาแล้วเหมือนกัน!”
คนที่อยู่บนอัฒจันทร์รอบๆก็ตกใจสุดๆ
เมื่อคนที่มีเรื่องขัดแย้งทะเลาะวิวาทกันได้ มีแค่ผู้นำของตระกูลยักษ์ใหญ่ของแต่ละเขตเท่านั้น
สำหรับคนธรรมดาทั่วไป บางทีอาจจะเป็นคนที่ได้แค่มองแต่ไม่สามารถเอื้อมถึงได้ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าในประชุมแดนเหนือที่คนใหญ่คนโตมารวมตัวกัน ผู้นำตระกูลยักษ์ใหญ่ ก็อยู่แค่ระดับกลางเท่านั้น
ตระกูลหลวงในเยี่ยนตูต่างหากที่เป็นบุคคลที่อยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารที่แท้จริง
แถมนายท่านฉินโช่ววง ก็เป็นบุคคลระดับผู้นำตระกูลของตระกูลหลวงในเยี่ยนตูอีก!
นายท่านฉินไม่มีทางทักทายกับใครอย่างไม่มีเหตุผลแน่นอน ถ้าเกิดไม่ใช่การแก้แค้น ก็เป็นการตอบแทนบุญคุณ
แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว การแก้แค้นมีความเป็นไปได้มากกว่า
“นายท่านฉินสวัสดีตอนเที่ยงค่ะ”
ในที่สุดหลินชิงเสว่ก็ลุกขึ้น ทักทายฉินโช่ววงตามทำเนียมของตระกูลยักษ์ใหญ่ที่มีเฉพาะในตระกูลหลวงอย่างช้าๆ
แต่ในสายตานี้ กลับมองออกถึงความระแวดระวังที่มีไม่น้อย
ทุกอย่างเริ่มขึ้นเมื่อห้าปีที่แล้ว
สามีของเธอ ถังเฉา ได้ตัดขาของฉินผู่หยางหนึ่งข้าง ทำลายอนาคตของเขา
ตระกูลฉินโกรธเคียดแค้นมาก ความโกรธแค้นนี้ไม่มีทางจางหายไปตามกาลเวลาแน่นอน แต่กลับตรงกันข้าม มีแต่จะยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้น
แต่ในตอนนั้นถังเฉากำลังเข้าร่วมกองทัพ ได้รับการปกป้องจากประเทศชาติ ตระกูลฉินจึงหมดหนทาง
ตอนนี้ถังเฉาออกจากราชการทหารแล้ว ตระกูลฉินจะต้องลงมือกับถังเฉาแน่นอน
พอเจอกับตระกูลฉินที่ยิ่งใหญ่ หลินชิงเสว่ก็ไม่สามารถปกป้องถังเฉาได้แล้ว
ฉินกวนฉีก็มองหลินชิงเสว่ด้วยสีหน้าขี้เล่น
พวกเขาจะต้องจำเรื่องนี้ได้แน่นอน
ตอนที่หลินชิงเสว่กลับเยี่ยนจิงเมื่อครั้งที่แล้ว ก็เคยถูกคนของตระกูลหลินลักพาตัวไป วางแผนที่จะให้เธอไปแต่งงานกับตระกูลฉิน เพื่อกลายเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลฉิน
แต่กลับถูกถังเฉาที่โมโหเกรี้ยวกราดมาขัดขวางเอาไว้
แต่ว่าจะพูดยังไง หลินชิงเสว่ก็เกือบจะได้เป็นเมียของตระกูลฉินอยู่แล้ว
ถังเฉาก็ลุกขึ้นยืนอย่างยิ้มๆ ขณะไม่ทันตั้งตัวก็ใช้ร่างกายตัวเองมาบังหลินชิงเสว่เอาไว้ ยื่นมือออกไปหานายท่านฉิน
“นายท่านฉิน ผมเป็นสามีของชิงเสว่ เชื่อว่าคุณเคยได้ยินชื่อของผมตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้วแล้วนะครับ”
ฉึก!
