เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 622
ได้ยินอย่างนั้นแล้วเจียงไป๋เสว่ก็ปฏิเสธในทันที “เข้าร่วมกับพวกคุณ นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
สำหรับการปฏิเสธของเจียงไป๋เสว่นั้น ไวโอเล็ตเพียงแค่ยิ้มนิดหน่อย ไม่ได้เหนือเกินความคาดหมาย
“ตอนนี้เธอจะปฏิเสธ แต่ต่อไปมันก็ไม่แน่แล้ว”
ไวโอเล็ตยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง จากนั้นก็ตัดสินใจจะกลับเข้าไปในรถแล้ว
เจียงไป๋เสว่ขวางเอาไว้ “ที่คุณพูดว่าเข้าร่วม หมายความว่ายังไง?”
รอยยิ้มของไวโอเล็ตยิ่งมีความหยอกเย้ามากยิ่งขึ้น ชี้ไปที่หลี่เห้า “ก็เหมือนกับคนในใจของเธอนั่นแหละ”
ทันใดนั้น ใบหน้าของเจียงไป๋เสว่ก็เต็มไปด้วยความโกรธอย่างรุนแรง “ฉันไม่ยอมให้แผนชั่วของคุณสำเร็จแน่ ฉันจะช่วยหลี่เห้าออกมาให้ได้!”
เจียงไป๋เสว่พูดประโยคนั้นออกมาจนคล้ายกับจะคำราม
ไวโอเล็ตหลุดหัวเราะออกมาเงียบ ๆ “คำพูดนี้ถ้าหากเป็นคนที่ชื่อถังเฉาคนนั้นพูดออกมาล่ะก็ ฉันก็คงจะกลัวขึ้นมาบ้าง แต่สำหรับเธอน่ะเหรอ…”
ไวโอเล็ตไม่ได้พูดต่อ แต่ใคร ๆ ก็ล้วนแต่รู้ความหมายของเธอ
เธอมองท้องฟ้าที่มืดครึ้มแวบหนึ่ง “ฝนตกหนักแล้ว ฉันจะกลับแล้วล่ะ”
พูดจบเธอก็ดึงประตูรถออก เข้าไปนั่ง
“รอเดี๋ยว…”
“ออกรถ”
เจียงไป๋เสว่อยากจะถามอะไรอยู่ ไวโอเล็ตกลับเอ่ยอย่างเย็นชาขึ้นมาหนึ่งประโยค
หลี่เห้าที่รับหน้าที่เป็นพลขับก็เหยียบคันเร่ง รถยนต์จากไปไกล
เจียงไป๋เสว่ยืนอย่างเหม่อลอยอยู่ที่เดิมอยู่เป็นนาน ไม่ได้จากไป
น้ำฝนรินรดเสื้อผ้าและเส้นผมของเธอจนเปียกปอน แต่เธอดูเหมือนกับไม่รู้สึกรู้สา ยืนตั้งตระหง่านราวกับรูปปั้นหนึ่งองค์
ยังคงเป็นสายโทรศัพท์จากถังเฉาที่เรียกสติเธอคืนมาได้
“ทางผมไม่มีร่องรอยอะไรเลย ทางคุณล่ะครับ?”
เจียงไป๋เสว่เล่าเรื่องที่เจอหลี่เห้าเมื่อสักครู่ออกมา
น้ำเสียงของถังเฉาดูเหมือนจะทุ้มหนักอยู่บ้าง “ดูเหมือนสิ่งที่ผมคิดไว้จะไม่ผิด เขากลายเป็นศัตรูไปแล้วจริง ๆ”
ในสายโทรศัพท์ เจียงไป๋เสว่ไม่ได้ส่งเสียงอยู่นาน
ถังเฉาเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก สภาพการณ์แบบนี้ คนที่เจ็บปวดที่สุดก็ควรจะเป็นเจียงไป๋เสว่สินะ?
“ไป๋เสว่ ในเมื่อเป็นศัตรู ควรจะทำอย่างไร คุณก็น่าจะรู้ดีใช่ไหม?”
