เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 616
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมด เร็วจนผู้ชมทั่วสนามไม่ทันได้สังเกต
รอให้พวกเขารู้ตัวอีกที ก็เห็นว่าเย่เทียนหลงได้นอนราบลงบนขอบสังเวียนเรียบร้อยแล้ว
อีกแค่นิดเดียว เขาก็คงตกไปข้างล่างนั่น
ตามกฎของการประชุมแดนเหนือ หากลงจากสังเวียน หรือนับถอยหลังสิบวินาทีแล้วไม่ลุกขึ้นมา ก็ถือว่าแพ้
เท้าข้างหนึ่งของเย่เทียนหลง ได้เหยียบไปทางหน้าผาที่สูงชันนั่นแล้ว
แต่ว่า นี่มันก็น่าตกใจพอสมควร
ผู้ชมทั้งหมดยังไม่ทันได้สังเกตว่าหงเทียนเฉินได้ลงมือด้วยวิธีใด เย่เทียนหลงถึงได้มีสภาพเหมือนว่าวที่เชือกขาดนะหลุดลอยออกไปแบบนั้น
เมื่อกลับมาดูทางหงเทียนเฉิน แม้แต่เท้าของเขาก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้มีท่าทีจริงจัง เย่เทียนหลงก็บาดเจ็บจนมีสภาพไม่ไหวแบบนี้ไปแล้ว
” สมกับที่เป็นมือวางอันดับสองของสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิงจริงๆ นี่มันแข็งแกร่งเกินไปแล้ว! ”
” คนคนนั้น เป็นหัวหน้าสมาคมของสมาคมการต่อสู้หมิงจูใช่ไหม? หัวหน้าสมาคมของสมาคมต่อสู้อ่อนปวกเปียกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ”
” ฮ่าฮ่า ถ้าเอาคนประเภทนี้มาเป็นหัวหน้าสมาคมได้งั้น ฉันก็คงต้องลองไปสมัครสักตั้งล่ะ! ”
…….
ความแข็งแกร่งของหงเทียนเฉิน เกินกว่าที่ใครจะจินตนาการ จนทำให้เกิดเสียงฮือฮาสนั่นจากผู้ชม
ทุกคนต่างรอคอยการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาไม่ได้ตกตะลึงในความแข็งแกร่งที่หงเทียนเฉินมี แต่กำลังขบขันอยู่กับความอ่อนปวกเปียกของเย่เทียนหลง แถมยังพลอยกร่นด่าสมาคมการต่อสู้หมิงจูไปด้วย จนทำให้สีหน้าของสมาชิกสมาคมการต่อสู้หมิงจูดูแทบไม่ได้
แม้แต่หลินชิงเสว่ พวกเขาเองก็มีสีหน้านิ่งเฉย
” ฮ่าฮ่าๆ มันน่าขายหน้าจริงๆ นะเนี่ย สกิลแค่นี้ยังจะกล้ามาร่วมการประชุมแดนเหนืออีก! ”
” แม้แต่หมัดของประธานหงน้องนายยังรับไว้ไม่ไหวเลย! ”
” คนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องให้คุณหงต้องลงแรง พวกเราก็สะใจแล้ว! ”
สมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิงทางนี้ส่งเสียงหัวเราะอย่างสบายอารมณ์ แต่หลินชิงเสว่ที่อยู่ฝั่งสมาคมการต่อสู้หมิงจูนี้ กลับไม่ได้รู้สึกราคายหูแต่อย่างใด
” เทียนหลง…… ยืนขึ้นมาสิ! ”
ทางตระกูลเย่นั้น เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหลงล้มลง สีหน้าของเย่หรูอี้ก็เปลี่ยนไปจนแทบจะดูไม่ได้
เธอกำมือแน่นๆ จนเล็บฝังลึกเข้าไปในเนื้อหนังของตัวเอง
ตอนนี้จะทำอะไรก็ทำไม่ได้ จึงทำได้เพียงให้กำลังใจเย่เทียนหลงเท่านั้น
” ฮ่าฮ่าๆ เย่หรูอี้ นี่เธอยังหวังให้คนของเธอลุกขึ้นมายังงั้นเหรอ? ฉันจะบอกอะไรให้นะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก ”
เย่เซ่าเตี๋ยที่อยู่ข้างๆ ขำออกมายกใหญ่ ใบหน้าแสดงอารมณ์เยาะเย้ย
เมื่อเห็นว่าคนที่เย่หรูอี้หามานั้นถูกคนที่ลอนเชิญมาโจมตีจนพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย ในใจหล่อนก็สบายอารมณ์อย่างหาอะไรเทียบไม่ได้
” คนที่เธอหามา ก็เป็นแค่ขยะ เดนมนุษย์ คนที่จะนำพาให้ตระกูลเย่เจิดจรัสและรุ่งโรจน์ก็คือฉัน เธอมันก็แค่หมาข้างถนนเท่านั้นแหละ! ”
ภายใต้อารมณ์ที่คุกรุ่นนั่น ใบหน้าของเย่เซ่าเตี๋ยแสดงความบ้าข้างบางอย่างออกมา ดูดุร้ายอย่างเห็นได้ชัด
เพี๊ยะ!
