เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 62
บทที่ 62 เฟิ่งหวง
“พี่เขย เราจะทำไงดี……”
ชายชุดดำล้อมรอบเข้ามาอย่างกะทันหัน ทำให้หลินจ้าวหยูนหวาดกลัวจนวิ่งเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังของถังเฉา
เหลียงเจียหมิงพูดอย่างชัดเจนแล้วว่าให้เอาตัวผู้หญิงไป ส่วนผู้ชายก็ให้ฆ่าทิ้งเลย
ผู้หญิงที่ถูกชายกลุ่มหนึ่งพรากไป โดยปกติแล้วจะมีจุดจบเพียงอย่างเดียว……
แม้จะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่เหลียงเจียหมิงยังไม่นิ่งนอนใจและมองไปรอบๆ อย่างประหม่า
หลังจากที่เขาไม่เห็นผู้หญิงคนเมื่อเช้านี้ เขาจึงรู้สึกโล่งอกและแสดงสีหน้าหยิ่งผยองอีกครั้ง
“ถังเฉา ไอ้สารเลว ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่อยู่แล้วคุณจะเอาอะไรมาสู้กับผม!”
เหลียงเจียหมิงมองไปที่ตัวของหลินจ้าวหยูนอย่างตะกละตะกลาม “ผมจะบอกความจริงกับคุณนะ คืนนี้ คุณต้องไปกับพวกผม ส่วนคุณก็จะตามเธอมาเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าจะมาอย่างคนเป็นหรือคนตายนะ”
คุณชายฉางเคยสัญญาแล้ว ขอแค่ส่งผู้หญิงคนนี้ไปที่ห้องของเขาในคืนนี้ หลังจากคุณชายฉางเสร็จกิจแล้วเขาก็จะมีโอกาสได้ลิ้มรสเธอด้วย
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ดวงตาของเหลียงเจียหมิงก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยสัมผัสผู้หญิงแบบนี้มาก่อนเลย……
หลินจ้าวหยูนมาเขาด้วยความรังเกียจและในขณะเดียวกันก็หลบอยู่ด้านหลังของถังเฉาด้วยความหวาดกลัว
ถ้าหากเธอไม่รู้ว่าตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เธอคงต้องเป็นต้องโง่อย่างที่สุดแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการขู่กรรโชกหรือเรื่องยาก่อนหน้านี้ เหลียงเจียหมิงไม่ได้ทำเพื่อเงิน แต่ทำเธอจะได้เธอมากกว่า
ถึงอย่างนั้นถังเฉากลับไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่นิด เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองชายชุดดำเหล่านั้น สายตาของเขาได้แต่มองไปที่เหลียงเจียหมิงตั้งแต่ต้นจนจบ “ผมจะบอกให้คุณฟันอย่างมีความรับผิดชอบนะ คุณพาเธอไปไม่ได้หรอก อีกอย่าง คุณจะต้องตายอย่างอนาถด้วย”
“น่ากลัวจังเลย”
เหลียงเจียหมิงแสร้งทำเป็นตัวสั่นและแสดงสีหน้าดูหมิ่น “คุณก็แค่ไอ้เหลือขอคนหนึ่งที่มีบอดี้การ์ดหญิงที่พอมีฝีมือคอยคุ้มกันไว้ แล้วไงล่ะ มันจะเปลี่ยนตัวตนของคนเหลือขออย่างคุณได้เหรอ การที่จะเล่นงานคนอย่างคุณมันไม่ต่างอะไรกับการเหยียบมดตายหรอก!”
“ดูเหมือนคุณยังไม่เข้าใจสถานการณ์สินะ”
ถังเฉาถอนหายใจเบาๆ และไม่ได้เสียเวลากับเหลียงเจียหมิงอีก จากนั้นเขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “เฟิ่งหวง ลงมือเลย”
หึ……
ทันทีที่เสียงพูดของถังเฉาจบลง ก็มีลมเย็นๆลอยขึ้นกลางอากาศ
ทันใดนั้นเหลียงเจียหมิงเหมือนนกหวาดเกาทัณฑ์ และรีบก้าวถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
สองมือของเขายกขึ้นและปิดหน้าตัวเองไว้
“……”
แต่หลังจากลมกระโชกอย่างรุนแรง ก็ไม่มีใครพบเห็นการปรากฏตัวของใครเลย
เหลียงเจียหมิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เฟิ่งหวงในช่วงเช้าทำให้เขาหวาดผวาจริงๆ
จากนั้นเหลียงเจียหมิงก็พูดด้วยความโกรธ “ไอ้ถังเฉา กล้าหลอกผมเหรอ แม่นางคนนั้นไม่ได้มาด้วยใช่ไหม!”
“ไม่แน่นะ!”