น้ำเสียงของถังเฉาทุ้มต่ำ เตือนสติเธออย่างเข้มงวดเป็นอย่างมาก
น้ำเสียงของเจียงไป๋เสว่ผ่อนคลายลง “เข้าใจค่ะ ฉันไม่ใจอ่อนหรอกค่ะ”
“อย่างนั้นก็ดี”
ริมฝีปากของถังเฉาพูดไปแบบนี้ แต่ในใจก็ยังเก็บความระแวดระวังเอาไว้
เจียงไป๋เสว่ตามหาหลี่เห้ามาสามปี เขาเองก็ตามหาหลี่เห้ามาสามปีเช่นเดียวกัน
ในที่สุดกลับกลายเป็นอริต่อกัน
นี่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ล้วนแต่รับไว้ไม่ไหว
พวกเขาเองก็เป็นมนุษย์ สามารถถูกความรักความผูกพันส่งผลกระทบเป็นอุปสรรคได้
ตอนที่ได้เจอกันอีกครั้ง เจียงไป๋เสว่จะลงมือได้จริง ๆ หรือ?
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คำพูดเช่นนี้ก็ไม่สามารถจะพูดออกมาได้ อนาคตจะเลือกทางไหน ถังเฉาเองก็สุดจะรู้
“ถังเฉา”
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เจียงไป๋เสว่ส่งเสียงออกมากะทันหัน
“ต่อไปพวกเราจะเปลี่ยนเป็นแบบนั้นไหม?”
น้ำเสียงของเจียงไป๋เสว่ห่อเหี่ยวอย่างบอกไม่ถูก
สีหน้าของถังเฉาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่า ไม่เหมือนกันกับเขา เขามีครอบครัวแล้ว มีลูกแล้ว ครอบครัวมีความสุขดี รักใคร่กลมเกลียว
เจียงไป๋เสว่กลับไม่มีอะไรเลย
เธอเป็นเด็กกำพร้า จนถึงตอนนี้แล้วยังไม่รู้ว่าพ่อแม่ของตัวเองเป็นใคร
ถังเฉากับหลี่เห้ามีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีกับเธอ สามารถพูดคุยกันได้
ตอนนี้หลี่เห้าจากไปแล้ว เหลือแค่ถังเฉาเพียงคนเดียว
เจียงไป๋เสว่กังวลถึงแต่เรื่องที่เธอได้รับหรือสูญเสียเป็นอย่างยิ่ง
เงียบอยู่พักหนึ่ง ถังเฉาก็พูดยิ้ม ๆ ว่า “ไม่หรอก พวกเราจะไม่เปลี่ยนไปเป็นแบบนั้น”
“ผมก็คือญาติพี่น้องของคุณ”
“ขอบคุณค่ะ”
หลังจากได้รับการตอบรับ น้ำเสียงของเจียงไป๋เสว่ก็ผ่อนคลายลงไปมาก และก็สบายใจขึ้นมาก
หลังจากกลับไปแล้ว หลินชิงเสว่ก็กอดถังเสี่ยวลี้หลับไปแล้ว
ถังเฉายิ้มน้อย ๆ ห่มผ้าห่มให้กับแม่ลูกทั้งสองอย่างมิดชิด จากนั้นจึงนอนลงไป
เก็บสะสมพลังและจิตใจเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศพรุ่งนี้
เช้าตรู่วันถัดมา หลินชิงเสว่เปลี่ยนเป็นชุดทำงานทั้งตัว เตรียมที่จะไปสำรวจบริษัทสาขาย่อยที่เมืองเจียงเฉิง
เมื่อวานเธอได้พูดอย่างชัดเจนแล้วว่าจะไม่มีทางไปดูการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของงานประชุมแดนเหนือ
แต่ถังเสี่ยวลี้ชื่นชอบความคึกคัก หลินชิงเสว่ก็เลยเอาลูกสาวไปส่งให้หลินจ้าวหยูนดูแล “คุณไปลี่จิงกรุ๊ปกับฉันไหมคะ?”