จากนั้นวินาทีต่อมา เสียงหัวเราะก็หายไปทันที ใบหน้าของเย่เซ่าเตี๋ยถูกกระทบเข้าแรงๆ อย่างจัง ผุดขึ้นเป็นรอยนิ้วมือทั้งห้าที่ชัดเจน
นี่มันเกิดขึ้นโดยไม่ทันได้คาดคิด จนทำให้เย่เซ่าเตี๋ยตะลึงงัน แม้แต่เย่หรูอี้ก็ยังตกใจจนต้องหยุดอยู่กับที่ ยืนช็อกอยู่ข้างๆ
พวกเธอมองเห็นดวงตาคู่หนึ่งที่เปี่ยมไปด้วยความโมโหโกรธา
” พวกเราแพ้ได้ แต่คุณไม่มีสิทธิ์มาดูถูกพี่ชายของฉัน! ”
ดวงตาทั้งสองข้างของจ้าวเย็นหรานแดงฉาน และมองไปที่เย่เซ่าเตี๋ยด้วยสายตาโกรธเคือง น้ำเสียงที่พูดเต็มไปด้วยความโมโห
เย่เซ่าเตี๋ยก็โกรธเช่นกัน ก่อนจะชี้นิ้วไปที่หน้าของจ้าวเย็นหรานแล้วด่าขึ้นมา ” อีผู้หญิงสาระเลวนี้มาจากไหน ถึงได้กล้ามาตบฉัน ฉันเป็นถึงคุณหญิงในราชนิกุลในเยี่ยนตู ตระกูลพวกแกจบเห่แล้ว! ”
เย่หรูอี้ไม่คิดเลยว่าจ้าวเย็นหรานแต่ใจกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ เย่เซ่าเตี๋ยเธอยังไม่กล้าตบเลย แต่จ้าวเย็นหรานดันกล้าตบซะยังงั้น
จ้าวเย็นหรานไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวเลยสักนิด เย่หรูอี้มากันท่าทั้งสองไว้ได้ทันเวลา ก่อนจะมองเย่เซ่าเตี๋ยเมื่อสายตาเย็นชา : ” เธอเป็นน้องสาวของฉันที่อยู่เมืองหมิงจู ฉันขอปกป้องเธอเอง ”
มาพูดคำนั้นออกไป จ้าวเย็นหรานก็มองไปยังเย่หรูอี้ด้วยอารมณ์ที่คาดไม่ถึง น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา
ถ้านึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเย่หรูอี้จะกล้าพูดคำนี้
เธอรู้สึกว่าตัวเองติดค้างเย่หรูอี้มาโดยตลอด เพราะพ่อของเธอจ้าวเหล่าลิ่ว ทำให้แม่ของเย่หรูอี้ต้องด่างพร้อย ถ้าดูตามความเป็นจริง เย่หรูอี้ควรจะมองจ้าวเย็นหรานสิถึงจะถูก
แต่เย่หรูอี้ไม่ได้ทำเช่นนั้น แถมยังช่วยเธอไว้อีก
เวลานี้ เย่อู๋เหินก็ก้าวเท้าออกมาข้างหน้า แล้วพูดว่า : ” คุณหญิง การประชุมแดนเหนือมันสำคัญมากรอให้จบงานนี้แล้วค่อยเช็กบิลก็ยังไม่สายนะครับ ”
เย่เซ่าเตี๋ยไปสงบสติอารมณ์ลงมา ก่อนจะมองไปที่จ้าวเย็นหรานด้วยสายตาเย็นยะเยือก ” อีผู้หญิงสาระเลว แกจำไว้ให้ดีนะ การประชุมแดนเหนือสิ้นสุดเมื่อไหร่ ฉันจะฉีกหน้าแกให้แหลกไปเลย! ”
จากนั้นไม่นาน ใบหน้าของเย่เซ่าเตี๋ยก็เผยรอยยิ้มที่ดูดุร้ายจนน่าขนลุกออกมา
” พวกเธอรอดูเถอะ คุณหงจะไม่ทำให้เย่เทียนหลงอยู่ดีแน่! ”
………
บนสังเวียนนั้น เย่เทียนหลงนอนหอบหืดๆ อยู่บนสังเวียน มุมปากยังคงมีรอยเลือด เห็นอย่างชัดเจนว่าได้รับบาดเจ็บ
