เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 7
หลังจากที่ซื้ออาคารกั๋วจี้แล้ว ถังเฉาก็ไม่ได้พูดอะไร หลับตาพักผ่อน เฟิ่งหวงก็ตั้งใจขับรถ
โรลส์รอยซ์สีดำขับบนถนนที่แออัด รถสองคันที่อยู่ข้างๆต่างหลบอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ หลีกทางให้ไป
ตอนนี้ ความเงียบในรถถูกเสียงละเมอทำลายไป
“ฉันอยู่ที่ไหน……”
ซ่งหมิงเวยค่อยๆฟื้นขึ้น นวดไปที่หัวที่มึนของตัวเอง
“ถัง ถังเฉา นาย”
ไม่นาน เขาก็มองเห็นเทพเจ้าถังเฉาที่นั่งอยู่ข้างเขา กลัวจนวิญญาณแทบหลุด
ถังเฉาลืมตาขึ้น มองอย่างเฉยชา “ฟื้นแล้วหรอ”
“ถังเฉา แกจะเอายังไง ถ้าทำร้ายฉัน บ้านซ่งไม่ปล่อยแกไว้แน่”
ซ่งหมิงเวยมองถังเฉาเหมือนศัตรู หน้าผากมีหยดเหงื่อไหลซึมอยู่
“ทำร้ายแกหนอ แกคิกว่าแกมีสิทธิ์พอหรอ”
พอได้ยินแล้ว ถังเฉาก็หัวเราะ
“ฉันบอกแล้ว เป้าหมายของฉันคือซ่งหรูอี้ แกมันก็ตัวแถมที่ไร้สาระ ฉันมามีเวลาว่างมาจัดการแกมากนัก”
คำนี้ทำร้ายคนไม่น้อย แต่ซ่งหมิงเวยก็โล่งใจไปที
ไม่ว่ายังไง ตัวเองก็ต้องเอาชีวิตรอดไว้
แต่เขาก็ยังถามตะกุกตะกัก “ถัง ท่านถัง ในเมื่อท่านจะไม่ทำร้ายฉัน ทำไมท่านไม่ปล่อยฉันไปล่ะ”
ถังเฉามองด้วยสายตาที่ล้ำลึก ด้วยสายตานี้ ทำให้ซ่งหมิงเวยรู้สึกตื่นเต้นขึ้น
ราวกับว่าสายตาคู่ที่อยู่ข้างหน้านี้ ทุกอย่างของเขานั้นโปร่งใสทั้งหมด
“ถึงแม้แกจะเป็นแพะรับบาป แต่ผลสุดท้ายของการรบ ก็เป็นการตัดสินใจของแพะ”
ถังเฉาพูดเบาๆ “ฉันจะไม่ทำลายซ่งหรูอี้ทันทีหรอก แบบนี้มันใจดีกับเธอเกินไป ฉันจะให้เธอรู้ว่า อะไรคือความสิ้นหวังที่แท้จริง”
พูดแล้ว เขาก็หยิบยาเม็ดสีขาวออกมาจากอก “กินเข้าไป”
“นี่คืออะไร”เลยใจเต้นตึกตักไม่หยุด
“ยาพิษ”
ถังเฉาน้ำเสียงเย็นชา “เป็นสายลับของฉัน ยาที่ใช้แก้ยานี้มีฉันคนเดียวที่มี เพราะงั้นก็ไม่ต้องเสียแรงฟรี ในทุกๆครั้งใช้ความลับของบ้านซ่ง มาแลกกับยาแก้พิษ”
“แน่นอน แกจะไม่กินก็ได้เฟิ่งหวง”
“ค่ะ หัวหน้า”
ชั่วพริบตาต่อมา ใบมีดแผ่นหนึ่งก็จี้ไปที่แก้มของซ่งหมิงเวย ทำให้รูม่านตาของเขาเปิดกว้างขึ้น
“เลือกซะ”
“…..,”
ซ่งหมิงเวยบูดบึ้ง เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวม่วง แต่ก็ยังกลืนยาพิษเม็ดนั้นเข้าไป
เหมือนกับที่คิดไว้ บนหน้าของถังเฉายังคงสงบเหมือนเดิม พูดว่า “เฟิ่งหวง ส่งเขาลงรถ”
เสียงเอี๊ยดดังขึ้น โรลส์รอยซ์จอดลง หลังจากซ่งหมิงเวยลงจากรถ เขาก็สตาร์ทไปต่อ
หลังจากนั้นสิบนาที ก็แวะจอดในย่านธุรกิจที่คึกคัก
ทั้งสี่ทิศเต็มไปด้วยตึกสูง ตึกตรงกลางที่สูงและงดงามที่สุด ก็คืออาคารกั๋วจี้
หลังจากลงรถ ถังเฉาโบกมือ ให้เฟิ่งหวงไป แล้วตัวเองก็เงยหน้าขึ้นมองอาคารกั๋วจี้ทั้งตึก แววตาแน่วแน่