พอคำพูดนี้ออกมา ไม่ใช่แค่คนของตระกูลฉินที่สีหน้าเปลี่ยนไป แม้แต่พวกหลินชิงเสว่เอง ก็สีหน้าตกใจเช่นกัน
สิ่งไหนไม่ควรหยิบยกมาพูด ก็ดันเอามาพูดซะอย่างนั้น!
ตระกูลฉินยังไม่ทันพูดถึงเรื่องขาที่ขาดของฉินผู่หยางเลย แต่เขากลับพูดเตือนขึ้นเองซะอย่างนี้
ทันใดนั้น หลินชิงเสว่ก็ใจเต้นแรง รู้สึกตึงเครียดกดดันสุดๆ
ฉินโช่ววงหรี่ตาลงเล็กน้อย“ไอ้เด็กน้อย ฉันเข้าใจว่านี่มันคือการเยาะเย้ยได้ใช่ไหม?”
หน้าของฉินผู่หยาง ก็แสดงความโกรธขึ้นมา
แต่กลับยังไม่ได้ถึงขั้นมีแรงอาฆาตขนาดนั้น
เขากับถังเฉาเป็นพันธมิตรกันแล้ว แน่นอนว่าปล่อยวางความแค้นไปแล้ว แต่พวกฉินกวนฉี ก็ไม่รู้เหมือนกัน!
เหมือนกับว่าถังเฉาฟังคำพูดข่มขู่ของนายท่านฉินโช่ววงไม่ออก ยังคงยิ้มแย้มอยู่อย่างนั้น
“เยาะเย้ยหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินของนายท่านฉินเลย”
หลินชิงเสว่สีหน้าตกใจ รีบพูดส่งสัญญาณว่าถังเฉาจะไม่พูดอีกแล้ว
เรื่องของฉินผู่หยางแต่เดิมก็เป็นความอัปยศของตระกูลฉินอยู่แล้ว พอถังเฉามาพูดเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ ก็เท่ากับว่ากำลังมาสะกิดต่อมโมโหของตระกูลฉิน
ฉินโช่ววงยิ้มๆ“ถึงฉันจะแก่ แต่ก็เป็นถึงผู้นำตระกูล ศักดิ์ศรีและความยิ่งใหญ่ของตระกูล ไม่มีทางยอมให้ถูกละเมิดได้ง่ายๆ”
“ฉันรู้สึกละอายใจต่อบรรพบุรุษจริงๆ ความแค้นที่ควรจะจัดการให้จบสิ้นไปตั้งแต่ห้าปีก่อน ดันยืดเยื้อมาจนถึงตอนนี้”
ฉึก!
นายท่านฉินพูดจบ พวกหลินชิงเสว่ก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลทันที
อุณหภูมิรอบๆตัวราวกับว่าลดฮวบลงถึงจุดเยือกแข็ง
คำพูดนี้ของฉินโช่ววงกำลังจะบอกว่า ตระกูลฉินกะที่จะลงมือกับถังเฉาแล้ว
“นายท่านฉิน นี่มันอะไรกัน?”
เสียงหัวเราะอย่างสะใจดังขึ้นมาอีกครั้ง
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามา ที่ตัวติดเหรียญตราสีทองเปล่งประกายแวววาว
ข้างหลัง มีชายหนุ่มตามมาด้วยอีกคน เขาคือถังหลิน
“ตระกูลถังก็มาแล้ว!”
หลินชิงเสว่สีหน้ายิ่งดูไม่ได้มากกว่าเดิม รู้สึกกดดันขึ้นมา
ถังฮันเจี๋ยมองถังเฉา จู่ๆก็หรี่ตาลง
“นี่มันคนที่ทำเหรียญตราของฉันหายไปครั้งที่แล้วไม่ใช่หรือไง?”
พอได้ฟังแบบนั้น พวกหลินชิงเสว่ หลินจ้าวหยูนก็หันมองไปยังถังเฉาด้วยความเหลือเชื่อ
ตกใจจริงๆ
ถังเฉา สรุปแล้วเขาไปยุแหย่กี่ตระกูลหลวงกันแน่?