ถังเฉายิ้มจางๆ ในท่ามกลางผู้คน สายตาของเขามองไปที่เหลียงเจียหมิงด้วยความสงสาร “พวกคุณถูกล้อมไว้หมดแล้ว”
“คุณว่าใครถูกล้อมนะ?”
ปัง ปัง ปัง ……
เหลียงเจียหมิงกำลังจะหัวเราะเยาะ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น
เหลียงเจียหมิงมองไปตามเสียงนั้น และทันใดนั้นเสียงของเขาก็หยุดลงทันทีเหมือนว่าวที่ถูกตัดสายขาด
ในขณะเดียวกัน ใบหน้าทั้งใบของเขาก็ซีดเซียวลง ดวงตาของเขาเบิกกว้างและกระตุกอย่างรุนแรงราวกับว่ามีสิ่งอันน่าสยดสยองปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา
“ไม่……ไม่นะ เมื่อกี้นี้เกิดอะไรขึ้น?”
หลินจ้าวหยูนมองไปรอบๆ และรู้สึกตกตะลึงจนพูดจาไม่ออก
เธอเห็นเพียงชายชุดดำที่ยืนล้อมเธอกับถังเฉาแต่เดิมนั้น ยืนนิ่งเหมือนท่อนไม้ และสามวินาทีหลังจากนั้นทุกคนก็ล้มลงไปเหมือนโดมิโนที่ถูกโค่น ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเงียบสงบ ไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้องใดๆ
และไม่มีใครรู้ว่าชายชุดดำกลุ่มนี้ล้มลงได้อย่างไร
รู้เพียงว่าหลังจากลมแห่งปีศาจพัดผ่านพวกเขาก็ล้มตัวลงไป
“ไม่ต้องกังวลหรอกนะ พวกเขายังไม่ตาย แค่ถูกตัดเอ็นร้อยหวายเท่านั้น”
ในที่เกิดเหตุ มีเพียงถังเฉาคนเดียวเท่านั้นที่พูดด้วยรอยยิ้ม “นี่แค่เป็นการสั่งสอนเท่านั้น”
“คุณ……คุณมัน……”
เหลียงเจียหมิงมองไปที่ถังเฉาด้วยสีหน้าซีดเซียวและปากสั่นจนพูดไม่ชัด
“ผมคิดว่าคุณควรหันไปมองข้างหลังนะ”
ถังเฉาชี้ไปที่ด้านหลังของเหลียงเจียหมิงและยิ้มหน้าบานกว่าเดิม
ทันใดนั้น ความหนาวเย็นก็แล่นไปทั่วร่างกายของเหลียงเจียหมิงราวกับไวรัสที่ร้ายแรงจนทำให้เขาสั่นไปทั้งตัว
ดูเหมือนว่าเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างได้ เขาค่อยๆ หันกลับไปด้วยร่างกายที่แข็งกร้าว
สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเขานั่นก็คือ ดวงตาแดงสีเลือด
ดวงตาคู่นั้นดูเหมือนจะชุ่มไปด้วยเลือด เพียงแต่สบตากับมันก็ทำให้คนต้องตกอยู่ในห้วงแห่งความสิ้นหวัง
เฟิ่งหวงยืนอยู่ด้านหลังของเหลียงเจียหมิงเหมือนวิญญาณแห่งมัจจุราช เธอจ้องมองเขาด้วยกลิ่นอายการฆ่า ซึ่งทำให้เขาขนหัวลุกจนไม่กล้าขยับตัวอีก
ดูเหมือนทุกการขยับของเขาจะเข้าใกล้ความตายมากขึ้น
หลินจ้าวหยูนได้แต่มองไปที่เฟิ่งหวงแล้วตกใจจนอ้าปากค้าง เฟิ่งหวงในช่วงกลางวันก็ทำให้เธอตกใจมามากพอแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่านี่คือฝีมือที่แท้จริงของเฟิ่งหวง
แท้จริงแล้วมีเพียงถังเฉาเท่านั้นที่รู้ว่าเฟิ่งหวงในขณะนี้ได้ยั้งมือกับคนพวกนี้ไปแล้ว
ตั้งแต่กลับประเทศกับถังเฉาเธอก็ไม่ได้ฆ่าใครอีกเลย แน่นอนว่าสัมผัสแห่งการฆ่าได้ขาดหายไปจากเธอนานแล้ว ถ้าถังเฉาอนุญาตอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะตามมา เธอคงไม่ปล่อยให้ชายชุดดำกลุ่มนี้ได้มีโอกาสเสนอหน้าออกมา และคงฆ่าพวกเขาก่อนที่จะมาซุ่มซ่อนตัวในนี้แล้ว
ผ๊วะ ……
เฟิ่งหวงถีบไปที่ลำตัวของเหลียงเจียหมิงจนเขากระเด็นเข้าไปหาถังเฉา
ในขณะนี้ สายตาของถังเฉาเย็นเยือกและมองเขาเหมือนมดน้อยตัวหนึ่ง
“คุณรู้ไหมว่าคนที่คุณจะทำร้ายคือใคร?” ถังเฉาชี้ไปที่หลินจ้าวหยูนแล้วถามอย่างเย็นชา
เหลียงเจียหมิงส่ายหัวอย่างงงงวย เธอก็แค่เด็กนักศึกษาธรรมดาๆ ที่พอฐานะหน่อยไม่ใช่หรือ อีกอย่างในเมืองหมิงจูนี้เธอไม่มีภูมิหลังอะไรเลยด้วยซ้ำ
“เธอเป็นน้องสาวของภรรยาผม”
“……”
เหลียงเจียหมิงถึงกับตัวสั่นและมองไปที่ถังเฉาอย่างประหลาดใจ เขาแต่งงานแล้วจริงหรือ?