“ชิงเสว่ เสี่ยวลี้ ฉันมาแล้ว
กำลังจะเดินเข้าไป รถเพื่อการพาณิชย์คันหนึ่งขับมาที่ห้องจอดรถชั้นใต้ดิน ผู้หญิงสองคนในชุดทางการเดินออกมาจากลานจอดรถ
ก็คือสองแม่ลูกโจวเหม่ยหยูนและหลินฉ่ายเวย
แต่ยังไงหน้าของหลินฉ่ายเวยก็ยังคงเย็นชา โจวเหม่ยหยูนทำได้แค่พูดโน้มน้าว
“ฉ่ายเวย แกวางใจเถอะ ครั้งนี้ฉันอยู่ข้างแก อย่าบอกว่าแกไล่ความสุขเศร้านั้นออกไปแล้ว ถึงจะไม่ไล่ออกไป ต่อไปฉันก็จะไล่เหมือนกัน”
“ เรื่องของพ่อแก เดี๋ยวฉันจะพูดให้ ขอแค่เราชนะการประมูลตอนเย็นนี้ เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรแล้ว”
“อื้ม”
ตอนนี้สีหน้าของหลินฉ่ายเวยถึงจะดีขึ้นบ้าง
ถ้าการประมูลถูกสองคนแม่ลูกคว้าไว้ได้ พวกเธอก็มีความมั่นใจที่จะพูดแล้ว
ทั้งสองเดินไปทางประตู
“ถังเฉา ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่”
“จากนั้น ยังไม่ทันเดินเข้าไป ก็เจอกับถังเฉาที่ยืนอยู่หน้าประตู
ทันใดนั้น หลินฉ่ายเวยก็เหมือนแม่แมวที่โดนเหยียบหาง เดินพุ่งมาตรงหน้าถังเฉาด้วยความโมโห พูดว่า “ฉันนึกว่านายจะรู้ผิดชอบชั่วดี ไม่นึกเลยว่านายจะเจ้าคิดเจ้าแค้นแบบนี้ ถึงได้สะกดรอยตามฉัน—-“
“สะกดรอยตามหรอ”
ถังเฉาโดนคำนี้ล้อเล่นจนหัวเราะ ส่ายหัว พูดว่า “ผมมาทำธุระที่อาคารกั๋วจี้ต่างหาก”
“แกน่ะ รู้ไหมว่าอาคารกั๋วจี้เป็นที่ยังไง”
สายตาและน้ำเสียงของโจวเหม่ยหยูนยังคงดูถูกไม่หยุด
“ฉันเข้าใจแล้ว……”
เหมือนหลินฉ่ายเวยจะคิดอะไรออก มองไปทางถังเฉาด้วยสายตาแปลกๆ “นายมาสัมภาษณ์งานใช่ไหม”
“การที่นายคิดจะมาสัมภาษณ์งานก็เป็นเรื่องดี แต่นายก็ไม่ควรมาสัมภาษณ์งานที่อาคารกั๋วจี้สิ ที่นี่เป็นที่ของคนชนชั้นสูงไม่ใช่ที่ที่ คนไม่มีการศึกษาและไม่มีวุฒิอย่างนายจะเข้าได้”
ถังเฉาส่ายหัวด้วยความหมดปัญญา แต่ก็ไม่ได้สนใจ กะจะเดินเข้าไปในอาคารทันที
“นี่ นายจะทำอะไร”
เห็นถังเฉาจะเดินเข้าไป หลินฉ่ายเวยใช้ร่างกายตัวเองไปบังข้างหน้าเขาไว้ “บอกแล้วว่านายเข้าไปไม่ได้หรอก ทำไมถึงยังดันทุรังอยู่อีก ถ้านายอยากจะหางานจริงๆเห็นแก่ความสัมพันธ์ในตอนเด็กแล้ว ฉันจะขอให้เพื่อนหางานให้นาย—-”
“หลีกไป”
จู่ๆ ถังเฉาก็ตะโกนขึ้น ทั้งตัวเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บแบบหนึ่ง
ตะโกนเสียงดังจนทำให้หลินฉ่ายเวยที่กำลังขัดขวางอยู่ถอยหลังไปสามก้าว
เท้าที่สวมส้มสูงที่สูงเจ็ดแปดเซน ก็แพลงไปทีนึง ปวดจนเธอแทบหยุดหายใจ
“ฉันเตือนก็เพาะเห็นแต่ความสัมพันธ์ตอนเด็ก อย่าห้ามฉัน”ถังเฉาน้ำเสียงเย็นชาราวกับจะกวาดล้างคน
เขาทำเพื่อบ้านหลินถึงที่สุดแล้ว ไม่ได้ติดค้างอะไรแล้ว
เทียบกับคู่แม่ลูกของหลินชิงเสว่แล้ว หลินฉ่ายเวยนั้นเทียบไม่ติดอยู่แล้ว
“แกกล้าขู่ฉันหรอ!”