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลฉิน หรือว่าเรื่องที่เหรียญตราของถังฮันเจี๋ยถูกโยนทิ้งไป ล้วนแต่เป็นเรื่องที่หลินชิงเสว่ไม่รู้เลยแม้แต่น้อย
พวกตระกูลหลวงก็คิดที่จะอาศัยโอกาสประชุมแดนเหนือ มาลงมือกับถังเฉาเหมือนกัน!
พอเห็นภาพภาพนี้ ผู้คนรอบๆต่างก็เริ่มพูดซุบซิบกัน
“พวกเขาแย่แล้วล่ะ ไปยุแหย่ล่วงเกินตระกูลถังกับตระกูลฉินพร้อมกันทีเดียวแบบนี้ ตระกูลสองตระกูลนี้ ล้วนแต่รู้จักในนามของตระกูลหลวงแห่งเยี่ยนตูอันเก่าแก่ทั้งนั้น!”
“ต่อให้มีคุณหลินคอยคุ้มกันให้อยู่ ก็ไม่ควรจะก่อเรื่องขนาดนี้!”
“ตอนนี้ตระกูลหลินก็จะพลอยโดนไปด้วยแล้ว!”
“……”
พอได้ยินเสียงซุบซิบพูดคุยจากผู้คนรอบๆ ถังเฉาสีหน้าก็ยังไม่เปลี่ยน ถึงขนาดที่หัวเราะออกมาเบาๆด้วยซ้ำ
“ดูท่า เหรียญตรานั่นคงจะเอากลับมาได้แล้วสินะ ผมน่าจะโยนไปให้ไกลกว่านี้สักหน่อย”
พอได้ฟังแบบนั้น แรงอาฆาตในตาของถังฮันเจี๋ยก็สว่างวูบวาบขึ้นมา
ถังเฉาหันกลับไป ส่งสายบอกให้หลินชิงเสว่โล่งใจได้ จากนั้นก็หันสายตามองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังถังฮันเจี๋ย
พวกเขาดูแข็งแกร่งทรงพลังมาก ทรงพลังยิ่งกว่าตอนที่เจอห้าพี่น้องที่อาคารตาแห่งโลกในสมัยก่อนอีก
เผชิญหน้ากับผู้ที่แข็งแกร่งระดับนี้ ถังเฉาก็ยังหัวเราะเบาๆ“ทำไม เปลี่ยนผู้แข็งแกร่งที่จะลงแข่งในนามตัวแทนของพวกคุณอีกแล้วหรือไง?”
“บังอาจ!ไอ้คนตระกูลถัง แกจัดการผู้แข็งแกร่งที่จะลงแข่งในนามของตระกูลถังไปถึงห้าคน ความแค้นนี้ฉันต้องชำระ!”
ถังฮันเจี๋ยพูดขึ้นด้วยความโมโห
พวกหลินชิงเสว่ เซี่ยสิงจู๋ หูเซียว ต่งวี่ซู่ก็รู้สึกตกใจจนไม่รู้จะตกใจยังไง
ยอดฝีมือที่เป็นตัวแทนลงแข่งของตระกูลถังห้าคน ล้วนแต่ถูกถังเฉาจัดการหมดแล้วอย่างนั้นเหรอ?!
นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ!
ถังเฉายิ้มตอบกลับไป“ตระกูลถังของพวกคุณควรจะขอบคุณผม ถ้าผมไม่ช่วยพวกคุณทดสอบระดับความสามารถของทั้งห้าคนนั้น พอมาถึงประชุมแดนเหนือ ตระกูลถังของพวกคุณก็จะยิ่งขายหน้ากว่าเดิมนะ”
ถังฮันเจี๋ยหน้าเคร่งขรึมไม่พูดอะไร
แม้ว่าคำพูดของถังเฉาจะดูกราดเกรี้ยว แต่ก็มีเหตุผล
หันไปจ้องมองถังหลินด้วยความโมโหทันที
ถังหลินแทบจะไม่กล้าพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว เพราะว่าพรรคพวกพี่น้องห้าคนนั้น เป็นคนที่เขาหามาเองทั้งหมด
ตอนแรกนึกว่าเพียงพอแล้วที่จะเป็นตัวแทนของตระกูลถังในการลงแข่ง แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกถังเฉาจัดการไปรวดเดียวแบบนี้
หลังจากที่เรื่องนี้เกิดขึ้น ก็เกือบจะถูกถังฮันเจี๋ยด่าจนเละ
“ไม่ว่าจะเป็นยังไง การที่แกมาลงมือกับผู้แข็งแกร่งของตระกูลถังของฉัน ก็เท่ากับว่าเป็นศัตรูของตระกูลถัง!”
