เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 81
บทที่ 81 การปล่อยวาง
ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่สอง ถังเฉายืนอยู่บนชั้นสูงสุดของอาคารกั๋วจี้ มองผู้คนที่เดินผ่านไปมา
ทันใดนั้นเขาก็เห็นร่างหลายคนที่คุ้นเคย เดินเข้าไปในอาคารด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง ซึ่งนั่นก็คือหลินฉ่ายเวย โจวเหม่ยหยุนและคนอื่นๆ
ดูออกเลยว่า พวกหล่อนนั้นไม่มีทางที่จะยอมรับหัวหน้างานที่จะเคลื่อนย้ายพวกหล่อนไปอยู่ระดับล่าง
อย่างไรก็ตาม ถังเฉานั้นไม่ได้แสดงความเมตตาใดๆ บางเรื่องที่ได้ลงมือทำไปแล้ว ก็ต้องรอรับผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดให้ได้
“ท่านถัง นี่คือข้อมูลของจูหาว รองประธานของหลงเถิงกรุ๊ปครับ”
ขณะนั้นเอง เจิงเทียนเสียงก็ได้เดินเข้าไปในห้องทำงานด้วยใบหน้าที่เอาจริงเอาจัง และวางข้อมูลบนโต๊ะของถังเฉาอย่างเป็นระเบียบ
เมื่อเข้าร่วมกับสมาคมการค้าหงยิง เขาก็ได้ปรับเปลี่ยนความเข้าใจของถังเฉาใหม่อีกครั้ง หากต้องอยู่กับชายหนุ่มคนนี้ คงเป็นการดีที่ไม่ต้องหัวเราะอะไรเลย
“ลำบากด้วยนะ”
ถังเฉายิ้มให้เจิงเทียนเสียง พร้อมกับอ่านมัน
จูหาว เพศชาย เป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงของบริษัทผลิตยาหงเทียน เมื่อสามปีก่อนพนักงานคนนี้ถูกจับเข้าคุกข้อหาเมาสุราและทำการอนาจาร นั่นจึงทำให้เขาโดนไล่ออกจากบริษัท หลังจากอยู่ที่บ้านเป็นเวลาสองปี หลงเถิงกรุ๊ปก็ถูกซื้อกิจการโดยตระกูลซ่ง จากคำเชิญที่จริงใจของซ่งเทียนซาน เขาจึงได้ดำรงตำแหน่งรองประธานของหลงเถิงกรุ๊ป
นี่คือข้อมูลของจูหาว
ถึงแม้จะไม่ละเอียดมากนัก แต่มันก็มีประเด็นสำคัญอยู่
เจิงเทียนเสียงรู้ว่าถังเฉากำลังสืบสวนเหตุการณ์วันที่สิบหกมีนาคมของตระกูลหลิน เขาจึงจงใจที่จะสรุปหัวข้อของสามปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดเวลา แต่ยังได้ใจความสำคัญอีกด้วย
ถังเฉามองไปที่เจิงเทียนเสียงด้วยความชื่นชม จากนั้นหรี่ตาลงเล็กน้อย “นายช่วยเล่าเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีล่วงเกินหน่อยได้ไหม?”
เจิงเทียนเสียงพยักหน้าและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากเหตุการณ์วันที่สิบหกมีนาคม ในงานเลี้ยงฉลองนั้น จูหาวดื่มจนเมาและได้ทำการลากพนักงานหญิงเข้าไปในห้องน้ำ แถมหญิงคนนั้นก็เป็นหญิงที่แต่งงานแล้วอีกด้วย”
ถังเฉาพยักหน้าและถามต่อว่า “เขาเป็นคนแบบไหนกัน?”
“ผมเคยติดต่อกับจูหาวอยู่สองสามครั้ง เป็นคนเคร่งขรึมและให้ความสำคัญกับงานเป็นอย่างมาก เขาอายุสี่สิบปีและยังไม่ได้แต่งงานครับ”
“ใช่สิ ชายที่ให้ความสำคัญกับงาน จะไปล่วงเกินผู้หญิงตัวเล็กๆได้งั้นเหรอ?นายเชื่อไหมล่ะ?” ถังเฉาย้อนถามกลับอย่างลึกซึ้ง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจิงเทียนเสียงยังกล่าวอีกว่า “นี่ก็ยังเป็นปัญหาที่ยังอยู่ ไม่มีใครคิดว่าจูหาวจะทำเรื่องแบบนี้ได้ แต่เขาก็ทำมันแล้ว อีกทั้งตอนนั้นก็ไม่มีใครมาแก้ต่างให้เขา ตำรวจก็เลยสามารถปิดคดีนี้ได้อย่างรวดเร็ว”
“ตำรวจที่ดูแลคดีนี้ชื่ออะไร?”
เจิงเทียนเสียงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็รายงานชื่อที่ถังเฉานั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“หวางเยี่ยน”
“หวางเยี่ยน?”
ทันใดนั้นในใจของถังเฉาก็เต็มไปด้วยพลังและจิตวิญญาณในทันที จากนั้นก็พูดว่า “ช่วยจัดการให้ฉันหน่อย ฉันอยากเจอกับคุณตำรวจหวางคนนี้”
“ได้ครับ”
เจิงเทียนเสียงตอบรับในทันที จากนั้นก็ส่งบัตรเชิญที่งดงามห่อด้วยไหมทองให้“นี่เป็นบัตรเชิญงานเลี้ยงฉลองจากหลงเถิงกรุ๊ปครับ องค์กรที่ติดอันดับต้นๆของอาคารกั๋วจี้ ต่างได้รับเชิญหมดครับ”
ถังเฉานั่งเล่นไปสักพักก็ยิ้มขึ้นมา “เป็นไหมทองซะด้วย ดูเหมือนว่าซ่งเทียนซานจะพยายามอย่างหนักเลยนะเนี่ย”
“นั่นเป็นสิ่งที่จำเป็นครับ”
เจิงเทียนเสียงอธิบายอย่างมีเหตุผลว่า “อาคารกั๋วจี้นั้นเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจในหมิงจู โครงการฟื้นฟูใหญ่ที่ได้อนุมัตินั้นแต่ก่อนก็อยู่ในกำมือของผม แต่ตอนนี้นั้น แหะแหะ..”
เจิงเทียนเสียงยิ้มและพูดต่อว่า “ทั้งหมดอยู่ในกำมือของท่านแล้วครับ”
ถังเฉาโบกมือและกล่าวว่า “ทั้งหมดก็ให้กับหลัวปู้อยู่ดี รวมถึงคำเชิญนี้ก็จะถูกส่งไปให้หลัวปู้เช่นกัน”
“ครับ ท่านถัง”
เจิงเทียนเสียงรู้ดีว่าท่านถังนั้นเป็นคนระมัดระวังตัว โดยเฉพาะในที่สาธารณะยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่ ดังนั้นเขาจึงรีบเอาบัตรเชิญนี่ออกไปให้คนที่รับผิดชอบแทน
หลังจากที่เจิงเทียนเสียงเดินจากไป ยังไม่ทันที่ถังเฉาจะได้ดื่มน้ำ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เมื่อเห็นชื่อบนโทรศัพท์ ใบหน้าของถังเฉาก็มีรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย พร้อมกับรับสาย “พ่อ มีอะไรเหรอครับ?”
น้ำเสียงของหลินเจิ้นสงนั้นดูจริงจัง “เสี่ยวเฉา ฉันแค่จะมาถามแกว่า เรื่องสปอนเซอร์เป็นยังไงบ้าง แกไม่ต้องไปฝืนหรอกนะ ถ้าไม่ได้จริงๆก็ช่างมัน เดี๋ยวฉันคิดหาวิธีเอง…”
“พ่อ ได้มาแล้วครับ”
ยังไม่ทันที่หลินเจิ้นสงจะพูดจบ ถังเฉาก็ตัดจบประโยคด้วยรอยยิ้ม
อีกฝ่ายของโทรศัพท์ก็นิ่งไปชั่วครู่ ในไม่ช้าหลินเจิ้นสงก็อุทานออกมา “นี่แกพูดจริงเหรอ?”
ถังเฉากล่าวด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ในช่วงหลายปีนี้ เพื่อนของผมก็พอจะหาเงินได้บ้าง พอได้พูดคุยกับพวกเขา พวกเขาก็มาลงทุนด้วยน่ะครับ”
“…..”
เมื่อได้ฟังคำพูดถังเฉา หลินเจิ้นสงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่กลับตกอยู่ในภวังค์
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “เสี่ยวเฉา พ่อไม่ใช่คนโง่นะ เดิมทีมันก็ไม่ได้มีไมตรีจิตหรือโชคช่วยอะไรอยู่แล้ว บอกพ่อมาตรงๆว่าเรื่องทั้งหมดนี้ แกแก้ปัญหาคนเดียวอย่างนั้นเหรอ?”
ถังเฉาเงียบเป็นเวลานาน ก่อนจะพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ใช่ครับ”
“แล้วแกทำได้ยังไงกัน?”