หลินฉ่ายเวยที่อารมณ์ร้อนสติกลับมา เดินตรงไปที่ถังเฉาโดยไม่สนอะไร
แต่กลับโดนชายสวมชุดรปภ.นายหนึ่งห้ามอย่างก้าวร้าว “เสียงดังอะไร เสียงดังอะไร พวกแกเป็นใคร”
“พวกเราเป็นตัวแทนเข้าร่วมงานประมูลจากบริษัทโอ้ซิน คนที่ไม่เกี่ยวข้องคนนี้อยากเข้าไปในงานครับ”
หลินฉ่ายเวยหยิบบัตรเชิญออกมา มองหัวหน้ารปภ.ด้วยใบหน้าเย็นชา พูดว่า “วันนี้เป็นวันประมูล ประธานหลินให้ความสำคัญมาก ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกนายต้องรับผิดชอบ
จางไห่หยางฟังแล้วก็อึ้งไปสักพัก จากนั้นก็มองถังเฉาด้วยสายตาที่ไม่ดี หยิบวอลล์ขึ้นมา เรียกการ์ดสิบกว่าตนมา
“นายมันหลงตัวเองจริงๆ”
“แม่คะ เราไปกันเถอะค่ะ”
จากนั้นก็มองดูถังเฉาด้วยสายตาเย็นชา หลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหยูนเดินเข้าอาคารกั๋วจี้ไป
“แกฟังฉันดีๆนะ วันนี้เป็นวันสำคัญ คนนอกห้ามเข้า”
จางไห่หยางมองดูถังเฉาด้วยสายตาเย็นชา ในมือตีกระบองอยู่ พูดขู่ว่า “ถ้ารู้แล้วก็ออกไป ไม่งั้น กระบองนี้มันไม่มีตานะ”
“แกรู้ได้ไงว่าฉันเป็นคนนอก”
ถังเฉาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรียกคนที่ดูแลอาคารของพวกคุณลงมา”
“ฮ่า ยังอยากจะเรียกประธานเจิงของเราลงมาอีก แกคิดว่าแกเป็นใครกัน มีสิทธิ์เจอประธานเจิงด้วยหรอ”
ได้ยินคำพูดของถังเฉาแล้ว รอบยิ้มบนหน้าของจางไห่หยางเยอะขึ้น พูดแปลกๆว่า “แกจะไปไม่ไป ไม่ไปใช่ไหม พี่น้อง ให้มันได้รู้รสชาติหน่อย”
พอได้ยินคำนี้แล้ว การ์ดที่อยู่หลังจางไห่หยางก็เดินมาทางถังเฉาอย่างไร้ความปราณี แล้วก็หยิบกระบองออกมาทีละคน
“จางไห่หยาง แกหยุดเดี๋ยวนี้นะ……”
จู่ๆอาคารกั๋วจี้ก็มีตะโกนออกมาด้วยความเหนื่อยล้า
จากนั้น ชายร่างอ้วนที่อ้วนกลมอย่างกับลูกบอลวิ่งมาด้วยขาสั้นๆสองข้าง
เป็นเพราะรูปร่างของเขา เพราะฉะนั้นท่าทางที่เขาวิ่งลงมานั้นมันดูมีความสุขมาก
“ประธานเจิงท่านลงมาได้ยังไงคะ”
พอดูถึงตอนนี้แล้ว จางไห่หยางไม่เพียงแค่อึ้งไป
“ยังจะกล้าถามว่าฉันลงมาทำไมอีก ……”
ในที่สุดเจิงเทียนเสียงก็วิ่งไปที่ประตูอย่างหอบๆ แต่ยังไม่ทันได้สูดหายใจเข้า ก็มีฝ่ามือตบจังๆเข้าที่หน้าของจางไห่หยางแล้ว
“แกขุดหลุมให้ตัวเอง อย่าลากฉันเข้าไปด้วย”