ถังฮันเจี๋ยพูดกับถังเฉา ด้วยสีหน้าเย็นชา
หลินชิงเสว่กุมมือของถังเฉาเอาไว้ด้วยความกดดัน เธอสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตอันแรงกล้า
ถังฮันเจี๋ยยิ้มอย่างเย้ยหยัน“ครั้งที่แล้วสะเพร่าไปหน่อย ตอนนี้ ตอนนี้แกคิดว่าแกจะหนีรอดไปจากเงื้อมมือของฉันได้ไหม?”
ทางตระกูลฉินก็ไม่ได้พูดอะไรแล้ว แต่กำลังดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสุขอกสุขใจ
สิ่งที่พวกเขาต้องการ ก็แค่ให้ถังเฉาได้ชดใช้ในสิ่งที่ทำเท่านั้น
ส่วนใครจะเป็นคนลงมือนั้น ก็ได้หมด
เพราะว่าการกระทำของถังเฉา มันไปสะกิดต่อมโมโหของตระกูลฉินเข้า
ในตอนนี้มีตระกูลถังมาจัดการลงมือแทนตระกูลฉิน พวกเขาต่างรู้สึกดีใจกันแทบไม่ทัน
ตอนนี้บรรยากาศดูหนักอึ้งตึงเครียด ราวกับว่าต่อไป จะเกิดการสู้รบขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
หลินชิงเสว่มือหนึ่งกุมโทรศัพท์ไว้แน่น ถ้าเกิดสถานการณ์เริ่มดูแปลกๆไป ก็จะรีบโทรแจ้งตำรวจทันที
“ตระกูลถังของพวกคุณกล้าหาญขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ถึงกล้ามาแตะแม้แต่ลูกเขยของฉัน?”
ทันใดนั้น ในเวลานี้เอง จู่ๆก็มีเสียงของผู้หญิงที่ทั้งนิ่งเฉยแถมยังน่าเกรงขามดังขึ้นมา
เสียงนี้ ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันจนน่าตกใจ
ทุกคนพอได้ยินเสียงนี้ ก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
เพราะว่าพวกเขาคุ้นชินกับเสียงนี้มาก แม้ว่าจะผ่านไปยี่สิบปีแล้วก็ตาม ก็ไม่เคยลืมเลย
ในที่สุดสีหน้าของถังฮันเจี๋ยก็เปลี่ยนไปตกใจกลัวขึ้นมา ฉินโช่ววงก็สั่นสะดุ้งเล็กน้อย แสงวาบผ่านดวงตาที่ขุ่นมัว
คนที่สามารถทำให้ฉินโช่ววงรู้สึกหวาดระแวงได้ มีไม่เยอะ
ราชินีเยี่ยนจิงเมื่อสมัยยี่สิบปีก่อนเป็นหนึ่งในนั้น
พอได้ยินเสียงนี้ หลินชิงเสว่ก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
เธอรู้ ว่ามีผู้หญิงคนนั้นอยู่ด้วย พวกเขาจะไม่เป็นอะไรแน่นอน
ทุกคนหันสายตาไปมอง เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
คนที่นำขบวน เป็นผู้หญิงที่เหมือนกับราชินีสองคน
กาลเวลาไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้ที่ร่างกายของพวกเธอเลย กลับกัน ดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกับผู้ที่มีประสบการณ์ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนแล้วมากกว่า
“แม่ยาย!คุณน้า!”
ใบหน้าของถังเฉา เผยให้เห็นรอยยิ้มนิ่งๆขึ้นมา