ในครั้งนี้ ถังเฉาไม่ได้ตอบออกไป ตอนนี้ เขายังคงไม่สามารถให้ใครล่วงรู้ความลับของเขาได้
หลินเจินสงไม่ได้บังคับอะไร แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ไม่พูดก็ไม่เป็นไร พ่อแค่ลองถามดูน่ะ เอาจริงๆเลยนะ ถ้าต้องพูดความในใจ สำหรับพ่อแล้วถ้าเทียบกับฉ่ายเวย แกเปรียบเหมือนลูกชายของพ่อมากกว่า”
“ผมรู้ครับ” น้ำเสียงของถังเฉานั้นดูหนักอึ้งเล็กน้อย
“แกอยู่สบายดี พ่อก็วางใจ แต่ว่าไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรก็อย่าทำมันคนเดียวเลยนะ”
“แม้ว่าพ่อตอนนี้จะช่วยอะไรแกได้ไม่มากนัก แต่ฉันคือพ่อแก ฉันก็ควรที่จะกางร่มบังฝนให้แก ซึ่งพ่อจะทำมันให้อย่างแน่นอน”
“สุดท้าย พ่อมีสิ่งหนึ่งที่อยากจะขอแก…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลินเจิ้นสงก็ถอนหายใจออกมาอย่างเงียบๆและพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูกระอักกระอ่วนว่า “แกพอจะช่วยหาทางออกให้กับตระกูลหลินได้ไหม?”
“…..”
ถังเฉากำมือถืออย่างแน่น ไม่พูดอะไรออกมา
“พ่อรู้ พวกเขาเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวแก แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพูดยังไง พวกเขาก็ยังเป็นญาติของแกนะ อีกทั้งพวกเขาก็ถูกลงโทษตามสมควรแล้ว แก..ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”
เมื่อได้ฟังคำพูดที่จริงใจของหลินเจิ้นสงนั้น ถังเฉาก็หลับตาลง
หลินฉ่ายเวยนั้นเปลี่ยนฝั่งกลายเป็นศัตรู โจวเหม่ยหยุนเป็นคนใจร้ายคนหนึ่ง ส่วนหลินจ้องก็เป็นคนขายของเก่า โจวซูหัวก็เป็นคนชอบเยาะเย้ย…ใบหน้าที่น่าเกลียดของทุกคนในตระกูลหลินผ่านเข้ามาในความคิดของถังเฉา———ผ่านเข้ามาทีละคน ท้ายสุด ก็กลายเป็นหลินเจิ้นสงที่มาขอโทษจากใจจริงแทนพวกเขา
ถังเฉาลืมตาขึ้น และทุกอย่างก็หายไป
ถอนหายใจออกมาเบาๆ พ่อใจอ่อนเกินไป
“โอเคครับ” ถังเฉายอมทำตามสิ่งที่หลินเจิ้นสงบอก
“ขอบคุณนะ”
หลินเจิ้นสงนั้นรู็้สึกขอบคุณจากใจจริง
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ผู้จัดการของหลงเถิงก็ได้เรียกพนักงานคนหนึ่งมา
หลินฉ่ายเวยพนักงานระดับล่างถูกส่งไปเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคล
เมื่อได้ยินข่าวนี้ หลินฉ่ายเวยพนักงานระดับล่างที่ทำงานอยู่ที่สำนักงานก็ตกตะลึงในทันที
“พูดถึงใคร?ฉันเหรอ?” หล่อนชี้ไปที่จมูกของตน จนถึงตอนนี้หล่อนก็ยังรู้สึกไม่โล่งใจอยู่ดี
“ก็ใช่น่ะสิ”
ชายผู้รับผิดชอบในการแจ้งข่าวนั้นพูดอย่างเบาๆ “ตอนนี้คุณสามารถไปรายงานตัวที่ฝ่ายบุคคลได้แล้ว”
“ฮาฮาฮาฮา ดีเลย!”
ในที่สุดหลินฉ่ายเวยก็กลับมามีสติและหล่อนเลิกคิ้วพร้อมกับหัวเราะสองสามครั้ง
ความโกรธที่ฉันได้รับตลอดสองวันที่ผ่านมา ในที่สุดก็ได้ระบายออกมาซะที
“ดูเหมือนว่าท่านซ่งจะชื่นชมในตัวฉัน ถึงได้ให้ฉันย้ายกลับไป แถมยังให้ไปเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลอีกต่างหาก”
หลังจากที่หล่อนนั้นตื่นเต้นแล้ว หล่อนไปในมุมที่ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้ สีหน้าของหลินฉ่ายเวยก็ค่อยๆดูขมขื่นออกมา
“ได้เป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลสักที ตำแหน่งก็จะสูงกว่าพนักงานฝ่ายบุคคลอื่นๆ อีกทั้งยังสามารถตัดสินใจอีกว่าพนักงานคนไหนจะได้อยู่หรือไป คนที่รังแกฉันเมื่อสองวันที่ผ่านมานี้ ฉันจะทำให้พวกแกต้องเสียใจ”
“แล้วยังมีไอคนไร้ประโยชน์นั่นอีก…..”
เมื่อนึกถึงสายตาที่ถังเฉามองหล่อนเมื่อวานนั้น หลินฉ่ายเวยก็ได้กัดฟันกรอดๆด้วยความโมโห