หลินชิงเสว่มองไปยังถังเฉาแล้วเอ่ยถามขึ้น
ถังเฉาส่ายศีรษะ “ผมไปจวี้เฟิงกรุ๊ปครับ”
“ค่ะ”
ถังเฉาขับรถยนต์จากไป หลินชิงเสว่ยังยืนตระหง่านอยู่ที่เดิม ลังเลใจอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ขึ้นรถยนต์ไป
แต่ว่าเธอไม่ได้ไปลี่จิงกรุ๊ป แต่เป็นสนามกีฬาเมืองเจียงเฉิง
เธอเกิดความระแวงขึ้นแล้วว่าถังเฉาอาจจะแอบไปเข้าร่วมประชุมแดนเหนือลับหลังเธอ
สนามกีฬาเมืองเจียงเฉิงในวันนี้คึกคักเสียยิ่งกว่าเมื่อวาน
เสียงที่ดังกึกก้องดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า
หลังจากที่คนบ้าบู๊และมู่ตงเฟิงนั่งประจำที่ การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของงานประชุมแดนเหนือก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ทางตระกูลเย่ เย่หรูอี้และเย่เซ่าเตี๋ยก็เข้าร่วมมาตาม ๆ กัน
เทียบกันกับเย่เซ่าเตี๋ยที่ใบหน้าโมโหเป็นอย่างยิ่งแล้ว ดูเหมือนว่าเย่หรูอี้จะสงบกว่ามากโข
“เย่หรูอี้ เธออย่าได้ใจไปเลย คิดว่าเข้ารอบชิงชนะเลิศแล้วก็จะหมดกังวลแล้วหรือไง? การแข่งขันนัดสำคัญที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่ม!”
เย่เซ่าเตี๋ยเอ่ยอย่างโหดเหี้ยม
เย่หรูอี้ชำเลืองมองเธอแวบหนึ่ง บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“ความหมายของเธอก็คือ แม้แต่การแข่งขันนัดสำคัญเธอก็ยังไม่เหมาะสมที่จะเข้าร่วมใช่ไหม?”
เย่หรูอี้ถามเข้าจุดสำคัญ
“เธอ…”
ใบหน้าของเย่เซ่าเตี๋ยเต็มไปด้วยความโกรธอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าถูกเย่หรูอี้ทำให้โมโหไม่เบาเลย
แต่ด้วยความรวดเร็ว เธอก็ยิ้มเย็นขึ้นอีกครั้ง “ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเธอไปตามหาคนที่เรียกว่า ‘เจ้ามังกร’ นั่นมาจากไหน เขายอดเยี่ยมจริง ๆ แต่เธอคิดว่าผู้แข็งแกร่งของตระกูลหลวงในเยี่ยนตูล้วนแต่เป็นพวกกระจิบกระจอกหรืออย่างไร?”
เย่หรูอี้ไม่สะทกสะท้าน เธอรู้ศักยภาพที่แท้จริงของถังเฉาดี แม้ว่าจะเป็นตระกูลหลวงในเยี่ยนตู บางทีก็ล้วนแต่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
ในตอนนี้เอง เย่เซ่าเตี๋ยมองเห็นทางด้านของสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิง หงเทียนหยากวักมือให้เธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมืดครึ้ม บอกใบ้ให้เธอไปหา
เย่เซ่าเตี๋ยขมวดคิ้ว ตนเองเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของตระกูลเย่แห่งตระกูลหลวง เขาไม่มาหาตนเองก็ช่างเถอะ นึกไม่ถึงว่าจะให้ตนไปหาด้วยตัวเอง
แต่ว่าสุดท้ายเย่เซ่าเตี๋ยก็มาอยู่ตรงหน้าของหงเทียนหยาด้วยตัวเอง เอ่ยถามขึ้นว่า “มีอะไรเหรอประธานหง?”
เมื่อวานนี้หงเทียนเฉินไม่เพียงแต่พ่ายแพ้ไป ทั้งยังเสียชีวิตอยู่บนเวทีประลอง นี่ทำให้เย่เซ่าเตี๋ยที่เขาเป็นตัวแทนขึ้นต่อสู้ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
เช่นเดียวกัน น้ำเสียงเรียบเฉยนั้นทำให้หงเทียนหยาที่เพิ่งจะผ่านการสูญเสียน้องชายไปมีความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปทั้งใบหน้า
น้องชายของฉันตายในสนามต่อสู้เพื่อเธอ เธอไม่เพียงแต่ไม่ไว้อาลัย นึกไม่ถึงว่าจะยังมีน้ำโห?
ตอนนี้หงเทียนหยาถึงจะรู้สึกได้ว่าการทำงานรับใช้เพื่อตระกูลหลวงในเยี่ยนตูเป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวมากเพียงใด
เป็นการกระทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้จริง ๆ!