“รู้ไหมว่าทำไมผมถึงไม่ฆ่าคุณ?” ถังเฉาถามอย่างเย็นชาอีกครั้ง
“เพราะผมเป็นลูกชายของเหลียงเจียยิง?”
เหลียงเจียยิงเป็นชื่อเต็มของลุงเหลียง ถังเฉาถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดต่อ “ถูกต้อง เพราะคุณเป็นลูกของลุงเหลียง ดังนั้นผมจึงไม่มีสิทธิ์แตะต้องคุณ”
เมื่อได้ยินคำนี้ เหลียงเจียหมิงก็รู้สึกโล่งใจและมีความมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเชิงคำสั่ง “ถูกแล้ว ผมคือลูกของลุงเหลียง คุณยังไม่สั่งให้ลูกน้องของคุณปล่อยผมไปอีก”
“อีกอย่างเงินห้าล้านพวกคุณต้องจ่ายผมให้ครบ เพราะพวกคุณทำให้พ่อผมต้องป่วยหนัก……”
ถังเฉามองเขาอย่างสมเพช “ดูเหมือนคุณจะเข้าใจผิดแล้วล่ะ ที่ผมไม่ฆ่าคุณไม่ใช่เพราะคุณเป็นลูกชายของลุงเหลียงหรอกนะ แต่ผมอยากจะถามอะไรคุณหน่อย ในฐานะลูกชายคนหนึ่ง ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้คุณเคยทำหน้าที่ลูกไหม!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เสียงของถังเฉากลับกลายเป็นแหบแห้งและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการสังหารที่น่ากลัวยิ่งกว่าเฟิ่งหวง
“เคยไหมที่จะส่งเงินกลับไปให้ที่บ้าน? เคยรู้บ้างไหมว่าน้องสาวต้องลาออกจากมหาลัยเพราะเรื่องในครอบครัว? คุณรู้แค่เรื่องการพนัน แพ้พนันแล้วยังเอาบ้านของลุงเหลียงไปจำนำอีก พ่อของคุณก็แก่แล้ว คุณไม่กลับมาดูแลก็แล้วไป แต่คุณกลับคิดทำร้ายสาวน้อยที่ไม่เกี่ยวข้องคนนี้ด้วย คนอย่างคุณมีสิทธิ์อะไรที่จะหายใจอยู่ในโลกนี้อีก!”
ตูม!
อารมณ์ของถังเฉากลับกลายเป็นกลิ่นอายแห่งการสังหาร และคำพูดของถังเฉาเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจของเหลียงเจียหมิงจนเขาตัวสั่นและเงยหน้าไม่ขึ้นอีก
“แต่ก็อย่างที่พูด ผมไม่มีสิทธิ์ทำร้ายคุณ และคุณต้องขอบคุณที่มีพ่อที่ดีคนนี้”
จากนั้นกลิ่นอายแห่งการสังหารค่อยๆ จางหายไปจากตัวของถังเฉา เขาถอนหายใจแล้วพูดต่อ “มีเพียงลุงเหลียงคนเดียวเท่านั้นที่สั่งสอนคุณได้”
เหลียงเจียหมิงผงะไปชั่วขณะและสีหน้าของเขาก็กลายเป็นขุ่นเคือง “พ่อผมป่วยหนักและมีชีวิตได้อีกไม่นานแล้ว ผิดตรงไหนที่แกจะให้อะไรกับผมบ้าง!”
ถังเฉาสีหน้าเย็นชา จากนั้นชี้ไปด้านหลังและพูดว่า “คุณช่วยลืมตากว้างๆ แล้วมองว่าเขาคนนั้นคือใคร!”
เหลียงเจียหมิงหันกลับไปมอง ทันใดนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงและเขาอดไม่ได้ที่จะพูดโพล่งออกมา “พ่อ?!”