เวลานี้ หงเทียนเฉินเดินเข้ามา มองจากจุดที่ยืนลงไปที่เขา : ” ฉันให้โอกาสนาย ยอมแพ้ด้วยตัวเองซะ แล้วก็หัดคานเหมือนหมา คานลงจากสังเวียนไป แล้วฉันจะไว้ชีวิตนาย หรือไม่ฉันจะทำให้นายมีชีวิตอยู่ทรมานยิ่งตายเสียอีกอีก! ”
เมื่อคำพูดพวกนี้หลุดออกมา สายตาของถังเฉาที่ยืนอยู่ข้างล่างสังเวียนก็เย็นชาขึ้นมาแว๊บหนึ่ง
ถึงไหมคำพูดนี้จะเป็นคำพูดที่หงเทียนเฉินพูดกับเย่เทียนหลง ด้วยเสียงเบาๆ แต่ถังเฉากลับได้ยินอย่างชัดเจน
” ว่าไง ฉันเมตตานายพอหรือยัง ”
หงเทียนเฉินพูดจบ ก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากอดอก ขณะที่มองเย่เทียนหลงก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา และรอให้เขาลุกมาคานเหมือนหมา
” สิบ เก้า แปด…… ”
อีกฝั่งหนึ่ง ผู้ตัดสินกำลังนับถอยหลัง
” สาม สอง หนึ่ง….. ”
ในขณะที่กำลังนับถอยหลังถึงเลข ‘ หนึ่ง ‘ เย่เทียนหลงก็ลุกขึ้นมายืนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
เฮ้ย!
วินาทีที่เย่เทียนหลงลุกขึ้นมานั้น ผู้ชมรอบทิศใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง ทั่วทุกที่เต็มไปด้วยเสียงดังอื้ออึง
แม้แต่หงเทียนเฉินก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย และมองไปที่เย่เทียนหลงด้วยความตกใจ
ยังไม่เคยมีใคร ที่โดนหนึ่งหมัดของเขาแล้วสามารถลุกขึ้นมาได้
” ต่อเถอะ ”
เย่เทียนหลงพูดขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหลงลุกขึ้นใหม่อีกครั้ง เย่หรูอี้ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกยาว
หงเทียนเฉินหรี่ตามอง สำรวจเขา : ” นี่นายกำลังปฏิเสธคำแนะนำของฉันงั้นเหรอ? ”
เย่เทียนหลงยิ้มออกมา ” ยังไงฉันก็ต้องชนะนาย ”
ถังเฉาเคยพูดว่า ก้าวเดินของเขาช้าเกินไป ดังนั้นความสำเร็จของการต่อสู้ในชีวิตนี้จึงถูกลิขิตไว้ไม่สูงนัก
แต่ว่า ‘ ความสำเร็จของการต่อสู้ในชีวิตที่ถูกลิขิตไว้ไม่สูงนัก ‘ นี้ เป็นเพียงมาตรฐานที่ถังเฉามองไว้เท่านั้น
เขายังมีพื้นที่ที่ให้ตัวเองพัฒนาได้อีก ให้เก่งกว่าหงเทียนเฉิน ก็คงจะพอทำได้
เมื่อประโยคนี้ตกไปใส่หูของหงเทียนเฉิน ก็เป็นการยั่วยุโดยที่ไม่ต้องสงสัย
” ในเมื่อนายอยากตาย ฉันก็จะสงเคราะห์ให้! ”
ในแววตาของหงเทียนเฉินมีแสงประกายเยือกเย็นของความกระหายเลือดออกมา
วินาทีต่อมา ในที่สุดเขาก็จู่โจมเข้าไปทันที
โป้ง!
ผู้ชมโดยรอบดูเหมือนจะไม่เห็นชัดเจนว่าหงเทียนเฉินลงมือยังไง เย่เทียนหลงก็ลอยขึ้นไปคราว
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ครั้งนี้หงเทียนเฉินยังพุ่งเข้าไปติดเป็นเงาตามตัว
” ในฐานะที่นายพูดจาสามหาวกับฉันนายต้องชดใช้ ฉันจะเก็บดอกเบี้ยนิดหน่อยบนร่างกายของนาย คงไม่เกินไปหรอกนะ? ”
มุมปากของหงเทียนเฉินยกขึ้น แผ่รังสีโหดเหี้ยมอำมหิตออกมา
เมื่อคำพูดนั้นพูดออกมาแล้ว เขาก็เดินไปยังเย่เทียนหลงที่ตกลงมา
” เขาจะทำอะไรน่ะ? ”
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ในใจของเย่หรูอี้ก็ไม่สู้ดีนัก ก่อนจะเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า
เย่เซ่าเตี๋ยที่ยืนอยู่ข้างๆก็รอคอยฉากตรงหน้านี้อย่างใจจดใจจ่อ
แต่เห็นแค่หงเทียนเฉินค่อยๆ ยกขาขึ้นมา เล็งไปยังแขนของเย่เทียนหลงก่อนที่จะเหยียบลงไป
ในเวลานี้ ข้างหูก็มีเสียงเย็นชาจนถึงขีดสุดลอยเข้ามา
” นายกล้าเหยียบลงไป ฉันจะเหยียบนายให้จมดิน ”
เสียงที่ดูเย็นยะเยือกนั้น นำพามาซึ่งความรู้สึกที่หนาวเหน็บ แสดงถึงความเป็นกังวลที่หงเทียนเฉินอยู่บนสังเวียนนั้น
เพียงชั่วขณะ คนที่ได้ยินทั้งหมด ก็หันไปเห็นชายเย็นชาในชุดดำที่สวมหน้ากากเหล็ก
นั่นก็คือ ถังเฉา
เขาในเวลานี้ ร่างกายทั้งตัวถูกโอบล้อมไปด้วยอารมณ์โกรธและหมายจิตจะสังหาร ถึงแม้จะใส่หน้ากาก ผู้คนมองไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่มองเห็นว่าภายใต้นั้น ดวงตาทั้งสองดูเยือกเย็นจนจับจิต
ดวงตาทั้งสองนั้นจดจ้องไปที่หงเทียนเฉิน ซึ่งแม้แต่หงเทียนเฉินเอง ก็รู้สึกตกใจกลัวอยู่วูบหนึ่ง รู้สึกราวกับว่าถูกสัตว์ร้ายป่าเถื่อนจ้องอยู่ยังไงยังงั้น
” นายกังวลเขาเหรอ? ”
แต่ไม่นานหงเทียนเฉินก็ดึงสมาธิกลับมาได้ ก่อนจะมองไปยังถังเฉาแล้วพูด
ดวงตาของถังเฉาดูนิ่งสนิท กำลังจะเปิดปากพูด
แต่ทันใดนั้น ด้านหลังของเขาก็มีหญิงสาวกระโปรงยาวสีแดงวิ่งผุดออกมาอย่างไม่คิดชีวิต
” คุณผู้หญิงท่านนี้ เชิญกลับไปที่นั่งด้วยครับ ”
พนักงานรักษาความปลอดภัยที่อยู่แถวเวทีนั้นก็รีบเข้ามาฉุดห้ามเอาไว้ แต่ก็ถูกเธอออกแรงจนหลุดเข้ามาได้
” จะกลับทำบ้าอะไร!พี่ชายของฉันจะกำลังจะโดนเหยียบจนแขนหักอยู่แล้วเนี่ย! ”
หญิงสาวกระโปรงแดงคนนั้นก็คือจ้าวเย็นหราน
เธอรีบผลักพวกพนักงานออก จากนั้นก็มาอยู่ข้างสังเวียนแล้วมองหงเทียนเฉินด้วยแววตาแค้นเคือง
” พี่ชายของฉันแพ้แล้ว คุณยังไม่ปล่อยเขาไปอีกเหรอ? ”
หงเทียนเฉินยิ้มอ่อนๆ แล้วพูดว่า : ” อย่างแรกเขายังไม่ทำเลขถอยลงจากสังเวียนเลยนะ อย่างที่สองกรรมการยังไม่ได้นับถอยหลัง ดังนั้นก็ไม่รู้ว่าแพ้ ถ้าไม่นับว่ายอมแพ้ ฉันจะลงมือยังไงก็ได้ ”
สีหน้าของจ้าวเย็นหรานซีดเผือด ก่อนจะรีบพูดกับกรรมการว่า : ” คุณรีบนับเลขสิ! ”
ในสายตาของเธอ การยอมแพ้คงดีกว่าแขนหักอยู่แล้ว
กรรมการส่ายหน้าปฏิเสธ : ” เขายังมีการรับรู้อยู่ ต้องให้เขาลุกขึ้นมาเอง ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้แล้ว สีหน้าของจ้าวเย็นหรานก็ยิ่งเปลี่ยนเข้าไปใหญ่ ไม่ได้ดูคุณเครื่องมันก่อนหน้านี้แล้ว แต่เป็นสีหน้าของการขอร้องวิงวอนแทน
ตาแดงก่ำของเธอมองไปที่หงเทียนเฉินแล้วพูดว่า : ” ฉันขอร้องคุณล่ะ อย่าทำร้ายพี่ชายของฉันเลย พวกเรายอมแพ้แล้ว! ”
หงเทียนเฉินยิ้มออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว : ” ถ้างั้นฉันก็คงช่วยเธอไม่ได้ ”
ตุ้บ!
วินาทีถัดมา หงเทียนเฉินก็กระโดดขึ้น ทั้งตัวของเขาลอยขึ้นไปสูงมาก
จากการสังเกตคร่าวๆ ห่างจากพื้นก็คงประมาณเจ็ดแปดเมตรได้
ผู้ชมที่นั่งกับที่มองค้าง แค่กระโดดเฉยๆ ก็ปาเข้าไปเจ็ดแปดเมตรแล้ว นี่เขาเป็นคนจริงเหรอ?
นี่มันนักสู้จงซือที่แท้จริงสินะ
ถังเฉาหรี่ตามอง ดูฉากตรงหน้า
ตัวเขาอยู่ไกลจากเย่เทียนหลงมาก ถึงจะอยากช่วย แต่ก็คงไม่ทัน
ร่างกายของหงเทียนเฉินเมื่อไปถึงจุดสูงสุดของกลางอากาศแล้ว ก็จะตกลงมาด้วยความเร็ว
ในขณะที่ร่วงลงมา หงเทียนเฉินก็งอเข่าไปด้วย และเล็งไปที่แขนของเย่เทียนหลง
” อย่านะ! ”
น้ำตาของจ้าวเย็นหรานเอ่อทะลักออกมา เธออยากจะขึ้นไปบนสังเวียนใจจะขาด
แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
กร๊อบ!
แค่ได้ยินเสียงที่น่ากลัวนั้นดังออกมาอย่างแจ่มชัด กระดูกที่แขนของเย่เทียนหลง ได้ถูกหัวเข่าของหงเทียนเฉินยันเข้าไปจนแตกละเอียด
” อ้าก!!! ”
มันเจ็บปวดจนกระทั่งที่ว่าเย่เทียนหลงที่กำลังอยู่ในสภาพตื่นครึ่งหลับครึ่งนั้นสะดุ้งขึ้นมา เขาก็โกรธจนเบิกตาขึ้น ร้องเวทนาจนแทบจะขาดใจ
” เทียนหลง! ”
เย่หรูอี้นั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว มองฉากตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
” ฮ่าฮ่าฮ่าๆ …… ”
เย่เซ่าเตี๋ยที่อยู่ข้างๆ ขำยกใหญ่ ก่อนจะเดินมาข้างหน้าเย่หรูอี้ ” เห็นคนของตัวเองถูกย่ำยีจนสภาพเป็นแบบนี้ รู้สึกเป็นยังไงบ้างล่ะ? ”
” เทียนหลง…….. ”
ร่างกายของเย่หรูอี้ราวกับถูกดูดพลังทั้งหมดออกไป เธอนั่งลงไปด้วยความรู้สึกไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ในตาของเธอผุดน้ำใสๆ ออกมา
” พี่! ”
จ้าวเย็นหรานก็ตะโกนออกมา แล้วรีบพุ่งเข้าไปในสังเวียน ก่อนจะทรุดตัวลงข้างกายของเย่เทียนหลงร้องไห้โฮ
เพียงแค่เห็นรูปทรงของแขนเย่เทียนหลงที่โค้งง้อไม่เป็นรูปเป็นร่าง ก็รู้ได้ทันทีว่ากระดูกแขนข้างนั้นได้แตกหักไปหมดแล้ว
หงเทียนเฉินก็ค่อยๆ ชายตาหันไปมองทางถังเฉา ใบหน้านั้นผุดรอยยิ้มที่เย็นชา ราวกับว่ากำลังหัวเราะเยาะเขาที่ทำอะไรไม่ได้
เวลานั้นใบหน้าของถังเฉาได้เปลี่ยนไปนิ่งสงบ ราวกับคนตายที่กำลังมองหงเทียนเฉินอย่างไงอย่างงั้น
ก่อนหน้านี้เขาเคยพูดเตือนหงเทียนเฉินไปแล้ว ตอนนี้จะเทพเทวดาที่ไหนก็คงช่วยเขาไม่ได้!