แต่ในตอนนี้เขามีเป้าหมายอื่นแล้ว ทำได้เพียงร่วมมือกันกับเย่เซ่าเตี๋ย
เขาเอ่ยกับเย่เซ่าเตี๋ยว่า “คุณเย่ น้องชายของผมตายด้วยน้ำมือของ ‘เจ้ามังกร’ นั่น ความแค้นนี้ผมจำเป็นจะต้องชำระสะสาง แต่ว่าผมเป็นประธานของสมาคมการต่อสู้ ไม่สามารถขึ้นต่อสู้ง่าย ๆ ทำได้เพียงยืมชื่อของตระกูลเย่ของคุณมาใช้ จัดการให้ขึ้นต่อสู้กับ ‘เจ้ามังกร’ นั่น”
เย่เซ่าเตี๋ยตอบตกลงโดยไม่หยุดคิด หลังจากกลับไปก็ผุดรอยยิ้มออกมาอีก
เธอกำลังกลุ้มใจอยู่เลยว่าจะฉุดเย่หรูอี้ให้ล้มลงได้อย่างไร พลิกแพ้เป็นชนะ หงเทียนหยาก็ส่งตัวเองมาถึงที่
“เย่หรูอี้เธอรอดูเถอะ ฉันไม่เชื่อหรอกว่า ‘เจ้ามังกร’ นั่นจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของหงเทียนหยาได้!”
บนใบหน้าของเย่เซ่าเตี๋ยประดับรอยยิ้มเยือกเย็นอยู่เต็ม
“เชิญผู้ถูกคัดเลือกในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศไปรอที่จุดพักคอยครับ”
พิธีกรพูดจบ ทุกคนที่เข้ารอบชิงชนะเลิศล้วนเขาไปในเขตการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ
ในที่นี้ ถังเฉามองเห็นผู้แข็งแกร่งที่เป็นตัวแทนของแต่ละตระกูล
และยังมี…
หลินรั่วหวี!
การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศไม่เหมือนกับการแข่งขันรอบแรก จำเป็นจะต้องให้หลาย ๆ ตระกูลเข้าสนาม
การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศมีแค่สนามเดียว ขึ้นมาประลองกันทีละกลุ่ม
และก็ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของถังเฉาหรือเปล่า ตอนที่เขาเข้ามาในเขตพักคอย สายตาของคนส่วนใหญ่ล้วนแต่มองมา
มิน่าล่ะ การแข่งขันรอบแรกเมื่อวาน การต่อสู้ที่ดุเดือดของเขากับหงเทียนเฉินเป็นการต่อสู้ที่สั่นสะเทือนใจคนมากที่สุด คนส่วนใหญ่ล้วนแต่หวาดกลัวเขา
หลินรั่วหวีก็กวาดตามองเขาอย่างเย็นชาทีหนึ่ง แล้วก็เบนสายตาไปอย่างรวดเร็ว
ด้วยความรวดเร็ว การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเริ่มต้นขึ้น ถังเฉามองพิจารณาสถานการณ์ในการสู้รบบนสนามประลอง
แต่ก็มองเพียงแวบเดียวก็หมดความสนใจไป
วันนี้ ยอดฝีมือของตระกูลหลวงในเยี่ยนตูล้วนแต่ออกมากันหมดแล้ว แต่ในสายตาของถังเฉานั้นก็ไม่เท่าไหร่หรอก
“รอบต่อไป ‘เจ้ามังกร’ ปะทะกับหงเทียนหยา ตระกูลเย่!”
พิธีกรประกาศขึ้น
ขวับ!
พอคำนี้ลั่นออกมา ผู้ชมทั่วทั้งสนามกีฬาทุกคนล้วนแต่เบิกตากว้างอ้าปากค้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
คนของสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิงเองก็เบิกตากว้าง
ประธานของพวกเขาลงสนามด้วยตัวเอง?
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ต่อให้เป็นถังเฉาก็มีความประหลาดใจอยู่บ้าง หลังจากขึ้นเวทีประลองก็มองหงเทียนหยาอย่างแปลกใจ
นึกไม่ถึงว่าประธานของสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิงจะขึ้นต่อสู้ด้วยตัวเอง?
ดูเหมือนเย่หรูอี้จะคิดอะไรขึ้นมาได้ มองไปยังเย่เซ่าเตี๋ยทันที
“เป็นเธอ?”
เย่เซ่าเตี๋ยหัวเราะเสียงดัง “ใช่ ฉันเอง เย่หรูอี้ ฉันไม่ยอมให้เธอประสบความสำเร็จหรอก”
สายตาของเย่หรูอี้มืดครึ้ม ไม่ได้พูดอะไรอีก
ใคร ๆ ก็ล้วนแต่ไม่ได้ค้นพบว่ามุมหนึ่งของสนามกีฬา หลินชิงเสว่กำลังมองถังเฉาอย่างตึงเครียด
“ประธานหงขึ้นต่อสู้ได้อย่างไร ทั้งยังจะดวลกับเจ้ามังกรให้ได้ หรือว่าจะมาแก้แค้นจริง ๆ เหรอ?”
“ถึงแม้ว่าเจ้ามังกรจะแข็งแกร่งแล้ว แต่หงเทียนหยาเป็นถึงประธานของสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิงเชียวนะ เขาสามารถเป็นคู่ต่อสู้ได้หรือ?”
“การปะทะกันรอบนี้น่าดูเสียแล้วสิ”
บึ้ม!
ในระหว่างที่ผู้ชมกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างประหลาดเสียงดังเซ็งแซ่ เงาร่างหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศร่วงลงมาบนเวทีประลอง
พื้นหินด้านบนเวทีก็เกิดรอยแยกขึ้นเล็กน้อย
หงเทียนหยานำพารังสีสังหารมากมายมหาศาลมาปรากฏอยู่บนเวทีประลอง สายตามองทุกคนรอบ ๆ ราวกับพยัคฆ์ เสียงดังกังวานก้อง
“ทุกท่าน ด้วยความที่ผมเป็นประธานของสมาคมการต่อสู้ เดิมทีไม่ควรจะมาเข้าร่วมการแข่งขัน แต่น้องชายร่วมสายเลือดของผมถูกคนอำมหิตฆ่าตาย พอดีกับที่คุณเย่เซ่าเตี๋ยจากตระกูลเย่มีตำแหน่งว่างที่หนึ่งพอดี จึงให้ผมทดแทนในตำแหน่งนั้น”
“หนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด!”
เสียงของหงเทียนหยาเต็มไปด้วยรังสีสังหารที่หนักแน่นถึงขีดสุด สะท้อนไปทั่วทั้งในสนามกีฬา
บึ้ม!
เพิ่งจะสิ้นเสียง คนทั่วทั้งสถานที่นั้นก็หน้าเปลี่ยนสีเป็นอย่างมากไม่เว้นแม้แต่คนเดียว
ประธานหงมาเพื่อแก้แค้นแทนน้องชายจริง ๆ ด้วย!
“ทำอย่างไรดี ประธานของสมาคมการต่อสู้ลงมือด้วยตัวเอง นี่มันไร้ยางอายเกินไปแล้ว!”
“ไม่รู้ว่า ‘เจ้ามังกร’ จะทนได้ไหม…”
หลินจ้าวหยูนกับหลินฉ่ายเวยล้วนแต่มีสีหน้าตึงเครียด
ทุกคนล้วนแต่จับตาดูสถานการณ์ในสนามประลอง
แต่คนส่วนใหญ่คิดว่าเจ้ามังกรคนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหงเทียนหยา
อย่างไรก็ตาม ถังเฉาเพียงแค่ยิ้มอย่างเย็นชา เอ่ยเสียดสีว่า “พวกคุณสองคนพี่น้องน่ารังเกียจจริง ๆ คิดว่าทำแบบนี้แล้วก็จะสามารถแก้แค้นเพื่อไอ้สวะนั่นได้เหรอ?”
“บังอาจ!”
เห็นว่าถังเฉาไม่เพียงไม่หวาดกลัว กลับดูถูกหงเทียนเฉินที่ตายไปแล้ว ความโกรธในใจของหงเทียนหยาก็โหมกระหน่ำจนถึงขีดสุด
เขาตวาดเสียงดังครั้งหนึ่ง ไม่รอให้กรรมการประกาศเริ่มต้นการแข่งขัน ก็พุ่งเข้าไปทางถังเฉาแล้ว
ทันใดนั้นสีหน้าของยอดฝีมือที่อยู่ด้านล่างของเวทีก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย สายตาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
เพราะว่าเพียงแค่กลิ่นอายที่ปะทุขึ้นภายในชั่วพริบตาเดียวนี่ก็ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว
ความแค้นทำให้คนแข็งแกร่ง หงเทียนหยาในตอนนี้อาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม!